ลำดับตอนที่ #1
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : สายใยที่1 ออกจากบ้าน
...ตอนนั้น ผมเคยลืมคิดไปช่วงเวลาหนึ่ง ว่าโลกใบนี้มันประกอบด้วยถนนที่เคว้งคว้างมากมาย
เพราะถูกจำกัดด้วยสิ่งที่เรียกว่า “หน้าที่”
แต่..เมื่อสิ่งนั้นหายไป ตัวผมเพียงลำพังจะยังสามารถเดินหน้าไปท่ามกลางถนนสายนี้ได้อีกรึเปล่า...
ณ ศาสนจักรแห่งความมืด
หลังจากเหล่าเอ็กโซซิสท์สามารถหยุดยั้งความปราถนาของท่านเคาท์พันปี ผู้ต้องการจะทำลายล้างมวลมนุษยชาติได้สำเร็จ รวมถึงทำลายล้างAKUMA และขจัดตัวตนของโนอาที่เชื่อมต่อกับร่างกายของมนุษย์เหล่านั้นหมดสิ้นไป
งานของศาสนจักรเหมือนจะเบาลงเล็กน้อย ซึ่งเล็กน้อยจริงๆ เพราะจากการต่อสู้นั้น ท่านเคาท์พันปีไม่ได้ถูกสังหารแต่อย่างใด เพียงแต่หายตัวไปอย่างเงียบเชียบจนไม่มีใครรู้สึกถึงการอันตธานครั้งนี้
งานใหม่ของทางศาสนจักรจึงได้มีอันราดลงมาหลังจากเพิ่งเช็ดถูไปหมาดๆ
คือการตามหาเบาะแสของ ท่านเคาท์พันปี
ซึ่งอาศัยเพียงกลุ่มหน่วยค้นหาเพียงอย่างเดียวก็เพียงพอแล้ว เหล่าเอ็กโซซิสท์ทั้งหลายจึงเป็นอันว่า ว่างงานกันถ้วนหน้า บางคนมอบอินโนเซนส์ของตนให้แก่เฮพลัสก้าและขอกลับไปอยู่กับครอบครัวของตน ส่วนบางคนก็เลือกที่จะเดินไปตามความต้องการของตนเอง...
และนั่นก็รวมถึง อเลน วอคเกอร์ต้วย
“อเลน นายคิดรึยังว่าจะทำอะไรต่อดี”
เสียงเพื่อนหัวส้มอารมณ์ดีถามขึ้นในโรงอาหารที่ค่อนข้างแน่นขนัดเนื่องจากเรียกช่างมาซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอเพิ่มเติมหลังจากที่โดนถล่มโดยทั้งAKUMAและเอ็กโซซิสท์ที่เล่นจู่โจมกันอย่างไม่บันยะบันยัง ส่งผลให้ขนาดเปลี่ยนศาสนจักรหลังใหม่แล้วก็ยังคงเห็นรอยร้าวเป็นจุดๆเหมือนหลังเดิม
เด็กหนุ่มผมสีขาวสะอาดที่มีร่างกายสูงใหญ่ขึ้นไปตามวัย เนื่องจากผ่านมา4ปีแล้วหลังจากที่เขาได้เข้ามาทำงานที่ศาสนจักรเงยหน้าจากกองอาหารที่เหลือแต่เศษซากกองพูนเป็นภูเขาจ้องตาเพื่อนที่อายุมากกว่าปริบๆราวกับจะให้ทวนคำถามอีกรอบ
“คืองี้ เอ็กโซซิสท์อย่างพวกเราอีกเดี๋ยวก็จะถูกปลดระวางแล้วอ่านะ ฉันกับปู่ก็กะว่าจะออกเดินทางต่อ ส่วนยูจังก็บอกว่าจะอยู่อีกสักพักแล้วค่อยไปฝึกวิชาหรือบำเพ็ญเพียรอะไรของเขาก็ไม่รู้แถวเทือกเขาแอลป์น่ะ..หืม?”จู่ๆคนช่างจ้อก็หยุดกระทันหันเมื่อรู้สึกถึงรังสีทมิฬข้างหลัง
“เมื่อกี้แกว่าใครจะไปบำเพ็ญเพียรนะ ไอ้กระต่ายเน่า?”
“ยะ..ยู?”
