คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : Youre my Moon ☽ :: 2 :: It's undeniable
อยากทำอะไรก็เชิญ
ก็เชิญได้เลยเถอะตามสบาย!!!
ร่างเล็กของนักเตะดาวรุ่งพุ่งแรงของสโมสรเดินหน้างอออกมาจากห้องของผู้บริหารสโมสร การเข้าไปคุยกันในครั้งนี้เป็นอะไรที่กดดันลู่หานมากยิ่งกว่าตอนเรียกสัมภาษณ์เข้าทีมเมื่อสมัยเอ๊าะๆซะอีก แม้รอยยิ้มบนใบหน้าของชายวัยกลางคนที่ใครๆต่างมองว่ายังดูหล่อเหลามีเสน่ห์ ผสมกับรอยยิ้มหวานๆปานน้ำตา(ไหม้) ของหญิงสาวที่รั้งตำแหน่งเลขาของผู้บริหาร แค่นั้นก็ทำให้ปากของเขาถูกรูดซิปปิดสนิท ชนิดที่เรียกว่าเอาชะแลงมางัดก็เปิดไม่ออก
มือเรียวยกขึ้นขยี้หัวตัวเองด้วยความหงุดหงิด การ(ถูกบังคับ)ไปออกสื่อไม่เคยทำให้ลู่หานรู้สึกแย่เท่านี้มาก่อนเลย เพราะอะไรน่ะหรอ? ก็เพราะการไปออกในครั้งนี้มันเป็นรายการ รายการเกือบจะเรียลลิตีตลอด 24 ชั่วโมง อันนี้ไม่เท่าไหร่... ลู่หานไม่ได้เครียดเลยซักนิด จะตามมาถ่ายตอนกำลังอาบน้ำด้วยก็ยังได้ แต่ไอ้รูปแบบรายการนี่น่ะสิ่ ฆ่ากันให้ตายยังดีซะกว่า!
‘ ลู่หานต้องทำได้อยู่แล้วล่ะ ผมเชื่อนะว่าดูคุณไม่ผิด’
ผิดครับ!!!
ผิดอย่างมากมายมหาศาลกันเลยทีเดียวครับ!!
‘ รายการนี้เป็นเหมือนแรงบันดาลใจให้กับคนดู ให้เค้าได้รู้ว่าไม่มีอะไรที่เป็นไปไม่ได้’
เดี๋ยวคนดูได้รู้แน่ครับ
ว่าไม่มีอะไรที่เป็นไปได้ทุกอย่าง!
‘ ทางนั้นเค้าก็จะจัดหาครูเก่งๆมาช่วยด้วย ลู่หานไม่ต้องห่วงเลยนะ’
แหม... ผู้ง่ายแต่มันทำยากนะครับท่าน
ลองมาลงสนามเตะบอลแทนผมดูซักนัดมั๊ยครับ
รับลองท่านจะไม่พูดคำว่า ‘ไม่ต้องห่วง’ อีกนาน!
‘ ถ้ายังไงถือว่าตกลงนะลู่หาน ^^’
อยากจะถามว่าไปตกลงตอนไหน(วะ)
แต่ก็ไม่กล้า...
ได้แต่พยักหน้ารับพร้อมรอยยิ้มแหยๆไปให้
งื้ออออออออออออออออ~
แค่คิดถึงสิ่งที่จะต้องทำในรายการนั้นก็ทำเอาอยากจะตะโกนร้อง ด่าให้ลั่นทางเดินเข้าหอพักของสโมสร ให้ลู่หานซ้อมตลอด 3 วัน 3 คืนแบบไม่ต้องหลับต้องนอนก็ยอม แต่ไอ้การไปทำเรื่อง ‘แบบนั้น’ ออกทีวีมันออกจะน่าอาย แถมเขาเองก็โคตรจะแย่ ทำได้ดีอย่างเดียวก็แค่เรื่องเตะบอล เรื่องอื่นๆเขาก็เหมือนเป็ดนั่นแหละ ว่ายน้ำได้ บินได้ แต่ไม่เก่งอะไรซักอย่าง... แค่คิดก็เพลียแล้ว
ลาพักร้อนได้มั๊ย ?
