คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : Youre my Moon ☽ :: 1 :: On my way
เราสองคนไม่ได้เป็นเหมือนเส้นขนาน
ที่ไม่อาจมาบรรจบกันได้
เราสองคนเป็นเหมือนเส้นทางเหนือใต้
เดินบนถนนคนละเส้นทางกัน…
“ สอง สาม สี่ ไป!” เสียงเข้มตะโกนดังลั่นห้องกระจกขนาดใหญ่ แข่งกับเสียงเพลงจังหวะเร็วที่ดำเนินไปเรื่อยๆ ร่างสูงสมส่วนผิวสีแทนเคลื่อนย้ายวาดลวดลายนำคนอื่นๆที่อยู่ทางด้านหลัง ความพลิ้วไหวของร่างสูงยิ่งเสริมความมีเสน่ห์ให้เพิ่มมากขึ้นอีกเท่าตัว หยาดเหงื่อค่อยๆไหลรินออกมาที่ไรผม เสียงปรบมือดังขึ้นทันทีที่เพลงจบพร้อมๆกับที่ร่างสูงกระทืบเท้าจบการเต้นด้วยท่าเท่ห์ๆที่เจ้าตัวออกแบบ
“ แฮ่กๆๆ...” เสียงหอบหายใจของผู้ร่วมเต้นเมื่อครู่ยังคงดังต่อเนื่อง หากแต่ร่างสูงที่อยู่ด้านหน้ากลับยกมุมปากยิ้มน้อยๆ
“ เซฮุนวันนี้เต้นได้ดีแล้วนะ จงแดช้าไป 2 สเต็ปนะ เทาลืมท่านิดหน่อย ส่วนแบคฮยอน...” ร่างสูงลากเสียงชื่อคนตัวเล็กที่ยังคงก้มตัวเอามือยันเข่าตัวเองเอาไว้ หอบหายใจจนตัวโยน ดวงตากลมค่อยๆช้อนขึ้นมามองครูสอนเต้นสุดหล่อเพื่อรอฟังว่าอีกฝ่ายจะพูดอะไร
“ จำท่าไม่ได้ ช้าไป 3 สเต็ป ติดๆขัดๆ... วันนี้อยู่ซ้อมต่ออีกซักชั่วโมงนะ”
“ ฮะครูไค...” แบคฮยอนเอ่ยรับเสียงอ่อย จริงๆก็ทำใจไว้แล้วแหละว่าจะต้องซ้อมเพิ่ม เพราะตลอดเวลาเกือบ 3 ปีที่ผ่านมานี้ตัวเขาเองก็ถูกสั่งให้ซ้อมเพิ่มมากกว่าคนอื่นตลอดเวลา เสียงดีแต่เต้นได้แค่สเต็ปอนุบาลหมีน้อย คงยากที่ทางค่ายจะให้เขาเดบิวต์
“ งั้นซ้อมอีกรอบ แล้วค่อยแยกย้ายกันกลับนะ” คุณครูเจ้าของคลาสเอ่ยพูดอีกครั้ง ก่อนจะหันไปกดปุ่มเล่นเพลงบนไอโฟน เสียงเพลงดังขึ้นอีกครั้งพร้อมๆกับการขยับกายอย่างพลิ้วไหวของร่างสูง จงอินอมยิ้มน้อยๆเมื่อเห็นว่าการเต้นในครั้งนี้ลูกศิษย์ทั้ง 3 คนที่อยู่ด้านหลังเต้นได้ดีมากขึ้น แม้แต่แบคฮยอนก็ดีขึ้นมาเล็กน้อย
“ กลับบ้านดีๆล่ะแบคฮยอน” จงอินหรือครูไคของนักเรียนเอ่ยขึ้นเมื่อเห็นว่าแบคฮยอนจัดการเก็บข้าวของๆตัวเองเรียบร้อย เตรียมตัวจะกลับบ้านหลังจากฝึกเต้นเพิ่มอีกชั่วโมงกว่าๆ
