คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : “ Start.” การเริ่มต้น
Section 1
“ ขอโคลา เลมอน อันนึงค่ะ ^_^ ” หลังจากที่ฉันโหยหามานาน ในที่สุดฉันก็พบมันเสียที รถไอศกรีมสีแดง คันที่ฉันชื่นชอบและไอศกรีมแบบที่ฉันรอคอย มันจะต้องอร่อยเหมือนเดิมสิ เหมือนเมื่อสิบปีที่แล้วยังไงล่ะ ในวันที่… ฉันกินไอศกรีมแบบนี้เป็นครั้งแรก
“ เฮ้ ! ซื้อเผื่อผมอันนึงสิ พี่ไอ -o- ” เสียงแหบห้าวของเด็กหนุ่มข้างในบ้านดังลอดออกมา ไม่ไหวเลยจริงๆ จะไปไหนก็เหมือนมีลูกติด กินโน่นกินนี่เหมือนฉันไม่มีผิดเพี้ยนเลยสินะเจ้านี่ ฉันส่ายหน้าเบาๆก่อนจะซื้อไอศครีมเพิ่มอีกสองอัน อันนึงสำหรับอังกอร์ น้องชายคนรองและอีกอันสำหรับเอสจี้ น้องสาวคนเล็ก ลูกคนสุดท้องที่ดูยังไงก็น่ารักกว่าพี่สาวและพี่ชายเป็นไหนๆ
“ พี่ไอ ! ^o^ ” นั่นไง โผล่มาถึงที่เพื่อไอศกรีมจริงๆ เฮ้อ…
“ เอ้านี่ ! อีกอันของเอส พ่อเสือคงไม่แย่งนะจ้ะ ^+++^ ” ฉันยิ้มยิงฟันให้น้องชาย อังกอร์รับไอศกรีมไป ก่อนจะพยักหน้าน้อยๆ แล้วรีบแกะกินมันอย่างไม่รอช้า อังกอร์เอ๋ย.. จะกลัวไอติมละลายไปถึงไหนกันนะ ฮะๆ แต่ก็ตลกดี ฉันแอบมองน้องชายตัวเองกินจนเพลิน เพราะอะไรถึงทำให้ฉันต้องแอบมองน่ะเหรอ ก็มัน..ตลกนี่นา ท่ากินที่ไม่สนใจใครแบบนั้นมันไม่เข้ากับอายุของเขาในตอนนี้เลยสักนิด
“ เอาล่ะเด็กๆ พรุ่งนี้เราจะไปซื้อข้าวของเครื่องใช้ที่จำเป็นสำหรับเปิดเทอมใหม่นี้ และจะไม่มีข้อต่อรองใดๆทั้งนั้น แม้แต่พ่อก็ตามนะ เข้าใจหรือเปล่า ? - - ” แม่พูดเสียงราบเรียบแต่ก็แฝงไปด้วยอำนาจที่มองไม่เห็น ที่แม่ดักคอพ่อไว้น่ะเหรอ ไม่ใช่อะไรหรอก พ่อรักการทำงาน อย่างกับคนเป็นโรค Workaholic ประเภทนั้นล่ะ หลายครั้งแล้วที่พ่อไปซื้อของกับพวกเราไม่ได้ เพราะติดงาน ครั้งนี้แม่เลยต้องใช้มาตรการขั้นเด็ดขาด
“ … ” ฉันนั่งลงข้างๆเอสจี้ ซึ่งตอนนี้เธอตั้งใจกินข้าวและเหมือนกับว่าเธอจะนับครั้งในการเคี้ยวข้าวเลยด้วยซ้ำ เคี้ยวช้าๆหลายๆครั้งก่อนที่จะกลืน นั่นเป็นวิถีของเธอเลย ไม่รู้ว่าจะเป็นแบบที่อ่านเจอในหนังสือหรือเปล่าน่ะนะ การเคี้ยวข้าวหลายๆครั้ง ยิ่งมากครั้งเท่าไหร่ ยิ่งทำให้เรามีสมาธิและมีสมองเฉียบแหลมมากเท่านั้น จะว่าไปมันก็เป็นไปได้มากทีเดียว เพราะเอสจี้เรียนดี ถือได้ว่าเป็นคนเรียนเก่งคนนึงของชั้นเรียนเลยก็ว่าได้ ขนาดฉันที่เป็นพี่สาวยังแพ้เลย เรียนมาตั้งหลายปีแล้ว จนถึงปีนี้เป็นการเรียนในปีสุดท้ายของฉัน ฉันยังไม่เคยสอบได้ที่หนึ่งเลยสักครั้งและไม่เคยถูกเรียกว่าคนเก่งเลยสักหน
