คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : แม่พระแห่งเลาส์
สถานที่ประจักษ์ : เมืองแซงต์ เอเตียง ดาวองซอง (Saint-Etienne DAvancon) ใต้บริเวณเทือกเขาแอลป์ ประเทศฝรั่งเศส
ประจักษ์แก่ : เบเบดิกตา ร็องกูเรล
ระยะเวลาการประจักษ์ : 54 ปี ระหว่างค.ศ.1664-1718
สักการสถานแม่พระแห่งโลส์
พระคาร์ดินัลชาวิเอร์ โลซาโน บาร์รากัง พระอัครสังฆราชแห่งฟาลโกกล่าวว่า “ข้าพเจ้าขอรับรองการประจักษ์ที่เป็นเหตุการณ์อัศจรรย์ครั้งนี้ รวมถึงคำพูดและประสบการณ์ที่เบเนดิกตา เรนกูเรล ได้เล่าเรื่องราวเกี่ยวกับการประจักษ์ของแม่พระ ข้าพเจ้าเชิญชวนผู้เชื่อศรัทธาทุกท่านให้มาเยือนและภาวนาเพื่อฟื้นฟู จิตวิญญาณ ณ สักการสถานแห่งนี้”
พระคาร์ดินัลโลซาโน กล่าวว่า “ไม่มีใครบังคับให้เราเชื่อในการประจักษ์ของแม่พระ แม้ในเหตุการณ์การประจักษ์ครั้งอื่นๆ ที่พระศาสนจักรรับรองแล้ว แต่หากการประจักษ์ของพระแม่จะช่วยเราให้เชื่อศรัทธาและดำเนินชีวิตประจำวันได้มีความสุขขึ้น ก็ไม่มีเหตุผลสมควร ที่จะปฏิเสธเรื่องนี้”
การตั้งข้อสมมุติฐานข้างต้น พระ-คาร์ดินัลโลซาโนเจตนาที่จะตอบพรรคคอมมิวนิสต์ในฝรั่งเศส ที่ออกมาโต้แย้งการประกาศรับรองการประจักษ์ของ
แม่พระ ผ่านสำนักวาติกัน ซึ่งแสดงความเห็นว่า “เป็นชนวนก่อให้เกิดความแตกแยกระหว่างพระศาสนจักรและรัฐบาล”
ทุกๆ ปี จะมีผู้แสวงบุญมาเยือนสักการสถานแม่พระแห่งโลส์ ประมาณ 120,000 คน นายชอง กุยตอง นักปรัชญาคาทอลิก เรียกสักการสถานแห่งนี้ว่าเป็นหนึ่งใน “สักการสถานที่ซ่อนเร้นและอัศจรรย์ที่สุดแห่งทวีปยุโรป”
สารของแม่พระ
เบเนดิกตา เรนกูเรล เกิดวันที่ 16 กันยายน ค.ศ. 1647 ที่เมืองแซงต์ เอเตียง ดาวองซอง (Saint-Etienne DAvancon) ตอนใต้บริเวณเทือกเขาแอลป์ บิดาเสียชีวิตตั้งแต่เธออายุได้ 7 ปี ทำให้เธอหมดโอกาสที่จะได้เรียนเขียนและอ่านหนังสือ ความรู้ที่เธอมีจึงได้รับจากการฟังบทเทศน์ของมิสซาประจำวันอาทิตย์วันหนึ่งในเดือนพฤษภาคม ค.ศ. 1664 ขณะที่เบเนดิกตา กำลังเลี้ยงสัตว์ของเพื่อนบ้าน และในเวลาเดียวกันก็สวดสายประคำ เธอได้เห็นสตรีคนหนึ่งอุ้มเด็กเล็กๆ น่ารักอยู่ในวงแขน มีแสงประกายสุกใสรอบบริเวณร่างของสตรีที่ยืนอยู่บนหินก้อนหนึ่ง เบเนดิกตาอุทานออกมาว่า “สตรีที่แสนงดงาม เธอขึ้นไป
