ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    รวมเรื่อง ผี ตำนาน ความเชื่อ เรื่องประหลาด เร้นลับ

    ลำดับตอนที่ #15 : [ตำนาน] ประวัติของพระอินทร์

    • อัปเดตล่าสุด 24 พ.ย. 54


    เครดิต: http://www.mysteriousclub.com/forum.php?mod=viewthread&tid=770
    ประวัติพระอินทร์

             พระอินทร์นั้นท่านมีหลายชื่อ  เช่น  ท้าวสักกะ  ท้าวสหัสนัย  ท้าวสุชัมบดี  ท้าววาสพ  ท้าวมฆวาน  เป็นต้น  แต่ชื่อพระอินทร์มีคนรู้จักมากว่าชื่ออื่น  ท่านครอง  ๒  ชั้นฟ้า  คือ  สวรรค์ชั้นดาวดึงษ์  และสวรรค์ชั้นจาตุมมหาราชิกา  ตามตำนานกล่าวไว้ว่าพระอินทร์นั้นตัวเขียว  เคยถามท่านผู้รู้ว่าทำไมพระอินทร์จึงตัวเขียว  ได้รับคำอธิบายว่าที่มีสีเขียวนั้น  เขียวด้วยแสงแห่งแก้วที่ชื่อว่าวชิระ  ไม่ใช่เขียวในเนื้อในหนัง

              อนึ่ง  ในสวรรค์ชั้นดาวดึงษ์นั้นสมบูรณ์ด้วยสมบัติอย่างมโหฬาร  เช่น  มีวิมานชื่อ  เวชยันตปราสาท  อันเป็นที่ประทับของพระอินทร์มีแท่นทิพย์  ชื่อว่า  บัณฑุกัมพลศิลาอาสน์  มีลักษณะพิเศษ

    คือเวลาพระอินทร์ประทับนั่งก็จะยุบลง  เวลาเสด็จลุกขึ้นก็จะฟูขึ้น  มีสภาพอ่อนนุ่มนิ่ม  แต่พอมีเหตุอะไรเกิดขึ้นแท่นทิพย์นี้ก็จะแข็งดุจศิลาขึ้นมาทันที  ดังคำที่ว่า “ทิพย์อาสน์เคยอ่อนแต่ก่อนมา  กระด้างดังศิลาประหลาดใจ”  นอกจากนี้ยังมีต้นไม้วิเศษประจำชั้นดาวดึงษ์  มีชื่อว่า  ปาริฉัตร  หรือ  ปาริชาติ  ก็เรียก  มีสระโบกขรณีชื่อ  สุนันทา  มีสวนสวรรค์ชื่อ  จิตรลดา  มีศาลาสำหรับฟังธรรม  เรียกว่า  เทวธรรมสภา  มีเทวดาที่มีความสารถในเชิงช่างชื่อว่า  วิษณุกรรมเทพบุตร  และยังมีเทวดาที่สำคัญอีกองค์หนึ่ง  คือ  เอราวัณเทพบุตร  ปรกติก็เป็นเทวดา  แต่เมื่อพระอินทร์กับเทพผู้เป็นสหายจะประพาสอุทยานสวรรค์  เทวดาองค์นี้ก็จะแปลงร่างเป็นช้างชื่อว่า  เอราวัณ  พอกลับจากอุทยานสวรรค์ก็จะคืนร่างเป็นเทพบุตรตามเดิม

              สำหรับมเหสีของพระอินทร์นั้นมี  ๔  นางด้วยกันคือ  นางสุธรรมา  นางสุจิตรา  นางสุนันทา และนางสุชาดา  ก็แลในสวรรค์ชั้นดาวดึงษ์นั้นล้วนแต่มีสิ่งสวยสดงดงามทั้งสิ้น  รูปก็งาม  เสียงก็ไพเราะ  กลิ่นก็หอมหวนชวนอารมณ์  สมกับพระบาลีที่ว่า  สุนฺทรานิ  อคฺคานิ  อตฺถาติ  สคฺโค  สถานที่ที่มีอารมณ์อันเลิศ  เรียกว่า  สวรรค์  อนึ่งสวรรค์นั้น  สำหรับเป็นที่ต้อนรับเฉพาะคนทำความดีเท่านั้น  ส่วนคนทำความชั่วอยู่ไม่ได้  ดังมีธรรมภาษิตรับรองเป็นหลักฐานว่า  สุนฺทเรน  กมฺเมน  คมิตพฺโพ  สคฺโค  สถานที่ที่คนทำควาดีพึงไป  เรียกว่า  สวรรค์

