ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    กลรัก กามเทพ

    ลำดับตอนที่ #5 : เรื่องจริง หรือแค่เข้าใจผิด 50%

    • อัปเดตล่าสุด 22 เม.ย. 57


    ตอนที่5 เรื่องจริง หรือเข้าใจผิด

    “ติ๊ดๆๆๆๆๆๆๆ”เสียงนาฬิกาปลุกรูปคิตตี้ที่ถูกตั้งเอาไว้เพื่อบอกเวลา ว่าเช้าวันใหม่ได้ย่างกรายมาถึงแล้ว มือบางเล็ก กดปิดไปที่ปุ่มนาฬิกาอย่างคุ้นเคย ณัฐชณิณกระพริบตาถี่ๆ เพื่อปรับกับแสงที่อยู่ภายในห้องสักพัก แล้วเธอจึงลุกขึ้นไปทำภาระกิจส่วนตัว ไม่นานนัก หญิงสาวก็เดินมาพร้อมในชุดกระโปรงยาวสีชมพูหวานน่ารัก ผมของเธอถูกรวบตึงขึ้นไปอย่างง่ายๆ ใบหน้าของเธอแม้จะแต่งหน้าอ่อนๆ แต่ด้วยผิวหน้าที่ขาวอมชมพูราวกับผิวเด็กทำให้ยิ่งสวยสะดุดตา ปากบางเล็กเป็นกระจับได้รูป ถูกแต่งแต้มไปด้วยลิปกลอสสีชมพู ทำให้เธอดูหวานมากยิ่งขึ้น วันนี้เธอตั้งนาฬิกาปลุกเร็วกว่าทุกๆวัน เพราะเธอตั้งใจว่าจะทำอาหารใส่บาตร และทำให้ทุกคนรับประทานด้วยฝีมือเธอเอง   

     

    “ตื่นตั้งแต่เช้าเลยนะคะคุณยาหยี” เมื่อเธอเดินลงมายังห้องครัวเสียงของป้าเสาว์ผู้เป็นแม่ครัวใหญ่ของคฤหาสน์อภิรักษ์รังสรรค์ได้เอ่ยถามขึ้น ป้าเสาว์เป็นเสมือนญาติผู้ใหญ่ของบ้านเลยก็ว่าได้ เพราะป้าเสาว์อยู่รับใช้คุณหญิงพรรณวรสตั้งแต่ท่านยังไม่ได้แต่งงาน เมื่อท่านออกเรือนมาป้าเสาว์ก็ยังตามมาคอยรับใช้ท่านไม่ห่าง

    “อรุณสวัสดิ์ค่ะป้าเสาว์”เสียงหวานพูดพร้อมกับส่งรอยยิ้มน่าเอ็นดูให้กับป้าเสาว์

    “ก็มื้อนี้หยีรับอาสาเป็นแม่ครัวให้ยังไงละคะ หยีให้ป้าเสาว์พักเหนื่อย 1 มื้อค่ะ”

    แม้ว่าณัฐชณิณจะเข้ามาอยู่ที่คหาสน์อภิรักษ์ได้ไม่นาน แต่ด้วยความที่เธอเป็นเด็กที่น่ารัก ไม่ถือตัวกับทุกคน ทำให้เป็นที่รักของทุกคนในบ้านอย่างง่ายดาย

     “งั้นป้าจะเป็นลูกมือ คอยช่วยคุณยาหยีอีกแรงล่ะกันนะคะ นั่งเฉยๆ มันเมื่อยค่ะ”

     “ตกลงค่ะ งั้นเรามาเริ่มกันเลยนะคะ”

    ณัฐชณิณเริ่มลงมือทำอาหารอย่างตั้งใจ หญิงสาวไม่ได้ติดขัดอะไรในเรื่องทำอาหารเลย เพราะตอนที่เธออยู่ที่บ้านของเธอ เธอช่วยมารดาผู้เป็นที่รักทำอาหารตลอด ทำให้เธอชำนาญ และฝีมือทำอาหารไม่เป็นสองรองใคร ซึ่งทุกคนก็ต่างรู้รสมือของเธอเป็นอย่างดี

    ผ่านไปพักใหญ่อาหารที่ณัฐชณิณได้ลงมือทำ ก็เป็นรูปเป็นร่างและเสร็จเรียบร้อย หญิงสาวตักแยกไว้เพื่อที่จะนำไปตักบาตรที่หน้าบ้าน