ชายหนุ่มผมยาวดำขลับที่ย่างเข้าสู่วัยผู้ใหญ่อายุพอๆกับชายผมส้มแอบมายืนค้ำหัวทั้งอยู่ด้านหลังโดยไม่ให้สุ้มให้เสียงออกอาการคิ้วกระตุกพร้อมปล่อยคลื่นสีดำออกมาจนคนนินทาเสียวสันหลังวาบ
“แล้วใครสั่งให้แกเรียกชื่อฉันห้วนๆฮะ! อย่าอยู่เลยแก!!!”คันดะชักมุเก็นดาบเล่มอินโนเซนส์ของคนออกมาไล่ฟันคนชอบตีซี้อย่างเอาเป็นเอาตาย ส่วนอีกฝ่ายก็โกยอย่างไม่คิดชีวิตเช่นกัน
“แย๊ก!!!! อเลน!! ช่วยด้วย!!!~”
“อ้วยอัวเองเออะอับ อาอี้ อ๋มไอ้อากอาย(ช่วยตัวเองเถอะครับ ราวี่ ผมไม่อยากตาย)”
เมื่อโดนปฏิเสธการขอความช่วยเหลืออย่างไม่ใยดีจากคนที่ยังกิน(?)อาหารไม่เสร็จและยังคงกิน(?)ต่อไปเรื่อยๆเจ้าตัวจึงต้องใช้หลักตนเป็นที่พึงแห่งตนโกยออกไปจากโรงอาหารอย่างรวดเร็วโดยมีคู่กรณีวิ่งไล่ล่าไปติดๆ
จากนี้ไปจะทำอะไรงั้นเหรอ.. เรื่องนั้นเราไม่เคยได้คิดเลย คงจะอยู่ที่นี่อีกสักพักใหญ่ๆเลยล่ะมั้ง
“อเลนคุง”เพื่อนสาวผมดำขลับสะกิดเขาน้อยๆ เขาเงยหน้าจากกองอาหารที่สุมอยู่อีกครั้งแล้วส่งสายตายิงคำถาม
“มีจดหมายส่งมาถึงจ้ะ”
“ขอบคุณครับ”เขากล่าวหลังจากกลืนอาหารคำล่าสุดลงคอแล้วรับมันเปิดออกทันที
“จากเสนาธิการครอสจ้ะ”
เคร้ง!!
เสียงช้อนที่อยู่ในมือตกกระทบพื้นเรียกความสนใจจากคนรอบข้างโดยพลัน เจ้าตัวเบกตาโพลง มือไม้สั่นระริกมองกระดาษแผ่นนั้นปานมีสิ่งที่ไม่อยากพบเห็นที่สุดในโลกมนุษย์
รินารี่เห็นท่าทางของอเลนแล้วก็ยิ้มแหยๆเหงื่อแตกเล็กน้อย จู่ๆชายผมขาวก็ลุกพรึบขึ้นเล่นเอาเธอสะดุ้งโหยง
“อเลนคุง
?”
แปะ
เขาเอามือตบบ่าเพื่อนผู้นำจดหมายมาให้ด้วยความหวังดีเบาๆแล้วพูดด้วยเสียงสั่นๆเหมือนกับร่างกาย
“บอกอาจารย์ด้วยนะครับว่าผมไม่อยู่แล้ว”
“เดี๋ยวก่อน! อเลนคุง! เธอจะไปไหน่ะ!?”
“ผมจะขอออกเดินทางไปก่อนนะครับ อย่าบอกอาจารย์นะครับว่าผมไปหลังจากที่ได้รับจดหมายนั่น แล้วถ้าจะให้ดี ฝากเอามันไปโยนทิ้งทะเลหรือเผาทิ้งก็ได้นะครับ ผมไปก่อนนะครับ”
“ดะ..เดี๋ยวก่อนสิ อเลนคุง!”
ชายหนุ่มผมขาววิ่งกลับห้องเก็บข้าวของๆตนอย่างรวดเร็ว ระหว่างนั้นก็รำพึงถึงข้อความสั้นที่สำหรับเขาแล้วถือเป็นเรื่องอัปมงคลอย่างหาที่สุดไม่ได้
...ฉันจะไปหาแก
ครอส มาเรียน
ใครจะอยู่ให้โง่กันล่ะครับอาจารย์? ขืนอยู่รอมีหลังถูกใช้เป็นเบ้ตลอดชาติแหง แล้วไอ้บัญชีเงินกู้นั่นอีก.. คิดถึงมันแล้วลมชักจะตีกลับตะหงิดๆ
ดังนั้น! ต้องหนีลูกเดียว! เอาให้สุดของจักรวาลไปเลย ชนิดที่ว่าจะไม่ได้ต้องพบเจอกันอีกทั้งชาติยิ่งดี
คิดเสร็จเจ้าตัวก็ปิดกระเป๋าฉึบ สาวเท้าไปตามทางเดินสู่ประตูหน้าอย่างรวดเร็ว
แต่สิ่งที่รอเขาอยู่บริเวณทางออกศาสนจักรนั้นกลับทำให้เขาเบิกตาค้าง ก่อนจะยิ้มออกมาอย่างน้อยๆอย่างตื้นตันใจ
เหล่าเพื่อนเอ็กโซซิสท์ หน่วยค้นหา และผู้คนแผนกวิทยาศาสตร์มากมายออกมายืนกันหน้าทางออกโดยเว้นที่ว่างสำหรับเขาเดินผ่านเอาไว้ หน้าประตูทางออกมีตัวอักษรวาดบนผ้าเอาไว้ว่า ‘โชคดีนะ’
“ขอให้เดินทางโดยสวิสดิภาพนะจ้ะอเลน”
“ว่างๆก็แวะมาหาบ้างนะ”
“โธ่ นายไปก่อนพวกฉันซะอีก”ราวี่วางสิ่งหนึ่งบนหัวเขาแล้วจัดแจงสวมให้ “ใส่วิกนี่ออกไปข้างนอกนะ จะได้ไม่ถูกคนอื่นเขามองแบบแปลกๆ”
อเลนลูบเส้นผมสีน้ำตาลโกโก้เบาๆแล้วยิ้ม “ขอบคุณครับราวี่”
“เราขอให้เจ้าโชคดีนะ”
“ชิ!”