กอกๆ แกกๆ
“ แม่บอกกี่ครั้งแล้วว่าอย่าเคาะจานแบบนั้นไง อังกอร์ - - ^” แม่บ่นเบาๆ แต่ก็ทำให้น้องชายฉันหยุดการกระทำนั้นได้โดยปริยาย เขาได้รับหน้าที่ให้เป็นคนตักข้าวใส่จานให้ทุกคน แต่ตอนนี้เขามาอยู่ตรงที่จานของฉันแล้วเขาเป็นประเภทชอบเคาะ ไม่รู้ว่าทำไมเหมือนกันคงจะติดนิสัยไปซะแล้ว ในขณะเดียวกันแม่ก็เกลียดการเคาะแบบนี้เป็นที่สุด ฉันที่นั่งรอน้องชายตักข้าวให้เลยได้แต่ตบบ่าเบาๆเป็นการให้กำลังใจและส่งยิ้มให้บางๆ
“ เอสอิ่มแล้ว เอสขอตัวไปอาบน้ำก่อนนะคะ ^^ ” เอสจี้ค่อยๆลุกขึ้นยืนก่อนจะเดินไปที่อ่างล้างจาน เธอจัดการล้างจานทุกใบที่มีคนเอาไปแช่ไว้เพื่อรอล้างตรงนั้น อ๊ะ.. เดี๋ยวก่อนสิ ฉันซื้อไอศกรีมมาฝากน้องสาวนี่นา เธอจะต้องได้กินสิ ฉันจะต้องไม่ลืมบอกน้อง
“ โคลา เลมอน ในตู้เย็นช่องฟรีซ ไปเอามากินสิเอส พี่ซื้อมาฝากแน่ะ ^^ ” ฉันพูดขึ้นในขณะที่เห็นน้องสาวล้างจานเสร็จพอดี เธอหันมายิ้มให้ก่อนจะเดินไปที่ตู้เย็น
“ แม่ฮะ เข็มขัดผมมันเปื่อยแล้ว ขอซื้อเข็มขัดเส้นใหม่ได้ไหม ? ^-^ ” อังกอร์พูดขึ้นเมื่อกำลังตักแกงเผ็ดราดข้าว ว้าว.. กับข้าววันนี้น่ากินจังเลย มีแต่ของโปรดของฉัน *0*
“ ได้สิ เส้นนั้นใช้มานานแล้ว สมควรเปลี่ยนแล้วล่ะ ” แม่กินข้าวไปเรื่อยๆ วันนี้ถือได้ว่าพวกเรากินข้าวกันช้ามาก ปรกติแล้วพ่อกับเอสจี้จะกินข้าวช้าที่สุด แต่วันนี้ทั้งสองคนกลับกินเสร็จก่อน น่าแปลกจริงๆ
“ พ่อ เดี๋ยวถ้าอ่านหนังสือพิมพ์เสร็จ ไอขออ่านต่อนะคะ ” ฉันเอาหนังสือพิมพ์ที่พ่ออ่านลงแล้วยิ้มตาวาวใส่พ่อ ทำเอาพ่อหัวเราะไปพักนึง
“ เข้าใจแล้ว แล้วเรากินข้าวกินปลา อิ่มหรือยังน่ะลูก ไอ ” พ่อย้อนถามกลับมาพลางยกหนังสือพิมพ์ขึ้นมาอ่านต่อ เสียงของพ่อเจือไปด้วยอารมณ์ร่าเริง พ่อของฉันมักจะเป็นแบบนี้ แม้จะทำงานหนักแค่ไหน แต่ก็จะอารมณ์ดีอยู่เสมอ ก็ดีแล้วล่ะ จะได้ไม่เครียด ฉันยิ่งไม่ชอบให้ใครๆเครียดอยู่น่ะ มันดูเหมือนโลกนี้มืดมน
“ อิ่มแล้วค่ะ ให้อังกอร์เก็บจานไปล้างอยู่ค่ะ ” ฉันทำหน้ายิ้มเจ้าเล่ห์ใส่พ่อ ที่ทำหน้าแบบนี้ใส่ก็ไม่ใช่อะไร เพราะวันนี้เกิดอารมณ์ขี้เกียจล้างจานขึ้นมา ก็เลยใช้แรงงานเด็ก(น้องชาย)ไปก่อน อังกอร์ไม่ว่าอะไรหรอก น้องชายฉัน เรียบร้อยกว่าใครอื่นจริงๆน่ะแหละ ขอบอก