“ ฮะ... เจอกันพรุ่งนี้นะครูไค สวัสดีฮะ” ร่างเล็กหน้าตาจิ้มลิ้มก้มหัวให้ก่อนจะหันหลังวิ่งออกไปจากห้องซ้อมเต้น จงอินมองความเรียบร้อยรอบๆห้อง คว้าเอากระเป๋าสะพายคู่ใจพาดสายลงบนไหล่กว้างของตนเอง ผลักประตูให้เปิดออกก่อนจะพาตัวเองออกเดินไปจากห้อง
ดวงจันทร์สาดแสงอ่อนๆทำให้ท้องฟ้าในคืนนี้ไม่ได้มืดมิดมากนัก จงอินก้าวขายาวๆไปตามทางเท้า วันนี้เขาเองไม่ได้ขับรถมา อันที่จริงก็แทบไม่เคยได้ขับรถออกมาทำงานอีกเลยหลังจากได้ลองเดินกลับบ้านเอง การออกเดินทำให้เขาได้มองเห็นอะไรต่างๆมากมายที่แตกต่างออกไปจากเดิม ทั้งผู้คน ร้านค้า หรือแม้แต่ป้ายโฆษณาขนาดใหญ่ที่จำไม่ได้ว่าเปลี่ยนจากลี มินโฮดาราชื่อดังไปเป็นคริสอู๋ นักร้องที่กำลังมาแรงที่สุดในเอเชียตอนนี้เมื่อไหร่
คริสอู๋... อ๋า~ คิดถึงไอ้คนตัวแข็งคนนี้ซะจริง
ลูกศิษย์ที่เขาแสนจะภาคภูมิใจ
จงอินเดินมาถึงป้ายรถโดยสารที่ตอนนี้ผู้คนเริ่มจะบางตาลงมากแล้ว เพราะเลยเวลาเลิกงานของบริษัทต่างๆรวมไปถึงโรงเรียนทั้งประถมและมัธยม ดวงตาคมเหลือบมองป้ายโฆษณาที่ยกสูงขึ้นมาจากพื้น ส่องแสงสว่างอยู่ตรงหน้า ใครบางคนที่กำลังยิ้มมาอย่างมีความสุขมันทำให้เขาสนใจ ลูกฟุตบอลที่อยู่ในมือก็พอจะบอกได้ว่าคนตรงหน้ามีอาชีพอะไร และถึงไม่ได้บอกเขาเองก็พอจะรู้มาบ้าง
ก็นะ... ใครจะไม่รู้จัก ลู่หาน
นักฟุตบอลดาวรุ่งพุ่งแรง ตีคู่มากับคริสอู๋
เรียกได้ว่า ถ้าวงการเพลงมีคริสอู๋
วงการลูกหนังก็ต้องมีลู่หานคนนี้แหละ!
จงอินเองก็ไม่ได้เป็นคนบ้าฟุตบอลหรือคอบอลอะไรขนาดนั้น ชีวิตเขามีแต่การเต้น เต้นแล้วก็เต้น การได้อยู่กับลูกศิษย์ที่อาจจะอายุมากกว่า เท่ากันหรือน้อยกว่าก็มีความสุขดีแล้ว เขาไม่ใช่คนชอบเล่นกีฬาออกแดด เหตุผลหนึ่งก็คือเขามีผิวสีแทนสวยพอแล้ว ถ้าไปออกแดดอีกเกรงว่าอาจจะค่อนไปทางสีแทนเข้ม
“ โอ๊ย คือพี่ลู่หานหล่อไม่ไหวจะกรี๊ดแล้วนะ”
“ ใช่สิ่แก รู้มั๊ยว่าแข่งนัดที่แล้วนะ ขนาดเจ็บขายังทำประตูแบบหล่อๆไปได้ตั้ง 3 ลูกแหนะ”
“ จริง... ไม่ไหวแล้วนะ แข่งนัดหน้าฉันจะยอมสละค่าเครื่องสำอางอันเป็นที่รักไปซื้อตั๋วดูพี่ลู่หานคนหล่อของฉัน ><”
“ อ้าว ไหนแกบอกว่าจะไปดูมินิคอนเสิร์ตคริสอู๋กับฉันไง ?”
