ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [ EXO ] Butterfly Effect

    ลำดับตอนที่ #6 : Act V

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 128
      0
      3 ก.พ. 59

    B u t t e r f l y

    E f f e c t

     

     

     

    A c t V

                  

                  

                    คิดว่าเด็กคนนั้นจะแต่งตัวมางานแถลงข่าวยังไง จะเรียบร้อยเหมือนเด็กมัธยมมาสมัครสอบเข้ามหาลัยเหมือนเมื่อเช้าหรือเปล่า?”

              

              

                      “ถามผมหรอครับ?”

                 

                     ก็ถามนายน่ะสิ คิดว่าถามลู่หานมันจะตอบไหมล่ะ นั่นไง ไม่ตอบไม่พอ มีมาส่งสายตาเชือดเฉือนใส่อีก

                  

                     อ่า ผมคิดว่า..เมื่อเห็นว่านายพลสองคนในห้องกำลังจะก่อสงคราม (คราวนี้น่าจะเป็นสงครามจริงๆแน่ เพราะคุณลู่หานไม่ต้องพยายามเก็บอารมณ์แบบตอนอยู่กับคุณมินซอกแล้ว) “..น่าจะเรียบร้อยครับ หมายถึงว่าน่าจะเป็นเสื้อเชิ้ต หรือไม่ก็สูท แต่คงไม่เรียบๆเหมือนเมื่อเช้าแน่ๆ สีอาจจะหวานๆแบบพาสเทล..

                  

                     ชุดผู้ชายนี่สีหวานพาสเทลได้ด้วย?”

                  

                     ใครมันจะไปแต่งสีทึบ (แต่เป็นของมียี่ห้อ) แบบคุณลู่หานอย่างเดียวกันละครับ  ผู้ชายทั่วไปคงไม่ได้ครับ แต่นี่เป็นมิน.. ผมหมายถึงซิ่วหมิน เขาก็แต่งได้แหละครับ แล้วก็น่าจะแต่งด้วยเพราะมันเป็นลุคของเขาที่สาธารณชนจดจำได้มากที่สุด ดูสดใส น่ารัก เป็นกันเอง

                  

                    “..ซึ่งตรงกันข้ามกับตัวจริง..

                  

                     หาเรื่องว่ะ ลู่หานอี้ฝานพูดน้ำเสียงเอื่อยๆเขาก็น่ารักดีออก ถ้าแกทำตัวน่ารักกับเขาเหมือนที่ฉันทำ..

                  

                     จื่อเทา ฉันอยากได้กระโถน

                  

                     “..แต่นี่แกไม่ได้ทำไงอี้ฝานต่อจนจบเขาโกรธแกได้น่ะ ถูกแล้ว ฉันเข้าใจว่าเงินแค่ห้าแสนมันก็แค่เศษเงินของนาย แต่สำหรับเจ้าเด็กนั่นมันอาจจะไม่ใช่ เจ้านั่นอาจจะต้องถ่ายละครทั้งวันทั้งคืนกว่าจะได้มาก็ได้นะ ไม่ได้นั่งอยู่ที่โต๊ะแล้ว..

                  

                       “หุบปากไปเลยลู่หานพูดเสียงเข้มจนอี้ฝานยังสะอึก พระเจ้า ได้โปรดอย่าให้มันแสดงโหมดนี้ใส่น้องมินซอกเลยงานฉันส่วนใหญ่มันเป็นงานนั่งโต๊ะ ไม่ได้ต้องขายตัว..

                  

                     เฮ้

                  

                     มาเฮ้อะไร อย่ามาฝรั่งมังค่าแถวนี้ได้ไหม รู้ทั้งรู้ว่าฉันไม่ชอบ..

                  

                     รู้อะไรไหม ฉันก็เริ่มไม่ชอบแกขึ้นมามั่งแล้วว่ะ ลู่หานอี้ฝานนั่งตัวตรงก่อนจะต้องเพื่อนเขม็งแกจะชาตินิยมจีนจ๋าอะไรฉันก็ไม่เคยว่า เข้าใจอยู่ว่าแกมีเหตุผลให้คิดแบบนั้น ไม่ว่าชาติตระกูลหรืออะไรก็ตามแต่ แต่ไอ้การชาตินิยมสุดโต่งจนดูถูกคนอื่นอย่างการใช้คำพูดแบบเมื่อกี้มันก็..

                  

                     เออๆ ฉันใช้คำพูดไม่ดีเองแหละ ขอโทษ ฉันหมายถึงทำงานโดย.. เอาไงดีล่ะ.. อาศัยรูปร่างหน้าตาร่างกาย..

                  

                     รื่นหูมานิดนึง ใช้ได้

                  

                     “..ต้องออกไปตะลอนๆแบบนั้น แต่ฉันรับรองได้ว่ามันมีสาระและคุณค่ามากกว่างานของหมอนั่นเยอะ แล้วแก.. อี้ฝาน.. ฉันมีเรื่องต้องคิดบัญชีกับแกเยอะเลยนะ วางตัวไม่ดี แถมยังมาด่าฉันเพราะเจ้าเด็กนั่นอีก

                  

                     ทัศนคติของฉันกับแกต่อเรื่องการวางตัวมันต่างกันอี้ฝานพูดเสียงใจเย็นฉันคิดว่าการทำให้เขารู้สึกสบายใจน่ะ สำคัญกว่าการทำให้เขารู้สึกว่าเขาเป็นคนในสัญญาของพวกเรา ต้องทำตามที่พวกเราสั่ง เพราะทำงานตามสั่ง ผลลัพธ์น่าจะออกมาสวยน้อยกว่าทำงานตามใจ แล้วก็เรื่องด่านั่น ฉันไม่ได้ด่าเพราะซิ่วหมิน ฉันด่าเพราะการปฏิบัติตัวของแก เพิ่งรู้ว่าแก.. เป็นแบบนี้ก็ตอนทีมาเจออะไรข้ามชาติแบบจะๆเนี่ยแหละ

                  

                     จื่อเทา ทำอะไรน่ะ

                  

                     ลองหารูปงานแถลงข่าวที่ซิ่วหมินไปน่ะครับจื่อเทาเงยหน้าขึ้นมาจากโทรศัพท์แล้วตอบเสียงพาซื่อ แต่พอสบตาคนเป็นนายเต็มๆก็ได้แต่หลบแล้วพูดเสียงอ้อมแอ้มจะได้ตอบคุณอี้ฝานถูกไงครับว่าจะแต่งแบบไหน

                  

                     อ้าว ไอ้เด็กบ้านี่ โยนขี้ให้กันเฉยเลยอี้ฝานหัวเราะเดี๋ยวพ่อก็ไม่ขอลายเซ็นให้ซะหรอก

     

    ลายเซ็น? เอามาทำไม? ไร้สาระ!

