ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    I can’t stop ความรักไม่ได้ดูกันแค่ภายนอก

    ลำดับตอนที่ #2 : บทที่ 1

    • อัปเดตล่าสุด 14 ม.ค. 56


    บทที่ 1

           จิ๊บ จิ๊บ จิ๊บ จิ๊บ

             แสงตะวันยามเช้าส่องลงมากระทบใบหน้าของผม พร้อมกับสียงนกน้อยตัวหนึ่งที่ร้องจิ๊บๆในท่วงทำนองเหมือนที่ไอพวกคนแคระตัวสีฟ้าเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ ผมลุกขึ้นล้างหน้า แปรงฟัน และบลาๆๆ เอ่อ...ก็ที่เรียกว่ากิจวรรตประจำวันทั้งหลาย

             ป.ล.ก็อย่างที่ได้แนะนำตัวไปแล้วในบทนำ ครานี้ผมจะไม่แนะนำอีกเพราะเดี๋ยวกลัวว่าจะสติแตกตาย เผลอๆเดี๋ยวทำให้เนื้อเรื่องเปลี่ยนไปด้วย ขออภัยเป็นอย่างสูง

             “น่าเบื่อ” ผมเผลอพูดประโยคที่น่าหดหู่ในวันที่อากาศแจ่มใสออกมา

             เพราะว่าผมไม่มีอะไรทำ เดินเล่นเรื่อยเปื่อยอยู่ในเมือง ช่างน่าเบื่อ คุณเคยเป็นอย่างผมไหมล่ะ? ผมคิดพลางทำหน้ามุ่ยตามประสาคนอารมณ์ไม่ดี ฉับพลัน...

            “ว้าย!” ผมก็ได้ยินเสียงร้องจากสาวสวย น่ารัก ฟูฟ่องคนหนึ่ง...แอเรียสนั่นเอง - - เธอกำลังเก็บมันฝรั่งที่ตกกองอยู่บนพื้น แล้วร้องวี้ดว้าย ขอโทษขอโพยเจ้าของร้าน ก่อนที่จะวิ่งหนีไปโดยไม่จ่ายตังค์  แอเรียสเธอเป็นคนแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไรกัน =[]=!!!

              ผมล่ะเบื่อจริงๆเลยผู้หญิงแบบนี้ ผมแอบลอบถอนหายใจออกมาเบาๆ และเดินผ่านร้านขายมันฝรั่งอย่างไม่แยแสเรื่องที่เกิดขึ้น ในขณะเดียวกันแม่ค้าก็โวยวายหนักขึ้น ถ้ามึงไม่ใช่ผู้หญิงก็จะถีบส่งให้

              “ป...เป็นอะไรไปน่ะ...คะ?”

              อยู่ดีๆก็มีเสียงทรงเสน่ห์ดังขึ้น และก็ไม่ใช่ใคร แอเรียสนี่เอง -.-

            “ใคร? เป็นอะไร? ที่ไหน? อย่างไร?” ผมถามรัวโดยที่ไม่สนใจว่าอีกฝ่ายจะทำหน้าอย่างไร

              “คือ.......ว่า คุณ ทำหน้าหงุดห......หงิด ล..แล้ว...ที่นี่ ทำหนหงุดหงิด?” ผมพูดตามตรงว่าผมไม่เข้าใจคำตอบของเธอ ผมเบือนสายตาไปทางอื่น ก่อนท่จะโพล่งประโยคหนึ่งออกมาซึ่งทำให้เธอสะดุ้ง

              “ฉันเห็นเธอขโมยมันฝรั่งแล้วหนีด้วยล่ะ”

             ผมพูดโดยไม่สนใจมองอีกฝ่าย หลังจากจบประโยคนี้พวกเราก็ยืนอยู่ตรงนั้นราวๆ 5 นาทีไม่ไปไหน ผมมองไปบนท้องฟ้าแจ่มใส ส่วนเธอคงจะก้มลงดินมืดทะมึน

             “ฉันไปก่อนนะ”

             “ค...ค่ะ ขอโทษนะคะ”

             หลังจากนั้นผมก็เดินจากไปจากจุดนั้น เนื่องจากคาดว่าถ้ายืนอยู่นิ่งๆโดยไม่ขยับหรือไม่พูดอะไรคนคงนึกว่าเราเป็นหุ่นอย่างแน่นอน  และผมก็ค่อนข้างเบื่อด้วย

             “โลลลลลลลลลลลลลลลลลลลลลลลลลลลลลกิกิกิกิกิกิกิกิกิกิกิกิกิกิกิกิกิกิกิกิกิกิกิกิกิกิกิกิกิกิกิกิกิกิกิกิกิก!!!!!!!!!!