“ ก็แหม.. เฮ้ยๆ แต่ไม่ต้องคิดมากนะแก ฉันจะสละค่าช็อปปิ้งไปซื้อตั๋วคริสอู๋ไปดูกันแก สัญญาๆ”
จงอินได้แต่หัวเราะเบาๆ ฟังเด็กนักเรียนหญิง ม.ปลาย 2 คนที่ยืนถัดจากเขาออกไปคุยกัน ก็ไม่ได้อยากจะเสียมารยาทแอบฟังหรืออะไรหรอกนะ เพียงแต่ว่าได้ยินไปเอง บทสนทนาที่พูดถึงนักฟุตบอลดาวรุ่งกับนักร้องคนดังนั่นยิ่งทำให้น่าขำเข้าไปใหญ่ ท่าทางคริสอู๋จะมีคู่แข่งความนิยมต่างสาขาเข้าซะแล้ว หวังว่าอดีตลูกศิษย์ความนิยมจะไม่ตกลงเพราะคุณนักฟุตบอลที่ชื่อลู่หานนี่หรอกนะ
แปลกดีเหมือนกันนะ
สมัยนี้สาวๆ เค้าหันไปกรี๊ดนักกีฬาแทนนักร้องกันแล้วหรอเนี่ย ?
.
.
.
.
.
“ ปรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด!”
เสียงนกหวีดดังลั่นทำเอาคนที่กำลังนอนอยู่ถึงกับสะดุ้งเฮือก ทั้งๆที่มีประตูบานใหญ่กั้นขวางเอาไว้แท้ๆ แต่เสียงของนกหวีด(สยอง)ก็ยังบุกทะลวงอย่างหนัก ตามมาด้วยเสียงโอดครวญที่เริ่มจะดังขึ้นจากห้องข้างๆ ร่างบางที่นอนอยู่ชั้นล่างของเตียงนอนเลยต้องดึงตัวเองขึ้นมานั่งอย่าสติที่ไม่ค่อยจะครบนัก แสงแดดที่สาดส่องเข้ามาในห้องไม่ได้ทำให้สดใสขึ้นแม้แต่น้อย เพราะเขาเพิ่งจะนอนไปเมื่อตอนตี 3 ด้วยเหตุผลบ้าบอคอแตกของรุ่นพี่ในหอพักนักกีฬาประจำสโมสรแห่งนี้ แถมยังถูกปลุกตอน 6 โมงเช้าแบบนี้ด้วยอีก
“ โว๊ยยยยย เมื่อคืนกว่าจะหาเต่าเจอก็จะตี 3 แล้ว กูง่วงงงงงง!” เสียงตะโกนดังลั่นห้องและแน่นอนว่ามันไม่ออกไปถึงด้านนอก เนื่องจากเสียงนกหวีดยังคงดังเขย่าประสาทกันต่อไป ที่นอนดึกกันนี่ไม่ใช่เรื่องปกติอะไรทั้งนั้น เพียงแต่เพราะเมื่อคืนนี้เจ้าเต่าตัวน้อยของรุ่นพี่ในทีมหายไป สุดท้ายก็เลยต้องช่วยกันหาทั้งหอ ค้นมันหมดทุกห้องตั้งแต่ชั้นล่างสุดยันชั้นบนสุด เรียกว่าแทบจะพลิกตึกหากันเลยทีเดียว แต่มาเจออีกทีหนูเต่าน้อยตัวดีของรุ่นพี่ก็ไปนอนกินผักบุ้งอยู่ในแปลงผักสวนครัวด้านหลังหอพักอย่างสบายใจเฉิบ
รุ่นพี่เค้าปล่อยเต่าอดอยากใช่มั๊ย
มันถึงได้ต้องลงไปหาอาหารกินเองเนี่ย!!
“ ตื่นเถอะๆๆ... เดี๋ยวโดดซันนี่แหวกอกเอาไม่รู้ด้วยนะเว้ย”
“ อย่าเพิ่งพูดถึงเจ๊ กูหลอน... ขอนอนต่ออีก 5 นาทีนะ” ลู่หานลุกขึ้นยืนมองเพื่อนตัวดีที่ตอนนี้ทิ้งตัวลงนอนอีกครั้งพร้อมทั้งคว้าผ้านวมผืนหนาคลุมโปงหมายว่าจะได้หลับต่อ แต่แล้วเสียงประตูที่เปิดออกอย่างสุดแรงจนกระแทกกับกำแพงด้านหลัง พร้อมด้วยเสียงนกหวีดลากยาวไปถึงดาวอังคารก็ดังขึ้นอีกครั้ง พร้อมกับร่างบางของหญิงสาวผมสั้นสุดเปรี้ยวในชุดวอร์มปักตราสโมสร
“ ลู่หานเดี๋ยวเตรียมตัวไปวิ่งได้เลยนะ...” ซันนี่เอ่ยเสียงหวานพลางส่งยิ้มให้นักเตะดาวรุ่งของสโมสรที่พยักหน้ารับแล้วคว้าผ้าเช็ดตัวเดินหายเข้าไปในห้องน้ำ เธอค่อยๆเดินเข้าไปยืนข้างเตียง เขย่งเท้าเต็มความสูงให้นกหวีดที่คาบไว้ที่ริมฝีปากตรงกับบริเวณที่คาดไว้ว่าจะเป็นหู เพราะผ้าห่มที่คลุมเอาไว้ทำให้เธอไม่สามารถเห็นตำแหน่งที่ชุดเจน
แต่เจ๊ซันนี่ซะอย่าง ไม่มีพลาด!
“ ปรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด!”
“ โอ๊ยยยยยยยยยยยยยยยยยย อิเจ๊!!! ถ้าหูหนวกไปนี่รับผิดชอบด้วยนะ!!” มินซอกร้องเสียงดังลั่น ยกมือขึ้นปิดหูทั้งสองข้างเอาไว้แน่น พอเสียงนกหวีดเงียบลงก็สะบัดผ้านวมผืนหน้าเตรียมจะล้มตัวลงนอนอีกครั้ง แต่มันก็เป็นได้แค่ความคิด เมื่อซันนี่ไม่ยอมปล่อยให้มันเป็นแบบนั้นได้อีก มือเรียวฟาดเข้าที่หน้าผากเนียนเสียงดังแปะ ปรากฏรอยแดงน้อยๆพอให้นึกถึงเลือดฝาดที่อยู่ผิดที่ผิดทาง
“ ลุก!! เตรียมตัวไปวิ่ง!!”
“ ขออีก...”
“ จะขอให้ฟาดอีกที ได้เลยยย!!!” ซันนี่ง้างมือเตรียมจะฟาดลงไปแรงๆที่หน้าผากของนักฟุตบอลในการดูแลของตนเอง มินซอกเห็นว่าเขาคงไม่มีทางรอดจากการถูกทำร้ายร่างกายนี้ไปได้อีกแล้ว คนตัวเล็กก็เลยต้องรีบยันตัวเองให้นั่งแล้วทะลึ่งพรวดลงมายืนบนพื้นอย่างรวดเร็ว เป็นจังหวะเดียวกับที่ลู่หานออกมาจากห้องน้ำพอดี
“ กูอยากเปลี่ยนคนดูแล อิจฉามึง เจสสิก้าไม่เห็นจะบ่นอะไรเลย...” กระซิบให้เพื่อนฟังแต่ก็ไม่วายเหลือบสายตาไปมองหญิงสาวคนสั้นที่ตอนนี้กำลังส่งยิ้มอำมหิตกลับมาให้ ลู่หานได้แต่หัวเราะนิดๆกับความหรรษา(?) ระหว่างรูมเมทกับคนดูแล เป็นแบบนี้ทุกเช้านั่นแหละ
“ ถ้าเสร็จแล้วรีบตามลงไปนะลู่หาน” หญิงสาวเอ่ยบอกก่อนจะหันหลังเดินออกไปจากห้อง เดินทะลุทางเดินไปห้องตรงข้าม แล้วเสียงนกหวีดปรอทแตกก็ดังขึ้นอีกครั้งพร้อมกับเสียงโวยวายของผู้อยู่อาศัยผสมกับผู้บุกรุกตัวเล็กที่แสบทรวงยิ่งกว่าอะไรดี
บางทีเขาก็แอบคิดนะ
อยากจะเอานกหวีดไปซ่อน
เผื่อว่าจะได้ตื่นสายบ้าง
แต่คิดดูอีกทีถ้าอยากตื่นสายจริงๆ
คงต้องขโมยปากซันนี่ไปซ่อนแทนนกหวีด ^^
“ วิ่งๆๆ วิ่งเข้าไปให้ทะลุไปดาวอังคาร เย้! เหมือนเสียงนกหวีดที่ยืดยาว โย่ว! ยืดยาวของเจ๊ซัน ซะ ซะ ซะ ซันนี่ โย่ว! ขี้หูเต้นระบำ หูดับสนิท เย้! โย่ว! พวกเราโซลเอฟซี อารมณ์ไม่ดีเหมือนหน้าตา โย่ว! ถ้าอยากหน้าตาดี ไปถามเจ๊ซันนี่ว่าหมอศัลที่ไหนดี เย้! โย่ว!... โอ๊ย!!!”
