คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : - 1 -
เเก้ไขนิดหน่อยค่ะ >o<
-1-
ลมหลงถิ่น
เช้าวันเสาร์
10 โมงเช้า
ไก่จะขัน นกจะร้อง ฟ้าจะผ่า หรือไอเครื่องทำน้ำร้อนที่เสียบทิ้งไว้มันจะไหม้ ไม่มีอะไรที่จะปลุกหญิงสาวที่นอนคลุกอยู่ใต้ผ้าห่มคนนี้ได้อย่างแน่นอน
ก็อกๆๆๆๆๆๆๆๆ
อ๊ะ ยังมีอย่างที่สามารถปลุกเธอได้ นั่นก็คือเสียงทวงค่าเช่าหอของคุณเจ๊แพรดาวสาวประเภทสองขาใหญ่เจ้าของตึก
“นี่ยัยไก่ เปิดประตูเดี๋ยวนี้ ฉันรู้นะว่าหล่อนอยู่ข้างใน แล้วก็จ่ายค่าเช่าสามเดือนซ้อนมาซะดีๆ ค่าเช่าที่นี่น่ะถูกแสนถูกจนแทบจะอยู่ฟรีอยู่แล้วนะอีนังหนู ยังจะมีหน้ามาเบี้ยวอีก”
เสียงใหญ่ดังแหลมปรี๊ดของเจ๊แพรดาวดังลั่นไปทั่วอพาร์ทเม้น เล่นเอาชาวบ้านเขาตื่นกันหมด แต่ก็ไม่สนใจด้วยความเคยชินเพราะเจ๊แกก็มาทวงหนี้กับห้องนี้เป็นประจำแทบทุกเดือนอยู่แล้ว
“อี นัง ไก่~~~~~~~~”
เจ๊แพรดาวเริ่มเพิ่มเสียงขึ้นเป็นระดับ 5
พลั่กก!
ประตูถูกผลักออกเหมือนจงใจจะให้โดนหน้าของคนที่ยืนท้าวสะเอวอยู่หน้าประตู แต่เพราะเจ๊แกรู้ทันเลยหลบได้อย่างคล่องแคล่ว
หญิงสาวผมสั้นผมม้ารวบขึ้นเหมือนต้นมะพร้าวจัดแว่นสีกรอบแดงที่เลนส์มันแผลบให้เข้าที่ก่อนจะเอามือที่เปื้อนขนมกรุบกรอบไปเช็ดที่เสื้อยืดตัวโคร่งที่มีสภาพไม่ต่างจากผ้าขี้ริ้ว
“นี่หล่อน...ซกมกแบบนี้ไม่อายกระเทยเลยรึไงยะ อุส่าเกิดมามีของดีแท้ๆ หล่อนมาสลับเพศกับฉันนี่มา เอาไอปิกัจจูนี่ไปเลย จะได้ซกมกให้มันสาแก่ใจหล่อนซะยิ่งกว่านี้..... แล้วนี่อะไรอีกละเนี้ยยย~”
บ่นเรื่องแรกไม่ทันจบเจ๊แพรดาวก็ฉะโงกหน้าเข้าไปในห้องก่อนจะหันมาเท้าสะเอวใส่หญิงสาวอีกครั้ง
“..นี่พ่อหล่อนเป็นโรงไฟฟ้ารึไงยะ เปิดแอร์กี่องศาเนี่ย ไม่ปาไปติดลบรึไง มันเปลืองนะยะ มันเปลือง”
ว่าแล้วเจ๊แพรดาวก็ถือวิสาสะเดินเข้าไปหยิบรีโมตมาปรับแอร์
“จนแล้วยังไม่เจียม ฉันละเชื่อเลย รู้มั้ย คนที่นี่น่ะเขาไม่ติดแอร์กันหรอก เพราะถ้ามีปัญญาติดแอร์เขาก็คงไม่มาอยู่ที่หอโทรมๆ นี่กันหรอกย่ะ แล้วนี่แกเป็นอะไรของแกเปิดแอร์แบบไม่บันยะบันยังแล้วก็นอนห่มผ้านวมเนี่ยนะ ป๊าดดด..ยังไม่พอๆ เปิดพัดลมอีก...”
