Shot Fic KnB I Love You, Misdirection [Yaoi] - Shot Fic KnB I Love You, Misdirection [Yaoi] นิยาย Shot Fic KnB I Love You, Misdirection [Yaoi] : Dek-D.com - Writer

    Shot Fic KnB I Love You, Misdirection [Yaoi]

    โดย PiPinN

    MayuKuro เมื่อคนจืดจางสองคนมาเจอกัน...

    ผู้เข้าชมรวม

    2,750

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    13

    ผู้เข้าชมรวม


    2.75K

    ความคิดเห็น


    25

    คนติดตาม


    82
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  12 พ.ค. 57 / 20:26 น.


    ข้อมูลเบื้องต้นของเรื่องนี้

    สวัสดีค่ะ
    วันนี้มาเปิดฟิคสั้น KnB เพราะอยู่ดีๆก็เกิดอาการจิ้นพ่อจืดสองคนขึ้นมาซะงั้น
    SF นี้กินพลังชีวิตเราไปค่อนข้างเยอะเลยทีเดียว 
    แถมคาแร็คเตอร์หลุดอีกมากมาย
    พูดง่ายๆเลยก็คือ แต่งได้แบบกากมาก ฮรือออออ
    แต่ก็อยากแต่ง เพราะหลงใหลคู่นี้ พ่อจืดสองคนมารักกัน ฟิน!!! //นอนลงไปกองกับเลือด
    ยังไงก็ฝากติดตามด้วยนะคะ 
    เม้นให้บ้างนะ คนเขียนจะได้มีกำลังใจแต่งต่อไป
    เชื่อว่านักแต่งนิยายทุกคนต้องชอบการอ่านคอมเม้นแน่นอน
    เราเองก็เป็นอีกคนนะคะ 
    เม้นสักนิด จะเป็นการให้กำลังใจคนแต่งนิยายเน้อ ^^
    ขอบคุณมากๆเจ้าค่า

    ปิ่น คุ *^*
     



    ต้องเตือนหรือเปล่านะ
    ที่จริงฟิคที่เราแต่งๆมา ถึงจะเป็นยาโอยแต่ก็ไม่ได้วาบหวามอะไรมากมาย ยังไงก็ฝากติดตามและก็เม้นให้หน่อยนะคะ 
    จะดีใจมาก เมื่อมีคนมาเม้นให้ ขอบคุณค่ะ

    แล้วเจอกันที่ฟิค Naruto ค่ะ เรื่องนี้ยังไม่จบ ยังไงก็อย่าเพิ่งทิ้งเราไปกันนะ อยู่กับเราก่อน เราไม่อยากอยู่คนเดียว T^T
    แล้วเจอกันใหม่คราวหน้าค่ะ สวัสดีค่ะ

     

    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

      Shot Fic KnB

      I Love You, Misdirection.

      (Mayuzumi Chihiro x Kuroko Tetsuya)

       

       

       

      ผมไม่เคยคิดมาก่อนเลย ว่าจะมีคนที่มีลักษณะเหมือนผม คือจืดจาง

      ผมมักจะไม่เป็นจุดสนใจของใคร ผู้คนมักมองผ่านตัวผม แต่ผมก็ไม่เคยคิดมากอะไร

      แต่พอมาเจอกับเด็กคนนึง เด็กคนนั้นสอนให้ผมรู้สึกความอยาก

      อยากได้ อยากครอบครอง

      และเขาสอนให้ผมรู้จักกลัว

      กลัวว่าเขาจะละเลยผมไปเหมือนกับคนอื่น

      ผมอยากให้เขาสนใจผม และเห็นผมอยู่ในสายตา

      และเด็กคนนั้นก็เป็นเหมือนกับผม

      เขาจืดจาง แต่ว่าเขาก็มีคนที่มองเขาอยู่แล้ว

      และนั่น ทำให้ผมอยากที่จะได้เขามาอยู่ข้างผม... คนเดียว

      คนเดียวเท่านั้นที่จะได้ครอบครองเขา ก็คือผม!