ลาออกไปต่างประเทศซัก 3 เดือนน่าจะดีกว่า ?
เอ๊ะ! หรือจะลาออกไปช่วยกิจการค่าเพลงของจุนมยอนดีกว่า
เอิ่ม... คิดว่าหายนะไม่ต่างจากการไปออกรายการ Let’s do it
ประตูห้องพักถูกผลักเปิดออกพร้อมกับลู่หานที่เดินเข้ามาในห้อง ทิ้งตัวล้มลงนอนบนเตียงชั่งล่างของตัวเองดังตึง ส่งผลให้เพื่อนรักที่นอนอยู่ด้านบนสะดุ้งโหยงเพราะเตียงที่สั่นสะเทือน อุทานเป็นคำด่าถวายไปให้เล็กน้อย ก่อนจะยืนหน้าลงมามอง เสียงถอนหายใจเฮือกใหญ่ทำเอามินซอกขมวดคิ้วนิดๆ อดแปลกใจไม่ได้ว่า มันมีอะไรน่าหนักใจกับการถูกป้อนงานในวงการบันเทิงที่น่าจะหรรษามาให้ เพราะเท่าที่จำได้ลู่หานก็ดูหรรษาดีกับการเป็นพรีเซ็นเตอร์เครื่องดื่มชนิดหนึ่ง ที่บนป้ายโฆษณามีเจ้าตัวยืนถือลูกบอลยิ้มแป้นแล้นประหนึ่งมีความสุขที่สุดในสามโลก อันไม่ได้เกี่ยวอะไรกับเครื่องดื่มนั้นซักนิด
“ เป็นอะไรวะ คราวนี้เค้าจะให้มึงไปเป็นพรีเซ็นเตอร์ถุงยางรึไงถึงได้ทำหน้าแบบนั้นอะ”
“ ถ้าเป็นอย่างงั้นได้ก็ดีสิ่”
“ คือกูล้อเล่น ช่วยปฏิเสธซักหน่อยเถอะมึงอะ หื่น!” มินซอกว่าออกมา เห็นนิ่งๆแบบนี้ แต่ลู่หานหื่นเงียบนะครับ จากการจัดอันดับความหื่นจากนักฟุตบอลสุดหล่อจากสโมสรโซลเอฟซีทั้งทีม ผลโหวตออกมาเป็นเอกฉันท์แล้วว่าลู่หานคนนี้ได้อันดับ 2 นะครับ นี่ไม่ใช่เล่นๆนะพูดเลย!
“ กูต้องไปออกรายการ Let’s do it”
“ เฮ้ยยยยยย! เดี๋ยวนะ... ไอ้รายการนี้ที่ล่าสุดน้องคริสตัลกูไปออกอะนะ”
“ เออ รายการนั้นแหละ”
“ โอ้โห เพื่อนกูดังแล้วเนอะ!”
“ กูไม่ได้ภูมิใจเลย ไม่อยากไปออกอะ”
“ รายการดีออก มึงไปออกอะดีแล้วๆ แต่รายการนี้มันต้องให้เราฝึกในสิ่งที่เราไม่ถนัดไม่ใช่หรอวะ ? เค้าคงไม่ได้ให้มึงไปเตะบอลโชว์หรอกมั้ง ?” คนตัวเล็กที่ตอนนี้เริ่มจะไม่ไหวกับการห้อยหัวลงมาพูดคุยเพราะเลือดตกลงมาเลี้ยงสมองมากเกินความจำเป็นก็จำใจต้องดึงตัวเองกลับขึ้นไปนั่งดีๆ ก่อนจะย้ายร่างของตัวเองลงมายืนเท้าเอวอยู่ข้างๆเตียง
