++ ปลายทางโพคารา 22 ++ - ++ ปลายทางโพคารา 22 ++ นิยาย ++ ปลายทางโพคารา 22 ++ : Dek-D.com - Writer

    ++ ปลายทางโพคารา 22 ++

    *-* ปลายทางโพคารา ตอนที่ 22 *-*

    ผู้เข้าชมรวม

    431

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    4

    ผู้เข้าชมรวม


    431

    ความคิดเห็น


    0

    คนติดตาม


    0
    หมวด :  นิยายวาย
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  7 ก.ย. 49 / 19:57 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ


                              ปลายทางโพคารา ตอนที่ 22

              นัทมันไม่เคยย่างกรายลงมากรุงเทพฯ อีกเลย  แต่ครั้งนี้มันต้องมา  เพราะเมื่อบ่ายมันได้โทรศัพท์ด่วนจาก  “ด้ายเส้นบาง ๆ  “  ของมัน  เปี๊ยกมันโทรมาบอก  “ตอนนี้กูอยู่โรงพยาบาลว่ะ”  มันบอกราวกับว่าการนอนโรงพยาบาลเป็นเรื่องปกติ  นัทมันลางานแค่ 2 วัน และได้หยุดปีใหม่อีก 5 วัน  รวม 1 สัปดาห์พอดี
         “เป็นไรมากมั้ย...ห่วงแทบแย่”
         ประโยคแรกที่มันทักทายเพื่อนฝูงที่เพิ่งผ่าตัดเมื่อวานสีหน้ายังอิดโรยมิใช่น้อย  มันเดินไปนั่งไกล้ ๆ  เพื่อนที่นอนซมอยู่บนเตียง
         “ดีขึ้นและ  ทีแรกปวดแทบท้องแตกตาย  พอหมอตัดทิ้ง  ดีขึ้นมา  แต่ปวดแผลจิ้ดๆๆ” 
         “ยังมาทำเป็นเล่น...เมื่อคืนบนรถไม่หลับเลยเป็นห่วงเปี๊ยก”
         “ก็บอกแล้วหัดนั่งเครื่อง...”  มันมองหน้าเพื่อน  รู้จุดอ่อนของมัน   “...มันไม่ทุกไฟล์หรอกน่า  ลืม ๆ  ไปได้แล้ว”
         “อืม...คราวหน้าจะลอง”
         “มากี่วัน....พรุ่งนี้ไปทำพาสปอร์ตเสียด้วยก็ดีนะ  เผื่อฉุกเฉิน”
         คราวนี้คนมาไกล  ขมวดคิ้ว  เพื่อนคนหน้าขาวที่ขาวหนักไปอีกเพราะพิษแผล  มันกำลังทำอะไรอยู่ 
         แต่มันก็ทำตามที่เพื่อนมันบอก  มันรู้เพื่อนไม่เคยคิดร้ายกับมัน  มันออกจากโรงพยาบาลอีกสองวันต่อมา  แล้วจึงโทรบอกที่บ้าน  แม่มันเลยบินด่วนมาจากสมุย  แล้วเทศน์สองคนเสียยกใหญ่  ไอ้คนหน้าซีดยิ้มระรื่น  บอก ถ้าบอกวันแรกแม่ตกใจกว่านี้แน่
         “จดหมายไม่มานานแล้ว”
         จดหมายที่บอยส่งมาสม่ำเสมอ  แต่...ตอนนี้ห่างออกไป มันนับดูตั้งแต่ก่อนปีใหม่    ร่วมสองเดือนแล้ว
         “อืม..ไปเที่ยวมั้ง”  นัทมันยิ้มตามปกติ   “มันบอกตั้งแต่คราวก่อนจะไป Trekking  Poon Hill  ราว 10 วัน”
         แต่คราวก่อนของมันคือเกือบสองเดือนมาแล้วที่บอยเขียนมา
         
         “ข้าจะไป Trekking  ลองกำลังขาเสียหน่อยว่ะ  เพราะไม่กี่เดือนจะกลับแล้วจะได้ไปโม้เอ็งถูกว่าหิมะมันเป็นแบบไหน....ถ้าให้ข้าไปเอง  คงไปไม่ถูกแหง แม้จะมีบริษัททัวร์ Trekking  เยอะเต็มโพคาราก็เหอะ  “ยายมาเรีย”  อาสาพาไปว่ะ”