“ ใช้แรงงานเด็กอีกแล้วล่ะสิเรา ” พ่อแซวเล่นน้ำเสียงกลั้วหัวเราะ แหม… รู้ใจดีจริงๆ พ่อฉันเนี่ย แต่ฉันก็คงต้องยอมรับ เพราะฉันคิดแบบนั้นจริงๆนี่นา เนาะ.. ถึงมันจะไม่บ่อยก็เถอะนะ
“ จุ๊ จุ๊ ไม่ใช่หรอกค่ะ แค่วันนี้หนูไม่ค่อยอยากล้างจานเท่าไหร่น่ะค่ะ ไปอาบน้ำก่อนนะคะ ” ฉันตอบพ่อไปแล้วก็รีบเดินขึ้นบันไดมาเพื่อรอใช้ห้องน้ำต่อจากเอสจี้
“ …. ” ประมาณห้านาทีหลังจากที่ฉันมารอหน้าห้องน้ำ เอสจี้ก็เปิดประตูออกมายิ้มแฉ่งให้ฉันก่อนจะเดินเข้าห้องนอนไป ฉันเดินเข้าห้องน้ำไปอย่างงงๆ แต่ก็ไม่นึกสงสัยอะไร ก่อนจะลงมืออาบน้ำอาบท่า ฮ้า.. น้ำเย็นดีจังเลย สดชื่นชะมัด
“ ไอ้วาโน ฉันบอกแกกี่ครั้งแล้ววะ ว่าอย่าทำแบบนี้ เมื่อไหร่แกจะเชื่อฉัน ” เสียงเอะอะโวยวายเบาๆของอังกอร์ดังลอดผ่านเข้ามา ซึ่งทำให้ฉันที่กำลังอาบน้ำอยู่ได้ยืนเข้าโดยบังเอิญ
“ ก็ฉันคิดว่า แข่งคราวนี้ฉันจะชนะ เลยท้าพนันไป แต่ฉันก็แพ้ นี่ฉันผิดเหรอวะ ” เสียงของวาโนเพื่อนสนิทของอังกอร์ดังลอดผ่านออกมาจากโทรศัพท์ เอ… พวกนี้ไปแข่งอะไรกันนะ ชักอยากรู้แล้วสิ ดูท่าทางอังกอร์จะเป็นเดือดเป็นร้อนไม่เบาเลยนะ
“ แกจะไม่ผิดนะ ถ้าไม่ท้าพนันว่าถ้าแกแพ้จะยอมให้พวกมันซ้อมแกน่ะ ” อังกอร์เริ่มมีน้ำเสียงร้อนรน
“ ฉันแค่คนเดียว พวกแกไม่ต้องห่วงหรอก ฉันไหวน่า ” วาโนมีน้ำเสียงร่าเริงและถือดีหน่อยๆ นั่นคงยั่วโมโหอังกอร์มากกว่าที่จะทำให้อังกอร์คลายความเป็นห่วง
“ คราวที่แล้ว แกก็บอกว่าไหว เสียรถไปตั้งคันนึงนั่นน่ะนะ ” หา !? เสียรถไปคันนึงเลยเหรอ นี่พนันอะไรกันน่ะ ฉันที่แอบฟังอยู่นานจึงตัดสินใจว่าจะรีบอาบน้ำให้เสร็จแล้วก็ถามน้องชายเกี่ยวกับเรื่องนี้ เผื่อว่าอังกอร์จะมีคำอธิบายดีๆชี้แจงให้ฉันฟัง
“ ก็มัน… ตู้ด ตู้ด ตู้ด ” เสียงสายถูกตัดไป ไหงงั้นล่ะ วาโน เป็นเพื่อนของอังกอร์ เขาสองคนสนิทกัน นั่นฉันรู้ดี และที่สำคัญพวกเราก็ยังเป็นญาติกันอีกต่างหาก เรื่องนี้คงทำให้ฉันเมินเฉยไม่ได้แล้วล่ะ ที่ผ่านมา ฉันก็รู้อยู่บ้างว่าพวกเขาชอบท้าทายคนอื่นและก็พนันอะไรแปลกๆ ยกเว้น อังกอร์ เพราะน้องชายฉันไม่กล้าที่จะเสี่ยงพนันอะไรกับใครและอีกอย่างเขาก็ไม่เก่งที่จะเล่นการพนันอีกด้วย
แอดด..