“นี่เจ๊จะบ่นพอยัง คนยิ่งไม่ว่างอยู่ บ่นเป็นน้ำไหลไฟดับตั้งแต่เช้าเลย น่ารำคาญ”
หญิงสาวทำเป็นบ่นอุบอิบก่อนจะเดินกลับเข้าห้องและล้มตัวลงนอนที่กลางพื้นแบบหน้าตาเฉย
“...นู่น ค่าเช่าวางไว้บนโต๊ะ เอาไปแล้วรีบๆ ย้ายก้นงามๆ ของเจ๊ออกไปเลยไป๊”
“เออ ได้ค่าเช่าแล้วฉันก็ไม่อยู่หรอกย่ะ อย่ามาเนียนเบี้ยวอีกละกัน ไม่งั้นแม่จะตามด่าให้หล่อนหลอนซะจนกินไม่ได้นอนไม่หลับเลย”
เจ๊แพรดาวปากก็บ่นไป แต่ก็ไม่วายจะถอดปลั๊กกาน้ำร้อนที่เสียบข้างไว้และเก็บเอาเศษขยะตามพื้นที่เรี่ยราดติดมือออกไปทิ้งด้วย
“ชิ กลัวตาย”
แต่ก่อนที่เจ๊แพรดาวจะปิดประตุหญิงสาวแว่นแดงหรือ ธีรดาก็ไม่ลืมที่จะจิกกัดกลับอีกเล็กน้อย
สองคนนี้เรียกได้ว่าเป็นคู่ชกประจำหอพักดาวจรัสที่ถ้าวันไหนไม่ได้แลกมัดกันสักหน่อยก็คงพาเอาคนไหนหอนอนไม่หลับกันเลยทีเดียว เพราะฝ่ายหนึ่งก็เป็นเจ๊ใหญ่เจ้าแม่ทุกสถาบันซึ่งไม่เคยมีใครกล้าสู้ เนื่องจากฝีปากเจ๊แกไม่เป็นสองรองใคร จะมีก็แต่คุณไก่ห้อง 511 แห่งชั้น 5 นี่แหละที่จะมาคอยขัดส้นเจ๊แกอยู่ตลอด แถมคุณไก่คนนี้ยังเป็นคนขวางโลกสุดๆ จนไม่มีใครกล้ายุ่ง แต่ก็ดีสำหรับคนในหอเพราะไม่ต้องไปอาศัยละครน้ำเน่าดูนางร้ายตบกัน มาดูคู่นี้ฟาดกันมันกว่าเยอะ
หญิงสาววิ่งกุลีกุจออกจากห้องทั้งที่ผมที่เพิ่งสระยังไม่ทันแห้ง ครีมกันแดดก็ยังไม่ทันทาดีๆ เป็นวงๆ ขาวๆ รอบหน้า เสื้อผ้าก็ยับยู่ยี่ กระเป๋าก็ยังเปิดอยู่
ธีรดารีบไขกุญแจแล้วโยนลงกระเป๋าก่อนจะวิ่งไปทั้งๆ ที่ยังใส่รองเท้าแตะอยู่ เธอแวะที่รถเข็นขายอาหารตามสั่งป้าสาข้างล่างหอพัก ซึ่งตอนเช้าจะมีขายน้ำเต้าฮู้กับปาท่องโก๋ด้วย
“อ้าวหนูไก่ ตื่นสายอีกแล้วนะ”
ป้าสาส่งยิ้มสวยให้ธีรดา สำหรับคนอายุ 60 แล้ว ป้าสาถือว่ายังสวยใสและดูเด็กอยู่มาก ไม่ว่าใครก็ต้องตกหลุมรักรอยยิ้มและดวงตาที่ยังใสแจ๋วของแกเป็นแน่
“ทาไอครีมบนหน้าให้เสร็จก่อนดีมั้ยหนู หน้าวอกไปหมดแล้ว”
“ไม่ทันแล้วป้า ขอปาท่องโก๋เหมือนเดิมไม่เอาน้ำเต้าหู้”
ป้าสารีบหยิบปาท่องโก๋อย่างคล่องแคล่วแล้วส่งให้
“ขอบคุณค่ะ แปะโป้งไว้ก่อนนะ เดี๋ยวเย็นนี้จ่ายให้ทีหลัง ไปล่ะป้า”
ได้รับถุงปั๊บธีรดาก็รีบซิ่งเกียร์หมาไปทันทีโดยไม่หันมามองให้ดีว่าตนได้ทำโทรศัพท์ตกไว้
“เดี๋ยว เดี๋ยว หนูไก่..”