         นัทมันคิดไอ้บอยจะไปกับใครไม่สำคัญ  แต่...หลังจากนั้นมันไม่มีจดหมายจากคนไกลอีกเลย
         เปี๊ยกมองหน้าเพื่อน  วิถีชีวิต  ของไอ้บอยน่าจะเป็นถนนคนละสายกับไอ้นัท  บอยอยู่บนมอเตอร์เวย์  เร็วได้ดังใจปรารถนา  ส่วนไอ้นัท  ถนนลูกรังดี ๆ  นี่เอง  มันมองลึกเข้าไปในตา ราวกับจะค้นสิ่งที่เพื่อนซ่อนเร้นอยู่ในหัวใจ
         “จะกลับพรุ่งนี้จริงหรือ  ลาต่ออีกนิดนะ”  มันเว้าวอน 
         “หึ..เดี๋ยวโดนไล่ออกขี้เกียจหางานใหม่” 
         ตลอดสัปดาห์ มันชะโงกหน้าทุกครั้งที่รถไปรษณีย์ผ่านมา  มัน  “คอย”  อย่างกระวนกระวาย  แต่มันลืมไปว่า  “คนคอย”  ที่โน่นน่าจะรู้สึกแย่กว่ามัน
         “พาสปอร์ตมาจะเก็บไว้ให้  เผื่อไปไหนต้องขอวีซ่าที่กทม.อยู่ดี”
         มันไม่ค่อยรู้เรื่องพวกนี้หรอก  เพราะตอนเพื่อนไล่ไปทำบอกให้มันส่งทางไป รษณีย์มันก็ทำตามอย่างที่เพื่อนแนะนำทุกขั้นตอน 
         เปี๊ยกมันไม่โง่หรอก  เรื่องทุกข์ใจของไอ้นัทมีหรือมันจะไม่รู้ ฉะนั้นประโยคสุดท้ายก่อนเพื่อนจะกลับ เปี๊ยกมันสัญญาพร้อมกับส่งซองสีน้ำตาล  ข้างในน่าจะเป็นหนังสือ
         “ถ้าจดหมายมา จะรีบ  EMS  ไปให้เลยสัญญา  เอานี่ไป  แล้วหัดอ่านเสียด้วยนะ”

         บอยกลับไปทำงานด้วยหัวใจเหงา ๆ  คราวนี้มันสัญญากับตัวเอง...ถ้าไอ้บอยเขียนจดหมายมามันจะตอบ  มันจะเล่า.....จะเขียนให้คนรออ่านเบื่อไปเลยไอ้บอยอาจจะงอนตุ๊บป่องที่มันไม่เคยตอบจดหมาย  พอคิดถึงใบหน้าเพื่อนรักเวลางอน  นัทมันยิ้มออกมา
         “มันไปเที่ยวสนุกไหมว่ะ  ตอนเดินแค่ภูกระดึงมันก็บ่นแทบแย่”     
         ถนนขึ้นไปบนเขาที่มันจะปลูก  “บ้าน”  เสร็จเรียบร้อยแล้ว แต่บ้าน ยังอีกนาน  เพระามันต้องเก็บเงิน มันเอาต้นไม้  ดอกไม้ไปลงไว้ที่ริมผา  มีชิงช้าไม้ไว้นั่งเล่นยามเย็น ๆ  เวลาพระอาทิตย์ตก  มันจะนั่งมองพระอาทิตย์   บางครั้งมันถามพระอาทิตย์
         “ภูเขาที่เชียงดาวเหมือนกับที่เนปาลมั้ยนี่”
         “น่าจะไม่เหมือน...”  มันตอบเสียเอง  “...เพราะไอ้บอยบอกที่โน่นมีหิมะด้วย  แต่บ้านเรามีแต่ตอไม้โดนตัดกับเขียว ๆ  ของป่าที่ยังไม่โดนตัด”     ไม่ว่ามันจะเริ่มต้นคิดถึงเรื่องอะไร  แต่สุดท้าย.....”ไอ้บอยมันอยู่ตรงไหนหว่า”  มันชะโงกหน้าจากที่ของมันที่ริมผาด้านนี้  ราวกับว่าจะมองไปให้ถึงเนปาล  อ้าว  ก็มันเคยอ่านเจอ  อินทนนท์ กับเอเวอร์เรสต์คือเทือกเขาในหมู่เดียวกัน  มันก็ต้องเชื่อมถึงกันสิน่า
         มันนึกขึ้นได้....ซองสีน้ำตาลที่เปี๊ยกให้มา  มันเอาไว้ในรถ ยังไม่เปิดดู  มันเดินไปหยิบมาจากในรถ มานั่งเปิดดูบนชิงช้าของมัน
         “ไกด์บุค เนปาล”
         มันยิ้มกับหนังสือที่เพื่อนให้  ค่อย ๆ  เปิด  แผนที่ประเทศเนปาล มันมอง  มันหา  “Nadanda”  เมืองหรืออำเภอที่ไอ้บอยไปอยู่หว่า  มันไม่ยักมี  คราวนี้มันหาใหม่ “Pokhara”  นั่นไง...เห็นแล้ว  มันเจอแล้ว  แล้วมันมาเทียบกับแผนที่  ทวีปเอเชีย  มันนึกถึงจุดที่มันอยู่กับจุดที่ไอ้บอยอยู่...ไกลจังเลยว่ะ

