ลำดับตอนที่ #12
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #12 : [เรื่องผี] หลอนสุดขีด
เครดิต: http://hilight.kapook.com/view/28886
"เป้" เล่าประสบการณ์ขนหัวลุกจากสะพานดำบางซื่อ
ตั้งแต่เด็กๆ มาแล้วที่ผมได้ฟังเรื่องผีจากพวกผู้ใหญ่ เขาบอกว่าผีที่เจ็บไข้ได้ป่วยตายตามธรรมชาติ จะไม่ดุร้ายเหมือนพวกผีตายโหง ทั้งโดนฆ่า และฆ่าตัวตาย โดนรถชนตาย ตกน้ำตาย รวมทั้งตายด้วยอุบัติเหตุสยองต่างๆ ไม่ว่าไฟไหม้ ตกต้นไม้ตาย... ล้วนแต่ทำให้เกิดผีหลอกวิญญาณหลอนทั้งนั้น
แต่ไม่ว่าผีอะไรก็ไม่เฮี้ยนสุดขีดเท่ากับผีรถไฟทับตาย! บ้านผมอยู่ใกล้ๆ สถานีรถไฟบางซื่อซะด้วย แถวๆ สะพานดำที่ข้ามคลองประปา... กลัวซีครับ ทำไมจะไม่กลัว!
สมัยผมเด็กๆ น่ะ เกิดเหตุรถไฟทับคนตาย หรือใครจะเรียกว่าชนคนตายก็ได้ แต่ที่แน่ๆ คือ มีลุงขี้เมาแกเดินกอดขวดเหล้าเป๋ไปเป๋มาจนโดนรถไฟชนกระเด็นไปเป็นสิบๆ วา เนื้อตัวกลายเป็นซากเละเทะ แดงเถือกด้วยเลือดสดๆ คนดูถึงกับลมใส่ไปตามๆ กัน
อีกรายเป็นคนจรจัด มานอนบนรางรถไฟใกล้ๆ หมู่บ้าน... รายนี้แขนขาขาดกระเด็นไปคนละทิศละทาง ไม่ช้าก็มีผู้หญิงแม่ลูกอ่อนทะเลาะกับผัว อุ้มลูกเดินร้องไห้เข้าไปหารถไฟที่พุ่งมาจากบางซื่อ... อะไรจะไปเหลือล่ะครับ?เฮ้อ...
ที่เล่ามานั่นเฉพาะที่ผมรู้เห็นเท่านั้น แถมผีดุบรรลัยอีกต่างหาก!
ตอนกลางคืนมีคนเห็นร่างเละเทะเดินกอดขวดเหล้าไปตามทางรถไฟ ส่วนรายคนจรจัดที่แขนขาขาดก็คลานโหย่งๆ ให้คนเห็นหลายราย ยิ่งแม่ลูกอ่อนนั่น เธอเดินอุ้มลูกร้องไห้น่าสงสาร... แต่คนดวงซวยที่มองเห็นเข้า ย่อมจะไม่เกิดความรู้สึกเวทนาใดๆ แต่สติแตกร้องจ้าเป็นเจ๊กตื่นไฟ วิ่งเตลิดเปิดเปิง ล้มลุกคลุกคลานทุกคนไป... สถานีใหญ่โตระดับชุมทางบางซื่อน่ะ มีรถไฟผ่านทั้งสายเหนือ สายใต้ สายอีสาน เสียงล้อบดครางดังคึ่กๆ ระคนกับเสียงหวูดกรีดแหลมแทบจะทั้งวันทั้งคืนก็ว่าได้ เรื่องอุบัติเหตุชนคนตายน่ะหนีไม่พ้นอยู่แล้วครับ
พอโตขึ้นหน่อย ผมก็เพิ่งสังเกตเห็นต้นโพธิ์ใหญ่อยู่ที่ริมคลองประปา ติดกับสะพานดำพอดี กิ่งใบแผ่กว้างหนาทึบ ชนิดมองเห็นแล้ววังเวงใจชอบกล ชาวบ้านเรียกเจ้าพ่อโพธิ์ เชื่อถือกันว่าศักดิ์สิทธิ์น่าดู
ลุงม้วนคนข้างบ้านบอกผมว่า พวกผีที่ตายเพราะโดนรถไฟทับน่ะ ล้วนแต่ไปอาศัยอยู่ที่ต้นโพธิ์ กลายเป็นบริวารเจ้าพ่อไม่รู้ว่ากี่สิบรายมาแล้ว ก่อนนั้นก็เคยมีสาวอกหัก ดูเหมือนจะท้องอ่อนๆ ด้วย ปีนขึ้นไปผูกคอตาย เคยมีคนเห็นเธอนั่งร้องไห้อยู่ที่โคนต้นโพธิ์บ้าง ห้อยต่องแต่งอยู่บนกิ่งโพธิ์บ้าง... รายไหนก็รายนั้น เป็นวิ่งกระเจิงไม่คิดชีวิต บางรายถึงกับจับไข้หัวโกร๋นไปเลย
ผู้คนแถวนั้นที่นั่งรถไฟผ่านไปมาตอนกลางคืนก็เคยเล่ากันว่า ผีที่สะพานดำดุร้ายจนต้องเรียกว่าเฮี้ยนจัด อย่าบอกใครเชียว!