ป้าสาเห็นรีบวิ่งตามไป แต่มีหรือที่คนอายุอานามวัยเลขหกอย่างแกจะไปตามทันพนักงานสาววัยยี่สิบที่กว่ากำลังจะไปประชุมฝ่ายของบริษัทสาย
“โถ่...หนูไก่ของป้า เบ๊อะบ๊ะซุ่มซ่ามไม่มีใครเหมือน”
วันนี้บริษัทเดเวี่ยนกรุ๊ป หรือ บริษัทเจ้าของกิจการห้างสรรพสินค้าไฮคลาสที่มีอยู่มากกว่า 70 สาขาทั่วทั้งเอเชีย และธุรกิจปลีกย่อยอีกมากมาย ได้มีการนัดหมายประชุมใหญ่อย่างกะทันหัน ทั้งพนักงานตั้งแต่ระดับล่างยันผู้บริหารต่างเนื่องจากลูกชายคนรองของหุ้นส่วนรายใหญ่ซึ่งไปเป็นผ.อ.อยู่ที่สาขาฮ่องกงอยู่หลายปีเพิ่งกลับมาเพื่อรับตำแหน่งผ.อ.ใหญ่สาขาบริหารซึ่งนับได้ว่าเป็นตำแหน่งที่ใหญ่และสำคัญมากของบริษัท
พนักงานทุกคนต่างพากันแตกตื่นเพราะได้รับข้อความกระทันหันทางโทรศัพท์ให้มารวมพลที่หอสัมมนาประจำสาขาใหญ่
“การแถลงการณ์จะเริ่มแล้วขอให้ทุกคนอยู่ในความสงบค่ะ”
โฆษกประจำบริษัทกล่าวอย่างเป็นมืออาชีพ
ความจริงแล้วการโยกย้ายครั้งนี้เป็นไปอย่างกะทันหันมากเพราะผ.อ.คนเก่าเกิดป่วยกระทันหันและต้องไปรักษาตัวที่ต่างประเทสแม้แต่พวกผู้บริหารก็ยังแตกตื่นไปด้วย
แต่ทันใดที่คนๆ นั้นก้าวขึ้นมาบนเวทีทุกคนก็พากันเงียบสนิทและจ้องมองไปที่เวทีเป็นสายตาเดียวกัน
ชายหนุ่มร่างสูงโปร่งเพรียวบางในชุดสูทหรูที่ตัดเย็บอย่างประณีต ใบหน้าผิวสะอาดดูสว่างโดดเด่นมาแต่ไกล ทั้งดวงตาสีแปลดที่ดูน่าหลงใหล จมูกโด่งคม และบุคลิกที่สง่างามทำให้ทุกคนต่างมองเขาตาไม่กระพริบ เขาโค้งลงช้าๆ เป็นการแนะนำตัวอย่างเป็นทางการ
“ผมวายุ โยธินตระกูล จะมารับหน้าที่ผ.อ.ฝ่ายบริหาร ฝากตัวด้วยครับ”
ยังไม่ทันที่น้ำเสียงนุ่มลึกน่าเกรงขามนั้นจะพูดจบเสียงปรบมือก็ดังลั่น
“ผมไม่ได้กะจะมาพักร้อน แต่ผมอยากจะเปลี่ยนหลายๆ อย่างของบริษัทนี้”
เสียงปรบมือค่อยๆ หายไปตามที่น้ำเสียงของเขาดูจริงจังขึ้นจนน่ากลัว
“จากที่ดูจากผลสรุปกำไรและผลงานของบริษัทในปีที่แล้ว....”