ทำอะไรบนนั้นหรือ อยากจะลงมารับประทานอาหารด้วยกันกับฉันไหมล่ะ ฉันมีขนมปังดีๆ ซึ่งเราสามารถนำน้ำจากน้ำพุพรมให้ขนมปังนุ่มได้” กิริยาและคำพูดที่เรียบง่ายของหนูน้อย ทำให้รอยยิ้มปรากฏบนใบหน้าสตรีคนนั้น แต่เธอไม่ได้ตอบคำถามใดๆ ของเธอ เบเนดิกตาจึงพูดต่อไปว่า “สตรีที่แสนสวย หนูขอเด็กน้อยคนนั้นที่คุณอุ้มอยู่ได้ไหมคะ เพราะเขาจะทำให้เรามีความสุข” สตรีคนนั้นยิ้มอีกครั้ง และก็ไม่ตอบคำถามเช่นกัน หลังจากประจักษ์ให้หนูน้อยเบเนดิกตาเห็น นาน 2-3 นาที เธอจึงเดินหายลับตาเข้าไปในถ้ำ
สตรีคนเดิมประจักษ์ให้เบเนดิกตาเห็นทุกวัน ตลอดระยะ 4 เดือน พูดคุยกับเธอและเตรียมเธอสำหรับงานธรรมทูตในอนาคต เบเนดิกตาได้เล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นให้สตรีที่เป็นเจ้าของฝูงสัตว์ที่เธอดูแลได้ฟัง แต่เธอไม่เชื่อในคำบอกเล่าของเบเนดิกตา
วันหนึ่งสตรีที่เป็นเจ้าของฝูงสัตว์ได้แอบตามเบเนดิกตาไปยังทุ่งหญ้าโฟร์ส วัลเลย์ เมื่อแม่พระประจักษ์แก่เบเนดิกตา สตรีนั้นมองไม่เห็นแม่พระ แต่ได้ยินเสียงที่แม่พระ ตรัสเตือนเธอผ่านหนูน้อยเบเนดิกตา ว่าวิญญาณของเธอกำลังตกอยู่ในอันตราย แม่พระกำชับให้เบเนดิกตาบอกให้เธอพลีกรรมเพื่อใช้โทษบาป สตรีคนนั้นสะเทือนใจที่ได้ยินคำพูดของแม่พระ เธอกลับไปแก้บาปรับศีลและดำเนินชีวิตศรัทธาตลอดระยะเวลาที่มีชีวิตในโลกนี้
วันที่ 29 สิงหาคม ค.ศ. 1664 เบเนดิกตาถาม “สตรีที่ประจักษ์มา” ว่าเธอชื่ออะไร แม่พระตรัสตอบว่า “ฉันชื่อ มารีย์”ฤดูหนาว ค.ศ. 1664-1665 เบเนดิกตาได้ไปที่โลส์บ่อยๆ แต่ละครั้งก็ได้เห็นการประจักษ์ของแม่พระ ผู้ซึ่งบอกให้เธอ “สวดภาวนาอย่างสม่ำเสมอเพื่อคนบาป” ข่าวเกี่ยวกับการประจักษ์ของแม่พระจึงรู้กันทั่วไป
วันที่ 18 กันยายน ค.ศ. 1665 เมื่อเบเนดิกตาอายุได้ 18 ปี การประจักษ์ของแม่พระก็เป็นที่รู้จักและมีผู้เชื่อศรัทธามาแสวงบุญจำนวนมาก โดยเฉพาะ
ในระดับสังฆมณฑล ในฤดูใบไม้ร่วงก็ได้มีการก่อสร้างวัดเล็กๆ เพื่อรองรับผู้เชื่อศรัทธาหลายร้อยคนที่เดินทางมาแสวงบุญ