ขนาดรถไฟวิ่งมาเร็วๆ ยังมองเห็นอมนุษย์ห้อยโหนอยู่ตามราวสะพานเต็มไปหมด มีทั้งแขนขาขาด หัวขาด ตับไตไส้พุงห้อยร่องแร่ง บ้างก็แลบลิ้นปลิ้นตา จนถึงทำท่าจะชะโงกเข้ามาทางหน้าต่างรถไฟก็มี ผีดุอะไรจะปานนั้น?!สงสัยจะยังไม่ได้ไปอยู่กับเจ้าพ่อโพธิ์ หรือว่าได้รับอนุญาตให้มาตากอากาศ เลยฉวยโอกาสหลอกหลอนผู้คนเล่นดื้อๆ ยังงั้นเอง!
ผมกับเพื่อนอีกสองคนเคยเจอะเจอเรื่องขนหัวลุกเข้ากับตัวเอง เมื่อเรานั่งดวดดื่มในบ้านริมคลองประปาของเจ้าตุ๋ย หอบเหล้าโซดา น้ำแข็ง และกับแกล้มไปนั่งสำราญกันที่ระเบียงบ้าน ฝั่งนี้อยู่ตรงข้ามกับต้นโพธิ์ครับ
ตั้งแต่บ่ายแก่ๆ จนถึงใกล้ค่ำ คุยกันเรื่อยเปื่อยตามประสาขาเมา รถไฟเปิดหวูดจะเข้าจะออกสถานีทีก็หยุดเม้าธ์ทันที ฟังเสียงล้อเหล็กกระแทกรางโครมๆ เพลิดเพลิน ทำให้นึกถึงเสียงเพลงฉึกฉักรถไฟสมัยก่อน... บังเอิญเจ้าโก้เพื่อนอีกคนมองเห็นอะไรอีกฟากคลองแถวๆ ต้นโพธิ์... ร้องโวยวายขึ้นมาดื้อๆ
เสียงร้องของมัน ทำให้ผมกับเจ้าตุ๋ยหันขวับไปมอง... ภาพที่เห็นทำให้เย็นวาบไปทั้งตัว...ผู้ชายคนหนึ่งกำลังปีนป่ายอยู่บนกึ่งโพธิ์พอดี!
จู่ๆ ร่างนั้นก็หล่นพรวดลงมาห้อยต่องแต่ง พวกเราลุกพรวดขึ้นยืนพร้อมๆ กัน เจ้าตุ๋ยร้องลั่นแต่ว่า... เฮ้ยๆ คนผูกคอตาย! เล่นเอาเพื่อนบ้านโผล่ออกมาดู ก่อนจะเผ่นไปขึ้นทางรถไฟข้ามสะพานไปที่ต้นโพธิ์ เหน็ดเหนื่อยแทบจะขาดใจตาย
นรกเป็นพยาน! ที่นั่นมีแต่ความว่างเปล่า ยอดโพธิ์สะบัดกิ่งใบซู่ซ่า ฟังแล้วเยือกเย็นชวนให้วังเวงใจ...จะว่าเมา หรือตาฝาด แต่เราก็เห็นพร้อมกันทั้งสามคน
...ไม่รู้ว่าผีผูกคอตายตั้งแต่เมื่อไหร่ที่มาปรากฏกายให้เราเห็น ขนหัวลุกไปตามๆ กันซีครับ!