รายการ Let’s do it เป็นรายการที่สร้างขึ้นในแบบของเรียลลิตีโชว์เกือบจะตลอด 24 ชั่วโมง โดยการจับเอาดารานักร้องหรือไอดอลคนดังมาทำในสิ่งที่ตัวเองไม่ถนัดหรือไม่เก่ง เพื่อให้ผู้ชมได้เห็นว่าต่อให้คนๆนั้นเก่งแค่ไหนก็ต้องมีสิ่งที่ตัวเองทำไม่ได้ และแน่นอนว่าพอมาเข้ารายการผู้ชมก็จะได้เห็นถึงความพยายามของผู้เข้าร่วมรายการในการพยายามทำสิ่งๆนั้นจนสำเร็จ ซึ่งเป็นการกระตุ้นให้ผู้ชมทำในสิ่งที่ตัวเองทำไม่ได้และมีใจรัก ก็เหมือนจะสื่อเป็นนัยๆ ไม่มีอะไรที่เป็นไปไม่ได้สำหรับฉัน~
หลังจากที่ได้คุยกันคร่าวๆกับผู้บริหาร ลู่หานก็รู้ว่าตัวเองไม่ได้ต้องไปเป็นพรีเซ็นเตอร์ถุงยางตามที่มินซอกพูด หากแต่กลับต้องทำในสิ่งที่ทำให้เขาอายมาจนถึงทุกวันนี้เพราะโดนหัวเราะเยาะมาแล้ว เขาต้องมองหาตัวช่วยดีๆซักคนในเรื่องนี้ และแน่นอนว่าไม่ใช่มินซอกแน่! แต่ตัวช่วยที่ดีกว่านั้นก็คงจะเป็นจุนมยอนซะแล้วล่ะ
“ ถ้าไปเตะบอลโชว์เค้าจะให้กูไปออกทำไมล่ะ โง่ป่าวมึงอะ!”
“ อย่ามาหลอกด่าครับคุณมึง”
“ ถ้าได้เตะบอลโชว์กูคงมานั่งถอนหายใจให้ตายเร็วขึ้นทำไมวะ ?”
“ ก็จริง... แล้วเค้าจะให้มึงอะไรอะ ?”
“ พูดแล้วห้ามขำกูนะ”
“ เออ สาบานด้วยเกียรติ์ของลูกเสือ” มินซอกยกนิ้วขึ้สามนิ้วขึ้นมาชูให้ดูว่าเขาบาน แต่อีกคนก็ไม่ทันได้เห็นมืออีกข้างที่อยู่ด้านหลัง นิ้วชี้และนิ้วกลางเกี่ยวกันเอาไว้อย่างหนาแน่น... ข้างหน้าสาบายก็จริง แต่ข้างหลังอิ๊บไว้แล้ว เผื่อเกิดเหตุฉุกเฉินไม่สามารถกลั้นหัวเราะเอาไว้ได้
“ เค้าจะให้กูไปเต้นโชว์”
ไม่มีเสียงตอบรับประมาณ 3 วินาที มินซอกรู้สึกได้ถึงอาหารถูกสตั๊นซ์ก่อนที่มันกำลังจะมา ลู่หานเองก็คงจะรู้เหมือนกันเลยขู่เพื่อนตรงหน้าซ้ำๆว่าอย่านะ แต่ดูเหมือนจะไม่ได้ผมเท่าไหร่นัก เพราะทันทีที่นิ้วสามนิ้วที่ยกขึ้นมาสาบานร่วมลงข้างตัว มินซอกก็ระเบิดเสียงหัวเราะออกมาซะดังลั่นห้อง ยกมือขึ้นกุมท้องเพราะมันฮาจนปวดท้องไปหมด
“ ไอ้มินซอก ไหนมึงบอกจะไม่หัวเราะกูไง!!!”
ขอโทษนะเพื่อน
อิ๊บไว้แล้วข้างหลัง แต่มึงไม่เห็นเอง
โอ๊ยตายห่า! ชีวิตนักเตะดาวรุ่งจะจบเห่ก็งานนี้แหละ
สงสารคนที่จะได้ดูจริงๆ
ไส้เดือนโดนน้ำร้อนลวก ยังไงมันก็เป็นไส้เดือนโดนน้ำร้อนลวกอยู่วันยันค่ำแหละ ฮ่าๆๆ!
.
.
.
.
.