    “ยาหยีเสร็จแล้วเหรอลูก กลิ่นหอมลอยตลบอบอวนไปทั้งบ้านเลย”เสียงคุณหญิงพรรณวรสกล่าวชื่นชม เพราะได้กลิ่นก็รู้แล้วว่าอาหารต้องอร่อยแน่ๆ

    “ค่ะคุณหญิงป้าเสร็จพอดีได้เวลาพระใกล้จะมาแล้วเราออกไปตักบาตรกันเลยดีกว่าค่ะ”ณัฐชณิณชวนป้าของเธอพร้อมกับยกถาดอาหารที่เธอเตรียมไว้เดินออกไปพร้อมกัน

    การตักบาตรผ่านไปด้วยความอิ่มเอิบใจ ณัฐชณิณรู้สึกดีทุกครั้งที่เธอได้ตักบาตร มันทำให้หัวใจของเธอมีความสุขและทำให้คลายความคิดถึงผู้เป็นบิดาและมารดาลงได้บ้าง เพราะเมื่อก่อน ทุกเช้าเธอจะต้องลุกขึ้นมาช่วยมารดาทำอาหารเพื่อที่จะตักบาตรจนติดเป็นนิสัย เมื่อมาอยู่ที่นี่หญิงสาวก็เลยอดไม่ได้ที่จะทำเหมือนกับเมื่อก่อน

    ณัฐชณิณได้เล่นไปรอบบ้านหลังใหญ่ ที่ถูกประดับประดาไปด้วยดอกไม้และต้นไม้มากมายทำให้เธอย้อนนึกถึงเรื่องราวเมื่อห้าปีก่อนที่ตอนนั้นเธอเคยสงสัยว่าทำไมครอบครัวของคุณหญิงป้าและครอบครัวของเธอจึงมีฐานะแตกต่างกันนัก ที่นี่เป็นคหาสน์หลังใหญ่โอ่อ่า แต่ที่บ้านของเธอเป็นเพียงบ้านหลังเล็กๆที่อยู่บนเขา มารดาของเธอกับคุณหญิงป้าได้เป็นพี่น้องกันจริงๆแน่หรือ มารดาของเธอจึงได้เล่าให้เธอฟังว่า

    “คุณตากับคุณยายของหนูท่านเป็นผู้ดีเก่ามีทั้งสกุลที่ดีและก็ทรัพย์สมบัติที่มากมาย ท่านมีลูกสาวเพียงสองคนเท่านั้นคือคุณหญิงป้าพรรณวรสและแม่ พรรณวริน ท่านรักแม่และคุณหญิงป้ามากๆ  วันหนึ่งท่านทั้งสองได้หาคู่ครองที่เหมาะสมกับแม่และป้าของหนูไว้ให้ ป้าของหนูยอมแต่งงานกับคนที่ท่านหามาให้ แต่แม่ไม่ยอมเพราะตอนนั้นแม่ได้รักอยู่กับพ่อของหนู คุณอเนก  เมื่อคุณตากับคุณยายรู้เรื่องเข้า ท่านก็สั่งห้ามไม่เจอกันอีก เพราะครอบครัวของคุณอเนกเป็นเพียงชาวไร่ชาวเขาเท่านั้น ไม่เหมาะสมที่จะมาเป็นเขยขวัญตระกูลใหญ่ของท่าน พ่อกับแม่ก็เลยตัดสินใจหนีมาด้วยกัน และมาอยู่ที่เชียงใหม่ซึ่งเป็นบ้านของปู่กับย่าของหนู พอคุณตาคุณยายรู้เข้าก็เลยตัดแม่ออกจากตระกูล และไม่นับว่าแม่เป็นลูกสาวของท่านอีกต่อไป ตอนแรกแม่ก็รู้สึกแย่มากที่เป็นลูกอกตัญญู และการมาอยู่ในป่าในเขาก็เป็นเรื่องยากสำหรับแม่มาก แต่ด้วยความรักจากคุณพ่อของหนูทำให้แม่ผ่านกับสถานการณ์เลวร้ายต่างๆมาได้” เมื่อณัฐชณิณในวัย17ขวบได้ฟังจบ ทำให้เธอซาบซึ้งกับความรักของบิดามารดาที่มีต่อกันเป็นอย่างมาก