              ก็พระอินทร์พร้อมด้วยสหายได้ทำความดีอะไรเล่า  จึงได้เกิดในสวรรค์ชั้นดาวดึงษ์  เพื่อให้ท่านทั้งหลายได้ทราบชีวิตเบื้องหลังของท่านเหล่านั้น  จึงจะขอพาท่านลงไปยังแดนดินถิ่นมนุษย์  ณ  บ้านอจลคาม  แคล้นมคธ  เพื่อไปทำความรู้จักกับชายหนุ่มคนหนึ่งที่ชื่อ  มฆมาณพ  ท่านผู้นี้มีคุณธรรมสูง  คือสามารถรักษาวัตตบทไว้ได้ถึง  ๗  ประการ  และรักษาไว้ได้ไม่ใช่ชั่วครั้งชั่วคราว  เขารักษาไว้ได้ตลอดชีวิตทีเดียว  ธรรม  ๗  ประการนั้นคือ

    ๑.    เลี้ยงมารดาบิดา
    ๒.    เคารพอ่อนน้อมต่อผู้ใหญ่
    ๓.    มีวาจาไพเราะอ่อนหวาน
    ๔.    ไม่พูดส่อเสียด
    ๕.    ไม่ตระหนี่
    ๖.    มีวาจาสัตย์
    ๗.  ไม่โกรธ

    เธอมีภรรยา  ๔  คนด้วยกันคือ  ๑.นางสุธรรมา  ๒.นางสุจิตรา  ๓.นางสุนันทา  ๔.  นางสุชาดา  ขอให้ท่านสังเกตดูว่า  ชื่อนางทั้ง  ๔  นี้  ตรงกันทั้งภาคสวรรค์และภาคมนุษย์  นอกจากนี้  นายมฆมาณพยังเป็นนักพัฒนาชอบความสะอาด สวยงามมีระเบียบ  ทั้งยังเที่ยวแนะนำชาวบ้านให้ช่วยทำความสะอาด  อย่าเที่ยวทิ้งเที่ยวสาดให้อุจาดนัยตา  และว่า “ถ้าบ้านเมืองสะอาด  คนในชาติก็อยู่เป็นสุข”  น่าชมความคิดของนายมฆมาณพอีกอย่างหนึ่งก็คือ  การเขียนสุภาษิตติดไว้ตามต้นไม้  ในที่สาธารณะซึ่งล้วนแต่เป็นคติสอนใจทั้งสิ้น  เช่น  เตือนคนใช้จ่ายสุรุ่ยสุร่ายว่า “ใครจะช่วยตัวเราก็เปล่าดาย  อย่ามักง่ายเงินทองของสำคัญ”  เตือนคนขับรถว่า  “ความคะนองคือความพินาศ  ความประมาทคือความตาย”  ซึ่งล้วนแต่เป็นคติสอนใจทั้งสิ้น  เนื่องจากท่านผู้นี้มีนิสัยเป็นนักเสียสละชอบความก้าวหน้ารักประเทศชาติศาสนาเป็นชีวิตจิตใจดังนั้น  เขาจึงลงมือสร้างถนนเริ่มต้นจากบ้านอจลคามมุ่งสู่มคธรัฐ  โดยมิได้รับสินจ้างรางวัลจากใคร ๆ  ทั้งสิ้น  เขาทำงานเพื่องาน  ทำดีเพื่อความด

    ต่อมาก็มีคนมาร่วมงานกับเขาด้วยรวมทั้งหมดเป็น  ๓๓  คน  ตอนนี้ก็บังเอิญเกิดมารมาผจญอันเนื่องมาจากความริษยาของนายอำเภอ  ซึ่งเกรงว่าเขาจะทำงานเกินหน้า  จึงแนะให้เขาเปลี่ยนไปทำงานอย่างอื่นแทน  เช่น  ต้มเหล้าเถื่อน  เป็นต้น  เมื่อพวกเขาไม่ปฏิบัติตามก็โกรธ  ไปทูลพระราชาโดยกล่าวหาว่าเขากับพรรคพวกเป็นกบฏถูกรับสั่งประหารชีวิตด้วยวิธีให้ช้างเหยียบ แต่ด้วยอำนาจเมตตาพวกเขาจึงปลอดภัยภายหลังความจริงทั้งหลายก็ปรากฏ  จึงทำให้นายอำเภอถูกถอดยศ  มฆมาณพได้เป็นนายอำเภอแทนพร้อมทั้งได้รับพระราชทานช้างเชือกนั้นด้วย  นี่แหละเข้าตำราที่ท่านว่า  “นายมฆมาณพนอนหลับไม่รู้  นอนคู้ไม่เห็น  นายอำเภอทำเข็ญ ก็วินาศสันติ”