“ พี่ไอ ” อังกอร์ปรับน้ำเสียงราบเรียบตามปรกติ ฉันยิ้มให้น้องชายน้อยๆ ลูบหัวเขาเบาๆ
“ พี่ไม่ได้ตั้งใจแอบฟัง แต่เราจะมีหนทางไหนช่วยเหลือวาโนได้บ้างล่ะ ช่วยกันคิดดีไหม ” ฉันพาอังกอร์ไปนั่งโซฟา เขามีสีหน้าท่าทางเป็นปรกติ ไม่มีอะไรที่แปลกใจเลย แม้เมื่อกี้จะร้อนรนนักหนาก็ตาม
“ ผมว่า… งานนี้พวกมันเล่นไม่เลี้ยงแน่ๆ เพราะไอ้โนไปท้าทายพวกมันบ่อยมาก ” อังกอร์ถอนหายใจ สีหน้าเป็นห่วงเป็นใยเพื่อนสนิท ฉันก็เข้าใจอยู่หรอกนะ งานนี้ คนที่จะช่วยวาโนได้ก็คงมีแต่แฟนของวัฟเฟิลซึ่งเป็นพี่สาวแท้ๆของวาโนเท่านั้น
“ งั้น.. พี่จะลองโทรหาวัฟเฟิลดูและเผื่อว่าเอ็มเจจะช่วยเหลืออะไรได้บ้าง ” ฉันหยิบมือถือขึ้นมาก่อนจะกดโทรออก วัฟเฟิลจะรับสายไหมนะ เฮ้อ… น้องชายตกอยู่ในอันตรายแท้ๆ
( ฮัลโหล ว่าไงไอ ) เสียงร่าเริงของวัฟเฟิลดังมาจากปลายสาย
“ วาโนกำลังตกอยู่ในอันตรายนะ วัฟเฟิล ” ฉันพูดเสียงเบาเพื่อป้องกันไม่ให้อีกฝ่ายตกใจ วัฟเฟิลที่เมื่อสักครู่พูดด้วยเสียงร่าเริงตอนนี้กลับมีน้ำเสียงที่เจือไปด้วยความเป็นห่วง
( โนเหรอ.. โนทำไม บอกฉันมาไอ )
“ …. ” ทันใดนั้นมือถือก็ฉันก็ไม่อยู่ในมือของฉันอีกแล้ว เพราะอะไรน่ะเหรอ ก็เพราะว่าอังกอร์แย่งไปไว้ในครอบครองน่ะสิ เขารีบแนบหูแล้วเริ่มกรอกเสียงร้อนรนลงไป
“ ไอ้โน มันไปท้ากลุ่มของลูกนายกฯ ว่าถ้าพวกนั้นชนะพนันมันจะให้อัดน่ะสิพี่ ”
( แล้ว… )
“ ก็แล้วที่ผมโทรมา มันไม่ใช่อะไรหรอก ผมได้ยินพี่ไอพูดว่า บางทีพี่เอ็มเจอาจจะช่วยอะไรได้ ” ใช่แล้ว… เอ็มเจเป็นแฟนหนุ่มของวัฟเฟิล เขาเป็นลูกของนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ มียศชั้นนายพลเลยทีเดียว และอีกอย่าง เขารักวัฟเฟิลและวาโนมาก แถมยังดูแลได้ดีมากจริงๆ ฉันเห็นเขาที่หล่อและเพอร์เฟ็กต์แบบนั้นได้เป็นแฟนกับวัฟเฟิล ก็ทำให้ฉันอิจฉาบ้าง แต่ก็ไม่มากนักหรอกเพราะยังไงวัฟเฟิลก็ญาติของฉันและเราก็เป็นเพื่อนสนิทกัน การคิดไม่ดีต่อกัน มันเป็นเรื่องที่แย่มากน่ะนะในความคิดของฉัน
“ เอ็มเจเหรอ อ่า.. เอ็มเจ คุณจะช่วยมาทางนี้ก่อนได้ไหมคะ ” วัฟเฟิลพูดเบาๆ