    “หนูอยากเจอคนที่รักหนูแบบที่คุณพ่อรักคุณแม่จังเลยค่ะ วันนั้นหนูคงจะมีความสุขมากเหมือนกับคุณแม่ในวันนี้ ”เมื่อได้ฟังลูกสาวพูดจบมารดาถึงกับยิ้ม และดึงลูกสาวเข้ามากอดอย่างเอ็นดู

     

    “ยาหยี ยาหยี กำลังคิดอะไรอยู่เหรอลูก ป้าเรียกตั้งนาน ไม่เห็นตอบ ป้าเลยเดินมาดู”

    “อ้อ ขอโทษค่ะ หยีกำลังคิดถึงคุณพ่อคุณแม่อยู่ค่ะคุณหญิงป้า”

    “นึกว่าเรื่องอะไร ไม่เห็นยากเลย คิดถึงก็โทรไปหาสิจ๊ะ ไม่งั้นก็นั่งเครื่องไปสิลูก ใกล้แค่เชียงใหม่แป็บเดียวก็ถึง”

    “ก็จริงของคุณหญิงป้านะคะ แต่หนูโทรไปอย่างเดียวดีกว่า เพราะมาอยู่ที่นี่ได้ไม่นานแล้วรีบกลับไป กลัวท่านทั้งสองจะเป็นกังวลว่าหยีทำตัวเป็นเด็ก ทำให้คุณหญิงป้าลำบากใจนะค่ะ”

    “เอาอย่างนั้นก็ได้ลูก เดี๋ยวถ้าหากกลับไปแล้วยัยรินกับพ่ออเนกไปยอมให้เรากลับมาอีก ป้าคงจะคิดถึงหนูแย่เลย”

    “แล้ววันนี้ยาหยีอยากออกไปเที่ยวที่ไหนมั้ยลูก วันจันทร์หน้าหนูจะต้องไปทำงานแล้ว ไม่อยากออกไปเที่ยวเล่นที่ไหนหน่อยเหรอจ๊ะ พอเริ่มงานแล้วจะมาบ่นอยากไปเที่ยวไม่ได้นะ”คุณหญิงพรรณวรสเอ่ยถามหลานสาวอย่างเอ็นดู

    “ยังไม่ทราบเหมือนกันค่ะคุณหญิงป้า หยีไม่ค่อยรู้จักสถานที่ในเมืองกรุงสักเท่าไหร่ และก็ไม่มีเพื่อนไปด้วย”

     “ก็ให้ตานนท์ไปเป็นเพื่อนสิ แต่ต้องรอพี่เขาหน่อยนะ กว่าจะตื่นได้คงบ่ายน่ะ และหนูต้องสัญญากับป้าก่อนนะ ว่าจะไม่ไปไหนคนเดียวอีกเป็นอันขาด ถ้าเกิดเรื่องแบบวันนั้นอีก รอบนี้ป้าคงหัวใจวายตายแน่นอน”

    “ค่ะคุณหญิงป้า หยีสัญญา ว่าจะไม่ทำอีกแล้ว อย่าพึ่งเป็นอะไรนะคะ หยีรักคุณหญิงป้าที่สุดในโลกเลย”หญิงสาวพร้อมกับโผเข้ากอด และหอมผู้เป็นป้าด้วยความรักและรู้สึกผิด

    คุณหญิงพรรณวรสรู้สึกรักและเอ็นดูหลานสาวเป็นอย่างมากอาจคงเป็นเพราะเธอคือลูกของน้องสาวที่ท่านรักมาก แม้ว่าตอนนั้นจะมีเรื่องเกิดขึ้นมากมาย แต่ท่านก็ไม่เคยขาดการติดต่อจากน้องสาวคนนี้เลย

    สองป้าหลานพูดคุย หัวเราะกันอย่างมีความสุขพลางชมดอกไม้ ต้นไม้ในสวนอย่างเพลิดเพลิน

    “เอ๊ะ!นั่นเสียงรถใครมาบ้านเราตั้งแต่เช้าเลยน่ะ”คุณหญิงพรรณวรสเอ่ยถามหลานสาวอย่างสงสัย เมื่อได้ยินเสียงรถวิ่งเข้ามาภายในตัวคฤหาสน์