    ด้วยหัวใจที่รักความก้าวหน้า  รักชาติบ้านเมือง  เขาจึงพร้อมใจกันสร้างศาลาริมทางขึ้นมาหลังหนึ่งสำหรับคนไปมาจะได้พักพาอาศัย  ศาลาหลังนี้มีความสวยงามมาก  เพราะได้นายช่างที่มีจิตเป็นกุศล  แม้ช้างเชือกนั้นก็ได้พลีกำลังช่วยงานนี้มาโดยตลอดด้วยจิตยินดี  ศาลาหลังนี้มีชื่อว่า  ศาลาสุธรรมา  เพราะความฉลาดของนางสุธรรมา  ถึงแม้ว่าจะถูกกีดกันไม่ให้เข้าร่วมในงานนี้  แต่ด้วยปฏิภาณไหวพริบนางก็หาอุบายจนได้สร้างช่อฟ้าทั้งมีชื่อปรากฏด้วยว่า ศาลาสุธรรมา  นอกจากนี้  นายมฆมาณพยังได้ปลูกต้นทองหลางเอาไว้ที่ใกล้กับศาลาหลังนั้นด้วย และนำแผ่นหินก้อนใหญ่มาวางไว้ที่โคนต้นทองหลางสำหรับคนไปมาจะได้อาศัยนั่งพัก

    กล่าวถึงนางสุนันทา กับนางสุจิตรา  ก็ไม่ยอมน้อยหน้านางสุธรรมาเหมือนกันจึงได้สร้างสระน้ำและส่วนดอกไม้ไว้ใกล้ ๆ กับศาลาหลังนั้นเช่นกัน  ส่วนนางสุชาดาหาได้สร้างอะไรกับเขาไม่เพราะประมาทเข้าใจผิดคิดไปว่า  ตัวมีรูปสวยเป็นภรรยาของนายมฆมาณพด้วย  ยังแถมเกี่ยวกับเป็นเครือญาติกันอีกด้วย  ดังนั้น  เมื่อสามีทำบุญตัวเธอก็ต้องได้บุญด้วย  นี่นับว่าเธอเข้าใจผิดอย่างมาก  เพราะบุญนั้นใครทำใครได้  เหมือนกับอาหารที่เรารับประทาน  ใครรับประทานคนนั้นก็อิ่ม  จะมาอิ่มแทนกันไม่ได้ ฉะนั้น  ด้วยความเข้าใจผิดนางจึงไม่ประสงค์จะทำบุญอะไร ๆ ทั้งนั้น  แม้สามีจะเคี่ยวเข็ญอย่างไรนางก็เฉยเมยไม่สนใจใยดีอะไรทั้งสิ้น

    ทีนี้เราจะได้ทราบกันว่าคนทำดีกับคนที่ไม่ทำความดีนั้นอนาคตจะเป็นอย่างไรเริ่มต้นด้วยนายมฆมาณพผู้ซึ่งสร้งแต่ความดีมาโดยตลอด  มีบำเพ็ญวัตบท  ๗  ประการเป็นต้น  เมื่อตายแล้วจึงไปเกิดเป็นพระอินทร์อยู่ในสวรรค์ชั้นดาวดึงษ์  อานิสงส์ที่สร้างศาลาเป็นเหตุให้ได้เวชยันตปราสาท  อานิสงส์ที่ปลูกต้นทองหลางเป็นเหตุให้ได้ต้นไม้ปาริชาติ  อานิสงส์ที่วางแผ่นหินเอาไว้ที่โคนต้นทองหลางเป็นเหตุให้ได้แท่นทิพย์บัณฑุกัมพลศิลาอาสน์  ส่วนนายช่างที่สร้างศาลาด้วยจิตเป็นกุศล  ก็ได้ไปเกิดเป็นเทพบุตรที่ชื่อว่าวิษณุกรรม  สหายทั้ง  ๓๒  คน  ก็ขึ้นไปเกิดเป็นเทพบุตรโดยถ้วนทั่วกันและมีวิมานอยู่องค์ละหลัง ๆ ด้วยอานิสงส์ที่ได้ร่วมกันสร้างศาลา