ฮู๊ดด้านหลังถูกยกขึ้นมาคลุมศีรษะไว้จนมิด กลุ่มผมสีน้ำตาลนุ่มเคลื่อนลงมาปิดหน้าผากและช่วงคิ้วไปจนหมด ลู่หานยกนิ้วขึ้นกันแว่นตากันแดดอันใหญ่ที่ใส่มาด้วยให้เข้าที่เข้าทาง ไม่ได้เป็นการพรางตัวแต่อย่างใด เขาก็แค่ชอบและอยากจะแต่แบบนี้มันจะทำให้ดูเท่ห์ขึ้น(??) ก่อนจะออกมามินซอกบอกให้เขาเอารถมินซอกไปเพราะรถสปอร์ตลูกรักยังคงอยู่ในศูนย์เสริมหล่ออยู่ แต่เขาก็ปฏิเสธไป
ขาเรียวพาตัวเองก้าวเข้าตึกค่าเพลงยักษ์ใหญ่ของเกาหลีใต้ในขณะนี้ ด้านหน้ามีป้ายหินอ่อนอย่างหรูบรรจงเขียนว่า ‘XO Entertainment’ ตัวใหญ่ ด้านหน้ามีผู้คนที่ลู่หานคิดว่าคงจะเป็นแฟนคลับของคริสอู๋ เพราะแอบเห็นว่ามีป้ายเชียร์ในมือของหญิงสาวคนหนึ่ง กว่าจะแทรกตัวผ่านบรรดาแฟนคลับเข้ามาด้านในตึกมาได้นี่ก็ไม่ค่อยจะง่ายเลย เพราะมันเป็นจังหวะเดียวกับที่คริสอู๋กลับเข้าบริษัทมาพอดี
ลู่หานเอ่ยบอกว่าเขามีนัดกับจุนมยอน เจ้าหน้าที่ประชาสัมพันธ์ด้านหน้ายกยิ้มแล้วบอกทางไปยังห้องที่นัดหมาย เขาเดินไปเรื่อยๆ หันมองซ้ายทีขวาทีด้วยความแปลกตา ครั้งสุดท้ายที่เขาเหยียบเข้ามาในบริษัทแห่งนี้คือเมื่อประมาณ 10 ปีก่อนเห็นจะได้ เพราะต้องแสดงในงานวันแต่งงานของญาติผู้พี่อย่างอึนจีก็ทำให้ต้องมาซ้อมที่ตึกนี้ ตอนนั้นมากับจุนมยอนก็ยังคงเป็นนักเรียน ม.ปลายอยู่เลย เวลาที่ผ่านไปอะไรๆที่นี่ก็เปลี่ยนไปมากจริงๆ พัฒนาขึ้นจากเดิมเยอะจนน่าภูมิใจ
เสียงเพลงที่ดังออกมาจากห้องด้านในสุดทำให้ลู่หานอดที่จะพาตัวเองเดินเข้าไปใกล้ไม่ได้ ห้องอื่นๆดูเหมือนจะยังไม่มีการซ้อมอะไรทั้งนั้น ภายในตึกแต่ละชั้นจะแบ่งเป็นโซนอย่างชัดเจน และในชั้น 2 นี้ก็เป็นโซนของห้องซ้อมเต้นที่ลู่หานตั้งใจเลือกจะเดินมาดู เขาชอบดูคนเต้น ดูการเต้นมันเป็นศิลปะที่ดูเพลินๆ แต่ลู่หานคิดว่ามันไม่ใช่ทางของเขาเลย พิสูจน์ได้จากการเต้นเมื่อครั้งยังเป็นเด็กหนุ่มเอ๊าะๆ ที่ไปเต้นเป็นไส้เดือนโดนน้ำร้อนลวกในงานแต่งงาน ทำให้โดนมินซอกแซะมาจนถึงทุกวันนี้
“ อ้าว... พี่ลู่หาน!” ยังไม่ทันที่มือจะเอื้อมไปคว้าลูกปิดประตูเพื่อดันประตูที่แง้มไว้เล็กๆให้เปิดออก ลู่หานไม่ได้ตั้งใจจะทำอย่างนั้น แต่เพราะตอนที่เขาส่องกระจกหน้าห้องแล้วไม่พบใคร ใบหน้าใสหันไปตามเสียงเรียกส่งยิ้มหวาน ยกมือขึ้นโบกทักก่อนจะผละออกจากห้องนั้นไปหาลูกพี่ลูกน้องคนสนิท ผู้เป็นหนึ่งในผู้บริหารค่ายเพลงแห่งนี้
“ กำลังจะไปหาอยู่พอดีเลย แต่แอบเดินสำรวจบริษัทก่อนเลยช้า”
“ ผมก็ไม่ได้ว่าอะไรซักหน่อย ไปคุยกันที่ห้องผมเถอะ อีกไม่นานเด็กฝึกหัดกำลังจะกลับเข้ามาซ้อมกันอีกรอบ วุ่นวายแน่ๆ”
“ เออ... เมื่อกี้พี่เจอคริสอู๋ด้วยล่ะ”
“ อ่อ... วันนี้เค้าต้องเข้ามาซ้อมเพื่อแสดงโชว์ในงานประกาศผลรางวัลอาทิตย์หน้าน่ะ”
“ หล่อดีนะ..”
