สายฝนเเละคนๆ นั้น He comes with the rain
ถึงจะผ่านมาสักกี่ปีมันก็ยังเด่นชัด ทั้งๆ ที่ไม่รู้ด้วยซำ้ว่าเขามีตัวตนจริงๆ หรือเราสร้างเขาขึ้นมาเอง.... เราจะไม่สามารถหลีกหนีความโดดเดี่ยวได้เลยหรือ
ผู้เข้าชมรวม
230
ผู้เข้าชมเดือนนี้
3
ผู้เข้าชมรวม
เนื้อเรื่อง
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
เส้นทางของชีวิตเราก็ไม่ต่างจากทางเดินที่ปลายทางมืดมิด และคนเดียวที่จะมอบแสงสว่างให้กับทางเดินได้ก็คือตัวเราเอง สักวันคนรอบข้างเรา ไม่ว่าเราจะรักเขาสักแค่ไหน พวกเขาก็จะหายตัวไปและกระจัดกระจายไปในห้วงแห่งเวลา เพราะฉะนั้นจงอย่ากลัวความโดดเดี่ยว อย่าพยายามฝืนเลย... ความโดดเดี่ยวน่ะ เป็นสิ่งแน่แท้ของทุกชีวิต
เสียงนาฬิกาปลุกทีแสนจะน่ารำคาญ
หลังจากตบหัวนาฬิกาปลุกที่สั่นไม่เลิกฉันก็ลุกขึ้น หยิบแว่นมาสวม และเดินไปเปิดทีวี ก่อนจะดำเนินชีวิตต่อไป
ถึงแม้จะเป็นวันอาทิตย์ แต่ฉันต้องเตรียมตัวออกจากบ้านไปทำงานพิเศษ งานที่ฉันไม่ได้รักมากนัก แต่ก็ไม่อยากให้โดนแย่งงานนี้ไปหรอก เพราะไม่มีงาน ไม่มีเงิน ไม่มีข้าว ฉันก็จะต้องตาย ฉันไม่มีทางเลือก
“มองอะไรอยู่เหรอมิซูกิ”
“ฉันกำลังมองอนาคตของตัวเองค่ะ” ฉันตอบฮันน่าเพื่อนร่วมงานพาร์ทไทม์ที่ร้านกาแฟแห่งนี้ “พรุ่งนี้ฝนจะตกมั้ยน้า?” ฉันมองออกไปนอกกระจกที่มีฝ้าเกาะเต็มไปหมด “ทำไมเหรอ ชอบฝนรึไง” ฮันน่าถาม “ชอบมากค่ะ”
ถึงจะผ่านหน้าฝนของปีนั้นมานานมากแล้ว ฉันยังคงเอาอดีตมาเล่นซ้ำในหัว มันไม่ขยับไปไหนเลยจริงๆ
ฉันอยากลืมให้ได้....
ตั้งแต่เล็ก ฉันเติบโตมาพร้อมพี่น้องและครอบครัวใหญ่ อยู่กับเพื่อนกลุ่มใหญ่
สมัยเข้าม.ปลายใหม่ๆ ฉันไม่ค่อยจะใส่ใจอะไรนัก วันๆ ก็ติดอยู่กับกลุ่มเพื่อนเดิมๆ ที่ไม่ได้สนิทกันมากนักแต่เพราะเราต่างก็กลัวความโดดเดี่ยวจึงเกาะกันไว้แน่น แต่หากมีใครที่หลุดจากแพนั่นไปก็คงไม่มีสมาชิกคนไหนคิดจะกระโดดลงไปช่วย ชีวิตม.ปลายที่แสนกลวงโบ๋ของฉัน...
จนเมื่อถึงวันที่ฉันต้องตกออกจากแพจริงๆ ฉันจึงต้องเผชิญกับปีศาจร้ายที่ชื่อ ความโดดเดี่ยว
“ให้นักเรียนจับกลุ่ม3คน” ทุกครั้งที่อาจารย์ประกาศคำนี้ หัวใจของฉันก็บีบแน่น “ไมเอาน่า ต้องอยู่กับพวกไม่มีใครเอาแบบมิซูกิเนี่ยนะ”
ขณะที่ฉันกลับมาจากไปซื้อขนมคนเดียว ฉันใช้เส้นทางที่แปลกออกไป ฉันชอบที่ๆ คนน้อยๆ เพราะการที่ต้องอยู่คนเดียวท่ามกลางกลุ่มคนมันช่างน่าละอาย และก็ได้พบเขาเป็นครั้งแรก...