    เรื่องนี้มีข้อที่น่าสังเกตว่า  ผู้ที่สร้างอะไรที่รวมกันเป็นคณะ  ครั้นเมื่อได้สวรรค์วิมานก็ได้กันคนละหลังโดยที่ไม่ต้องไปอยู่รวมกัน  ซึ่งมีตัวอย่างดังที่กล่าวมานี้  สระโบกขรณีสวรรค์ก็เกิดขึ้นเป็นคู่บารมีของนางสุนันทา  สวนสวรรค์ชื่อจิตรลดาก็เกิดขึ้นคู่บารมีของนางสุจิตรา

    ส่วนนางสุชาดาหญิงผู้เลอโฉมหาได้ไปเกิดในสวรรค์เหมือนผู้อื่นไม่  กลับไปเกิดเป็นนางนกยาง  ทั้งนี้  เพราะความหลงติดอยู่ในความสวยงามของตัวเอง  เรื่องนี้ท่านทั้งหลายต้องระวัง  อย่าไปหลงติดในสิ่งต่าง ๆ  เพราะเดี่ยวจะต้องไปเกิดเป็นสัตว์เดียรัจฉานอย่างนางสุชาดา  หลักฐานอันเป็นพุทธภาษิตก็มีอยู่ว่า “โมเหน  ติรจฺฉานโยนิ”  ผู้ที่มีโมหะควาลุ่มหลง  จะต้องไปเกิดเป็นสัตว์เดียรัจฉาน

    เมื่อพระอินทร์ได้สอดส่งทิพยเนตรตรวจดูสมบัติ  ก็ปรากฏว่าบริบูรณ์ดีทุกอย่างหากขาดแต่นางแก้วสุชาดาซึ่งไปเกิดในกำเนิดนกยาง  พระองค์จึงเสด็จลงไปประทานอุบายให้นางรักษาศีล ๕  และด้วยอานิสงส์ศีล ๕  ที่นางรักษาอย่างเคร่งครัดนี่เองผลสุดท้ายนางก็ได้ไปบังเกิดเป็นมเหสีของพระอินทร์สมความปรารถนา

    ท่านทั้งหลาย  การที่นายมฆมาณพได้บรรลึงความเป็นผู้ประเสริฐกว่าเทพยดาทั้งหลายก็เพราะอาศัยอความไม่ประมาท  ด้วยว่าบัณฑิตทั้งหลายย่อมสรรเสริญความไม่ประมาท  แต่กลับติเตียนความประมาทในกาลทุกเมื่อ  ซึ่งตรงกับพระบาลีพุทธภาษิตที่ได้ยกขึ้นตั้งไว้ข้างต้นนั้นแล้ว

    ท่านสาธุชนทั้งหลาย  เรื่องของพระอินทร์นับว่มีสาระตลอดทั้งเรื่อง  ถ้าจะเปรียบก็เหมือนสิงโตน้ำตาลซึ่มีความหวานตลอดทั้งตัว  ไม่ว่าจะแต่ที่หัวหางกลางตัวหวานทั้งนั้น ด้วยเหตุนี้  เพื่อให้ท่านทั้งหลายได้รับประโยชน์จากเรื่อนี้  จึงขอให้ท่านทั้งหลายได้ใช้โยนิโสมนสิการ  คือพิจารณาด้วยอุบายอันแยบคาย  เห็นตัวอย่างไหนดีก็นำไปปฏิบัติ  เห็นตัวอย่างไหนไม่ดีก็อย่านำไปปฏิบัติ  อุปมาเหมือนกับรับประทานปลาเราก็เลือกรับประทานแต่เนื้อปลา ส่วนก้างปลาขี้ปลาเราก็ทิ้งไปเสีย  การฟังเทศน์ด้วยวิธีนี้แหละที่น่ายกย่องว่าได้บุญมาก

    สำหรับในเรื่องนี้ตัวอย่างที่ดีเด่นก็เห็นจะได้แก่นายมฆมาณพ  ไม่ว่าจะเป็นในด้านครองเรือน  การครองรัก  เธอก็ครองกันมาด้วยความเรียบร้อย  ทั้ง ๆ ที่มีภรรยาถึง  ๔  คน ทั้งนี้  ก็เพราะต่างมีคุณธรรมประจำใจ  รู้จักหน้าที่ของตัว  ในด้านการปฏิบัติพัฒนาทั้งภายในบ้าน นอกบ้านและสาธารณะสถาน  สนใจทำความสะอาดอยู่เป็นนิตย์ข้อนี้ชาวไทยควรถือเป็นตัวอย่าง  ควรคิดไว้เสมอ ๆ ว่า  บ้านเมือง จะสะอาดก็เพราะคนในชาติช่วยกันพัฒนา  ว่าถึงน้ำใจก็ควรยกให้ช้างที่ช่วยเหลือนายช่างสร้างศาลา อานิสงส์ที่มีน้ำใจเป็นเหตุให้ได้ไปเกิดในสวรรค์ชั้นดาวดึงษ์  มีชื่อว่าเอราวัณเทพบุตร ดูซิเป็นสัตว์เดียรัจฉานแท้ ๆ  ยังมีน้ำใจ  ก็ท่านเล่าเป็นมนุษย์จะไปยอมแพ้แก่ช้างกระนั้นหรือ  ดังนั้น  ท่านจักต้องฝึกฝนตนให้เป็นคนมีน้ำใจอยู่เสมอ