“ หือ ?”
“ หล่อเหมือนเมื่อก่อน”
“ ก็คงงั้นมั้ง...”
“..................”
“แต่เค้าไม่เหมือนเมื่อก่อนแล้ว... เอ้อ! ผมว่าเรารีบไปเถอะครับ พี่คงไม่อยากให้ใครมายืนโค้งตลอดทางแล้วต้องเกร็งไปทั้งตัวแน่ๆ” จุนมยอนเอ่ยบอกพร้อมทำท่าขนลุกขนพอง เขาไม่อยากอยู่ให้เด็กๆฝึกหัดต้องเกร็ง เพราะถ้าเกิดเจอกันจริงๆเจ้าพวกนั้นก็คงต้องโค้งเคารพเค้า 90 องศาแน่ๆ แล้วมันก็ไม่สนุกเอาซะเลยกับการที่มีเด็กยืนโค้งตลอดทางไปห้องทำงาน... ทั้งเขินทั้งเกร็ง
เพียงไม่นานทั้งสองคนก็มานั่งในห้องทำงานของจุนมยอน โซฟารับแขกกลายเป็นสถานที่ในการพูดคุยแทนที่จะเป็นโต๊ะทำงาน เพราะเจ้าของห้องต้องการความใกล้ชิดแบบเป็นกันเองระหว่างพี่น้อง โต๊ะทำงานทำให้ดูห่างเหตุ ลู่หานเองก็ตามใจตรรกะของลูกพี่ลูกน้องคนนี้ เขาเองก็ไม่ชอบที่จะไปนั่งคุยอะไรอย่างเป็นทางการกับคนในครอบครัวเหมือนกัน มันแปลกๆ...
“ รายการ Let’s do it เองเค้าก็ติดต่อมาทางผมแล้วแหละ แต่ผมยังตอบรับอะไรไปไม่ได้ เค้าบอกว่าต้องรอให้พี่ลู่หานตอบรับมาก่อน”
“ ทางสโมสรก็ตอบรับไปแล้วแหละ เอาจริงๆนะ พี่ไม่อยากไปออกเลย นายก็รู้ว่าพี่เต้นเก่งแค่ไหน”
“ ชนิดหาตัวจับยากเลยล่ะ การเต้นของพี่น่ะ”
“ ใช่มั๊ยล่ะ ? พี่ยังอยากเป็นนักฟุตบอลอยู่ ไม่อยากออกมาเป็นนักเต้นนะ”
“ ฮ่าๆๆ... แล้วพี่ลู่หานจะทำยังไงล่ะเนี่ย มีแต่ตายกับตาย”
“ พี่ก็เลยต้องมาขอให้นายช่วยนี่แหละ”
“ ครับ ?”
“ ช่วยหาครูสอนเต้นให้พี่หน่อยสิ่”
“ อันที่จริงทางรายการเค้าก็ติดต่อครูสอนเต้นไว้ให้พี่แล้วนะ”
“ ไม่สิ่ๆๆ... พี่อยากได้ก่อนจะไปถ่ายรายการ”
“ อืมมมมม เรื่องหาครูสอนเต้นน่ะไม่มีปัญหาหรอกพี่ แต่ทางรายการน่ะ...”