       

      “จิฮิโระซัง เชิญคุณกลับบ้านได้เลยนะคะ แล้วก็ขอบคุณมากที่มาช่วยนะ” คุณครูผมยาวสลวยหันมาพูดกับเด็กหนุ่มผมสีเทาหม่น เด็กหนุ่มยิ้มรับก่อนออกจากห้องไป โดยไม่ลืมกล่าวลาคุณครูคนสวย

      มุยาสึมิ จิฮิโระ นั่นคือชื่อของเด็กหนุ่มคนนี้ น้อยคนที่จะสังเกตเห็นเขา เพราะเขามีบุคลิกที่จืดจาง จึงยากที่จะสังเกตเห็น

      ฝ่าเท้ายาวเดินไปเรื่อยๆ จนมาหยุดที่หน้าร้านค้าแห่งหนึ่ง

      ร้านมาจิเบอร์เกอร์

      ถึงตัวมายุสึมิจะไม่โปรดปรานเบอร์เกอร์สักเท่าไหร่ (ที่จริงเขาไม่โปรดปรานการเข้าร้านค้าด้วย เพราะเขามีบุคลิกที่จืดจาง การเข้ามาจับจ่ายซื้อของมันจึงเป็นการลำบากสำหรับเขา) แต่ตอนนี้ท้องเขากลับร้องออกมาซะจนมายุสึมิอายคนที่กำลังจะเดินเข้าร้าน (แต่คิดว่าเขาคงไม่ได้สนใจมายุสึมิหรอก อาจจะไม่ได้สังเกตว่าเขายืนอยู่ตรงนั้นด้วยซ้ำไป)

      หิวขนาดนี้ ซื้อมากินรองท้องก่อนจะกลับบ้านก็แล้วกัน เขาคิดในใจ พร้อมกับเดินเข้าร้านไป และยกนาฬิกาขึ้นมาเพื่อดูเวลา

       

      พลั่ก

      เสียงกระแทกของคนสองคนที่เดินชนกันอย่างแรง มายุสึมิรีบคว้าตัวคนตรงหน้าเขาไว้ทันที ก่อนที่คนตัวเล็กจะล้มหน้าคว่ำไป

      “อ๊ะ” หลังจากที่สถานการณ์กลับมาเป็นปกติ คนในอ้อมแขนของมายุสึมิก็ร้องท้วงออกมาเบาๆ

      “อ่ะ ขอโทษครับ พอดีผมไม่ทันได้มอง” มายุสึมิรีบขอโทษขอโพยคนตรงหน้าทันที นอกจากจะเดินชนเขา ยังไปกอดเขาไว้อีก น่าอายจังแหะ ว่าแต่ หมอนี่มาอยู่ตรงหน้าฉันได้ยังไงกันนะ เมื่อกี้ก็ไม่มีใครนอกจากฉันนี่นา มายุสึมิเก็บความสงสัยไว้ในใจ

      “ไม่เป็นไรครับ ผมเองก็ไม่ทันระวังเหมือนกัน ขอตัวก่อนนะครับ” ว่าแล้วคนตัวเล็กก็เดินเข้าร้านไปทันที

      มายุสึมิที่ยังสงสัยกับการปรากฏตัวของคนตัวเล็กก็ปล่อยความสงสัยทิ้งไปทันที เมื่อท้องเริ่มร้องหาอาหาร เขาจึงรีบเดินเข้าร้านมาจิเบอร์เกอร์ไปอีกคน

       

      มายุสึมิกำลังลนลาน

      ตอนนี้ไม่มีโต๊ะว่างเลยสักโต๊ะ เพราะที่นี่ไม่ใช่แค่ร้านเบอร์เกอร์อย่างเดียว ยังมีทั้งน้ำและข้าวบริการด้วย เขาก็เลยตัดสินใจกินข้าวไปเลย เพราะแม่ของเขาเพิ่งส่งข้อความมาบอกว่าวันนี้อาจจะกลับดึก ไม่ต้องรอทานข้าว