             อยู่ดีๆก็มีเสียงหญิงสาวจำนวนไม่น้อยกว่าสิบเรียกผมจากด้านหลัง ไม่สิ พวกเธอวิ่งมาด้วย ถ้าในแต่ก่อนผมคงไปหาพวกเธอตั้งแต่พวกเธอเรียกครั้งแรกแต่คราวนี้...ผมขอโกยแนบละกัน =_=/

            “โลลลลลลลลลลลลลลลลลลลลลลลลลลลลลกิกิกิกิกิกิกิกิกิกิกิกิกิกิกิกิกิกิกิกิกิกิกิกิกิกิกิกิกิกิกิกิกิกิกิกิกิก!!!!!!!!!!

              พวกเธอยังคงเรียกและวิ่งต่อไป ผมตั้งท่า...เตรียมตัว(อีก 20 ซม. พวกผู้หญิงจับได้) ระวัง(อีก 5 ซม.พวกผู้หญิงจับได้)...ไป!!! ผมออกตัววิ่งอย่างแรงและระยะห่างก็ห่างไปเรื่อยๆ ผมวิ่งเข้าบ้านพลางคิดว่า...เมื่อไรกันนะ เมื่อไรกัน วันน่าเบื่อเหล่านี้จะผ่านไปเสียที...เมื่อไรกันนะ

               เช้าวันรุ่งขึ้น...

             ผมลุกขึ้นมาล่างหน้าแปรงฟัน ทานอาหารว่างและกลับมานอนต่อ เช้าวันนี้อากาศหหดหู่ดูท่าทางฝนจะตก แต่ทำไมผมกลับอารมณ์ดีชอบกล

               ผมมองและหันหน้าไปทางหน้าต่าง เห็นท้องฟ้าคำรามและร้องไห้ออกมา และผมก็หลับไปโดยไม่รู้ตัว

               ผมตื่นขึ้นมาอีกทีตอนเย็นและหิวมาก แต่พอไปค้นในตู้เย็นกลับพบแต่ความว่างเปล่า จึงออกจากบ้านไปหาของกินโดยที่ไม่ลืมถือร่มไปด้วยด เพราะฝนยังไม่หยุดตก...

               “คุณกำลังจะมีเคราะห์เรื่องความรัก”

              อยู่ๆหูของผมก็แว่วๆได้ยินเสียงหญิงชรา ผมหันซ้ายหันขวาแต่ทว่าไม่พร่องรอยต้นตอของเสียง ผมรีบเดินห่างออกมาจากอาณาเขตบ้าน...เกรงว่าผมคงจะโดนผีหลอกเสียแล้วสิ

              ผมเดินตรงไปยังร้านขายอาหารขาประจำแล้วสั่งอาหารราคาไม่แพงมากอยู่อย่างหนึ่งก่อนที่จะเดินกลับบ้าน ฝนตกลงมมาซ่าใหญ่ทำให้มองไม่ค่อยเห็นทาง ผมจึงรีบไปหลบตรงร้านหนังสือที่ไม่ค่อยมีคนอยู่

              เจ้าของร้านใจดีมากให้พวกเราหลบฝน ผมขออณุญาตเขาอ่านหนังสือ(ฟรี) ซึ่งเขาก็ให้อ่าน ผมเลือกหนังสืออยู่นานก่อนที่จะมีเสียงๆหนึ่งดังขึ้น...ป้อก! ตึง!!! โครม!!! “กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดด!” มีเสียงดังขึ้นจากบล๊อกหนังสือที่ห่างจากผมไป 3 บล๊อก ผมรีบไปดูเธอเพราะเกรงว่าเธอจะบาดเจ็บ เจ้าของร้านก็วิ่งเข้ามาเช่นกัน

               “ช...ช่วยด้วย” เสียงของเธอแหบพร่า ทั้งหัว ตัว และขาของเธอจมอยู่ในกองหนังสือที่ล้มลงมาอย่างระเนระนาด ผมและเจ้าของร้านต่างช่วยกันขนหนังสือออกมาและพบว่าเธอนอนคว่ำอยู่ ตามตัวของเธอมีรอยถลอกปอกเปิก และที่สำคัญเธอคือแอเรียส

              “นี่เธอทำอะไรน่ะ?”

              ผมถามเธอออกไปโดยไม่ลังเล แล้วค่อยๆประคองเธอให้ลุกขึ้นมานั่งเก้าอี้ตัวหนึ่งในร้านหนังสือ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×