“ เอาหน่า... ถือว่าช่วยพี่นะ จุนมยอนน้องรัก นะๆๆๆ” ลู่หานเอ่ยพร้อมทำสายตาออดอ้อน จุนมยอนมองคนตรงหน้าอย่างขัดๆกับลุคเล็กน้อย พี่ลู่หานของเขาน่ะขี้อ้อน มีนิสัยเหมือนเด็กๆ ขัดกับไอ้ท่าทางแมนๆนั่นนิดหน่อย แล้วก็เป็นเขาทุกทีที่ไม่สามารถทนลูกอ้อนของคนตรงหน้านี้ได้
“ เฮ้อ เดี๋ยวผมลองดูให้แล้วกันนะพี่...”
“ จุนมยอน...”
“ หือ ?”
“ พี่อาจจะขอมากไป แต่ถ้าได้มันก็จะดีมากเลยนะ”
“ จะขออะไรอีกล่ะพี่ ?”
“ พี่อยากเรียนเต้นกับครูที่สอนคริสอู๋น่ะ”
จุนมยอนจ้องมองคนเป็นพี่ด้วยความรู้สึกมึนงง ไม่ใช่ขอมากไป... เขาเองก็ตั้งใจว่าจะจัดหาครูที่ดีที่สุดมาสอนลูกพี่ลูกน้องคนนี้อยู่แล้ว และก็เป็นคนเดียวกับที่จะจัดหาไปให้ทางรายการ เขารู้ว่าลู่หานไม่ได้ติดใจอะไรมากกับคริสอู๋ แต่ก็ไม่ค่อยเข้าใจว่าไปรู้จักกับคู่สอนเต้น หรือเห็นผลงานมาจากทางไหน จากคริสอู๋ ? เชื่อเถอะว่าลู่หานไม่มีทางได้ดูการแสดงของคริสอู๋แน่ๆ
แค่สอนพวกเด็กฝึกหัดก็แทบจะแย่แล้ว
นี่ต้องมาสอนพี่ลู่หานเพิ่มอีก
คุณครูจะทนไหวมั๊ยนะ ?
.
.
.
.
จงอินวาดมือออกข้างแล้วเคลื่อนไหวร่างกายไปอีกสเต็ปหนึ่งตามที่ตัวเองคิดเอาไว้ ดวงตาคมจ้องมองไปยังกระจกเงาตรงหน้า มองดูปฏิกิริยาและท่าทางของเด็กฝึกหัดทั้ง 4 คน ทุกคนทำตามเขาได้ดีหมด เว้นเพียงคนตัวเล็กแก้มยุ้ยที่ดูเหมือนจะทำได้ติดขัดเล็กน้อย แต่สุดท้ายก็สามารถทำตามท่าของเขาได้ คุณครูอมยิ้มน้อยๆเมื่อเห็นว่านักเรียนในชั้นคลาสดูจะมีความสุขเมื่อสามารถทำท่าตามเขาได้
เสียงเพลงดังขึ้นเมื่อเจ้าของคลาสต่อท่าให้กับลูกศิษย์จนจบเพลง จังหวะหนักๆของเพลงทำให้ต้องใส่อารมณ์และออกแรงในการเต้นอย่างมาก ถึงแม้ว่าเครื่องปรับอากาศภายในห้องจะทำงานอยู่อย่างเต็มประสิทธิภาพ แต่ก็ไม่สามารถจะลดระดับความร้อนจากการเต้นของทุกคนได้เลย เพราะตอนนี้สภาพของแต่ละคนมีแต่หยาดเหงื่อเต็มทั้งใบหน้าและร่างกาย คนที่ดูจะหนักสุดก็คงจะเป็นแบคฮยอน ที่ตอนนี้เริ่มหอบและทิ้งตัวลงนั่งก่อนที่เพลงจะจบเสียงด้วยซ้ำ
“ พี่แบคฮยอนอย่าอู้~” เด็กชายตัวขาวเอ่ยอย่างขบขันเมื่อเห็นว่าเด็กฝึกหัดร่วมคลาสเรียนทิ้งตัวนั่งแหมะกับพื้นอย่างหมดแรง
“ ไม่ไหว ไม่ไหว...”