      แต่... ร้านกลับไม่มีที่นั่งเหลือเลยแม้แต่โต๊ะเดียว

      อ่ะเดี๋ยว นั่น! ตรงนั้นไงล่ะ

      มายุสึมิรีบสาวเท้าเดินไปที่โต๊ะว่างทางด้านขวามือของเขาทันที เพราะมีคนตัวใหญ่นั่งบังไว้ เลยมองไม่เห็นโต๊ะว่างโต๊ะนั้น เป็นโต๊ะที่ติดกระจกซะด้วย มายุสึมิอมยิ้มในใจ

       

      “เฮ้อ” ทันทีที่ก้นแตะกับเก้าอี้ มายุสึมิก็ถอนใจด้วยความโล่งอกทันที เขาคิดว่าเขาจะได้ยืนกินข้าวซะแล้ว

      “ถอนหายใจตอนจะกินข้าวแบบนี้ไม่ดีนะครับ” เอ้ะ? เสียง.. เสียงใครน่ะ

      พรึ่บ

      มองไปข้างหลัง

      “ผมอยู่ตรงหน้าคุณครับ” เสียงปริศนาเอ่ยขึ้นมาอีกครั้ง มายุสึมิหันหน้ากลับมาทางเดิมทันที

      “เฮ้ย!!” มายุสึมิผงะไปด้านหลังจนเกือบจะหงายหลังไปกองกับพื้น ยังดีที่เขารีบทรงตัวให้กลับมานั่งเหมือนเดิมได้ทัน

      “สวัสดีครับ เจอกันอีกแล้วนะ” คนตัวเล็กที่เราชนตอนที่อยู่หน้าร้านนี่นา มายุสึมิขมวดคิ้วสงสัยกับการปรากฏตัวของคนตัวเล็กอีกครั้ง

      “นายมาอยู่ตรงนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่” มายุสึมิขมวดคิ้วถามเสียงขุ่น

      “ผมนั่งอยู่ก่อนคุณอีกนะครับ มาตั้งคำถามกับคนมาก่อนแบบนี้ เสียมารยาทนะครับ” คนตัวเล็กเบ้ปากนิดๆตอนตอบคำถาม ในน้ำเสียงทุ้มนุ่มของคนตัวเล็กติดจะมีความไม่พอใจปนมาด้วย

      “หา? นายมาอยู่ก่อนแล้วงั้นเหรอ” มายุสึมิถามออกมาเหมือนไม่อยากจะเชื่อที่คนตัวเล็กพูดสักเท่าไหร่ และนั่นทำให้คนตัวเล็กยิ่งหงุดหงิดเข้าไปอีก

      “ครับ ผมอยู่ก่อนแล้ว และตอนนี้ผมก็จะไปแล้วเชิญคุณนั่งตามสบายเลยนะครับ คุณคนมาที่หลัง” ว่าแล้วก็ลุกออกไป โดยไม่ลืมคว้าแก้วน้ำสีขาวขุ่นที่มีหยดน้ำเกาะอยู่เต็มแก้วออกไปด้วย

      มายุสึมิกำลังงงที่โดนคนแปลกหน้าเหวี่ยงใส่ แต่เขาก็ไม่เก็บมาคิดมากอะไร ดูจากแก้วน้ำแก้วนั้น คงจะมาก่อนจริงๆ เขาคงจะขอโทษคนตัวเล็กไม่ทันแล้ว เลยได้แต่สำนึกผิดในใจ ก่อนจะลงมือทานข้าวแสนจืดชืดมื้อนี้

       