     

              

                    มินซอกอ่า อย่าทำหน้านิ่งแบบนั้นสิ ฉันเห็นแล้วใจคอไม่ดีเลยนะ

                  

                   “อย่าห่วงน่า จงแด ตอนลงไปเซ็นสัญญากับพลตรีหน้าตีนกานั่น ฉันรับรองว่าฉันจะยิ้มน้อยๆ ให้ดูหวานเบา ๆ ตานั่นจะได้ไม่หาเรื่องมาแซะฉัน แล้วคุณอี้ฝานกับคุณจื่อเทาจะได้มาเป็นพวกฉันแบบร้อยเปอร์เซ็นต์ด้วย

                  

                    แต่นายไม่ได้โกรธฉันใช่ไหม?”

                  

                     ใครจะไปโกรธเล่า เรื่องวีซ่าทีมก๊องแก๊งของฉันมันอยู่เหนือความรับผิดชอบของนาย จะโกรธก็เกินไปหน่อยแล้ว ฉันแค่รู้สึกไม่ชินแค่นั้นแหละมินซอกว่า แต่สายตาไม่ได้มองไปยังคู่สนทนา เขากำลังมองวิวข้างทางอยู่แต่พอสองคนนั้นจัดการเรื่องวีซ่าเสร็จ ฉันจะได้ทีมของฉันคืนมาใช่ไหม?”

                  

                     ทำเป็นแคตนิส เอเวอร์ดีนไปได้ ต้องมีทีมแต่งหน้าแต่งตัวเป็นของตัวเอง อย่าห่วงเลย สองคนนั้นมาแน่ ก๊งแก๊งของนายไม่ยอมทิ้งนายไปไหนหรอกพอได้รับการยืนยันจากอีกฝ่ายว่าไม่โกรธ จงแดก็ยิ้มออกแล้วยิงมุกใส่ดาราในปกครองที่ทำหน้านิ่งมาตั้งแต่ตอนที่รู้ว่าทีมก๊องแก๊งซึ่งประกอบไปด้วยก๊องพยอน แบคฮยอน ช่างแต่งหน้าคู่ใจมาตั้งแต่ตอนมินซอกเริ่มได้รับบทจำพวกน้องชายของพระเอกหรือนางเอก กับแก๊งคิม ซอนฮวา คอสตูมสไตลิสที่บริษัทจ้างมาให้เมื่อมินซอกเริ่มรับงานอีเว้นท์มีปัญหาเรื่องวีซ่า อธิบายง่ายๆก็คือทั้งสองคนทำวีซ่าสำหรับคนทำงานไม่ทัน ก็เลยต้องเข้ามาด้วยวีซ่าสำหรับนักท่องเที่ยว และก็กลับไปเกาหลีเพื่อไปทำวีซ่าคนทำงานด้วยกันทั้งคู่หลังจากแต่งองค์ทรงเครื่องให้มินซอกในงานสำคัญวันนี้เสร็จ

                  

                     ใจจงแดมาเป็นกองเมื่อเห็นรอยยิ้มหวานๆ เบาๆที่เป็นเสน่ห์อย่างหนึ่งของมินซอกแต้มลงที่ริมฝีปาก (ที่ทาด้วยลิปอย่างดีจากฝีมือแบคฮยอนแล้ว)แล้วฉันไม่เหมือนแคตนิสตรงไหน? ฉันดูดี ฉันแกร่ง ฉันเป็นขวัญใจของแคปิตอล ซึ่งในที่นี้หมายถึงคนจำนวนมาก แต่ก็ยังไม่วายต้องมีตาแก่คนนึงมาขัดขวางความเจริญอยู่เรื่อย

                  

                     ไม่เหมือนสิเซฮุนที่นั่งอยู่เบาะหน้าเหลียวมาคุยด้วยพร้อมรอยยิ้มมินซอก เอเวอร์ดีนไม่มีพีต้าอยู่ข้างๆนี่นา

                  

                     คุณเซฮุนก็เป็นให้สิมินซอกตอบกลับแล้วยิ้มกว้างแต่ยังหวานไม่เปลี่ยนใส่ เซฮุนส่ายหัวขำๆก่อนจะพูด

                  

                     ยิ้มได้ก็ดีแล้ว เอาหน้าแบบนี้เนี่ยแหละนะไปหาคุณๆคนจีนพวกนั้น

                  

                     ไม่มีทางมินซอกหุบยิ้มทันทีหน้าเป็นขนาดนี้ถูกตาแก่นั่นหาว่าระริกระรี้ไม่เข้าเรื่องชัวร์ๆ

                  

                     เอาล่ะๆ ฉันรู้ว่านายรู้ว่าควรจะยิ้มอย่างไงถึงจะเหมาะจงแดรีบหยุดคนที่ทำท่าจะขึ้นอีกครั้งถึงแล้ว รีบลงไปกันเถอะ

                  

                     พอสิ้นเสียงจงแด มินซอกก็เหลียวไปหยิบกระเป๋าใบเล็กของตัวเองมาส่งให้จงแดถือ ก่อนจะค่อยๆก้าวลงจากรถอย่างระมัดระวัง เพราะนอกจากเขาจะไม่ต้องการให้มันยับแล้ว เขาก็ยังไม่ต้องการให้มันเปื้อนอีกด้วย เพราะกางเกงที่เขาใส่อยู่ตอนนี้มันเป็นสีขาวสะอาด

                  

                     ทำไมต้องใส่สีชาว เปื้อนง่าย แถมไม่ตรงกับตัวจริงของเขาอีกต่างหาก..

