คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : นางเงือกและโจรสลัดไม่ใช่เทพนิยาย ::บทนำ::
นางเงือกและโจรสลัดไม่ใช่เทพนิยาย.....
.
.
.
“ทะเล มหาสมุทร”
เมื่อเอ่ยถึงคำๆนี้แล้ว พวกคุณนึกถึงอะไรกัน? ทะเลสีคราม หนุ่มสาวในชุดว่ายน้ำ สัตว์น้ำทะเลหลากหลาย ฯลฯ นั้น..คือความคิดที่คน”ส่วนใหญ่”ชอบคิดกันนะ แต่ก็คงยังมี”ส่วนน้อย”ที่คิดอีกแนวคิดเมื่อเอ่ยถึงคำๆนี้นั้นก็คือ.....ปลาลึกใต้ทะเลที่มีรูปร่างแปลกตา ความแปลกใหม่ของใต้ท้องทะเลลึก รึไม่ก็....สัตว์ที่ไม่เคยพบเห็นมีแต่ในเทพนิยายหรือเรื่องเล่า อย่างน้อยๆก็คงต้องมีคนคิดนั้นแหละ ไม่แน่พวกคุณที่กำลังนั่งอ่านอยู่สมัยเด็กๆอาจจะเคยคิดหรือถามพ่อแม่ก็ได้นะขณะกำลังเดินทางไปยังท้องทะเลสีครามว่า
“พ่อคะ?....ทะเลเนี่ยมีนางเงือกไหมคะ”
“ทะเลมีสัตว์ประหลาดไหม?”
อ้อใช่แล้ว.....นางเงือก หนึ่งในตำนานของชาวทะเลและคนอื่นๆที่คงรู้จักกันนะ “นางเงือก” สิ่งมีชีวิตรูปร่างคล้ายมนุษย์แต่มีท่อนร่างเป็นปลา ว่ากันว่าอยู่ใต้ทะเลลึก มีใบหน้าที่งดงามชวนให้หลง มีเสียงอันไพเราะน่าฟังจนสามารถทำให้เรือล่มได้.หรือไม่ก็อีกเรื่องที่คงเป็นอีกหนึ่งตัวละครที่น่าจดจำของนิยายเรื่องที่ผมกำลังแต่งคือ “โจรสลัด” กัปตันเรือโจรสลัดผู้ที่สวมชุดสุดเท่สีแดง มีผ้าปิดตาข้างหนึ่งเอาไว้ ขาข้างหนึ่งเป็นท่อนไม้เพราะคงโดนฉลามกินไป มีนกแก้วจอมกวนเกาะอยู่ตรงบ่า มีเรือโจรสลัดขนาดอลังการที่ดูน่าเกรงขามรและยังมีสมบัติแวววาวมากมายอยู่ในหีบห้องเก็บของ
.
.
.
แต่นั้นคงเป็นได้แค่เรื่องเล่าเพราะหากเราย้อนมาดูสมัยนี้คงไม่มีแล้ว เรือโจรสลัดสุดอลังการนั้น คงมีแต่พวกที่ชอบไปดักปล้นเรือน้อยที่ผ่านไปมายังทะเลต่างๆเพื่อค้าขายเท่านั้น ส่วนนางเงือก? ก็คงได้เป็นแค่ตำนาน เพราะไม่มีใครรู้? ไม่มีใครเห็น? ไม่มีใครทราบว่าอยู่ไหนกัน อาจจะไม่ใช่ทะเลลึกก็เป็นได้จริงไหม? แล้วเราก็ยังไม่รู้ด้วยว่าทำไมถึงมีตำนานเรื่องเล่าเกี่ยวกับคนมีหางออกมาได้? และนั้นยังคงเป็นปริศนาต่อไป เพราะมันยังคงเป็นแค่เทพนิยาย....ใช่เทพนิยาย
แต่คงไม่ใช่สำหรับที่แห่งนี้ ดินแดนที่เต็มไปด้วยความแปลกประหลาดเกินจริง เกาะที่แสนจะใหญ่โต มีสัตว์แปลกๆมากมาย ผู้คนแต่งตัวตามสมัยยุโรปโบราณ แถมที่นั้นยังมีสิ่งที่เรียกได้ว่า “โจรสลัดของจริง” ตัวเป็นๆรออยู่ อย่าถามนะว่าแล้วนางเงือกละ? มีจริงไหม ขนาดโจรสลัดยังมีนับประสาอะไรกับนางเงือกละ ต้องมีสิ มีอยู่ลึกมากๆด้วย.....