หญิงสาวมาถึงบริษัทอย่างฉิวเฉียด แต่ก็พบว่าไม่มีใครอยู่เลย แม้แต่คนเดียว ธีรดาจึงเดินไปตอกบัตรตามปกติแล้วกลับมานั่งนิ่งที่โต๊ะของตัวเองก่อนจะฟุบลงกับโต๊ะ
พนักงานประจำ ธีรดา ครบสมบูรณ์
หลังจากแถลงการณ์ฉุกเฉินจบลง พนักงานก็แยกย้ายกลับไปทำหน้าที่ปกติของทุกคน
แผนกบริหารฝ่ายนอก ห้างสรรพสินค้าซัลเวียร์
“โหย ผ.อ.คนใหม่ดูท่าจะดุว่ะ”
พนักงานชายส่วนใหญ่ต่างพูดคุยกันเกี่ยวกับเรื่องที่บริษัทน่าจะมีมาตรการณ์บุกตลาดเอเชียที่เข้มข้นขึ้น ส่วนพนักงานหญิงทั้งหลายก็...
“หล่อชะมัด ขนาดมองไกลๆ ยังดูดี เห้อ อย่างนี้ค่อยอยากมาทำงานทุกวัน”
“แหม ยังไงเราก็ไม่ได้เจอเขาหรอก เขาคุมอยู่สาขาใหญ่นู่น”
“....”
ธีรดาที่แกล้งเนียนทำเป็นเดินเข้ามาตามพนักงานที่เพิ่งกลับจากสาขาใหญ่หลังจากเพิ่งไปเข้าห้องน้ำมา
“ธีรดา ไม่ได้ไปแถลงการณ์ใช่มั้ย”
คุณเพ็ญแข ผู้จัดการฝ่าย ถึงจะอายุขึ้นเลขสามแต่ก็ยังถึกลุยเถื่อน ทั้งยังจู้จี้และเจ้าระเบียบเป็นที่สุด
ธีรดาที่เพิ่งตื่นจากการแอบงีบ ก้มหัวเป็นการขอโทษ
“ไม่ได้รับข้อความเหรอ”
“ค่ะ คือว่าฉันหาโทรศัพท์ไม่เจอเลย”
หญิงสาวแอบคิดในใจว่าโชคดีเหลือเกินที่หาโทรศัพท์ไม่เจอเธอเลยได้มีเวลางีบอีกตั้งนาน แทนที่จะไปร่วมแถลงการณ์เรื่องผ.อ.คนใหม่ ซึ่งไม่มีความเกี่ยวข้องกับเธอที่เป็นพนักงานต๊อกต๋อยเลยซักนิด
“เฮ้อ เอาเถอะช่วยไม่ได้ล่ะนะ มันก็ปุบปับจริงๆ ไปทำงานต่อเถอะ”
หลังจากคุณเพ็ญแขหันหน้ากลับและเดินตรงไปที่ห้องของเธอ ธีรดาก็แอบยิ้มบางๆ
ธีรดานั้นเรียนจบจากมหาวิทยาลัยชั้นกลางๆ ในสาขาเอกญี่ปุ่น และเหตุผลที่เธอได้เข้ามาทำงานที่ฝ่ายบริการลูกค้าแห่งนี้เพราะมีลูกค้าหลายคนของห้างที่เป็นชาวญี่ปุ่น แต่อย่างไรก็ตามงานหลักๆ ของเธอออกจะไปในแนวติดต่อลูกค้าทั่วไป หรือจัดการกับเอกสารมากกว่า แทบไม่ได้ใช้ความรู้ที่เรียนมาเลย เธอเลยนำความรู้พวกนั้นไปทุ่มให้กับการอ่านการ์ตูนหรือดูอนิเมะซะมากกว่า