                  

                     มินซอกโคลงหัวน้อยๆ เขาทำแบบนี้ทุกครั้งเวลาความคิดแบบนี้ผุดขึ้นมาในหัว

                  

                     ..ก็เป็นดารา ต้องรักษาภาพลักษณ์ ตัวจริงนายเป็นอย่างไงไม่มีใครสนหรอก เหมือนดอกไม้สวยๆซักดอกนั่นแหละ คนที่มองมาเขาก็พอใจแล้วที่ได้เห็นมันผ่านกระดาษในหนังสือ จะทีซักกี่คนที่มีความพยายามมากพอที่จะหาตัวจริงให้เจอ เฮ้อ.. คุณเซฮุนครับ ดูท่ามินซอก เอเวอร์ดีนของคุณจะไม่มีพีต้ามายืนอยู่ข้างๆตลอดชีพซะแล้วล่ะ

                  

                     มินซอกกำลังจะโคลงหัวกลับเข้าที่เดิมอยู่แล้วถ้า.. ถ้าเขาไม่รู้สึกว่ามีใครจ้องเขาอยู่ ไม่ได้จ้องแบบที่จื่อเทาจ้องเขาเวลาเผลอ แต่เป็นจ้องแบบตาพลตรีนั่น และเหมือนจะทวีความรุนแรงที่ทำให้มินซอกรู้สึกไม่สบายตัวหนักกว่าด้วย เมื่อรู้สึกอย่างนี้เขาเลยค่อยๆหันหัวกลับมาช้าๆ สะบัดผมนิดหน่อยให้ดูแนบเนียนแล้วอาศัยจังหวะนั้นเหล่ไปทางทิศที่ทำให้เขารู้สึกไม่ดี

                  

                     มีผู้หญิงคนหนึ่งยืนอยู่ตรงนั้น จากการมองเพียงไม่กี่วิของมินซอกเขาก็พอสรุปได้ว่าเธอเป็นทหารที่สวยเอาการ และน่าจะเป็นเจ้าหน้าที่ของที่นี่แน่ๆเพราะตรงปกเสื้อติดป้ายอะไรซักอย่างที่หน้าตาคล้ายๆป้ายที่จื่อเทาติดไว้

                  

                     คลายข้อสงสัยเรื่องเธอเป็นใครไป แต่ก็ยังไม่หายสงสัยอยู่ดีว่าทำไมถึงมองเขาแบบนั้น.. (จะว่าอยากได้เสื้อที่เขาใส่อยู่ก็ไม่น่าใช่ ถึงมันจะสีหวานขนาดไหน แต่นี่มันก็ของผู้ชายนะ)

              

                    มินซอกรู้สึกดีเหลือเกินที่ได้เข้าไปในลิฟต์ เพราะทันทีที่เข้าไป รังสีคุกคามของเธอคนนั้นก็หายไปโดยอัตโนมัติ ถึงปลายทางจะเป็นคนที่คุกคามเขาได้มากกว่า แต่บางสิ่งบางอย่างก็บอกมินซอกว่าถึงคนๆนั้นน่าจะมีอำนาจที่จะคุกคามเขาได้มากกว่า แต่หมอนั่นก็คงไม่ทำ หรืออย่างน้อยๆก็ไม่ทำจนทำเขาเจ็บตัวแน่ๆ

                  

                     ก็เพราะผลประโยชน์นั่นแหละ ไม่มีอะไรมากกว่านั้น ถ้าเขาเจ็บตัวไปทำงานไม่ได้ ฝ่ายนั้นนั่นแหละที่จะขาดทุน

     

                  

                    ก๊อกๆ

                  

                     อา มาซักที คำตอบของฉัน

                  

                     น้ำเน่ามาก แกทำอย่างกับเขาเป็นคนที่แกรอมานานแสนนานอย่างนั้นแหละ ฉันควรเปิดเพลงธรณีกรรแสงประกอบฉากนี้ให้ด้วยไหม?”

                  

                     เน่าอย่างไง ก็เขาเป็นคำตอบของคำถามที่ว่างานแถลงข่าวนี่จะแต่งตัวอย่างไง และฉันก็ว่าฉันรอเขามานานอยู่นะ เจ็ดแปดชั่วโมงเลยมั้ง?”

                  

                     ก็ใครใช้ให้มารอ แทนที่จะเอาเวลาไปทำงานก็มานั่งเล่นอยู่ในที่ทำงานชาวบ้านอยู่ได้ลู่หานพึมพำ ไม่ได้กะให้คนที่เขาด่าได้ยินเพราะคงไม่ได้ยินไม่ว่าเขาจะพูดดังแค่ไหนก็ตาม ก็สายตาดันไปจดจ่อกับคนที่เจ้าจื่อเทาจะไปเปิดประตูให้ซะขนาดนั้น

                  

                     ว่าไป เขาเจอเด็กนั่นมาสามหนแล้ว หนแรกที่สนามบิน หนที่สองตอนไปรับเมื่อวาน หนที่สามตอนมาคุยเรื่องสัญญาเมื่อเช้า ถึงไม่อยากยอมรับก็ต้องยอมรับว่าเด็กนั่นดูดีเกินคนเดินถนนธรรมดาทั้งสามหน ถึงจะไม่แต่งหน้าแต่งตาแต่ก็ดูเรียบร้อยมองสบายตา ไม่ใช่หน้าสดๆ (ที่ลู่หานเดาว่าคงโทรมเพราะทำงานหนัก.. มั้ง?)