เกาะแห่งนี้แทบจะว่าเหมือไปตั้งอยู่นอกโลก คงคล้ายๆกับการ์ตูนอนิเมชั่นเรื่องหนึ่งของค่ายการ์ตูนยักษ์ใหญ่อย่างดิสนีย์ คือ “ปีเตอร์แพน” อยากจะบอกว่าเกาะแห่งนี้ก็คงคล้ายๆกับเกาะเนเวอร์แลนด์ก็เป็นได้...เกาะแห่งนี้ไร้ซึ่งชื่อแล้วแต่คนจะเรียกกัน แล้วยังมีหมู่เกาะรอบๆอยู่ด้วย ทั้งเกาะกินคน เกาะสีดำไร้ซึ่งแสง นี่ก็พอบรรยายมาได้ให้ทุกท่านได้จินตนาการเรียบร้อยแล้วงั้น....ผมจะพาทุกคนไปยังก้นบึ้งแห่งท้องทะเลที่ๆแสงส่องไม่ถึงแล้วกันนะ.....
.
.
.
.
ลึก
.
.
.
ลึกกว่านี้.
.
.
.
ลึกลงไปอีก
.
.
..
จนไร้ซึ่งแสงจากเบื้องบน
ท้องทะเลที่ไร้ซึ่งแสงใดๆเปรียบเสมือนกับเราเอามือมาปิดตาจนสนิทก็เป็นได้ ปลาเล็กใหญ่ในที่นี้ส่วนใหญ่ล้วนแต่ตาบอดใช่...ต่อให้มองเห็นก็เหมือนมองไม่เห็น แต่ก็ยังมีบ้างปลาบางตัวที่มีแสงในตนเอง.......
.
.
วูบ
.
.
สถานที่ๆอยู่ห่างจากพื้นดินที่ซึ่งไร้ซึ่งแสงใดๆจากเบื้องบน จู่ๆก็ปรากฏสงสีนวลขาวส่องสว่างวาบ แสงนั้นค่อยๆกระจายไปตามที่ต่างๆทำให้ที่ที่ควรมืดกลับสว่างออกมาอย่างไม่น่าเชื่อ.....ทำให้ได้เห็นบรรยากาศรอบๆ ทั้งปะการังที่กำลังพลิ้วไหว ปลาที่วายไปมา....และที่น่าแปลกไปกว่านั้น....ใบหน้างดงามหวานหยดแต่หากมองดูดีๆแล้วก็จะพบว่าท่อนล่างนั้น เป็นหางปลาที่มีสีสดใส....ใช่นี่แหละ เงือก.....
เงือกจำนวนมากกำลังพากันออกมาจาก โขดหิน ปะการัง เมื่อแสงส่องหมดทุกอาณาเขตแล้ว แถวๆนี้ก็เริ่มปรากฏปลาและสัตว์น้ำอื่นๆมากขึ้น คงมีคนสงสัยสินะว่าแสงนี่มันคืออะไร? หลายๆคนคงรู้จักการ์ตูนเจ้าหญิงเงือกสินะ เรื่องนั้นจะมีปลาหมึกที่จำชื่อไม่ได้สามารถปรุงยาและมีเวทย์มนสินะ ที่นี่ก็เหมือนกัน แต่เป็นเงือกโรคจิตกระมั้ง.....