( ว่าไงครับวัฟฟี่ ) เสียงสุภาพของเอ็มเจดังลอดออกมาเบาพอๆกับเสียงวัฟเฟิล
“ วาโนมีเรื่องกับลูกนายกค่ะ ทำยังไงดี ”
( ใครบอกคุณ หือม์ ? ) เอ็มเจถามอย่างอยากรู้
“ นี่ค่ะ ”
( ฮัลโหล นั่นใครครับ ? ) เอ็มเจกรอกเสียงผ่านโทรศัพท์มาอย่างสุภาพ
“ ผมอังกอร์นะครับพี่เอ็มเจ คือวาโนมันไปท้าลูกนายกฯเอาไว้ ตอนนี้พวกนั้นจะซ้อมมัน ผมคิดว่าไม่น่าจะเกินวันนี้ ” อังกอร์ไม่ยืนนิ่ง เขามีท่าทีกระสับกระส่าย ฉันล่ะสงสารเด็กคนนี้จริงๆ ชอบที่จะเป็นห่วงเพื่อน แต่ก็ดูเหมือนในบางครั้งเขาจะไม่เป็นห่วงตัวเองเอาซะเลย
( อ่อ อังกอร์.. แล้วนี่นายรู้มั้ยว่าพวกนั้นนัดวาโนไปที่ไหน ? ) เอ็มเจถามกลับมาทำให้อังกอร์รีบตอบ
“ ที่.. ที่.. ถ้าผมจำไม่ผิดน่าจะหลังคอนโดมันครับ ”
( อ่า งั้นเหรอ.. ที่รักครับ คอนโดของวาโนอยู่ที่เดิมใช่ไหม ? ) เอ็มเจส่งเสียงถามวัฟเฟิลเบาๆ และมีเสียงเล็กๆตอบกลับมาว่าใช่
“ พี่ต้องช่วยมันนะครับ พี่เอ็มเจ ” อังกอร์ยังไม่วายเป็นห่วงเพื่อนรัก
( ได้สิ แล้วนาย… ) เอ็มเจพูดยังไม่ทันจบอังกอร์รีบตอบกลับทันที เหมือนกับจะอ่านความคิดของอีกคนได้ ฉันล่ะเหลือเชื่อกับการคุยโทรศัพท์ของน้องชายจริงๆ
“ ผมจะไปด้วยครับ ” เฮ้อ… การถอนหายใจครั้งที่สิบของวัน น้องชายฉัน เอาอีกแล้วสิน่า รักบทพระเอกขี่ม้าขาวจริงๆเลยเชียว เจ้าอังกอร์
( โอเค เจอกันหน้าคอนโดวาโนนะ อีก 15 นาที พี่จะพาเพื่อนไปด้วย แค่นี้นะ ) สายตัดไป อังกอร์มือสั่นเล็กน้อย เขายื่นมือถือส่งคืนมันมาให้ฉัน ก่อนจะเดินกลับเข้าห้องนอน
“ พี่ไอ มีเรื่องอะไรเหรอคะ ” เอสจี้ถามเสียงอยากรู้ ฉันยิ้มบางแล้วส่ายหน้า เพื่อไม่ให้น้องสาวต้องสนใจเรื่องไม่เป็นเรื่องแบบนี้ เดี๋ยวจะพากันเครียดไปอีกคน
“ เดี๋ยวพี่จะออกไปข้างนอกกับอังกอร์ เอสอยู่ในบ้านนะ บอกพ่อกับแม่ว่าพี่จะไปหาวัฟเฟิล พอดีมีธุระน่ะจ้ะ ” ฉันรีบคิดหาเหตุผลลวกๆ ก่อนจะส่งยิ้มให้น้องสาว พี่คงต้องฝากหน้าที่นี้ไว้กับเอสแล้วล่ะ เพราะอังกอร์ดูไม่ค่อยสู้ดีเท่าไหร่ น่าเป็นห่วงชะมัด
“ ได้ค่ะ ไปหาพี่วัฟเฟิลนะคะ ” เอสจี้ทวนคำบอกเล่าของฉันก่อนจะยิ้มให้แล้วกลับเข้าห้องนอนไป