     “นั่นสิคะเดี๋ยวหยีไปดูให้นะคะ” ณัฐชณิณขอตัวผละจากผู้เป็นป้า แล้วเดินไปดูว่าบุคคลปริศนาที่มาในเช้าวันนี้เป็นใครกันแน่ เมื่อเธอได้พบก็ทำให้เธอรู้สึกดีอย่างบอกไม่ถูก

     “อรุณสวัสดิ์ครับยาหยี” เสียงนุ่มเปล่งออกมา ทำเอาคนฟังแทบอยากจะหยุดหายใจ

     “อะ..อรุณสวัสดิ์ค่ะพี่ฮีโร่ พี่มาหาพี่นนท์แต่เช้าเลยนะคะ แต่วันนี้เป็นวันหยุด อีกนานกว่าที่พี่นนท์จะตื่น แต่ยังไงเดี๋ยวหยีไปปลุกให้ก็ได้ค่ะ” ทั้งๆที่พชรกรยังไม่ได้บอกว่าเขามีธุระอะไรที่มาตั้งแต่เช้าในวันนี้ หญิงสาวก็รู้ดีว่า เขาคงไม่ได้มาหาเธอแน่ๆ  ถึงเธออยากจะให้เขามาหาเธอมากแค่ไหนก็ตาม แต่มันก็คงจะเป็นไปไม่ได้

     “ไม่เป็นไรหรอกยาหยี พี่ไม่ได้รีบอะไร” พชรกรตอบพร้อมกับส่งรอยยิ้มหวานกลับมา

    แปลกจังเลย ไม่ได้รีบแต่ต้องมาตั้งแต่เช้าเลยเหรอณัฐชณิณครุ่นคิดภายในใจ

    “งั้นเดี๋ยวหยีไปเรียนคุณหญิงป้าก่อนนะคะว่าพี่ฮีโร่มา คุณหญิงป้าท่านกำลังรอในสวนค่ะ”

    “งั้นไปพร้อมกันเลยดีกว่าพี่ว่า” ยังไม่ทันที่ณัฐชณิณจะเอ่ยอะไรออกมาพชรกรก็ฉวยโอกาสคว้ามือเล็กเข้ามาจับแล้วเดินนำไป อย่างรู้และชำนาญทางราวกับเป้นของตัวเอง

    คุณหญิงพรรณวรสมองเห็นสองหนุ่มสาวเดินจับมือกันมาตั้งแต่ไกลๆ ก็พอจะเดาสถานการณ์ได้ว่าพชรกรนั้นมาทำอะไรตั้งแต่เช้า

    “สวัสดีครับคุณป้า คุณป้าสบายดีมั้ยครับ ขอโทษที่ผมมารบกวนแต่เช้าเลย”พชรกรยกมือขึ้นทำความเคารพคุณหญิงพรรณวรสอย่างนอบน้อม

     “รบกง รบกวน อะไรกันล่ะตาฮีโร่ ลืมไปแล้วเหรอว่าเราคนกันเอง ส่วนเรื่องสุขภาพของป้าช่วงนี้ก็ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ รู้สึกหน้ามืดบ่อยๆ สงสัยเป็นโรคชราแล้วล่ะ แล้วพ่อกับแม่ของเราสบายดีมั้ย”

     “ท่านทั้งสองสบายดีครับวันนี้ท่านฝากซุปไก่มาให้คุณป้าด้วย คุณป้าจะได้แข็งแรง สวยๆแบบนี้ไปตลอดยังไงล่ะครับ”

    “ปากหวานเสียจริง พ่อคุณ แล้ววันนี้ทานอาหารเช้ามาหรือยัง วันนี้ยาหยีเขาลงมือทำอาหารด้วยตัวเองเลยนะ ถ้าไม่กินจะเสียใจ อร่อยอย่าบอกใครเลยล่ะ”คุณหญิงพรรณวรสกล่าวชื่นชมรสมือของหลานสาวอย่างภูมิใจ ทำเอาหญิงสาวยิ้มแก้มปริ

    “ไม่ขนาดนั้นหรอกค่ะคุณหญิงป้า”ณัฐชณิณบอกอย่างเขินๆ

     “เอาอย่างนี้ดีกว่าเราไปทานกันเลย ยังไงตาฮีโร่ค่อยตัดสินใจว่าป้าพูดถูกรึเปล่า”