ตอนนี้เงือก ทั้งชายและหญิงกำลังออกมากันเต็มไปหมด ทุกคนแต่งกายด้วยผ้าหลากสี นางเงือกนั้นไม่ได้ใส่เปลือกหอยหรือโป้ตามที่ทุกๆคนคิดแต่เป็นคล้ายๆผ้ามาปกปิดเอาไว้ มีเครื่องประดับมากมายสวมอยู่ มีปลาดาวหรือดอกไม้ทะเลตกแต่งทำให้ใบหน้าของแต่ละคนงดงามทีเดียว ส่วนผู้ชายนั้นท่อนบนก็ไม่มีอะไรใส่ ต่างพากันโชว์กล้าม บนคอก็ประดับไปด้วยเปลือกหอยต่างๆ....ยามนี้รู้สึกว่าจะถูกจัดไปด้วยดอกไม้ เปลือกหอย ปลาดาว ฯลฯ เต็มไปหมด หรือว่ามีงานอะไรกัน? แต่ถ้าสังเกตดูก็จะเห็นว่าตามโขดเห็นที่ถูกตกแต่งอย่างสวยงาม มีกระดาษแผ่นขนาดใหญ่แปะอยู่ เขียนด้วยตัวหนังสือแสนอ่านยากสีทองที่คงเป็นภาษาเงือกว่า
“ยามราตรี เมื่อถึงเวลาสีแสงนวลส่อง ให้เตรียมตัวพบกันที่ “เอทาเรีย” เพื่อเป็นงานฉลองเรื่องเริง ครบ 3 ปี ของเจ้าชายและหวังว่า งานครั้งนี้จะปรากฏรอยยิ้มนั้น.....”
อืม...เท่าที่อ่านๆมาน่าจะเป็นงานวันเกิดนะ แถมยังเป็นคืนนี้ด้วย งั้นไปดูสถานที่ๆเรียกว่า “เอทาเรีย” เลยดีกว่า
.
.
..
ณ ปราสาทเอทาเรีย
ปราสาทสีเขียวอ่อนที่ทำมาจากผลึกได้ทะเลส่องแสงแวววาว ปราสาทขนาดใหญ่ที่ตั้งอยู่ศูนย์กลางของเหล่าเงือก ผู้ปกครองแห่งนี้คือ เทพ โพไซดอน...เทพแห่งท้องทะเล เทพที่สามารถควบคุมน้ำได้ มีสามง่ามสีทองขนาดใหญ่เป็นอาวุธ กำลังนั่งอยู่บนเก้าอี้ขนาดใหญ่ สายตาทอดมองไปยังเงือกที่กำลังทำหน้าที่จัดปราสาทให้สวยงามเหมาะกับเจ้าชาย ปลาเลืองแสงหลากสีกำลังว่ายกันอย่างเป็นระเบียบเป็นครั้งสุดท้ายก่นอีกไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้า ทุกคนในที่นี้ต่างมีความสุขแต่คงยกเว้นเจ้าของงาน...
ชั้นสองของปราสาท เอทาเรีย ยังห้องๆหนึ่งที่ตอนนี้กำลังผูดคุยกันอยู่แล้วหนึ่งในผู้ร่วมสนทนานั้นคือเจ้าชายเจ้าของงานวันเกิดนั้นเอง
“เอ๋....? นายอายุ 30 แล้วหรือเนี่ยไม่น่าเชื่อเลย อายุขนาดนี้แล้วแต่หน้าตายังเหมือน 20 กว่าๆเอง? หรือว่านายได้พลังจากท่านโพไซดอนมาด้วย ขี้โกงอะ” หญิงสาวคนเดียวในกลุ่มเอ่ยขึ้น ผมสีน้ำตาลหนามัดรวบพลิ้วไปตามแรงของน้ำ หางสีเขียวเข้มว่ายไปมา กำลังทำหน้าตาเบื่อโลก มือที่กำลังถือขวดยาสีม่วงๆน่าสยองอยู่โบกไปมาเหมือนต้องการให้มีคนโดนยที่เพิ่มถูกปรุงขึ้นมาใหม่ ใช่...เธอคนนี้แหละยัยโรคจิตที่พูดถึงก่อนหน้านี้