                  

                    ไม่เคยเห็นตอนแต่งหน้าเต็มซักครั้ง อยากรู้เหมือนกันว่าแต่งแล้วจะเป็นยังไง ยังจะเป็นของมั่วชาติที่สวยใช้ได้แบบที่ลู่หานลงมติไว้ในใจเงียบๆหรือเปล่า

                  

                     เสียงฝีเท้าที่เดินเข้ามาทำให้ลู่หานนั่งหลังตรงและมองไปข้างหน้าโดยอัตโนมัติ และจากนั้น  ลู่หานว่าตัวเขาเองใช้เวลาประมาณสิบวิในการถอนสายตาออกมาจากเจ้าเด็กนั่น จะได้ไม่ดูเหมือนตั้งใจจ้องจนเกินไป แต่เขาก็ไม่ได้คั้งใจจ้องจริงๆนี่ ก็แค่สงสัยแค่นั้นแหละ

                  

                     ชุดนี้เข้ากับคุณซิ่วหมินมากเลยนะครับ มองแล้วเพลินดี เหมือนตุ๊กตาเลย

                  

                     ก็ตามที่อี้ฝานพูดนั่นแหละ เหมือนตุ๊กตา ผมสีช็อคโกแลตดัดเป็นลอนอ่อนๆพร้อมหน้าม้า กับชุดสูทและหูกระต่ายสีขาวพร้อมเชิ้ตสีชมพู ตุ๊กตามาก ต้องยอมรับอย่างไม่เต็มใจอีกครั้งว่าเป็นของมั่วชาติที่สวยใช้ได้ แต่ลู่หานคงไม่ใช้เอง เพราะเขาก็โตเกินกว่าที่จะสนใจตุ๊กตาแล้ว แต่ก็นั่นแหละ เป็นอีกครั้งที่ความเห็นของเขาขัดกับคนทั้งห้อง ฟังจากเสียงคลิปบอร์ดที่ดังกรอบแกรบของจื่อเทาแล้ว

                  

                     ขอบคุณที่ชมฮะเจ้าตัวยิ้มแล้วเกาหัวเขินๆแต่ตุ๊กตาตัวนี้ความสามารถหลากหลายนะฮะ แสดงได้ ร้องได้ เต้นได้ และที่สำคัญคือเซ็นสัญญาได้ด้วย

                  

                     เชิญทางนี้เลยครับลู่หานรู้สึกว่าถ้าปล่อยให้เจ้าตุ๊กตาหน้าเป็นนี่เจื้อยแจ้วต่อมีหวังเขาต้องโดนแซะแบบสุภาพๆให้แสบๆคันๆอีกแน่ เขาเลยเลือกที่จะป้องกันตัวเองโดยการตัดบท ถึงจะเสียมารยาทไปซักหน่อย แต่กันไม่ให้เขาโมโหเจ้าเด็กนี่ไว้น่าจะดีกว่า

                  

                     เจ้าเด็กนั่นเดินตามเขามาที่โซฟาชุดเดียวกับเมื่อเช้า บนโต๊ะที่ตั้งอยู่ท่ามกลางหมู่โซฟานั้นมีกระดาษวางอยู่จำนวนหนึ่ง ทั้งหมดนั่นคือสัญญาที่พิมพ์ใหม่ทั้งหมด และเขาก็ตรวจแล้วตรวจอีก (โดยเฉพาะจำนวนเงิน) จนมั่นใจเกินล้านแล้วว่าไม่มีข้อผิดพลาดใดๆในสัญญานี้แล้ว

                  

                     เจ้าตุ๊กตานั่นนั่งลง หยิบสัญญาขึ้นมาก่อนจะนั่งอ่านเงียบๆ และดูท่าจะอ่านอย่างละเอียดมากด้วยเพราะกว่าจะผ่านไปแผ่นนึงนั้นช้ามาก ช้าเกินไปจนเขาเริ่มรู้สึกตะหงิดๆแล้วว่าเจ้านี่กำลังอ่านเพื่อจับผิดมากกว่าเพื่อความละ..

                  

                     มินซอก เอามานี่มา เดี๋ยวฉันอ่านให้ รับรองละเอียดยิบ รักษาผลประโยชน์ของนายทุกเม็ดแน่เจ้าหน้าที่จากฝั่งเกาหลีคนนั้นพูดแล้วยื่นมือ (ที่ใหญ่กว่ามือของเจ้าตุ๊กตานั่นหลายเท่า) มารับเอกสารไป เจ้าตุ๊กตาทำหน้าโล่งอก ยิ้มหวานให้ก่อนจะพูด

                  

                     ขอบคุณมากเลยฮะ ภาษาจีนนี่มันยากจริงๆเลยยากมากก็กลับไปทำงาน ไปอ่านภาษาเกาหลีที่บ้านนายซะสิ

              

                    เดี๋ยวก่อนนะ หมายความว่าเจ้านี่อ่านภาษาจีนไม่คล่องงั้นหรอ? อ่านไม่คล่องแล้วดันเสนอตัวมาทำงานที่ประเทศจีนเนี่ยนะ? ควรจะด่าในความไม่เจียมหรือชื่นชมในความดันทุรังดีล่ะ?

                  

                     มันไม่ได้ยากขนาดนั้น แต่นายไม่ขยันเรียนเองต่างหาก เป็นลูกครึ่งจีนซะเปล่า อ่านญี่ปุ่นคล่องกว่าจีนซะงั้น

                  

                     ก็ฉันโตที่ญี่ปุ่นนี่ ถึงหม่าม๊ากับคุณป้าจะเลี้ยงฉันมา แต่ฉันก็ชินกับญี่ปุ่นมากกว่าอยู่ดีไม่งั้นก็กลับไปญี่ปุ่นก็ได้นะ ที่นี่คงมีคนจีนแท้ที่เหมาะกับงานนี้มากกว่านาย หรืออย่างน้อยก็ลูกครึ่งคนอื่นที่อ่านภาษาจีนคล่อง

              

                    เจ้าหน้าที่เซฮุนส่ายหัวและยิ้มอย่างเอ็นดูให้เจ้าตุ๊กตาเป็นรอบที่ร้อยของวัน ก่อยจะกลับไปก้มอ่านสัญญานั้นเงียบๆ ส่วนคนที่ต้องเซ็นก็นั่งนิ่งเรียบร้อยแต่ก็ไม่วายส่งสายตาขอบคุณให้เรื่อยๆ ชักจะคิดว่าข้อสงสัยของเขามันเป็นความจริงขึ้นมาซะแล้วสิ

                  

                     เวลาผ่านไปพักหนึ่ง เจ้าหน้าที่เซฮุนก็ส่งเอกสารกลับเรียบร้อย ไม่มีปัญหา เซ็นได้เลยพะย่ะค่ะ เจ้าชายน้อย

                  

                     คุณเซฮุนไม่ต้องเรียกผมอย่างนั้นเลย เราไม่ได้อยู่กันตามลำพังนะฮะไอ้อยู่กันตามลำพังนี่มันยังไงๆอยู่นะ..