“อเลนคุง”ชายหนุ่มร่างสูงที่มีเอกลักษณ์ที่แว่นตากับหมวกศิลปินที่ใส่ประจำยื่นซองสีขาวให้ “นี่เป็นเงินเล็กๆน้อยๆ อาจจะช่วยในการเดินทางของเธอได้ในระยะแรกๆนะ ถือเป็นค่าเหนื่อยหลังจากที่ต้องทำงานโดยได้ได้ตังสักบาทมานานล่ะกัน”
“ขอบคุณครับคุณโคมุอิ”
“ผมไปแล้วนะครับ ทุกๆคน”
แต่ก่อนที่เขาจะย่างเท้าออกจากขอบประตูก็มีสิ่งหนึ่งบินมากัดหัวที่ถึงจะมีวิกรองรับไปแล้วชั้นหนึ่งแต่ก็ยังทำให้หัวเป็นรูเลือดกระฉูดออกมาอยู่ดี
“ทีม!? มันเจ็บนะ”
ทีมแคมพี ซึ่งขณะนี้มีขนาดเท่าผลสาลี่สุกพยายามฉุดกระชากลากพี่น้อง(?)ที่รักอย่างสุดชีวิต
“โถ่ ทีม..”
“ดูท่าทางทีแคมพีเค้าอยากจะตามเธอไปนะอเลนคุง”มิลันด้าหัวเราะเล็กน้อย
“แต่ว่า..”ไม่ทันที่อเลนจะได้ปฏิเสธเจ้าลูกกลมๆมีปีกก็มุดเข้าไปใต้เสื้อคลุมเขาซะแล้ว “นายเนี่ยนะ ถ้าอาจารย์ตามฉันมาเพื่อจะเอานายคืนขึ้นมา ฉันจะทำไงล่ะเนี่ย”เขาเอามือจึ้มเสื้อคลุมส่วนที่นูนออกมาอย่างเห็นได้ชัดเบาๆ
“ไปแล้วนะครับ”
“บ้ายบาย อเลน”
“โชคดีน้า”
“แล้วผมจะกลับมาเยี่ยมหาแน่นอนครับ”
ที่แห่งนี้เหมือนเป็นบ้านอีกหลังของเรา การจากมันไปทำให้รู้สึกโหวงๆใจชอบกลเอามากๆเลย วันนี้จะไปนอนที่ไหนดีนะ
ยามเด็กหนุ่มเดินออกไปไกลเรื่อยๆ เหล่าผู้คนบริเวณนั้นเริ่มสลายไป โคมุอิเดินตรงไปที่ผนังกำแพงที่มีซอกเล็กๆอยู่ เขาพิงข้างๆผนังนั่นเบาๆแล้วเอ่ยลอยๆ
“ไม่ไปลากเขาไปร่วมเดินทางเป็นค่าเหล้าของท่านหรือไงเสนาธิการครอส”
“หึ หมอนั่นเดี๋ยวนี้โตขึ้นมากแถวยังทะเล้นขึ้นเรื่อยๆอีก ถ้าเป็นเมื่อก่อนก็ว่าไปอย่าง ตอนนี้เอาไปก็เกะกะเปล่าๆ”
“ทำเป็นพูดดีไป เห็นเด็กคนนั้นหน้าตาดีกว่าสิไม่ว่า”
“จะคิดยังไงก็แล้วแต่ละกัน แต่คราวนี้ฉันขอปล่อยให้ไอ้ลูกศิษโง่นั่นเดินไปตามทางของตัวเองบางละกัน”เสนาธิการผมแดงพ่นควันออกจากปากแล้วสูดบุหรี่เข้าไปใหม่
ปล่อยเจ้านั่นไป เพื่อให้ได้ทำตามใจตัวเองซะที หลังจากถูกขีดเส้นทางเดินมานานมากแล้ว ข้าขอให้เจ้าโชคดีละกัน ไอ้ลูกศิษโง่
ไปไหนดีนะ? ยังไม่เคยวางแผนมาก่อนมันก็ลำบางอย่างนี้แหละ เฮ้อ ไปไหนดีๆ?
อเลนยืนลังเลอยู่ที่ขายตั๋วของสถานีรถไปแห่งหนึ่งขณะที่คนต่อแถวเริ่มมากขึ้นและเริ่มมีเอ็นกระตุกบริเวณใบหน้าเรื่อยๆ
โธ่โว้ย! คิดไม่ออก!
อเลนตัดสินใจหลับตาจิ้มมั่วๆลงบนแผนที่ที่เจ้าหน้าที่นำมากางให้เป็นพิเศษทันที และปลายทางของที่นั่นก็คือ...
...เวนิช อิตาลี...
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น