“อย่าล้อเจ้าชายของเราสิ ฮันซี่...ถึงเขาจะอายุขนาดนี้แล้วแต่ก็สาวตรึมเลยนะ ฮะๆ “ หนุ่มหน้าหล่อ ผมสีทองแบบ 7:3 ที่ตอนแรกๆก็เป็นคนห้ามศึกก็อดแซวไม่ได้ ร่างกายกำยำที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามมีเพียงแค่ผ้าสีขาวที่ปกปิดตรงไหล่อยู่เท่านั้น หางสีน้ำเองแกว่งไปมา ดวงตาที่ดูเป็นมิตรมองไปยังเจ้าชายของตนเองไม่ได้คิดแล้วคิดอีกว่าอย่างที่เพื่อนสาวพูดก็ไม่ผิด ก็จริงนี่ อายุ 30 ปี แต่ยังมีทั้งเอกสาวเงือกหนุ่มมองด้วยสายตาเหมือนจะงาบไปกินตลอดเวลา
“พวกแกจะเลิกผูดเรื่องไร้สาระได้ยัง?...คนที่น้องฟังคำนินทาที่เกี่ยวกับตนเองเอ่ยออกมาช้าๆ ด้วงตาคมกริบมองไปยังทั้งสองทำให้รู้สึกเสียววาบ
“เจ้าชายรีไวล์” เจ้าชายเงือกมาดเย็นชา ทรงผมแสกกลาง ดวงตาแสนเยือกเย็น คิ้วที่ขมวดกันมุ่นตลอดเวลา ร่างกายที่ดูเล็กแต่ทว่าเต็มไปด้วยกล้ามเนื้อ หางปลาสีฟ้าท้องทะเลแกว่งนิดๆอย่างไม่ค่อยชอบใจ ก่อนจะเหลือบไปมองตนเองในกระจก เวลานี้เขาแต่งตัวแค่ผ้าสีขาวขอบทองที่พาดอยู่ระหว่างบ่าทั้งสอง ปล่อบชายผู้ยาวลงมา มือหนาคว้าเอากำไลสีทองที่มีตรารูปสามง่ามอยู่ขึ้นมาใส่ไว้ ดวงตาคมกริบที่ไม่มีความดีใจกับงานวันเกิดตัวเองทอดมองเงาตัวเองในกระจก เพื่อนสนิททั้งสองเห็นว่าอีกคนเงียบไปก็ค่อยๆส่ายหน้าช้ายๆ มือของหญิงสาวจับไหล่ของเจ้าชายแห่งเทพแล้วบีบเบาๆ
“รีไวล์....นายคงตัดสินใจแล้วนะว่าวันนี้นายจะขึ้นไปข้างบน” ถามเพื่อเตือนสติเพื่อนรักตนอีกครั้ง การที่เจ้าชายจะหนีออกจากงานวันเกิดนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายแน่นอน
“รีไวล์...ท่านายอยากไปพวกเราจะช่วย” เอลวิน เพื่อนสนิทผมทองบอก ในฐานะที่เขาก็เป็นเพื่อนสนิทเขาจะต้องไม่ให้ใครกักขังเจ้าชายไว้แน่...
“ฉัน......” เสียงเย็นชาเอ่ยออกมาเบาๆ
“ฉันมีความจำเป็นจะต้องไป....” เพื่อนทั้งสองพยักหน้าน้อยๆกับคำตอบนั้น
“พวกเราไม่ขัดนาย พวกเราจะช่วยนายเอง”
“ขอบใจพวกแกมาก...” คำพูดที่ดูเหมือนเอาแต่ใจแต่กลับไม่ใช่ การที่เจ้าชายแห่งเทพต้องขึ้นไปข้างบนนั้นย่อมมีความจำเป็นอยู่เสมอและความจำเป็นในครั้งนี้ของเขาก็รอมานมากแล้ว......ขึ้นไปข้างบน...เหมือนวันนั้น.....
.
.
.
.
.
.
.
.
.