                  

                     เจ้าตุ๊กตารับปากกาจากผู้จัดการ มือเล็กๆค่อยๆเซ็นลายเซ็นต์ของตัวเองลงไปก่อนจะยื่นมาให้เขาพร้อมรอยยิ้มหวาน (ที่เขามั่นใจว่าน่าจะมีไซยาไนด์อยู่ข้างใต้)เรียบร้อยแล้วครับ ยินดีที่ได้ทำงานร่วมกัน และหวังว่าจากนี้ไปทุกๆอย่างจะราบรื่นนะครับ

                  

                     ครับจะรื่นหรือลื่นนี่เขาก็รับประกันไม่ได้แฮะ

                  

                     ลู่หานเก็บสัญญาเข้ากระเป๋าเอกสาร ส่งให้จื่อเทาถือแล้วลุกขึ้นจากโซฟา ขยับชุดให้เข้าที่อีกที ตามด้วยส่งยิ้มให้เจ้าเด็กตุ๊กตางั้นเราก็ออกไปประกาศความราบรื่นนี้ให้ทุกคนได้รับรู้เถอะครับ

                  

                     ..และยิ้มของเขาก็มีไซยาไนด์ซ่อนอยู่ข้างใต้ ไม่ต่างจากยิ้มของคิมมินซอกคนนั้นเท่าไหร่หรอก

     

                  

                    มินซอกนั่งถัดจากเก้าอี้ของประธานในพิธีวันนี้ นั่นก็คือรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวของจีนมาสองที่นั่งนับจากด้านซ้าย คนที่นั่งคั่นระหว่างเขากับท่านรัฐมนตรีคือรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ส่วนคนที่นั่งอยู่ด้านขวาติดกับรัฐมนตรีท่องเที่ยวคือประธานกลุ่มผู้ประกอบธุรกิจท่องเที่ยวของจีน

                  

                     มันเป็นนิสัยของมินซอกที่จะสังเกตผู้ร่วมงานทั้งหมดไว้ตั้งแต่ก่อนเริ่มงาน เพื่อที่ว่าเขาจะได้ปฏิบัติกับแต่ละคนตามความต้องการของคนๆนั้นได้ บางทีมันก็เป็นการฝืนธรรมชาติของเขา แต่จะให้ทำอย่างไงล่ะ อาชีพเขาต้องอาศัยชื่อเสียงกับความเมตตาจากผู้ใหญ่นี่นา จะให้ชื่อเสียงมาด่างเพราะปฏิบัติตัวไม่เหมาะสมกับผู้ร่วมงานได้อย่างไง

                  

                     อ่อ ยกเว้นผู้ร่วมงานหน้าตีนกาคนนั้นอ่ะนะ มินซอกคงปฏิบัติตัวแย่ๆใส่ได้ ถ้าคนๆนั้นปฏิบัติไม่ดีต่อเขา เพราะดูจากตำแหน่งการยืน.. ยืนนะ ไม่ใช่นั่ง ที่อยู่เยื้องๆหลังของมินซอกไปนั้น ก็สามารถทำให้มินซอกพอจะสรุปกับตัวเองได้ว่าพลตรีลู่ ถึงแม้จะเป็นเจ้าหน้าที่ระดับสูง แต่ก็ไม่ได้สำคัญถึงขั้นได้ออกหน้าออกตา และมีอิทธิพลกับสื่อขนาดนั้น

                  

                     ไม่ได้ออกหน้าออกตา บวกกับไม่มีอิทธิพลกับสื่อ ในความคิดของมินซอกแล้วนั่นเท่ากับไม่มีหลักฐาน ไม่มีหลักฐานก็เป็นได้แค่แฟนแอคลอยๆ แล้วคิดหรอว่ากลุ่มผู้ถือลัทธิซิ่วหมิน หรือจะลัทธิมินซอกก็ตามที จะเชื่อ? คนกลุ่มนั้นรักเขามากจนพร้อมจะปกป้องเขาจากทุกอย่างรวมทั้งการกระทำของตัวเขาเอง แต่ถึงจะพูดแบบนี้.. เขาก็ไม่ได้หมายความว่าเขาจะทำตัวเหลวแหลกหรอกนะ ตรงกันข้าม เขาพยายามปฏิบัติตนให้ดีเพื่อตอบแทนความรักของแฟนคลับทุกคน ยกเว้นบางกรณีที่เหลืออด เช่นกรณีนี้..

                  

                     ตอนนี้เขายังอดทนได้อยู่ ก็ภาวนาให้ไม่ต้องเหลืออดขึ้นมาจริงๆละกัน

                  

                     “..และเพื่อความสำเร็จในการโปรโมตการท่องเที่ยวในประเทศจีนให้เป็นที่รู้จักไปทั่วเอเชีย โดยเฉพาะในเกาหลีใต้ ทางรัฐบาลเราจึงได้เชิญคุณซิ่วหมิน ซุปเปอร์สตาร์แห่งเอเชียมาด้วย..

                  

                     มินซอกค้อมหัวน้อยๆเมื่อได้ยินชื่อของตัวเอง ผมสีน้ำตาลที่เพิ่งไปย้อมมาสดๆร้อนๆสะบัดเล็กน้อยตามการขยับตัว แสงแฟลชที่ระดมเข้ามาตอนเขาเงยหน้าขึ้นทำให้ริมฝีปากเล็กๆสีสดยกขึ้นเป็นรอยยิ้มอัตโนมัติ

                  

                     ยิ้มให้หวานที่สุด ให้สวยที่สุดนะ มินซอก เพราะพรุ่งนี้ภาพในกล้องพวกนั้นได้โชว์หราบนข่าวของสื่อต่างๆไม่ต่ำกว่ายี่สิบสื่อแน่

              

                    “..ในโอกาสนี้ก็เชิญคุณซิ่วหมินกล่าวอะไรซักเล็กน้อยเกี่ยวกับความร่วมมือในครั้งนี้ด้วยครับ..