ขอขอบคุณข้อมูลจาก
คอลัมน์ ขนหัวลุก
โดย ใบหนาด
"เป้" เล่าประสบการณ์ขนหัวลุกจากสะพานดำบางซื่อ
ตั้งแต่เด็กๆ มาแล้วที่ผมได้ฟังเรื่องผีจากพวกผู้ใหญ่ เขาบอกว่าผีที่เจ็บไข้ได้ป่วยตายตามธรรมชาติ จะไม่ดุร้ายเหมือนพวกผีตายโหง ทั้งโดนฆ่า และฆ่าตัวตาย โดนรถชนตาย ตกน้ำตาย รวมทั้งตายด้วยอุบัติเหตุสยองต่างๆ ไม่ว่าไฟไหม้ ตกต้นไม้ตาย... ล้วนแต่ทำให้เกิดผีหลอกวิญญาณหลอนทั้งนั้น
แต่ไม่ว่าผีอะไรก็ไม่เฮี้ยนสุดขีดเท่ากับผีรถไฟทับตาย! บ้านผมอยู่ใกล้ๆ สถานีรถไฟบางซื่อซะด้วย แถวๆ สะพานดำที่ข้ามคลองประปา... กลัวซีครับ ทำไมจะไม่กลัว!
สมัยผมเด็กๆ น่ะ เกิดเหตุรถไฟทับคนตาย หรือใครจะเรียกว่าชนคนตายก็ได้ แต่ที่แน่ๆ คือ มีลุงขี้เมาแกเดินกอดขวดเหล้าเป๋ไปเป๋มาจนโดนรถไฟชนกระเด็นไปเป็นสิบๆ วา เนื้อตัวกลายเป็นซากเละเทะ แดงเถือกด้วยเลือดสดๆ คนดูถึงกับลมใส่ไปตามๆ กัน
อีกรายเป็นคนจรจัด มานอนบนรางรถไฟใกล้ๆ หมู่บ้าน... รายนี้แขนขาขาดกระเด็นไปคนละทิศละทาง ไม่ช้าก็มีผู้หญิงแม่ลูกอ่อนทะเลาะกับผัว อุ้มลูกเดินร้องไห้เข้าไปหารถไฟที่พุ่งมาจากบางซื่อ... อะไรจะไปเหลือล่ะครับ?เฮ้อ...
ที่เล่ามานั่นเฉพาะที่ผมรู้เห็นเท่านั้น แถมผีดุบรรลัยอีกต่างหาก!
ตอนกลางคืนมีคนเห็นร่างเละเทะเดินกอดขวดเหล้าไปตามทางรถไฟ ส่วนรายคนจรจัดที่แขนขาขาดก็คลานโหย่งๆ ให้คนเห็นหลายราย ยิ่งแม่ลูกอ่อนนั่น เธอเดินอุ้มลูกร้องไห้น่าสงสาร... แต่คนดวงซวยที่มองเห็นเข้า ย่อมจะไม่เกิดความรู้สึกเวทนาใดๆ แต่สติแตกร้องจ้าเป็นเจ๊กตื่นไฟ วิ่งเตลิดเปิดเปิง ล้มลุกคลุกคลานทุกคนไป... สถานีใหญ่โตระดับชุมทางบางซื่อน่ะ มีรถไฟผ่านทั้งสายเหนือ สายใต้ สายอีสาน เสียงล้อบดครางดังคึ่กๆ ระคนกับเสียงหวูดกรีดแหลมแทบจะทั้งวันทั้งคืนก็ว่าได้ เรื่องอุบัติเหตุชนคนตายน่ะหนีไม่พ้นอยู่แล้วครับ
พอโตขึ้นหน่อย ผมก็เพิ่งสังเกตเห็นต้นโพธิ์ใหญ่อยู่ที่ริมคลองประปา ติดกับสะพานดำพอดี กิ่งใบแผ่กว้างหนาทึบ ชนิดมองเห็นแล้ววังเวงใจชอบกล ชาวบ้านเรียกเจ้าพ่อโพธิ์ เชื่อถือกันว่าศักดิ์สิทธิ์น่าดู
ลุงม้วนคนข้างบ้านบอกผมว่า พวกผีที่ตายเพราะโดนรถไฟทับน่ะ ล้วนแต่ไปอาศัยอยู่ที่ต้นโพธิ์ กลายเป็นบริวารเจ้าพ่อไม่รู้ว่ากี่สิบรายมาแล้ว ก่อนนั้นก็เคยมีสาวอกหัก ดูเหมือนจะท้องอ่อนๆ ด้วย ปีนขึ้นไปผูกคอตาย เคยมีคนเห็นเธอนั่งร้องไห้อยู่ที่โคนต้นโพธิ์บ้าง ห้อยต่องแต่งอยู่บนกิ่งโพธิ์บ้าง... รายไหนก็รายนั้น เป็นวิ่งกระเจิงไม่คิดชีวิต บางรายถึงกับจับไข้หัวโกร๋นไปเลย
ผู้คนแถวนั้นที่นั่งรถไฟผ่านไปมาตอนกลางคืนก็เคยเล่ากันว่า ผีที่สะพานดำดุร้ายจนต้องเรียกว่าเฮี้ยนจัด อย่าบอกใครเชียว!