    เมื่อสมัยที่กรุงเทพยังมีรถราง  เด็กหนุ่มคนหนึ่งเห็นคนชราถือของพรุงพะรังขึ้นมาบนรถจึงลุกขึ้นให้ชายชรานั่ง  เมื่อถึงเวลาลงจากรถเขาก็ช่วยหิ้วของตามส่งถึงบ้านชายชราซึ่งอยู่ไม่ไกลนัก  ตัวเขาเองก็อยู่บ้านในซอยใกล้ ๆ กันนั่นเอง  และต่อมาเด็กหนุ่มผู้มีน้ำใจผู้นี้ก็เป็นบุตรบุญธรรมชองชายชรา  และได้ครองสมบัติเป็นจำนวนมากในกาลต่อมา  เพราะสองตายายไม่มีลูกหลานที่จะสืบตระกูล  จากเรื่องทำนองนี้ทำให้นึกถึงสุภาษิตบทหนึ่งว่า  “น้ำบ่อน้ำคลองก็ยังเป็นรองน้ำใจ  น้ำที่ไหน ๆ ก็สู้น้ำใจไม่ได้”  โปรดจำไว้ว่า  น้ำใจเป็นน้ำที่มีฤทธิ์

    ตัวอย่างดี ๆ ในเรื่องนี้ยังมีอีกมาก  ยกมาแสดงพอเป็นตัวอย่าง ที่นี้มากล่าวถึงนางสุชาดาบ้าง  นางนี้แม้ในตอนต้นเธอจะหลงผิดไปบ้างตามวิสัยของปุถุชนที่ว่า “สี่เท้ายังรู้พลาด นักปราชญ์ยังรู้ผิด  บรรพชิตยังรู้เผลอ”  แต่ถึงกระนั้นในตอนสุดท้ายเธอยังกลับตัวได้  จึงนับว่าน่าสรรเสริญอยู่

              ฉะนั้น  ท่านที่ยังหลงทำอะไรผิด ๆ  อยู่จงได้คิดว่า  ยังไม่สายเกินไปในการกลับตัว จงถือคติที่ว่า “ความผิดพลาดเป็นของมนุษย์  แต่มนุษย์ที่ดีต้องรู้จักกลับตัว”   

              ท่านทั้งหลาย  ยอดปรารถนาของมนุษย์เราอยู่ที่ความสุข  แต่ความสุขจะเกิดขึ้นได้ก็เพราะอาศัยการปฏิบัติธรรม  อยู่เฉย ๆ  ความสุขจะเกิดขึ้นไม่ได้  เหมือนเสือนอนอ้าปากอยู่  เนื้อจะวิ่งเข้าปากเสือนั้นเหลือวิสัย  เสือจะต้องไปจับเนื้อกินเอง  ฉันใดฉันนั้น  ความสุขที่จะเกิดขึ้นได้ก็เพราะอาศัยการปฏิบัติของผู้นั้นเอง  ด้วยเหตุนี้  เราจึงมาปฏิบัติธรรมกันเถิด  แล้วความสุขที่เป็นยอดปรารถนาก็จะพลันสำเร็จสมประสงค์ทุกประการ  ดังเทศนาที่ได้แสดงมา  ด้วยประการฉะนี้.

    (ที่มา: วิชาเทศนา, พระพุทธวรญาณ (มงคล  วิโรจโน  ป.ธ. ๕, ค.บ., พธ.ด.กิตติมศักดิ์)  เจ้าอาวาสวัดประยุรวงศาวาสวรวิหาร   แสดง  ณ สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย  กรมประชาสัมพันธ์  เมื่อวันศุกร์ที่  ๑๕  มีนาคม  ๒๕๓๔  (ภาคเช้า)


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×