                  

                     มือขาวยื่นออกไปรับไมโครโฟน ค้อมหัวให้คนที่ส่งให้แทนคำขอบคุณ เงยหน้าขึ้นมาอีกครั้งพร้อมรอยยิ้มหวานเป็นเอกลักษณ์บนใบหน้าที่ได้รับการตกแต่งมาอย่างดี

                  

                     ครับ ขอผมแนะนำตัวอีกครั้ง.. ถึงแม้หลายๆท่านจะรู้จักผมอยู่แล้ว แต่ถ้าไม่แนะนำตัวเนี่ย มันก็เหมือนไม่ครบพิธี เหมือนขาดอะไรไปใช่ไหมครับ?..”

                  

                     เสียงหัวเราะดัง มินซอกยิ้มกว้างขึ้น

                  

                     ผม ซิ่วหมินครับ รู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้รับการเชิญให้เข้าร่วมโครงการที่ยิ่งใหญ่และน่าสนใจโครงการนี้..

                  

                     เสียงเจื้อยแจ้วของเจ้าตุ๊กตายังดังต่อไปเรื่อยๆสลับกับเสียงชัตเตอร์กล้อง และเสียงหัวเราะของทั้งคนที่นั่งร่วมโต๊ะด้วยและผู้สื่อข่าว ทุกสายตาต่างจับจ้องไปยังเจ้าของมั่วชาติราคาแพง ทำให้ลู่หานมั่นใจว่าไม่มีใครคนไหนจะเผื่อแผ่สายตามายังทิศที่เขายืนอยู่แน่ เขาเลยใช้โอกาสนี้เม้มปากและถอนหายใจแรงๆ

                  

                     หลงรูปลักษณ์ตุ๊กตาของหมอนี่กันไปหมด หลงจนไม่รู้สึกกันเลยสินะว่างานเกี่ยวกับประเทศจีนก็สมควรจะให้คนจีนทำ ไม่ใช่ให้เจ้าครึ่งจีนที่แม้แต่อ่านให้คล่องยังทำไม่ได้มาทำเนี่ย แม้แต่เหล่าท่านรัฐมนตรีก็ยังพลอยเป็นไปด้วย น่าโมโหจริงๆ น่าโมโหจนอยากออกไปจากที่นี่แล้วตรงไปที่สนามยิงปืนซะเดี๋ยวนี้เลย

                  

                     พลตรีลู่คะ..

                  

                     สวัสดีครับ พันตรีหลี่ลู่หานหันไปตามเสียงเรียกก็พบเจ้าหน้าที่กระทรวงเดียวกันกับเขายืนอยู่ เขาค้อมหัวรับการทักทายจากเธอไม่ทราบว่ามีธุระอะไรงั้นหรอครับ?”

                  

                     มีค่ะ แต่ดิฉันรอได้นะคะ เพราะคิดว่าท่านคงต้อง..

                  

                     ไม่ต้องหรอกครับเมื่อเห็นสายตาของพันตรีหลี่ที่มองไปยังเจ้าของข้ามชาติที่ยังพูดแจ้วๆไม่หยุด ลู่หานก็พูดขึ้นมาทันทีงานแถลงข่าว..

                  

                    นาฬิกาข้อมือเรือนหรูถูกยกขึ้นมาดู “..น่าจะเสร็จภายในครึ่งชั่วโมงข้างหน้า ถ้าธุระของคุณจะคุยเสร็จภายในครึ่งชั่วโมงผมก็ออกไปตอนนี้ได้ครับ เสร็จแล้วค่อยกลับมารับ.. ซิ่วหมินก็ได้ ไม่น่าจะเป็นอะไร

                  

                     เจ้าหน้าที่สาวยิ้มให้เขาเล็กน้อยงั้นก็เชิญทางนี้ค่ะ รับรองจะเสร็จภายในครึ่งขั่วโมง

     

                  

                    ธุระของพันตรีหลี่ ซึ่งเป็นฝ่ายธุรการของกระทรวงนั้นไม่มีอะไรมาก ก็แค่ให้ลู่หานเซ็นเอกสารด่วนเกี่ยวกับการที่เขาต้องย้ายสถานที่ทำงานของตัวเองจากโต๊ะทำงานในกระทรวง ไปเป็นข้างๆเจ้าตุ๊กตามั่วชาตินั่นน่ะแหละ ถ้าไม่ติดว่าพันตรีหลี่ยืนอยู่ตรงนี้ เขาคงถอนหายใจแรงๆซักแปดตลบแล้วค่อยเซ็นรับทราบ

                  

                     เรียบร้อยแล้วค่ะ ว่าแต่.. ท่านจะรับอะไรไหมคะ? เห็นวันนี้ท่านจะทำนู่นทำนี่เกี่ยวกับคุณซิ่วหมินตั้งเยอะแยะ คงจะเหนื่อยแย่ เป็นกาแฟซักนิดก็ดีไหมคะ?”

                  

                     ก็ดีเหมือนกัน ขอบคุณครับ เหลือเวลาอีกสิบห้านาที ผมน่าจะกินหมดพอดี

                  

                     รอซักครู่นะคะพันตรีหลี่รับคำก่อนจะเดินไปยังโต๊ะวางอุปกรณ์ชงกาแฟที่มุมห้อง ไม่นานนักเธอก็กลับมาพร้อมกาแฟที่ส่งควันฉุย เธอยื่นให้เขาเมื่อวานดิฉันบังเอิญไปเจอท่านลู่..

                  

                     ท่านลู่ในที่นี้คือพ่อของเขานะ พลเอกลู่ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมเมื่อหลายปีที่แล้วครับ..