    ทั้งสามพากันเดินมายังโต๊ะอาหาร ซึ่งมีป้าเสาว์และเด็กรับใช้อีกสองคนได้เตรียมไว้อยู่ก่อนแล้ว เมื่อพชรกรได้เห็นอาหารแต่ละอย่างถึงกับยิ้มไม่ยอมหุบ เพราะอาหารทุกอย่างล้วนแต่เป็นอาหารที่เขาชอบทั้งนั้น

    “งั้นผมไม่เกรงใจแล้วนะครับ”พชรกรลงมือรับประทานอาหาร ตลอดเวลาเขาตั้งใจรับประทานโดยไม่ปริปากสักคำ ทำเอาคนที่ลงมือทำอาหารถึงกับทำสีหน้าไม่ถูก ว่าเขาถูกใจหรือไม่ถูกใจกันแน่

    “ตาฮีโร่เป็นยังไงบ้าง อร่อยอย่างที่ป้าบอกหรือเปล่า”ประมุขของบ้านเริ่มเปิดบทสนทนา

    “คือ อาหารฝีมือยาหยีมัน เอ่อ...”

     “มันไม่อร่อยเหรอคะพี่ฮีโร่” ยังไม่ทันที่พชรกรจะพูดจบณัฐชณิณก็รีบพูดแทรกขึ้นมาทันที พร้อมกับทำหน้าตาผิดหวังอย่างมาก

     “ใครบอกล่ะครับว่ามันไม่อร่อย พี่แค่กำลังจะบอกว่า มันอร่อยมากๆเลยต่างหากล่ะครับ ถ้าอย่างนั้นต่อไปนี้ พี่จะขอฝากท้องที่นี่ทุกวันเลยได้ไหม”คำพูดของพชรกรทำเอาณัฐชณิณยิ้มแก้มแทบปริ ประมุขของบ้านเมื่อได้ยินดังนั้นก็อดที่จะขำไม่ได้ เมื่อท่านมองด้วยสายตาเพียงแวบเดียวท่านก็รู้ว่าเด็กทั้งสองคน ต้องมีอะไรบางอย่างต่อกันอย่างแน่นอน

    “วันนี้ตาฮีโร่มีธุระไปไหนมั้ยลูก” คุณหญิงพรรณวรสเอ่ยถามขึ้น

    “วันนี้ผมว่างทั้งวันเลยครับ คุณป้ามีอะไรหรือเปล่าครับ”

    “คือวันนี้ยาหยีเขาอยากออกไปเที่ยว แต่ไม่มี่เพื่อนพาไป ป้าก็แก่ล่ะเดี๋ยวเขาจะเที่ยวไม่สนุก ไปเป็นภาระเขาเปล่าๆ ส่วนตานนท์ก็ไม่รู้ว่าจะลงมาจากห้องตอนไหน เห็นเมื่อคืนกลับซะดึกดื่น เลยไม่อยากไปกวนเขา ตาฮีโร่พอจะว่างไปเป็นเพื่อนน้องไหม ถ้ารบกวนก็ไม่เป็นไรนะลูก”

    “รบกวนอะไรกันครับคุณป้า ยาหยีเป็นหลานสาวคุณป้าก็เหมือนเป็นครอบครัวของผมเหมือนกัน”พชรกรแกล้งเน้นคำว่าครอบครัว ทำเอาหญิงสาวที่อยู่ตรงหน้าแก้มร้อนผ่าวอย่างฉับพลัน

    “ว่ายังไงยาหยี ป้าว่าเราไปกับพี่เขาก็ดีนะ ป้าจะได้ไม่ต้องเป็นห่วง”

     “ก็ได้ค่ะคุณหญิงป้า”หญิงสาวตอบเสียงเรียบๆไปอย่างนั้น แต่ในใจเต้นโครมครามอย่างไม่เป็นจังหวะ

    พชรกรรู้สึกอยากขอบคุณคุณหญิงพรรณวรสเป็นอย่างมากที่ได้ทำให้เขาได้มีเวลาอยู่ใกล้ๆกับหญิงสาวที่เขารอคอยมาตลอดชีวิต ซึ่งเมื่อเขาได้มาพบเธออีกครั้งมันทำให้แน่ใจว่าชีวิตของเขาพร้อมแล้วที่จะหยุดเพื่อใครสักคน

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×