“ อังกอร์ ไปอาบน้ำสิ เดี๋ยวจะชักช้านะ ” ฉันเตือนน้องชายเบาๆ เขาพยักหน้าแล้วเดินถือผ้าเช็ดตัวออกจากห้องนอนมา
“ พี่ไอจะไปด้วยเหรอ มันไม่ปลอดภัยนะ อยู่บ้านเถอะ ” อังกอร์อ้อนเบาๆ ฉันยิ้มแล้วหยิกแก้มพลางส่ายหน้าไปมาอย่างไม่ยอมอ่อนข้อให้
“ น้องชายพี่จะไปช่วยเพื่อนนะ แถมไปคนเดียวไม่ปลอดภัย พี่เลยจะขอตามไปดูด้วยไง เผื่อช่วยอะไรได้ ” อังกอร์ไม่ว่าอะไรหลังจากที่ฟังฉันพูดจบ เขาพยักหน้าแล้วก็รีบเข้าไปอาบน้ำอย่างรีบเร่งทันที ฉันนั่งรอเขาไม่ถึงสิบนาที เขาก็แต่งตัวเรียบร้อยพร้อมออกเดินทาง แต่นี่ก็ใกล้เวลานัดของเอ็มเจแล้ว เรายังอยู่ที่บ้านเห็นทีจะต้องรีบหน่อยแล้วล่ะนะ
“ รีบไปกันเถอะ ป่ะ ” ฉันกับอังกอร์รีบเร่งเดินทางในทันทีทันใด โดยที่ไม่รู้ว่า..เอสจี้เปิดประตูออกมาจากห้องนอนแล้วก็ร้องเรียกเอาไว้
“ พี่ไอ มีคนอยาก… ”
# คอนโดมิเนียม xxx
“ เฮ้ย ! เอาตัวมันมา ” เสียงแหบห้าวของเด็กหนุ่มอายุใกล้เคียงกับวาโนดังขึ้นที่หน้าคอนโด เด็กหนุ่มคนนั้นอยู่ในมาดนักเลงโต แต่ใบหน้าที่ใสกิ๊กไร้สิว เนียน ขาวผ่องนั่นทำให้เขาดูเหมือนกับดาราเกาหลีมากกว่าเป็นเจ้าพ่ออันธพาล
“ ครับ !!! ” ลูกน้องหรือลิ่วล้อของเขาประมาณห้าคน รับคำอย่างเร่งรีบ เด็กหนุ่มพวกนั้นดูจะอายุรุ่นราวคราวเดียวกับตัวของเขาเอง แล้วในเวลาไม่นานนัก.. เขาก็เดินมารอรับงานที่เขาสั่งให้ลูกน้องของเขาทำที่หลังคอนโด
“ มาแล้วครับ ลูกพี่ ” เด็กหนุ่มตัวโตคนหนึ่งพูดขึ้นพลางโยนร่างของเด็กหนุ่มอีกคนลงบนพื้นที่ดูจะแข็งกร้าว แค่ดูก็รู้ว่าที่ตัวของเขากระแทกลงไปนั้น เขาจะต้องได้รับบาดเจ็บอย่างแน่นอน ถ้าไม่เช่นนั้นเขาก็คงจะเป็นเทวดาเป็นแน่ หากไม่บาดเจ็บอะไรเลย
“ ไง ไอ้โน ” เด็กหนุ่มคนแรกแสยะยิ้มให้เด็กหนุ่มคนที่เพิ่งมาใหม่ วาโนนั่นเอง เขามองหน้า ‘ เชพ ’ แล้วยิ้มให้บางๆ
“ ก็ไม่ไง ไอ้เชพ จะเริ่มได้รึยังวะ ” วาโนพูดอย่างถือดี ทำให้เชพซึ่งก็คือเด็กหนุ่มอันธพาลคนนั้นยิ้มมุมปากอย่างพอใจ เขาเป็นถึงลูกนายกฯ ใครหน้าไหนก็ปฏิเสธไม่ได้ทั้งนั้น ถ้าเขาจะทำอะไร