                  

                     “..ก็เลยมีโอกาสได้คุยกับท่าน แล้วก็พอจะสรุปได้ว่าท่านไม่ค่อยเห็นด้วยกับโครงการนี้เท่าไหร่..

                  

                     ลู่หานวางแก้วกาแฟลงบนโต๊ะเบาๆคุณเลยอยากรู้ความเห็นของผมบ้างงั้นหรอครับ?”

                  

                     จะว่าอย่างนั้นก็ได้ค่ะ เพราะดิฉันทราบมาว่าโครงการนี้เป็นโครงการใหญ่ เกี่ยวพันหลายกระทรวง เม็ดเงินที่ลงไปก็ไม่น้อย ถ้าท่านมีความคิดเหมือนคุณพ่อของท่าน..

                  

                     คุณกลัวโครงการมันจะล่มเพราะความคิดของผมคนเดียวหรือไงกัน?”

                  

                     มันคงไม่เป็นอย่างนั้นหรอกค่ะเธอพูดเสียงใจเย็น ริมฝีปากที่เคลือบสีอ่อนจางไว้กระตุกยิ้มแต่ถ้ามีความคิดของคนอื่นๆที่ไม่ใช่ท่านร่วมด้วยล่ะคะ?”

                  

                     ลู่หานไม่รู้จะมีปฏิกิริยาอย่างไงดีถึงจะเหมาะสมกับเหตุการณ์ที่กำลังเกิดขึ้น เขาเลยเลือกหนทางที่ปลอดภัยที่สุดโดยการตีหน้านิ่งไปก่อน ดิฉันมีโอกาสได้คุยกับเจ้าหน้าที่หลายคนจากหลายกระทรวงค่ะ ก็เลยทราบว่ามีคนไม่พอใจความร่วมมือครั้งนี้เยอะอยู่เหมือนกัน ถ้าท่าน.. ซึ่งเป็นคนที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้มากกว่าใครๆ..

                  

                     ฟังแล้วอยากไปสนามยิงปืนขึ้นมาอีกอย่างไงพิกล “..มีความเห็นตรงกันกับพวกเรา ดิฉันคิดว่าเราน่าจะสามารถทำอะไรซักอย่างที่ทำให้โครงการนี้ถูกยุติได้ และจากนั้นเราจะได้ส่งดาราข้ามชาติคนนี้กลับไปที่ที่เขาควรจะอยู่ แน่นอนว่าไม่ใช่ประเทศของเรา

                  

                     ลู่หานเงียบไปพักหนึ่ง เขายกกาแฟขึ้นจิบอีกหน ในใจอดคิดไม่ได้ว่าทำไมพันตรีหลี่ถึงดูเหม็นขี้หน้าเจ้าตุ๊กตามากกว่าเขาซะอีก ทั้งๆที่ยังไม่ได้มีโอกาสไปสัมผัสความแสนกลของเจ้านั่นด้วยตัวเองเลยซักครั้ง เขาเหลือบมองพันตรีหลี่อีกหน เขารู้จักเธอมาตั้งแต่เธอได้รับการบรรจุเข้าทำงานที่นี่ เธอเป็นคนที่สวย เก่ง และที่สำคัญคือละเอียดรอบคอบ  ไม่ปากพล่อย แถมยังรู้จักกับครอบครัวของเขาอีกต่างหาก งั้น.. มันคงไม่เป็นไรมั้ง ถ้าเขาจะบอกความเห็นของเขาให้เธอคนนี้ได้รู้ เพราะนอกจากจะเป็นการระบายแล้ว (ปกติจะระบายกับจื่อเทา แต่กรณีนี้ไม่น่าจะได้ ดีไม่ดีมันอาจจะเซ็นใบลาออกอีก) คุณพ่อจะได้รู้ด้วยว่าลูกชายที่ได้รับการอบรมมาอย่างดี แบบที่ใครๆต่างพูดกันว่าถอดท่านลู่มาไม่ผิดไม่ได้นิ่งดูดาย ลูกชายคนนี้รู้สึกเหมือนท่าน แต่ที่ยังทำอะไรไม่ได้เพราะกำลังรอเวลาอยู่ต่างหาก

                  

                     ผมเห็นด้วยกับที่คุณพูดมา แล้วก็อยากส่งเขากลับไม่ต่างจากคุณ แต่..

                  

                     “..แต่คุณก็ควรจะรู้ไว้ว่าผมจะไม่กลับง่ายๆหรอก

                  

                     เสียงที่ดังขึ้นจากทางประตูทำให้เขากับพันตรีหลี่หันไปมองอย่างตกใจ และภาพที่เห็นก็ทำให้ตกใจมากขึ้นอีกหลายเท่า ร่างเล็กในสูทสีขาวถอดภาพลักษณ์ตุ๊กตาน้อยๆบนเวทีไปแล้วอย่างแน่นอน เพราะที่เขาเห็นตอนนี้ คือสีหน้านิ่งสนิทของเด็กอายุยี่สิบสี่ที่เขาไม่เคยเห็นมาก่อน

                  

                     จะว่าผมเสียมารยาทเข้ามาก็คงไม่ถูก เพราะผมไม่คิดว่าพลตรีผู้ดูแลผมจะว่างถึงขนาดมานั่งจิบกาแฟในห้องรับรองทั้งๆที่งานมันยังไม่เสร็จ ผมก็เลยนึกว่าไม่มีใครอยู่ ทะเล่อทะล่าเปิดประตูเข้ามา ต้องขอโทษสำหรับเรื่องนี้ด้วยนะครับเจ้าตุ๊กตาพูดด้วยน้ำเสียงเย็นๆ นิ่งๆ ที่ถึงแม้จะไม่อยากยอมรับ ลู่หานก็ต้องยอมรับว่ามันเย็นจนเขารู้สึกหนาวๆ ร้อนๆเลยทีเดียวแต่สำหรับเรื่องที่คุณกำลังพูดอยู่.. ผมว่าคำขอโทษไม่จำเป็น น่าจะเป็นคำอธิบายมากกว่า ตอนแรกก็กังวลอยู่เหมือนกันว่าทำไมคุณถึงแอนตี้ผมขนาดนั้น เก็บเอาไปคิดซะด้วยซ้ำว่าควรจะแก้ไขตัวเองอย่างไง คุณจะได้เลิกรู้สึกแบบนั้นกับผม การทำงานระหว่างเราจะได้ราบรื่นขึ้น แต่พอมาได้ยินที่คุณ.. กับพันตรีหลี่..