“เหวย!” ฉันเกือบเหยียบแขนของคนปริศนาที่มานอนนิ่งอยู่กับพื้นสวนหลังโรงเรียน เป็นผู้ชายที่ใส่ชุดยักเรียนโรงเรียนฉัน ผมสีดำสนิทยาวปิดดวงตา และผิวก็ขาวซีด ฉันในตอนนั้นที่อ่อนหัดต่อเรื่องผีๆ เกือบจะเป็นลมล้มพับไปเลย
“อย่าร้องโวยวายล่ะ...ฉันยังไม่ตาย” คนที่นอนนิ่งลุกขึ้นนั่ง ฉันสังเกตเห็นว่าผิวของเขาดูเนียนผิดจากคนปกติ และดวงตาก็ไม่เหมือนใคร “อืม..ก็ไม่เชิงว่ามีชีวิต แต่ก็ไม่ตาย” ฉันในตอนนั้นไม่เข้าใจเลยสักนิดเดียว ได้แต่งงเป็นไก่ตาแตก
ฉันเลิกล้มความตั้งใจที่พยายามจะเกาะกลุ่มกับกลุ่ม ฉันไม่กลัวที่จะต้องโดดเดี่ยว
เขาคือโซสึเกะ เขาคือชายหนุ่มปริศนาที่มักจะสิงสถิตอยู่บริเวณสวนหลังโรงเรียน จนตอนนี้ฉันก็ยังคงไม่แน่ใจ ว่าโซสึเกะเป็นใคร แต่ที่รู้ก็คือทางเดียวที่จะได้พบเขาก็คือมาที่หลังโรงเรียนนี่
“นี่มิซูกิ...ฝนเนี่ยมันเจ๋งดีเนอะ” โซสึเกะในชุดม.ปลายที่เปียกโชนไปด้วยน้ำฝน ปรากฎตัวขึ้น “ตรงไหน?” ฉันในตอนนั้นไม่เข้าใจสักนิดเลย “ตรงที่มัน..เย็น แล้วก็ดังเปาะแปะ”
เปาะแปะ เปาะแปะ เสียงหยดฝนดังเปาแปะ เสียงของฝนที่เขาว่ากันว่าช่างโดดเดี่ยวและเศร้าสร้อย
“ถึงจะอยู่คนเดียวก็ไม่ต้องกลัว...ถึงจะต้องร้องไห้ออกมาก็ไม่ต้องเหงา เพราะมีธรรมชาติอยู่ข้างๆ เธอ ร้องไห้ให้กับความโดดเดี่ยวของทุกคน...ฝนจะรับความรู้สึกของเธอไว้เอง” โซสึเกะพุดในสิ่งที่ฉันไม่เข้าใจ ธรรมชาติงั้นเหรอ? สายฝน?