      สามปีผ่านไป

      มายุสึมิหยุดยืนที่หน้าโรงเรียนแห่งหนึ่ง

      ราคุซัน นั่นคือชื่อของโรงเรียนใหม่ของมายุสึมิ

      เนื่องจากงานของพ่อแม่ มายุสึมิเลยมักจะต้องย้ายถิ่นฐานบ่อยๆ ตอนนี้เขาย้ายมาอยู่ที่เกียวโต และเมื่อสามปีก่อน เขาอยู่ที่โตเกียว

      ตอนนี้มายุสึมิมาโรงเรียนราคุซันในฐานะรุ่นน้องปี 1 เขาเป็นคนที่มีบุคลิกที่จืดจาง เลยทำให้มีเพื่อนน้อย ส่งผลให้เขายิ่งจืดจางกว่าเดิมซะอีก

      มายุสึมิชอบอ่านหนังสือ เขามักจะใช้เวลาอยู่กับหนังสือ แต่ตอนนี้เขากำลังสนใจกีฬาด้วย

      บาสเก็ตบอล นี่คือกีฬาที่เขากำลังหลงใหล เขาพยายามฝึกซ้อมอย่างหนัก แต่นั่นก็ไม่ได้ช่วยอะไรทีมได้เลย

       

      ตอนนี้มายุสึมิขึ้นปี 3 แล้ว อีกเดี๋ยวเขาก็จะเรียนจบ แต่ว่าตอนนี้ เขากำลังจะจบการเล่นกีฬา

      ฉันคิดว่าเธอควรจะออกจากชมรมนะ เธอไม่สามารถเล่นกีฬาได้ดี มันเป็นคำพูดที่มายุสึมิเองก็เข้าใจ ว่าที่โค้ชพูดมามันก็ถูกต้อง และเขาก็ไม่คิดจะโต้แย้งอะไร

       

      “รุ่นพี่ครับ ผมขอเวลาสักนิดจะได้ไหม” ในวันหนึ่งที่มายุสึมิกำลังอ่านหนังสือเพลินๆ เขาก็ถูกขัดจังหวะจากผู้ชายคนหนึ่ง ที่อยู่ปี 1

      “ผมอยากให้รุ่นพี่เข้าชมรมบาสอีกครั้ง รุ่นพี่มีความสามารถพิเศษที่น่าตะลึง ผมคิดว่ามันมีประโยชน์กับชมรม” เด็กหนุ่มคนนั้นรีบเข้าเรื่องทันที ท่าทางหยิ่งผยอง เหมือนกับว่าเขายืนอยู่เหนือกว่าคนทุกคน

      “ไม่ล่ะ ฉันกำลังจะออกจากชมรม” มายุสึมิปฏิเสธออกไปอย่างไม่ไยดี เขาไม่คิดจะกลับไปเล่นบาสอีกแล้วล่ะ

      “รุ่นพี่เชื่อผมเถอะ วิธีการนี้ รุ่นพี่จะทำประโยชน์ให้กับทีมได้แน่ๆ” เด็กคนนั้นยังยืนยันต่อไป เฮ้อ เอาก็เอา เราไม่มีอะไรจะเสียแล้วนี่ มายุสึมิปลงตก

       

      Rrrrrrr~

      เสียงโทรศัพท์ที่กรีดร้องอยู่ในกระเป๋า ทำให้มายุสึมิรีบควานหาต้นตอเสียงนั้นทันที

      “ครับ แม่”

      “/จิฮิโระ แม่วานให้หนูไปที่บ้านเพื่อนแม่หน่อยได้ไหมจ้ะที่โตเกียวน่ะ พอดีเพื่อนแม่เขามีของจะให้น่ะ รบกวนรึเปล่าจ๊ะ/”

      “ได้ครับแม่ บอกทางมาได้เลยครับ

       