                  

                     อ่าว อ่านป้ายชื่อออกหรอกหรอ.. “..คุยกัน ผมก็ได้คำตอบ ขอบคุณนะครับที่ทำให้รู้ว่าผมไม่ต้องแก้ไขอะไร เพราะแก้ไปมันก็เท่านั้น อคติคนมันลบยาก และผมก็ไม่มีความคิดที่จะลบให้คุณด้วย เพราะคุณก็ไม่ได้สลักสำคัญอะไรกับผมขนาดนั้น คุณจะคิดอย่างไงเกี่ยวกับผมมันก็เรื่องของคุณ

                  

                     แต่รู้ไว้ละกันนะครับ ว่าผมไม่มีอคติกับใคร แล้วก็จะไม่ยอมให้อคติเหล่านั้นมาขวางงานของผม ความก้าวหน้าของผมด้วย ถ้าคุณควบคุมอคติตัวเองไม่ได้ งั้นจะทำอะไรก็เชิญ ถ้าไม่กลัวจะเสียชื่อเสียงก็เอาเลยครับ เพราะผมคงไม่ไปจากที่นี่เพราะความคิดของคุณอยู่แล้ว

                  

                     ซิ่วหมินจบประโยคด้วยน้ำเสียงเย็นๆ แบบเดิม  ไม่ผิดอะไรกับดวงตากลมโตที่มองมายังลู่หาน เขาเองก็ไม่ยอมหลบสายตา เรื่องอะไรจะต้องหลบ เขาจ้องตาเด็กนั่นกลับอย่างไม่ยอมแพ้ ทำไมเขาจะอคติไม่ได้ล่ะ? นี่มันประเทศเขา บ้านเกิดเมืองนอนของเขา เขาก็มีสิทธิ์ออกสิทธิ์ออกเสียงออกความคิดนี่ว่าทำไมถึงไม่อยากให้เจ้าครึ่งชาตินี่มาก้าวก่าย

              

                    ยอมรับว่าการที่เขาควบคุมอคติตัวเองให้อยู่เงียบๆในใจ ไม่แสดงออกไปแม้แต่น้อยไม่ได้นั้นถือเป็นเรื่องไม่มืออาชีพ แต่การที่เจ้าเด็กนี่แขวะบ้าง แซะบ้างกลับคืนมาก็ถือว่าไม่มีอาชีพเหมือนกันไม่ใช่รึไง? ก็หยวนๆกันไปละกัน แล้วถ้าเจ้านี่กล้าประกาศความเป็นปฏิปักษ์กับเขาชัดเจนขนาดนี้ เขาประกาศกลับก็คงไม่เสียหายหรอกมั้ง

                  

                     คุณพูดเองนะครับ คุณคิมมินซอก ไอ้ที่ว่าทำอะไรก็เชิญน่ะ งั้นผมก็ต้องขอโทษล่วงหน้ามาตรงนี้เลยละกัน

                  

                     ถ้าไม่เต็มใจขอโทษก็ไม่ต้องขอโทษหรอกครับ ฟังแล้วแสลงหูเปล่าๆ ไว้เต็มใจขอโทษเมื่อไหร่ค่อยพูดก็ได้ครับ ซึ่งผมก็จะไม่รอวันนั้นหรอกนะ เพราะอคติของคุณมันดูหนาซะเหลือเกิน

                  

                     ก็พอๆกับหน้าคุณล่ะมั้งครับ? รู้ว่าเจ้าบ้านไม่ชอบก็ยังยืนนิ่งอยู่ได้

                  

                     เอ๊ะ..

                  

                     มินซอกเสียงที่เคยเรียกมินซอกอย่างเอ็นดูอยู่เป็นนิตย์ของเซฮุนเปลี่ยนเป็นเข้มงวดทันที พร้อมกับมือที่เอื้อมมาคว้าข้อมือขาวของคนที่อารมณ์กำลังขึ้นเกินไปแล้ว พอแล้ว ให้มันรู้กาลเทศะหน่อย

                  

                     แต่..

                  

                     จะดื้อกับฉันหรอ?” เซฮุนพูดเสียงดุขึ้นอีกระดับ มินซอกที่อ้าปากเตรียมเถียงอยู่ค่อยๆเปลี่ยนเป็นเม้มปากแน่นแทน ดวงตาคู่โตฉายแววไม่พอใจ ร้อนถึงคนที่เป็นต้นเหตุต้องรีบดึงตุ๊กตาหน้าคว่ำไปกอด พึมพำปลอบอะไรที่ได้ยินกันสองคน คล้ายๆกับว่าจะลืมคนทั้งห้องไปแล้ว

                  

                     ที่จริงลู่หานก็ไม่ชินกับการโดนลืมหรอก ลูกชายคนเดียวของอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมจะไปคุ้นกับเหตุการณ์พรรค์นี้ได้อย่างไง ถ้าเป็นเวลาปกติเขาคงรู้สึกหงุดหงิดไม่น้อย แต่ตอนนี้มันไม่ปกติเอามากๆ เขาก็เลยคิดว่ามันก็ไม่ได้แย่อะไร ออกจะดีซะด้วยซ้ำ

                  

                     เขาจะได้มีเวลาคิดแผนรับมือเด็กนี่เงียบๆ และที่สำคัญยิ่งกว่า..

                  

                     มือเรียวกดชัตเตอร์อย่างไร้เสียง และไร้สายตาที่มองเห็น

                  

                     ..เขาจะได้มีข้อมูลไว้ตลบหลังเจ้าเด็กแสบนี่เผื่อจะแสนกลสมฉายาที่เขาตั้งให้แล้วเล่นอะไรตุกติกด้วย

     

    tbc.       

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×