ณ โลกเบื้องบน
ยามนี้เป็นยามราตรี ท้องฟ้ามืดแต่กลับเต็มไปด้วยหมู่ดาวมากกว่าปกติ ท้องทะเล
กลายเป็นสีดำแต่กลับมีจุดหนึ่งที่ส่องแสงเล็กๆ
เรือขนาดใหญ่สีน้ำตาลอมแดงที่กำลังจอดอยู่ท่ามกลางน้ำทะเล เรื้อที่มีเสากระโดงเรือขนาดใหญ่ 4เสา ตรงหัวเรือมีรูปปั้นของหญิงสาวมีหางเป็นปลาที่ของยื่นนูนออกมา ในมือของรูปปั้นกำลังยื่นออกไปข้างหน้า ในมือมีรูปดาวอยู่....
เรือขนาดใหญ่ที่ขยับน้อยๆเพราะแรงของคลื่น ตอนนี้ทั้งเรือไร้เสียงใดๆแสดงว่าทุกคนได้นอนหมดแล้ว
แอ็ด....
เสียงของการเปิดประตูไม้ดังขึ้นช้าๆพร้อมกับร่างๆหนึ่งที่กำลังถือตะเกียงไฟเดินออกมาแล้วเดินบันไดขึ้นไปยังที่บังคับเรือ สายตาสีเขียวที่ในยามนี้กลับส่องแสงสว่างจับจ้องยังหมู่ดาวที่มากกว่าครั้งไหนๆ
หัวสมองย้อนไปยังเรื่องก่อนหน้านี้ที่ตนจะนำลูกเรือกเรือเพื่อไปตามหาเกาะใหม่ๆ ชาวบ้านที่ต่างพากันพูกกันใหญ่ว่าวันนี้ยามราตรีจะเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้น แถมวันนี้เขาก็นอนไม่หลับเลยออกมาดูด มันก็ไม่เสียหายอะไรนี่ที่กัปตันโจรสลัดอย่างเขาจะออกมาดูดาว
เส้นผมสีน้ำตาลนุ่มพลิ้วไปตมแรงลม ใบหน้าหวานค่อยๆหลับตาให้ลมเย็นยามราตรีกระทบใบหน้า
วิ้ง....
รู้สึกเหมือนได้ยินอะไรก่อนจะเงยหน้าขึ้นมามองดาวบนท้องฟ้า เหมือนจะมีแสงสีขาวๆจากบนนั้นตกลงไปยังท้องทะเล...
ว่ากันว่าหากผู้ใดผบกับดาวที่ตกลงมา ผู้นั้นก็จะพบสิ่งล้ำค่ามากกว่าเงินตรา..
นี่คือสิ่งที่เขาได้ยินมา ไม่แน่ วันพรุ่งนี้อาจจะเจอดาวตกนั้นจริงๆก็ได้ แต่ ถ้าหากเป็นอย่างที่ชาวบ้านนั้นพูดมาจริงๆ วั้นนี้เขาอาจจะเจอมันเลยก็เป็นได้
บางบางค่อยๆคลี่ยิ้มช้าๆ ก่อนจะพูดออกมาเบาๆ
“ไหนขอให้ฉันได้ดูมันหน่อยสิ..ฝนดาวตก..”
ใช่...
ให้เขาได้เห็นหน่อย
เพื่อจะพบกับของล้ำค่า
ของเขาคนเดียวเท่านั้น................
.
.
.
..
Uuuuuuuuuuuuuuuuuuuuuuuuuuuuuuuuuuuuuuuuuuuuuuuuuuuuuuuuuuuuuuuuuuuuu
จบแล้วนะคะสำหรับบทนำ อาจจะแปลกๆหรือผิดไปมั่งอย่าใส่ใจ จะพยายามอัฟอาทิตย์ละตอนนะคะ ถ้าหากไม่ว่างก็จะหาเวลาคะ สำหรับตอนนี้ก็ฝากไว้แค่นี้ก่อนนะคะ คาดว่าตอนที่หนึ่ง นายเอกและพระเอกของเราคงเจอกันแล้ว
ปล.ถ้าฟิคเรื่องนี้เจ้าชายจะออกเคะจะเป็นไรไหม?
ความคิดเห็น