“ ไม่ไหวอะไร นี่เพิ่งเต้นไปแค่รอบเดียวเอง”
“ ก็ใครมันจะไปถึกทนเหมือนนายล่ะเซฮุน”
“ เพราะพี่แขนขาสั้นต่างหาก เลยเหนื่อยเร็ว” จบประโยค เซฮุนก็ต้องรีบวิ่งหลบปาทาที่แบคฮยอนกำลังวิ่งไล่ถวายมาให้เขาอย่างไม่เหน็ดเหนื่อย เซฮุนหัวเราะ เอ่ยปากล้อว่าที่อย่างนี้ล่ะหายเหนื่อย
จงอินทิ้งตัวนั่งลงบนพื้นห้องซ้อมหากแต่ใบหน้ายังคงแต่งแต้มไปด้วยรอยยิ้ม การเต้นเป็นสิ่งที่ทำให้เขาเหนื่อยก็จริง แต่ก็ทำให้เขารู้สึกดีมากด้วยเช่นกัน ช่วงนี้เป็นเวลาพักของเด็กๆ วันเสาร์เป็นวันที่จะต้องซ้อมเต็มวันสำหรับเด็กฝึกหัด เวลาที่จ้องมองภาพของเด็กฝึกหัดพวกนี้มันทำให้เขาเหมือนมองเห็นเงาจางๆของตัวเองเมื่อตอนนั้น ตอนที่รู้ว่าตัวเองชอบอะไรและเริ่มต้นทำสิ่งนั้นอย่างจริงจัง
แต่ไม่มีอะไรที่ได้มาง่ายๆ...
ใช่! ทุกสิ่งบนโลกต้องผ่านความพยายาม
เราถึงจะมองเห็นค่าของมัน
และตอนนี้จงอินเองก็มองเห็นคุณค่ามากมายที่การเต้นสร้างให้กับเขา
เสียงหัวเราะปนเสียงบ่นอุบรวมไปถึงเสียงโหวกเหวกโวยวายที่ดังเข้ามาในโสตประสาทยิ่งทำให้เขายิ้มกว้างเข้าไปใหญ่ ในอนาคตเขาเองไม่อาจะรู้เลยว่าลูกศิษย์ของเขาจะเป็นอย่างไร บางคนอาจจะได้เป็นนักร้องชื่อดัง มีชื่อเสียงและแฟนคลับไปทั่วทั้งเอเชีย บางทีอาจจะเป็นบอยแบรนด์ชื่อดัง บางทีอาจจะผันตัวเองไปทำงานเบื้องหลัง เป็นคุณครูสอนเต้นเหมือนอย่างเขา เป็นคุณครูสอนร้องเพลงเหมือนอย่างคยองซู หรือบางที... ก็อาจจะหันหลังให้กับเส้นทางนี้โดยไม่นึกเสียดายเวลาเลยก็ได้
ทุกๆที่ ทุกๆประสบการณ์ที่เกิดขึ้นกับเรา เราเองก็ไม่มีทางจะรู้ได้เลยว่ามันจะดีหรือร้าย จงอินเองก็เคยถูกทาบทามให้ไปเดบิวต์เหมือนกัน แต่เขาเองเลือกที่จะปฏิเสธไป เขารักการเต้น แค่ได้เต้นก็มีความสุขแล้ว แต่ถ้าหากเขาเดบิวต์... เขาต้องทำอีกหลายอย่างเหลือเกิน หลายอย่างที่จะเป็นการบังคับใจเขาเอง รู้ตัวดีว่าไม่ชอบทำงานเบื้องหน้า ไม่ชอบวุ่นวายให้ใครต่อใครมาตัดสินชีวิต มาวิพากษ์วิจารณ์อะไรที่เป็นตัวเขาเอง
แต่เหมือนจะหนีไม่พ้นแล้วสิ่นะ...