      ร้านมาจิเบอร์เกอร์

      ซู้ด ซู้ด

      คนผมสีฟ้าสว่างกำลังเพลิดเพลินกับการดื่มวานิลลา เชคของโปรด

      หลับตาพริ้ม ซ่อนดวงตาสีเดียวกับผมไว้ใต้เปลือกตา สองมือประคองกอบกุมแก้ววานิลลาเชคอย่างถะนุถนอม ริมฝีปากสีชมพูที่ติดแนบกับหลอด กำลังดูดดึงเอาวานิลลา เชคเข้าปาก ละเลียดชิมนิดๆก่อนจะกลืนลงคอไป

      คุโรโกะ เท็ตสึยะ เป็นผู้ชายที่โปรดปราดวานิลลา เชค พอๆกับบาสเก็ตบอล

      เขามักจะแวะเวียนมาที่ร้านนี้เพื่อกินวานิลลา เชคเสมอ

       

      พรึ่บ

      อยู่ดีๆก็มีคนมานั่งฝั่งตรงข้าม คุโรโกะเงยหน้ามองผู้บุกรุก(?) แต่ดูท่าผู้บุกรุกจะไม่รู้ตัวเลยว่ามีคนนั่งโต๊ะนี้อยู่แล้ว

      ง่ำๆๆ

      นั่นไง กินข้าวหน้าตาเฉยเลย คุโรโกะขมวดคิ้วอย่างไม่พอใจ และคิดจะเดินหนีไปเงียบๆ ทว่ากลับไม่เป็นไปตามที่ใจคิด

      “ขอนั่งด้วยได้ไหม” ผู้บุกรุกเงยหน้าถามทั้งๆที่กำลังจะตักข้าวเข้าปาก

      ไม่ขอพรุ่งนี้ล่ะครับ ผมกะว่าจะมาอีก เหอะ!

      คุโรโกะหันหน้าหนีไม่สนใจคนตรงหน้าที่กินข้าวอย่างเอาเป็นเอาตาย (ที่จริงเขาก็กินเรียบร้อยน่ะนะ แต่ท่าทางเขาหิวมาก เลยกินซะเร็ว)

      เขาลุกหนีออกมาจากโต๊ะ ไม่สนใจผู้บุกรุกที่เงยหน้าจากจานข้าวมามองเขางงๆ คุโรโกะเดินลัดเลาะตามทางเท้าจนมาถึงสนามบาสแห่งหนึ่ง

      อาคาชิคุง อาโอมิเนะคุง

      คุโรโกะสะบัดหัวไล่ความคิดที่กำลังแตกกระจายฟุ้งซ่านให้กลับเข้าที่ เขาต้องการลืมอดีตที่แสนเลวร้าย แม้จะรู้ว่ามันแสนจะยากเย็นก็เถอะ

      ว่าแต่ว่า... ผู้บุกรุกคนเมื่อกี้ หน้าตาคุ้นๆแหะ

       

      “เฮ้อ อิ่มจัง คราวหน้าคงจะต้องพกขนมปังไว้กับตัวสักห่อสองห่อแล้วสิเนี่ย” มายุสึมิบ่นกับตัวเอง เขาเดินออกมาจากร้านมาจิเบอร์เกอร์ (กว่าจะสั่งได้ แทบตายแน่ะ) มายุสึมิจำได้ดี ว่าเด็กผู้ชายที่กำลังเพลิดเพลินกับการดื่มวานิลลา เชคคนนั้นน่ะ คือคนที่เขาเจอเมื่อหลายปีก่อน ถึงสถานการณ์จะเหมือนกัน แต่ความกดดันแตกต่างกันลิบลับเลยล่ะ

      มายุสึมิเดินมาหยุดที่สนามบาส เขาคงจะเดินเข้าไปแน่ ถ้าไม่เจอคนสองคนยืนคุยกันอยู่กลางสนาม

       

       