“ อั้ก ! ” ดอกแรกที่วาโนโดนกระทำคือเตะเข้าที่กลางลำตัว แต่เขาก็ยังยิ้มอยู่ดี เพราะไม่ใช่เพียงแต่เขาเป็นคนอารมณ์ดีและเป็นเพราะเขารู้ว่าเป็นตัวเขาเองที่ท้าทายพวกของเชพ หลังจากนั้นเขาก็พร้อมยอมรับชะตากรรมของตัวเอง นี่ล่ะนะ พระเจ้ามีจริง ใครทำอะไรไว้ก็ได้อย่างนั้น เฮ้อ… วาโนถอนหายใจเบาๆก่อนจะหลับตารอการกระทำต่อไป ซึ่งเขาคิดเอาไว้แล้วว่าเชพจะต้องกระทำกับเขาอย่างอุกอาจแน่นอน
# อีกด้านนึง
“ อยู่ตรงนี้ก่อนดีไหม ? ” เอ็มเจพูดขึ้นเมื่อเห็นพวกเรามากันครบทุกคนแล้ว
“ เชพมันทำไมทำแบบนี้นะ ก็นึกว่าแค่เล่นพนันกันเฉยๆ นี่จะเล่นกันจนเจ็บสาหัสแบบนี้ ฉันไม่ยอมให้มันทำหรอก ” ชายหนุ่มคนข้างตัวของเอ็มเจพูดขึ้น
“ แกก็ใจเย็นๆเอาไว้ก่อน นายเชพอาจจะไม่ทำอะไรรุนแรงเกินไป ” เอ็มเจพูดอย่างใช้เหตุผลตบบ่าชายหนุ่มคนนั้นเบาๆ
“ พี่เอ็มเจต้องช่วยไอ้โนนะครับ ผมขอล่ะ ” อังกอร์พูดอย่างร้อนรน ทำให้ฉันต้องส่ายหน้า ลูบหัวน้องชายเบาๆ
“ เรื่องแค่นี้เอง เดี๋ยวเอ็มเจก็คงจัดการได้แหละน่า เชื่อพี่นะ อังกอร์ ” ฉันพูดปลอบใจน้องชาย ยิ้มให้เขาบางๆ ดูเหมือนเขาจะใจชื้นขึ้นมาบ้าง
“ แล้วนี่วัฟเฟิลไม่มาด้วยเหรอเอ็มเจ ? ” ฉันหันไปถามเอ็มเจบ้าง เขายักไหล่น้อยๆ
“ วัฟฟี่เป็นคนขี้ตกใจ ช่วยไม่ได้ ก็เลยต้องให้รออยู่ที่บ้าน ” เขาตอบยิ้มๆพลางหันกลับไปดูเหตุการณ์ต่อ และแล้วเมื่อนายเชพอะไรนั่น กำลังชักดาบออกมาจากฝัก ก็ทำให้…
“ ไอ้เชพ !!!!!!!!!!!!!!!!! ” เสียงของคนที่อยู่ข้างเอ็มเจเมื่อกี้ ตะโกนสุดเสียงจนคนที่ชื่อเชพหันมาทำหน้าเหวอๆ ก่อนจะเก็บดาบเข้าฝักเหมือนเดิม นายคนที่ตะโกนเดินรี่ๆเข้าไปหานายเชพก่อนจะต่อว่า
“ แกคิดยังไงทำแบบนี้วะ แกไม่กลัวพ่อไอ้เอ็มเจมันจะจับแกเข้าคุกหรือไง ” ทันทีที่นายนั่นพูดจบประโยค หน้าของนายเชพนั่นก็ซีดเซียวลงทันตาเห็น ฉันแทบจะไม่เชื่อสายตาตัวเองเลย นายคนนี้มีอิทธิพลอะไรกับนายเชพนะ
“ เอ็มเจ เพื่อนนายคนนี้นี่ใครหรอ ? ” ฉันถามเบาๆ แต่เหมือนว่าเอ็มเจจะไม่ได้ยินเพราะเอาแต่ตั้งใจฟังคำพูดที่นายคนนั้นพูดกับนายเชพ
“ พี่คนนั้นน่ะหรอ ? อ่า… ” อังกอร์พยายามนึกให้ออก
“ อะไรกัน เมื่อกี้เธอถามฉันว่าไงนะ ไอเซอร์ ” เอ็มเจหันมาเพื่อขอให้ฉันทวนคำถามใหม่อีกครั้ง