‘ คือรายการ Let’s do it น่ะ เขาอยากจะให้คุณไปเป็นคนครูสอนเต้นให้แขกรับเชิญน่ะ’
จงอินไม่รู้ด้วยซ้ำว่าทำหน้าแบบไหนออกไปตอนที่ได้ยินว่าตัวเองถูกเชิญให้ไปออกรายการนี้ในฐานะครูสอนเต้นของแขกรับเชิญ ใช่ว่าตัวจงอินเองจะไม่เคยได้ออกสื่อ แน่นอน การเป็นครูสอนเต้นของคริสอู๋คนดังทำให้เขามีโอกาสได้ให้สัมภาษณ์ ได้ออกทีวีในช่วงระยะเวลาสั้นๆที่คริสอู๋ถ่ายทำรายการต่างๆ จงอินโอเคกับตรงนี้มาก คือแค่นี้ก็พอแล้ว
‘ นานเท่าไหร่หรอ... ก็คงซัก 3 เดือนน่ะ’
พอลองถามระยะเวลาก็ได้คำตอบที่แสนยาวนานกลับมา นั่นยิ่งทำให้จงอินไม่อยากที่จะทำเข้าไปใหญ่ การผูกติดกับใครซักคนเป็นเวลานานๆ ถ้าเข้ากันไม่ได้ตั้งแต่แรกก็จบข่าว เพราะต้องทนที่จะทำงานร่วมกันไปอีกตั้งหลายวัน จงอินไม่ใช่คนเรื่องมาก แต่ก็เลือกและเอาแต่ใจในสิ่งที่จะทำพอสมควร เขารู้ว่ามันไม่ดี แต่ถ้าทำแล้วไม่มีความสุขจะทำไปทำไมกัน ?
จงอินนั่งฟังถึงข้อมูลคร่าวๆของรายการ เขาเองเคยดูรายการนี้มาบ้างเพราะเด็กในค่ายที่เป็นลูกศิษย์ของเขาเองก็ไปออกรายการนี้มาหลายคน เป็นรายการที่ดี สร้างแรงบันดาลใจให้แก่ผู้ชมได้เป็นอย่างมาก แม้ใจจะอยากปฏิเสธแต่ก็ดูเหมือนว่าทางผู้บริหารจะอยากให้เข้าร่วมรายการด้วย เขาเองก็ได้แต่ตอบว่าจะขอคิดดูก่อน ไม่ค่อยมีใครขัดใจเขา แต่ก็ไม่ได้ตามใจเขาตลอดเวลาเช่นกัน รวมไปถึงครั้งนี้ด้วยเช่นกัน
‘ เราหวังการรายการนี้มากนะไค เพราะเป็นครั้งแรกที่เราร่วมลงทุน รวมถึงเปลี่ยนแปลงรูปแบบใหม่ ให้บุคคลที่มีความสามารถนอกจากวงการบันเทิงได้มาออก’
แปลกใหม่ดีมากเลยล่ะ จงอินเอ่ยถามไปอีกไม่กี่ประโยคก่อนจะขอตัวออกมาไปเตรียมห้องเรียนเพื่อการสอนเต้นให้กับเด็กฝึกหัด แม้ใจไม่อยากจะรับแต่ก็ทำไม่ได้จริงๆ จะขัดก็ไม่ได้คำตอบจากคำถามสุดท้ายที่เขาได้รับมาก็เป็นอันต้องเริ่มคิดหนักอีกครั้ง แค่เห็นความแตกต่างระหว่างความชอบ จงอินก็คิดว่ามันค่อนข้างจะยากซะแล้วสิ่
‘อ่อ... แขกรับเชิญน่ะหรอ เขาเป็นนักฟุตบอลน่ะ’
นักฟุตบอลกับการเต้น
มันก็ไม่ได้แปลกอะไรหรอกนะ
แต่ไม่รู้ทำไมเขาถึงรู้สึกแปลกๆก็ไม่รู้...
::~::~::~::~::~::~::~::~::~::~::~::~::~::~::~::~::~::~::~::~::~::~::~::~::~::~::~::~::~::~::
เห็นใครๆเขาบอกว่าคนน่ารักชอบเอาแต่ใจ~
กัมจงก็เอาแต่ใจนะ แถมอินดี้อีกต่างหาก
พี่ลู่ก็แอบเอาแต่ใจนะ แถมยังหื่นอีกต่างหาก
เป็นความเหมือนที่แตกต่างเนอะ ฮ่าๆ ><
ยังไม่ได้เจอกันหรอกค่ะ ยังหรอกค่ะ หึหึ
ขอบคุณที่อ่านมาจนถึงตอนนี้นะคะ
จะพยายามแต่งออกมาให้ดีที่สุดค่ะ
ปล. ไคลู่ หรือ ลู่ไค ถามอีกครั้งค่ะ ฮ่าๆๆๆ
ความคิดเห็น