      “อาคาชิคุง” คุโรโกะไม่คาดไม่ฝันว่าจะเจอเพื่อนเก่าในที่แบบนี้

      ทั้งๆที่ได้ข่าวมาว่าอาคาชิ เซย์จูโร่ ไปเรียนต่อที่โรงเรียนแห่หนึ่งในเกียวโตแล้ว  แต่ตอนนี้คนที่เขาไม่อยากจะเจอ ไม่สิ ยังไม่พร้อมที่จะเจอที่สุดกลับมายืนอยู่ตรงหน้า

      “คิดถึงนายจัง เท็ตสึยะ” อาคาชิเดินเข้ามาสวมกอดคุโรโกะที่ยืนนิ่งทำอะไรไม่ถูก

      ไม่คิดว่าการเจอกันในรอบหลายเดือน อาคาชิจะปากหวานขึ้นขนาดนี้

      สองร่างแนบชิด เบียดตัวเข้าหาความอบอุ่นของกันและกัน

      คุโรโกะบอกว่าเขาเป็นเพื่อนเก่า ใช่ อาคาชิเป็นเพื่อนเก่า เพราะสถานะปัจจุบันของเขาทั้งสองคือ แฟน

      ไม่สิ น่าจะ อดีตแฟน มากกว่า

      ถึงแม้ว่าจะยังห่วงหากันอยู่ แต่คุโรโกะก็ตัดใจแล้ว เพราะสิ่งที่อาคาชิทำทิ้งไว้ให้เขาหนักหน่วงเกินกว่าที่เขาจะรับไว้

      แต่คุโรโกะก็ยังถือมันไว้ และเพราะสิ่งที่อาคาชิทำไว้นั้น ทำให้เขาหมดศรัทธาในตัวคนรักทันที ความสัมพันธ์ของทั้งสองขาดสะบั้นลงไม่มีชิ้นดี

      คุโรโกะรู้ว่าอาคาชิเป็นคนที่ประนีประนอม นั่นหมายถึงสมัยก่อนน่ะนะ ตอนอยู่ม.ต้นปีสุดท้าย อาคาชิและทุกคนเปลี่ยนไป คุโรโกะยอมรับเลยว่าอาคาชิดูน่ากลัวมาก ทั้งๆที่เมื่อก่อนเป็นคนที่แสนจะอ่อนโยนแท้ๆ

      และเพราะอาคาชิมีบุคลิกและนิสัยเปลี่ยนไป แต่ความสัมพันธ์ของคุโรโกะและอาคาชิยังไม่เปลี่ยน นั่นทำให้อาคาชิยิ่งทวีคูณความขี้หวงขี้หึงเข้าไปอีก

      ส่งผลให้อาคาชิเอาความหึงหวงมาลงที่การเล่นบาส...

      บาสที่คุโรโกะเฝ้ารอมานาน เป็นการรอที่สัญญาไว้กับเพื่อนเก่าสมัยเด็ก แต่เขากลับไม่ได้ลงเล่น หนำซ้ำการแข่งที่คุโรโกะเฝ้ารอคอย กลับถูกเหยียบย่ำโดยฝีมือของคนที่ได้ชื่อว่าเป็นแฟนกัน

      111 : 11

      เลขสวยมาก แต่นั่นทำให้คุโรโกะอึ้ง

      และตัวเลขนั้นทำให้ความสัมพันธ์ต้องพัง ทั้งความสัมพันธ์ระหว่างคุโรโกะกับอาคาชิ และความสัมพันธ์ระหว่างคุโรโกะกับโองิวาระ มันแตกยับไม่เหลือชิ้นดี

      แต่ถึงแม้คุโรโกะทำตัวเหมือนกับเลิกกับอาคาชิไปแล้ว แต่แท้จริงแล้ว อาคาชิยังตามดูคุโรโกะอยู่เสมอ อาคาชิทำเหมือนกับว่าเขาแค่ปล่อยให้คุโรโกะออกไปเดินเล่นสักพัก หลังจากนั้นค่อยจับกลับมาใส่กรงขัง