โดยในที่ทำงานนั้นเธอะแตกต่างจากตอนอยู่บ้านเล็กน้อยเพราะจะพูดน้อยแล้วก็ดูเรียบร้อยขี้อาย
“พี่ไก่คะ”
ธีรดาหันไปตามเสียงเรียกของขวัญใจ เด็กใหม่ที่เพิ่งจบมาหมาดๆ เธอจึงถูกมอบหมายให้ดูแลน้องใหม่คนนี้ซึ่งดูจะร่าเริงและขยันขันแข็งซะจนธีรดาเองก็ชักจะเหงื่อตก
“ขวัญใจว่าพี่ไก่ดูมึนๆ นะคะ เป็นอะไรรึเปล่า? หรือไม่สะบาย”
ขวัญใจทำตาโต พลางเอามือทาบไปที่หน้าผากของธีรดาที่แก่กว่า 2 ปี เธอเอาหน้ายื่นเข้ามาใกล้จนธีรดาต้องถอยหนี
เด็กผู้หญิงคนนี้นี่ยังไง นี่ถ้าธีรดาเป็นผู้ชายคงคิดว่าถูกอ่อยเข้าให้แล้ว ส่วนถ้าเป็นผู้หญิงคนอื่นก็คงหมั่นไส้ เพราะทั้งหุ่นผอมบางเล็กกะทัดรัดและใบหน้าสวยหวานดูสมวัยของเธอนั้นเล่นเอาผู้หญิงด้วยกันแอบอิจฉาไปหลายคน แต่ธีรดาเห็นจนชินแล้ว
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ พี่สบายดี”
เมื่อวานเผลออ่านนิยายออนไลน์เพลินไปหน่อย รู้ตัวอีกทีก็ตี 4 แล้ว
“อ๋อ..หรอคะ งั้นเดี๋ยวขวัญใจไปชงกาแฟ ดูพี่ไก่ง่วงๆ”
เหอๆ ไม่เป็นไรหรอกอีหนูเอ้ย เจ้าตัวเขากริ้บไปแล้วสี่ถ้วยได้
“ไม่เป็นไรค่ะ เราเริ่มงานกันเถอะ”
“โอเคๆ กลับบ้านได้แล้วทุกคน วันนี้ดูท่าฝนอาจจะตก กลับกันดีๆ ล่ะ”
เพ็ญแขตะโกนบอกเหล่าพนักงานที่เริ่มเก็บข้างเก็บของกลับบ้าน
แน่นอนว่าธีรดาดิ่งตรงกลับบ้านทันที หอพักเธออยู่ใกล้มาก เดินแค่ครึ่งชั่วโมงก็ถึง นั่งมอเตอร์ไซค์แค่ 10 นาทีก็อยู่แล้ว
บ้านคือวิมาน ลั้ลลั้ลลั้ลลา~
หญิงสาวฮัมเพลงอย่างสบายอารมณ์
“ป้าคะ ฉันมาจ่ายที่แปะโป้งไว้แล้ว”
ธีรดายังคงไม่ลืมเรื่องปาท่องโก๋
“20 จะ”
เธอยื่นเงินให้อย่างคล่องแคล่ว แฃะรีบดิ่งขึ้นห้อง แต่ระหว่างทางเดินก็ได้เจอกับเจ๊แพรดาวซะก่อน
“ยัยไก่ ลืมปิดแอร์อีกแล้ว”
“เออๆ รู้แล้วน่า”
ทั้งคู่ไม่แม้แต่จะหยุดคุยกันสักนิด เอาแต่ตะโกนข้ามชั้นไปมาๆ
จนเมื่อหญิงสาวแว่นแดงหยุดอยู่ตรงหน้าห้องของตนก็พบว่ามีบุรุษไปรษณีย์มายืนรออยู่
“อ้ะ มีธุระอะไรเหรอคะ”