การประจักษ์มาของแม่พระที่โลส์ มีจุดประสงค์เพื่อเป็นที่พักพิงของคนบาปและเป็นโอกาสให้พวกเขาได้กลับใจ ทุกครั้งที่แม่พระประจักษ์ พระแม่จะเตือนคนบาปถึงความจำเป็นที่จะเป็นทุกข์ถึงบาป แม่พระยังบอกเบเนดิกตาอีกว่า “น้ำมันที่จุดตะเกียงในวัด จะช่วยให้เกิดอัศจรรย์การรักษาผู้ทุพพลภาพ หากพวกเขาได้รับการเจิมด้วยความเชื่อ ผ่านการวอนขอความช่วยเหลือจากแม่พระ”เบเนดิกตาทำตามหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายจากแม่พระอย่างจริงจัง เธออุทิศตนเอง เตรียมคนบาปให้รับศีลอภัยบาปอย่างดี เธอยังขอให้พระสงฆ์ประจำสักการสถาน 2 องค์ ให้ยินดีต้อนรับผู้เป็นทุกข์ถึงบาปด้วยความเมตตาเพื่อช่วยให้พวกเขาได้กลับใจ
พระแม่มารีย์ยังขอให้เบเนดิกตา ตักเตือนบรรดาสตรีและเด็กสาวเกี่ยวกับการดำเนินชีวิตผิดศีลธรรมที่น่าอดสู โดยเฉพาะสตรีที่ทำแท้ง ความร่ำรวยที่ได้มา โดยไม่บริสุทธิ์ และคนที่ดึงดันในความผิดที่กระทำ แม่พระยังเป็นกำลังใจแก่พระสงฆ์และนักบวชให้ยืนหยัดมั่นคงในกระแสเรียกของพวกเขา
ระหว่าง ค.ศ. 1669 และ 1679 เบเนดิกตาได้เห็นการประจักษ์ของพระเยซูเจ้า ผู้รับทนทุกข์ทรมานถึง 5 ครั้ง ต่อมาในวันศุกร์ของเดือนกรกฎาคม ค.ศ. 1673 พระเยซูเจ้าผู้ทนทุกข์ได้ประจักษ์และตรัสกับเธอว่า “ลูกรัก พ่อประจักษ์ให้ลูกได้เห็นภาพที่ทนทุกข์เช่นนี้ เพื่อเชื้อเชิญลูกให้มีส่วนร่วมในพระมหาทรมานนี้”
หลังจากที่เบเนดิกตาทำพลีกรรมสม่ำเสมออย่างต่อเนื่องตลอด 20 ปี และได้เห็นการประจักษ์ของแม่พระอย่างต่อเนื่อง เธอรับศีลมหาสนิทวันพระคริสตสมภพ ค.ศ. 1718 อีกสามวันต่อมา วันที่ 28 ธันวาคม ค.ศ. 1718 ขณะอายุ 71 ปี เธอรับศีลอภัยบาป และรับศีลมหาสนิทเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนมรณภาพ เวลา 2 ทุ่มของวันนั้นเธอได้จุมพิตไม้กางเขนและสิ้นใจอย่างสงบ
ปัจจุบันสักการสถานแม่พระแห่งโลส์ อยู่ในความดูแลของพระสงฆ์สังฆมณฑล โดยมีนักบวชชายคณะเซนต์จอห์น ช่วยงานอภิบาลส่งเสริมให้คริสตชนมาขอรับศีลอภัยบาป ทางด้านขวาของวัดมีทางเดินไปยังห้องฟังแก้บาปซึ่งมีพระสงฆ์ประจำตลอดทั้งวัน
(หนังสือพิมพ์ข่าวคาทอลิกรายสัปดาห์ อุดมสาร ปีที่ 32 ฉบับที่ 27 ประจำวันที่ 29 มิถุนายน - 5 กรกฎาคม 2008)
ความคิดเห็น