      คุโรโกะพยายามหนี และซ่อน แต่เขาก็ไม่สามารถทำมันได้

      “อาคาชิคุง” เสียงแผ่วเบาเหมือนพยายามอย่างมากที่จะให้มันลอดผ่านลำคอออกมา

      “เท็ตสึยะ ฉันจะปล่อยนายไป ฉันรู้ว่านายต้องการที่จะแก้แค้นฉัน แล้วฉันจะรอ แต่ถ้านายทำไม่สำเร็จ ต้องกลับมาอยู่กับฉันนะ” อาคาชิมักมีแผนอยู่ในหัวเสมอ เขารู้ว่ามีเปอร์เซ็นเพียงน้องนิดที่คุโรโกะจะเอาชนะเขาได้

      พรึ่บ

      อาคาชิคลายอ้อมแขนออก ยกมือข้างนึงขึ้นมาจับปลายคางของคุโรโกะให้ยกขึ้น ประทับริมฝีปากลงไปโดยไม่สนใจว่าคนตรงหน้าจะเต็มใจหรือเปล่า

      ริมฝีปากแนบชิดกัน ลิ้นร้อนพยายามที่จะแทรกเข้าไปหาความหวานในโพรงปากเล็ก คุโรโกะเม้นปากไว้แน่น ต่อต้านอาคาชิเท่าที่จะทำได้

      อาคาชิเลื่อนมาจากปลายคางมาที่แก้ม ออกแรงบีบแรงๆจนคุโรโกะเผลอเปิดปากส่งเสียงร้อง เป็นการเปิดโอกาสให้อาคาชิส่งลิ้นเข้าไปไล่เลี่ยสัมผัสกับลิ้นเล็กของตน

      เนิ่นนาน... เป็นการจูบที่เนิ่นนานที่สุดเท่าที่เคยจูบกันมา ทั้งๆที่เป็นการจูบที่เอาแต่ใจและแสนจะรุนแรง แต่คุโรโกะกลับมีความวาบวามอยู่ในอก

      อาคาชิทิ้งรอยจูบไว้บนหน้าผาก แล้วเดินกลับไปที่รถ ก่อนที่รถจะแล่นออกไป คุโรโกะยิ่งต้องนิ่งอึ้งเมื่อเห็นรอยยิ้มที่อาคาชิส่งมาให้

      รอยยิ้มที่แสนเจ้าเล่ห์

       

      มายุสึมิไม่คิดว่าตัวเองจะเจอฉากเด็ด

      ทั้งกอด ทั้งจูบ ทั้งจุ๊บ

      การกระทำเหล่านี้ เด็กหนุ่มที่เป็นกัปตันทีมบาสของเขาได้ทำกับเด็กหนุ่มผมฟ้าคนนั้น

      ที่จริงมายุสึมิไม่ใช่พวกที่จะสนใจเรื่องของชาวบ้านสักเท่าไหร่ แต่ไม่รู้ทำไม พอเห็นว่าเป็นเรื่องของเด็กหนุ่มผมฟ้าที่เจอกันแค่สองครั้ง เขากลับอยากรู้มันไปซะทุกเรื่อง

      และมายุสึมิเองก็ไม่ได้อ่อนหัดจนไม่รู้ว่าความอยากรู้นั้น คือความชอบ

      เขาชอบเด็กผมฟ้าคนนั้น ได้ยินแว่วๆเหมือนกับอาคาชิจะเรียกเด็กคนนั้นว่าอะไรนะ เท็ต.. เท็ตสึๆ อะไรสักอย่างนี่ล่ะนะ กลับบ้านไปคงต้องไปแคะขี้หูสักหน่อยล่ะ