หญิงสาวจับแว่นตามนิสัยที่เคยชินเวลาเจอคนแปลกหน้า
“คุณอยู่ห้อง 511 ใช่มั้ยครับ”
“ค่ะ”
“คุณธีรดา”
“ค่ะ”
“งั้นช่วยเซ็นรับนี้ทีครับ”
“โว้~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~”
หญิงสาวแว่นแดงร้องเสียงหลงโห่ดังไปทั่วหอ
“เจ๊ ไอโฟนอ่ะ ไอโฟนแท้ๆ ไอโฟนห้า อ้ากกกกก”
เธอกระโดดโลดเต้น
ทันใดนั้นเหล่าเพื่อนร่วมหอก็ต่างเปิดประตูออกมาดูกันยกใหญ่ ไม่เว้นแม้แต่เจ๊แพรดาวและขิงลูกจ้างของเจ๊แกที่วิ่งหัวหลุดหัวฟูมาแต่ไกล
ใครมันจะคาดคิดว่าผลจากการที่ส่งฝาขวดน้ำหวานไปเพียงแค่ฝาเดียวเพื่อชิงโชคโทรศัพท์สุดไฮเทค ดวงของธีรดาคนนี้นั้นแรงจริงอะไรจริง ขณะที่เจ๊แพรดาวส่งไปเป็นลังกลับไม่ได้อะไรเลย
“ไหนๆๆ ดูหน่อยสิเจ๊ไก่”
ขิงชโงกหน้าเข้ามาใกล้ๆ กล่อง
“อิเล้าะ ป๊าดดด ป๊าดๆๆๆ ของแท้เด้อค่าเด้อ”
เจ๊แพรดาวตื่นเต้นซะจนเผลอหลุดสำเนียงต้นกำเนิดออกมา
“โหยๆ นี่โอกาส 1 ในล้านนะเนี่ย ดวงดีชะมัด ตอนนี้ยังไม่เปิดขายเป็นทางการในไทยเลย คุณไก่นี่สุดยอด”
คุณปันปัน หนุ่มอ้วนเด็กร้านหมูกระทะที่อยู่ห้องเดียวกันซึ่งเป็นกูรูไอที(ประเภทไม่มีตังค์) กล่าวชม
“นี่ป้าวันนี้ประกาศเลย ฉันขอปิดร้านป้าสาเลี้ยงทั้งตึก!”
โห~
เหล่าเพื่อนบ้านต่างโห่ร้องอย่างตื่นเต้น ธีรดาเองก็ยิ้มแก้มแทบปริพลางกอดโทรศัพท์เครื่องโก้ไว้แน่นเหมือนเด็กน้อยที่ได้รับตีกตาหมีตัวใหญ่ในวันคริสมาสต์
เช้ารุ่งขึ้น
ธีรดาพบว่าตัวเองได้ดื่มจนเมาและหลับไปคาล็อบบี้ที่ใช้กินเลี้ยงกันไปเมื่อคืน สภาพของเจ๊แพรดาวดูเหมือนได้ชึ้นสวรรค์เพราะมีหนุ่มสองคนนอนซบอยู่อกพลาสติกของเจ๊แก
แต่วันนี้เป็นวันปิดปรับปรุงของห้าง พวกที่ทำงานเรื่องการบริหารภายนอกและดูแลลูกค้าอย่างเธอแทบไม่มีเอี่ยวเลยนอกจากหัวหน้าใหญ่ๆ จึงได้หยุดงาน หญิงสาวแว่นแดงอดคิดไม่ได้ว่าอะไรมันจะเหมาะเจาะอย่างนี้ เมื่อวานไปสายแต่ก็ไม่โดนเขม่น ส่งชิงโชคไปก็ได้ แถมวันถัดมาก็ตื่นสายได้ตามต้องการ แหล่มไปเรยย....