“แต่ถ้าฝนไล่ช้างล่ะก็ขอบาย” โซสึเกะดึงเสื้อพละที่ฉันเพิ่งใช้เช็ดหน้า ไปเช็ดหน้าของตัวเอง
ฉันมองเขานิ่งๆ มองเขาใช้เสื้อพละซับน้ำฝนที่คอและใบหน้า “อะไรกัน นายเปียกได้ด้วยเหรอนี่” ฉันขมวดคิ้ว “ทำไมจะไม่ได้ล่ะ” โซสึเกะยิ้มตอบ
“ฉันสั่งขี้มูกใส่เสื้อนั่นไปแล้ว” ฉันพูดออกมาแบบหน้าตายหวังให้คนที่แย่งมันไปจากมือฉันตกใจ เขาหัวเราะไม่หยุด หลังจากนั้นเราสองคนก็เงียบไป ฉันรู้สึกว่าเสียงฝนเหมือนเป็นเพลงกล่อมนอนชั้นดีและเกือบเผลอหลับไป
ตื่นขึ้นมาอีกทีฉันก็อยู่ในห้องนอนตัวเอง รู้ตัวอีกทีฉันก็กำลังจะจบม.ปลายและต้องไปเรียนมหาวิทยาลัยที่โตเกียว ในตอนนั้นฉันคิดเสมอว่าฉันจะได้เจอโซสึเกะทุกวันเหมือนเคย ได้เล่าเรื่องบ้าๆ ให้เขาฟัง ได้มองเขาที่นั่งจิ้มใบโคลวเวอร์ไปเรื่อยโดยไม่รู้เบื่อ
แต่ฉันคิดผิดไป วันหนึ่ง ฉันตรงดิ่งไปที่หลังโรงเรียนและพบกลุ่มเด็กเกเรที่มาสูบบุหรี่ โซสึเกะไม่อยู่แล้ว ฉันยังคงไปที่นั่นอีกหลายครั้ง และรุ่นพี่พวกนั้นก็ยังคงมาใช้สวนแห่งนี้ ที่ๆ เคยมีแค่ฉันกับโซสึเกะ แต่ฉันก็ยังคงไม่กล้าพูดอะไรออกไป อาจเป็นเพราะในใจฉันลึกๆ แล้วก็ยังตอบไม่ได้ว่าโซสึเกะมีจริงรึเปล่า
“ขอโทษนะคะ กรุณาช่วยไปใช้ที่บริเวณอื่นได้มั้ยคะ” ฉันรวบรวมความกล้าทั้งชีวิตมาพูดกับคนพวกนั้น และในวินาทีที่ฉันกำลังจะล้มลงกับพื้น ความคิดจากในนิยายที่ฉันเคยอ่านก็ผลุดขึ้น โซสึเกะจะมาช่วยฉันไหมนะ
คำตอบก็คงจะเป็นฉันที่ต้องมานอนโรงพยาบาลอยุ่เกือบสองอาทิตย์ และไม่ว่าใครจะถามว่าเพราะอะไร ฉันก็ยังคงไม่ได้ตอบไป ไม่สิ...ตอบไม่ได้มากกว่า แต่ที่รู้ๆ ก็คือ อย่างไรซะวันที่ฉันต้องจากกับโซสึเกะมันต้องมาถึงแน่ๆ
~ ในมุมหนึ่งของหัวใจฉัน ดอกไม้เล็กๆ เริ่มเบ่งบาน
ความฝันที่ฉันเคยฝันเอาไว้ และความทรงจำสีส้ม ค่อยๆ เบ่งบานท่ามกลางแสงอาทิตย์
มันเป็นเส้นทางที่ยาวไกล ลมแรงที่พัดผ่าน พายุฝนที่โถมใส่
มีสิ่งเดียวที่ฉันยังทำได้อยู่เสมอคือ...เชื่อมั่นในตัวเอง ~
เสียงใสๆ ของนักร้องสาว และบรรยากาศของร้านกาแฟเล็กๆ ทำให้ฉันที่รู้สึกว่าตัวเองนั้นเดินในทางที่ผิดมาตลอด รู้สึกเหมือนได้นั่งพักในห้องสีส้มอุ่นๆ
ฉันไม่เชื่อหรอกว่าความโดดเดี่ยวเป็นสิ่งที่เราไม่สามารถหนีได้ ไม่สิ...มันไม่เคยวิ่งตามเรามาซะหน่อย เราต่างหากที่เอามันมาใส่ตัวเอง อยู่คนเดียวแล้วแปลว่าโดดเดี่ยว ส่วนอยู่กับคนเยอะๆ แปลว่าไม่โดดเดี่ยวหรือไงกัน
โซสึเกะ...นายมีตัวตนรึเปล่า มีแค่ฉันที่เห็นนายเท่านั้นเหรอ หรือว่านายจะเป็นเทพอารักษ์ของฉัน หรือว่าเทพส่งสารจากพระเจ้า นายเป็นใครกัน?
อ๋อ..รู้แล้วล่ะ นายก็คือโซสึเกะของฉันคนเดิมนั่นแหละ ต่อให้ไม่ได้เจอกันอีก หรือต่อให้ฉันสร้างนายขึ้นมาเองในจินตนาการ ฉันก็จะเก็บนายไว้ข้างในตลอดไป...ฉันไม่ได้โดดเดียวอีกต่อไป
จบ
ผลงานอื่นๆ ของ ppaji-wildd/littletalks ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ ppaji-wildd/littletalks
ความคิดเห็น