         อีกอาทิตย์ต่อมา เปี๊ยกโทรมาหามัน  เพราะมันยังเร้า ๆ  กับแผลที่เพิ่งผ่าตัดมั้งเลยมาเองไม่ได้  คำแรกที่มันพูด
         “อ่านหนังสือแล้วอยากไปเนปาลไหม”  เหมือนเปี๊ยกมันเห็น  เพราะไอ้หน้าทะเล้น คิ้วเข้ม ตาเศร้า  ติดหนังสือไปด้วยทุกที่
         “ไม่ดีกว่า  เสียดายตังค์”   
         “จะออกให้  ไปเหอะพอดีแม่ไปทัวร์ที่ ลุมพินี  ปาตัน ภักตาปูร์  ไปพร้อมแม่นะ  จะจัดการเรื่องตั๋ววีซ่าไว้ให้  หาทางลางานให้ได้แล้วกัน   ถ้าเขาไม่ให้ลาก็ลาออก  กลับมาค่อยหางานใหม่   เดือนหน้าวันที่....”
         “เดี๋ยว ๆ  ไอ้เปี๊ยก”
         เป็นครั้งแรกที่เปี๊ยกมันตัดสายทิ้งไปเลย    บอยมันทบทวนเรื่องที่เพื่อนมันลุกขึ้นมาสั่งตั้งแต่ไปทำพาสปอร์ต  เอาหนังสือเกี่ยวกับเนปาลมาให้อ่าน  แล้วมันก็เข้าใจ  เปี๊ยกต้องการให้มันไปเจอ....ไอ้บอย
         “โธ่.....เอ้ย  ทำเป็นรู้ใจ”  มันบ่นแต่มันก็ยิ้ม  เพราะอย่างน้อยมันยังมีคนที่รู้ใจมัน  ถึงแม้มันจะไม่มองไปในใจเพื่อนคนนี้ของมันเลยก็ตาม
         เปี๊ยกส่งโปรแกรมคร่าว ๆ  มาให้มัน  แต่ตัดทัวร์ออกหมด  เหลือเพียงบินไปลง กาฐมัณฑุ  แล้วต่อเครื่องภายในไปลง โพคาราเท่านั้น  ขากลับก็ทำเช่นเดียวกับขาไป  มันคิดอย่างน้อยเพื่อนน่าจะได้เจอกัน  10  วัน  แนะ
         แต่ที่นัทมันไม่รู้คือ  เปี๊ยกตั้งใจจะส่งนัทไปให้มันได้ฉลองวันเกิดกับคนที่มันรัก   เดินทาง 10 ก.พ.  ราว 13  ก็น่าเจอไอ้บอยแล้ว  14  กุมภาพันธ์  วันอะไรมันไม่สน  แต่มันรู้  15  กุมภาพันธ์  วันเกิดไอ้นัทมัน  โปรแกรมทัวร์กลับ  20  กุมภาพันธ์  มันวาดเอาไว้ในใจ   แต่สิ่งที่มันพูดคนละอย่างกับสิ่งที่มันทำ
         “....คณะจะแวะที่ทาเมล  แต่เอ็งบินต่อไปโพคาราเลย  ถึงที่นั่นราว บ่ายสาม  เ พราะเอ็งต้องบินย้อนเวลาอีกชั่วโมงกว่า ๆ    จากโพคาราเอ็งหาทางไปหาทางติดต่อไอ้บอยมันได้น่า  ข้าให้เด็กที่บ้านจองตั๋วไว้หมดแล้ว  เอ็งแค่คอนเฟิร์มวันกลับที่โน่นเองล่ะกัน  แล้วเอ็งอย่าลืมเขียนเขียนจดหมายไปก่อนล่ะ”
         เห็นไหม  เปี๊ยกมันรักเพื่อนขนาดไหน  มันทำทางไว้แล้วเหลือเพียงเพื่อนเดินไปตามทางที่มันแผ้วถางไว้  แม้จะไม่ถึงจุดหมายปลายทางที่ไอ้บอยอยู่ก็เหอะแต่มันก็ใกล้กันกว่าที่ไอ้นัททำอยู่ล่ะน่า
         “มันเป็นอะไรไปหรือปล่าวว่ะ”  ไอ้นัทชักห่วง  เพราะบอยมันไม่เคยหายไปนานขนาดนี้
         “หรือมันจะเกิดอุบัติเหตุ”  คำถามนี้มันไม่อยากคิด  เพราะมันตอบไม่ได้  แต่ใจมันแป้ว ๆ  กับคำถามที่มันคิดขึ้นเอง  มันกระวนกระวายด้วยความเป็นห่วงเพื่อนทันที
         “เอาวะ  ไปก็ได้  ไม่บอกมันหรอก  ให้มันตื่นเติ้ลลลลลล   เล่น ๆ  “
         มันตัดสินใจแน่วแน่  เลิกกลัวเลิกเกลียดเครื่องบิน เพราะมันกลัวเพื่อนเป็นอะไรไปมากกว่า  ถึงมันไม่เคยไปประเทศนอก  แต่...มันแน่ใจ  จดหมายที่บอยเขียนมา  คือ  ลายแทงหัวใจ.....ที่จะนำมันไปเจอจนได้
         อย่างเก่งก็แค่หลง...ไม่หลงไปดาวอังคารหรอกน่า   ของแบบนี้ไม่ลองไม่รู้หรอกน่า  ไอ้บอยเองยังไม่ได้เลย  แล้วทำไมมันจะตามหัวใจมันไปไม่ได้
         มีลายแทงหัวใจ...อยู่ในมือกลัวที่ไหน  แค่โพคาราเอง....

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×