ชายหนุ่มก้าวลงจากรถเเทกซี่ เเละเมื่อดูให้เเน่ใจว่ามาถึงสถานที่เเล้วเขาก็ปิดประตูรถเบาๆ
ชายหนุ่มเดินมาเรื่อยๆ จนมาถึงหอที่เขาใช้เวลาอยู่หลายชั่วโมงเมื่อคืนเพื่อเสิร์ชหาหอพักราคาถูกที่อยู่ใกล้ที่ทำงานที่สุด หอพักนี้แปลกมาก ทั้งๆ ที่ตั้งอยู่ใกล้กับย่านการค้าทำเลทองของกรุงเทพแต่กลับปล่อยให้ค่าเช่าถูกแสนถูก และยังมีสภาพทรุดโทรม แต่จะโทรมแค่ไหนเขาก็ไม่เกี่ยง วันนี้เขามาที่นี่เพื่อที่จะมาลบคำสบประหมาดของผู้หญิงปากดีคนหนึ่ง...
‘อย่างนายทนลำบากนิดเดียวก็คงทนไม่ไหวแล้ว ถามจริงๆ ว่าชีวิตนี้นายเคยลำบากบ้างไหม?’
มีหรือที่วายุ โยธินตระกูล คนนี้จะยอมให้ผู้หญิงตัวเล็กๆ มาหยามได้
สภาพแย่กว่าที่คิดไว้สักสิบเท่าได้...
ทันใดที่เขาเห็นสภาพของล็อบบี้ที่ไม่ต่างจากแหล่งกบดานคนเมาสักเท่าไหร่เขาก็แทบจะลากกระเป๋าแซมโซไนต์ใบโตกลับหลังไป แต่ส่วนลึกในใจก็ปลอบตัวเองว่า โถ่ คิดซะว่าอยู่ในปาร์ตี้แฮงโอเวอร์ในนิวยอร์กซะละกัน
“สวัสดีค่ะ? มีอะไรให้ช่วยคะ?”
เขาแถมสะดุ้งเมื่อได้ยินเสียงจากข้างหลัง แต่หันหลังไปนี่ตกใจยิ่งกว่า
เป็นผู้หญิงผมสั้นผูกจุกเล็กๆ ข้างหน้าใส่ชุดนอนโทรม เสื้อเปื้อนน้ำสีแดงเป็นวงใหญ่ซึ่งหวังว่าจะเป็นแฟนต้า.. หรี่ตามองเขาเหมือนมองเอเลี่ยนอยู่
“คือว่าผมกำลังมองหาห้องว่างสักห้อง ไม่ทราบว่ามีมั้ย”
“เอ... รอแป๊บๆ”
หญิงสาวเท้าสะเอวแล้วหันหลังไป
“เจ๊แพรดาวลูกค้ามา อยู่หนายย?????”
หญิงสาวทำท่าเหมือนตะโกนไปมั่วๆ ทุกทิศทุกทาง
“คือฉันหาแว่นไม่เจอน่ะค่ะ มองไม่เห็นอะไรเลย ยังไงคุณก็ลองตะโกนว่า เจ๊แพรดาว อย่างนี้ไปเรื่อยๆ เดี๋ยวเจ้าตัวก็ลุกขึ้นมาเองแหละ คงนอนอยู่ที่ไหนซักที่ ยิ่งเสียงผู้ชายแกยิ่งตอบสนองเร็ว ฉันขอตัวไปหาแว่นก่อนนะ”
ว่าแล้วหญิงสาวก็จากไป...
....
ตะโกนว่า เจ๊แพรดาว ไปเรื่อยๆ งั้นรึ? ล้อเล่นใช่มั้ย
“คุณแพรดาวครับๆๆ...”
เล่นกับเขาด้วยแฮะ.
จบตอนที่ 1 ไปเเล้ว เป็ฯยังไง้างคะ งงหรือเปล่า อธิบายห้วนหรือละเอียดไป ช่วยติชมกันด้วยค่ะ
ความคิดเห็น