ลู่หานหัวเราะออกมาเสียงดังเมื่อจบท่อนแร็ฟเพี้ยนๆที่เพื่อนสนิทอย่างมินซอกแต่งและร้องออกมาพร้อมๆกับเพื่อนๆในทีม แม้จะกำลังวิ่งมาตามทางเท้าริมถนนแต่เพราะจำนวนคนและเสียงที่ดังก็เรียกความสนใจจากผู้คนรอบข้างได้ไม่น้อย รวมไปถึงเสียงร้องโอ๊ยหลังจากที่มินซอกโดนฝ่ามือเจ๊ซันนี่พิฆาตมาร(ท่าไม้ตายที่ทุกคนในการดูแลของซันนี่ลงมติว่าให้ใช้ชื่อนี้) ฟาดลงไปที่กลางหลังดังอั๊ก
“ หลังหักลงเล่นไม่ได้ทำไงเนี่ย!”
“ ง่ายๆ ไล่ออกเลย! จะยุให้ผู้บริหารเปลี่ยนให้ตัวสำรองมาเล่นแทน!”
“ อยากเปลี่ยนคนดูแลๆๆๆๆ” มินซอกโอดโอยพร้อมกับชะลอฝีเท้าลงมาอยู่ข้างๆรูมเมทของตัวเองที่ตอนนี้กำลังวิ่งอยู่ข้างผู้จัดการสาวของทีมอีกคน ใบหน้าสวยของเจสสิก้าเรียบเฉยหากแต่ก็มีอมยิ้มน้อยๆที่มุมปากตามแบบฉบับเจ้าหญิงน้ำแข็งของโซลเอฟซี
“ ส่งเรื่องไปทางผู้บริหารสิ่” ลู่หานตอบ
“ แหม... พูดง่ายเลยนะ”
“ ก็ไม่ยากนะ”
“ เออสิ่ มึงน่ะลอยตัวแล้ว มีเจสสิก้าคอยดูแลน่ะ”
“ ก็ธรรมดา สบายๆ เนอะๆ เจสสิก้า” คนถูกพาดพิงไม่ได้ตอบอะไร เจสสิก้าทำเพียงแค่ส่งยิ้มน้อยๆไปให้ พลางส่ายหน้าเมื่อเห็นว่าสองเพื่อนรักกันลังวิ่งไล่เตะกันเมื่อจบบทสนทนากวนประสาทนั้น ลู่หานยิ้มกว้างและมันก็เผื่อแผ่ไปให้กับผู้คนที่ได้พบเห็นทุกคน
“ สิก้า... อย่าลืมบอกลู่หานเรื่องรายการ Let’s do it นะ ทางนู้นเค้าต้องการคำตอบ”
“ อืมๆ”
“ ทางผู้บริหารเค้าตกลงมาแล้วด้วย ยังไงลู่หานก็คงต้องไปออกอะแหละ” ซันนี้เอ่ยบอกในขณะที่หยุดพักการวิ่ง เจสสิก้าไม่ได้ตอบอะไรอีก เธอเพียงแค่พยักหน้ารับ จ้องมองไปยังคนในดูแลที่ตอนนี้กำลังลุกนั่งอยู่กับมินซอก ลู่หานดังมากขึ้นเรื่อยๆ ตลอดทางที่วิ่งผ่านมาก็แอบเห็นว่ามีเด็กนักเรียนหญิงสาว รวมทั้งชายไม่น้อยที่ยกมือถือขึ้นมาถ่ายรูปนักเตะดาวรุ่งของทีม ยิ่งดังมากขึ้นเท่าไหร่ลู่หานก็มีงานเยอะมากขึ้นเท่านั้น แต่มันไม่ใช่งานทางด้านการเตะฟุตบอลแบบที่ลู่หานถนัดน่ะสิ่
งานออกกล้อง มันก็เหมาะสำหรับดารานักร้อง
แต่ไม่น่าจะใช่สำหรับนักฟุตบอลแบบลู่หาน… มั้ง ?