ขนาดรถไฟวิ่งมาเร็วๆ ยังมองเห็นอมนุษย์ห้อยโหนอยู่ตามราวสะพานเต็มไปหมด มีทั้งแขนขาขาด หัวขาด ตับไตไส้พุงห้อยร่องแร่ง บ้างก็แลบลิ้นปลิ้นตา จนถึงทำท่าจะชะโงกเข้ามาทางหน้าต่างรถไฟก็มี ผีดุอะไรจะปานนั้น?!สงสัยจะยังไม่ได้ไปอยู่กับเจ้าพ่อโพธิ์ หรือว่าได้รับอนุญาตให้มาตากอากาศ เลยฉวยโอกาสหลอกหลอนผู้คนเล่นดื้อๆ ยังงั้นเอง!
ผมกับเพื่อนอีกสองคนเคยเจอะเจอเรื่องขนหัวลุกเข้ากับตัวเอง เมื่อเรานั่งดวดดื่มในบ้านริมคลองประปาของเจ้าตุ๋ย หอบเหล้าโซดา น้ำแข็ง และกับแกล้มไปนั่งสำราญกันที่ระเบียงบ้าน ฝั่งนี้อยู่ตรงข้ามกับต้นโพธิ์ครับ
ตั้งแต่บ่ายแก่ๆ จนถึงใกล้ค่ำ คุยกันเรื่อยเปื่อยตามประสาขาเมา รถไฟเปิดหวูดจะเข้าจะออกสถานีทีก็หยุดเม้าธ์ทันที ฟังเสียงล้อเหล็กกระแทกรางโครมๆ เพลิดเพลิน ทำให้นึกถึงเสียงเพลงฉึกฉักรถไฟสมัยก่อน... บังเอิญเจ้าโก้เพื่อนอีกคนมองเห็นอะไรอีกฟากคลองแถวๆ ต้นโพธิ์... ร้องโวยวายขึ้นมาดื้อๆ
เสียงร้องของมัน ทำให้ผมกับเจ้าตุ๋ยหันขวับไปมอง... ภาพที่เห็นทำให้เย็นวาบไปทั้งตัว...ผู้ชายคนหนึ่งกำลังปีนป่ายอยู่บนกึ่งโพธิ์พอดี!
จู่ๆ ร่างนั้นก็หล่นพรวดลงมาห้อยต่องแต่ง พวกเราลุกพรวดขึ้นยืนพร้อมๆ กัน เจ้าตุ๋ยร้องลั่นแต่ว่า... เฮ้ยๆ คนผูกคอตาย! เล่นเอาเพื่อนบ้านโผล่ออกมาดู ก่อนจะเผ่นไปขึ้นทางรถไฟข้ามสะพานไปที่ต้นโพธิ์ เหน็ดเหนื่อยแทบจะขาดใจตาย
นรกเป็นพยาน! ที่นั่นมีแต่ความว่างเปล่า ยอดโพธิ์สะบัดกิ่งใบซู่ซ่า ฟังแล้วเยือกเย็นชวนให้วังเวงใจ...จะว่าเมา หรือตาฝาด แต่เราก็เห็นพร้อมกันทั้งสามคน
...ไม่รู้ว่าผีผูกคอตายตั้งแต่เมื่อไหร่ที่มาปรากฏกายให้เราเห็น ขนหัวลุกไปตามๆ กันซีครับ!
ขอขอบคุณข้อมูลจาก
คอลัมน์ ขนหัวลุก
โดย ใบหนาด
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น