“ เพื่อนนายคนนั้นน่ะ ที่คุยกับนายเชพนั่นใครเหรอ ? ” ฉันเลิกคิ้วเป็นเชิงถามด้วย คิดเท่าไหร่ก็คิดไม่ออกซักที นายคนนี้หน้าตาคุ้นๆยังไงชอบกลนะ
“ อ๋อ ไอ้หนาดน่ะหรอ ? คนนั้นที่เธอถามอ่ะ คือไอ้หนาด เพื่อนฉันเอง ” เอ็มเจตอบยิ้มๆก่อนจะเริ่มเดินไปช่วยนายคนที่ชื่อหนาดนั่นเคลียร์กับนายเชพ ดูท่าทีแล้ว นายเชพจะดูหงอยๆไปเลยแฮะ เอ็มเจกับนายหนาดมีอิทธิพลอะไรกับนายเชพนั่นนะ
“ พี่ไอ เราไปกันเถอะ ” อังกอร์ลากๆดึงๆฉันไป ฉันเกือบจะสะดุดล้มเพราะน้องชายของฉันตัวสูง ทำให้เขาก้าวเท้ายาวและเดินเร็วกว่าฉันมากเลย ฉันแทบจะวิ่งตาม พอถึงที่นั่น เราสองคนก็เข้าไปช่วยวาโนทันที
“ ไอ้โน !!!!! ” อังกอร์ตะโกนใหญ่ก่อนจะปล่อยมือฉันแล้วรีบเข้าไปช่วยพยุงวาโนให้ยืนขึ้น
“ อะ ไอ้เสือ ” พูดได้แค่นั้น วาโนก็หมดสติคอพับกับแขนของอังกอร์ไปเลย น่าสงสารจริงๆ ไม่น่าเอาตัวเองมาเสี่ยงกับเรื่องแบบนี้เลยนะ วาโน ฉันได้แต่คิดในใจเท่านั้น เพราะการสนทนาของนายหนาดนั่นกับนายเชพดูท่าทางจะร้อนแรงขึ้นทุกที
“ ทำแบบนี้พ่อแม่จะว่ายังไง แม่ไม่ชอบให้แกมาทำแบบนี้นี่ เชพ ” นายหนาดยังคงตะโกนใส่หน้านายเชพอย่างไม่สนใจใยดีว่าใครจะว่าอะไรเขาไหม ฉันพลอยสะดุ้งไปตามเสียงของเขาที่แหบห้าวและแข็งกร้าวทุกครั้งที่พูดออกมา
“ ไอ้หนาด แกใจเย็นๆก่อนสิวะ ” เอ็มเจตบบ่าเพื่อนของเขาเพื่อพยายามทำให้นายหนาดนั่นไม่ดราม่าไปมากกว่านี้
“ ไม่เย็นแล้ว ฉันเห็นแกทำแบบนี้บ่อยเกินไปแล้วนะเชพ แกไม่เบื่อบ้างเหรอวะ ” นายหนาดจ้องหน้านายเชพเขม็ง ทำให้นายเชพทำได้แค่ก้มมองปลายเท้าตัวเอง เหมือนจะมีอะไรที่น่าสนใจอยู่ตรงนั้น แต่ฉันก็รู้น่ะแหละว่าเขาจะต้องกลัวนายหนาดแน่ๆ
“ ผมขอโทษครับ… ผมจะไม่ทำอีกแล้วก็ได้ อย่าบอกแม่นะ ” เอ๊ะ ! ทำไมต้องห้ามนายหนาดนั่นไม่ให้บอกแม่ล่ะ ? ฉันชักจะสงสัยแล้วสิ
“ ก็ได้ จำคำของแกไว้นะเชพ ” นายหนาดชี้หน้านายเชพก่อนจะลากนายเชพหายลับตาไป เอ็มเจยักไหล่น้อยๆทำหน้าประมาณว่า จบซักที ก่อนที่พวกเราทุกคนจะเดินทางกลับบ้านแล้วพาวาโนกลับไปหาวัฟเฟิลที่กำลังนั่งกังวลเป็นห่วงน้องชายตัวเอง
ความคิดเห็น