ลู่หานเหลือบมองป้ายโฆษณาขนาดใหญ่ที่อยู่ฝั่งตรงข้ามของถนน ยิ้มขำเมื่อเห็นหน้าตัวเองกำลังยิ้มแป้นแล้น ในมือถือเอาลูกฟุตบอลกลมๆเอาไว้ จำได้ว่าตอนนั้นคัดค้านไม่อยากจะไปเป็นพรีเซ็นเตอร์อะไรทั้งนั้น แต่เพราะถูกบังคับ เอาจริงๆต้องบอกว่าทางผู้ใหญ่ขอมาก็แล้วกัน เขาเลยจำเป็นต้องไปถ่ายโฆษณารวมทั้งเซ็นต์สัญญาเป้นพรีเซ็นเตอร์
การออกกล้องสำหรับนักฟุตบอล ก็หวังว่าจะได้ออกตอนอยู่ในสนามหรือไม่ก็ตอนที่เตะลูกเข้าประตูไปได้นั่นแหละ เคยมีอคติกับอะไรพวกนี้มาตลอด แต่พอได้ลองไปทำดูแล ลู่หานเองก็ชอบอยู่ไม่น้อย แต่มันก็ดูจะไม่ใช่แนว
นักฟุตบอลจะไปออกกล้องบ่อยๆทำไมกันล่ะ
จริงมั๊ย ??
“ คริสอู๋นี่โคตรดังอะ เพลงเพราะด้วย แถมเต้นเก่งสะบัดเลย” เสียงคนข้างตัวทำให้ลู่หานผละสายตาออกจากหน้าตัวเองหันไปมองตามสายตาของมินซอกที่กำลังมองรูปผู้ชายผมทองในป้ายโฆษณาใหญ่บนตึกสูง
“ เต้นสะบัด ?”
“ ไม่ได้หมายถึงเต้นสะดิ้งนะอย่าเข้าใจผิด”
“ เต้นสะดิ้ง ?”
“ เออ ช่างแม่งเหอะ นี่มึงกวนประสาทกูรึป่าวเนี่ยลู่หาน”
“ ก็กูงงคำพูดมึงนี่หว่า...”
“ คนนี้นะมาคู่กับมึงเลย ความนิยม ความดังในตอนนี้อะ”
“ หือ... กูไม่ได้จะไปแข่งกับเขาดังซะหน่อย”
“ เชื่อกูนะ ถ้ามึงไปออกเทปนะ รับรองเลย ร้อยเอาบาทนึง มึงดังพอๆกับคริสอู๋แน่ มึงไปลาออกจากทีมแล้วไปเป็นนักร้องเถอะ”
ลู่หานส่ายหน้ากับความคิดของเพื่อนตัวเอง มินซอกอาจจะลืมไปแล้วมั้งว่าปัจจัยสำคัญของการเป็นนักร้องน่ะมักมีอะไรบ้าง เสียงดี... อันนี้ลู่หานก็พอไปวัดไปวา ติดจะเพราะกว่าคนอื่นๆในทีมอยู่ไม่น้อย หน้าตาดี... ข้อนี้ไม่รู้ว่าจะพูดอะไรยังไงดี จะให้มาชมตัวเองว่าหน้าตาดีก็กระดากปาก แต่เอาเป็นว่าหลายๆคนก็บอกว่าเขาเป็นคนหน้าตาดี เต้นเก่ง... นี่แหละปัจจัยสำคัญเลย!
“ มึงก็รู้อยู่ ค่ายเพลงเค้าไม่เอากูไปเป็นนักร้องหรอก”
“ ทำไมวะ เสียงมึงก็ดี หน้าตาก็พอใช้ได้ หล่อน้อยกว่ากูไปประมาณเศษ 2 ส่วน 4”
“ แต่กูเต้นได้เลวร้ายมาก!”
มินซอกหัวเราะก๊ากออกมาทันที ไม่ใช่เพราะคำตอบแต่เป็นเพราะภาพการเต้นของลู่หานนั้นลอยเข้ามากระแทกโสดประสาท เหมือนเทปม้วนเก่าถูกนำขึ้นมาฉากซ้ำอีกรอบ งานแต่งงานของลูกพี่ลูกน้องนามว่าคิม อึนจี ซึ่งเป็นลูกสาวของค่ายเพลงยักษ์ใหญ่ของเกาหลี แน่นอนว่าเป็นถึงค่ายเพลงการแสดงจะน้อยหน้าได้ยังไง แต่ที่ไม่น้อยหน้าก็คงจะเป็นเพราะการแสดงจากญาติๆ ตอนนั้นเขาจำได้ดีว่าขำจนปวดท้องกับการเห็นลู่หานไปยืนเต้นอยู่บนเวทีกับบรรดาญาติๆรุ่นราวคราวเดียวกัน
“ เออ กูรู้แล้วทำไมบ้านมึงเค้าถึงส่งมึงมาเอาดีทางด้านกีฬา”
“ ไม่เกี่ยวกันซะหน่อย กูชอบของกูต่างหาก”
“ แหม... แค่เข้าไปในค่าย บอกจุนมยอนไปว่าอยากออกเทป ขี้คร้านจุนมยอนจะให้คนแต่งเพลงให้อัดเสียงวันนั้นเลย”
“ ตลกและ...”
“ เผลอๆนะจุนมยอนจะรีบจัดหาครูมาสอนเต้น เตรียมให้มึงเดบิวต์อย่างรวดเร็ว”
“ เพ้อเจ้อแล้วมึงอะ”
“ เอาครูสอนเต้นคนเดียวกับที่สอนคริสอู๋เลยนะ ทีนี้มึงได้เกิดอะ!”
ดวงตากลมเหลือบมองเพื่อนสนิทที่ยังคงพล่ามแผนการออกเทปของเขาออกมาอย่างไม่ยอมหยุดไปตลอดทางกลับสโมสร ลู่หานไม่ได้ไม่ชอบการร้องรำทำเพลง กิจการบ้านญาติของเค้าก็เป็นถึงค่ายเพลงยักษ์ใหญ่ที่ทรงอิทธิพลต่อเกาหลีใต้มากที่สุด แถมยังมีนักร้องดังที่ทำชื่อเสียงไปทั่วเอเชียอีกด้วย ให้ทำก็ได้แต่ก็ไม่ชำนาญขนาดนั้น
การเต้นก็เหมือนกัน
ลู่หานชอบนะ
แต่ทำได้ไม่ดีเอาซะเลย...
งานแต่งงานครั้งนั้นหลังจากที่ลงมาจากเวที ลู่หานก็แทบอยากจะหายตัวไปจากตรงนั้นอย่างรวดเร็ว พี่อึนจีลูกพี่ลูกน้องผู้เป็นเจ้าสาวถึงกับรีบวิ่งมารวบตัวเขาเข้าไปกอด ก่อนจะผละออกมาหัวเราะเสียงดังลั่นชนิดที่เรียกว่าเจ้าสาวไม่ควรทำ(เพราะเธออ้าปากกว้างเสียเหลือเกิน) เอ่ยชมการเต้นที่ทำให้คนทั้งงานมีเสียงหัวเราะ เขาก็คิดอยู่ว่ามันน่าภูมิใจตรงไหน เครียดอยู่ซักพัก ก็ต้องเครียดมากกว่าเดิมเมื่อมินซอกหัวเราะร่าเข้ามาหาก่อนจะพูดประโยคที่ทำให้ลู่หานไม่อยากเต้นอีกเลย
‘มึงไปทำอะไรบนเวทีวะ แม่ง... อย่างกับไส้เดือนโดนน้ำร้อนลวก’
เจ็บปวดมาจนถึงวันนี้
หรือบางทีอาจจะต้องให้จุนมยอนหาครูสอนเต้นมาช่วยสอน
เผื่อจะลบคำสบประมาทจากไอ้เพื่อนหน้ากลมนี่ได้บ้าง!
::~::~::~::~::~::~::~::~::~::~::~::~::~::~::~::~::~::~::~::~::~::~::~::~::~::~::~::~::~::~::
คริสอู๋เต้นสะบัด ? ไม่ใช่เต้นสะดิ้ง ??? เอ๊อะ!!
รู้สึกถึงพลังความแมนกับความแมนมาเจอกัน
จากไคลู่ อาจจะเปลี่ยนเป็น ลู่ไค แอร๊ยยย 5555
ฝากเรื่องนี้ด้วยนะคะ ติชมกันได้เต็มที่ค่ะ ขอบคุณมากๆนะคะ ^^
ความคิดเห็น