      “โอ๊ย” เสียงร้องครวญครางจากในสนาม ดึงให้มายุสึมิต้องรีบมองในทันที

      อ้าวเฮ้ย! ทำไมผมฟ้าไปนั่งกองแบบนั้นล่ะ

      รีบวิ่งเข้าไปในสนาม โดยไม่ผ่านการกลั่นกรองจากสมอง ร่างกายชักนำมายุสึมิไปหาคนที่เขาชอบ

       

      “อ่ะ อื้อ เจ็บจัง” คุโรโกะร้องออกมาเบาๆ เพราะเดินไม่ระวังเลยสะดุดขาตัวเองล้มไปกองกับพื้น และทั้งๆที่มันไม่น่าจะมีแผล ก็ดันมีแผลซะได้

      “อ่ะ เสร็จแล้วล่ะ ไม่เป็นอะไรแล้ว” มายุสึมิลุกขึ้นยืน เก็บกวาดซากสำลีที่ถูกนำมาใช้ทำความสะอาดแล้วไปทิ้ง

      ตอนนี้ทั้งสองคนนั่งอยู่ที่สนามบาสเหมือนเดิม

      แต่ที่ไม่เหมือนเดิมคือระยะห่างระหว่างคนสองคนนี้

      “คุโรโกะคุง นายเดินไหวใช่ไหม” มายุสึมิเดินมาหยุดยืนข้างๆคุโรโกะ เขาได้รู้จักชื่อเด็กคนนี้ตั้งแต่ตอนที่เริ่มทำแผลแล้วล่ะ เราสองคนถือว่าเป็นคนรู้จักกันแล้วล่ะนะ

       

      คุโรโกะเงยหน้าขึ้นมองมายุสึมิ ที่แท้คนๆนี้ก็คือคนที่เราเจอเมื่อหลายปีก่อน ไม่คิดว่าจะได้เจอกันอีกแหะ ถือว่าเป็นโชคดีหลังจากผ่านเรื่องร้ายๆมาได้รึเปล่านะ?

       

      ความสัมพันธ์ของทั้งสองคนพัฒนาอย่างรวดเร็ว เป็นเพราะทั้งสองฝ่ายต่างชื่นชอบกันรึเปล่านะ

      คุโรโกะมีความสุขเมื่อได้อยู่กับมายุสึมิ เพราะทั้งเขาและมายุสึมิชอบอะไรที่คล้ายๆกัน

      อย่าเช่น ชอบอ่านหนังสือ และเมื่อมีเวลาว่าง คุโรโกะมักจะคลุกคลีอยู่กับมายุสึมิ แลกเปลี่ยนหนังสือที่น่าสนใจให้แก่กัน คุโรโกะจะรู้ตัวรึเปล่านะ ว่าเขาแทบไม่ได้คิดถึงเพื่อนที่เปลี่ยนไป และแฟนที่เลิกกัน เขามักจะลืมทุกคนและปล่อยวางทุกอย่างเมื่ออยู่กับมายุสึมิ

      มายุสึมิยอมรับเลยว่าเขากำลังมีความสุข มีความสุขมากๆ จนคนในชมรมบาสท้วงเขาหลายคน

      เขานัดเจอกับคุโรโกะบ่อยขึ้น จนบางครั้งเขารู้สึกเสียวสันหลังวาบเมื่อนึกไปถึงอาคาชิ

      ถึงตอนนั้นเขาจะได้ยินไม่ชัดเท่าไหร่ แต่เขาก็แน่ใจว่าคุโรโกะต้องเป็นแค่แฟนเก่าอาคาชิแน่ๆ

      และแน่นอน อาคาชิเองก็เป็นแฟนเก่า จะหวงก้างไปทำไม ปล่อยให้ก้างไปหาแมวไม่ดีกว่าเหรอ?

      เขาเองก็มีสิทธิใช่ไหมล่ะ คุโรโกะน่ารักขนาดนี้ ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าอาคาชิทำร้ายคุโรโกะได้ลงคอได้ยังไงกัน เขามีสิทธิที่จะปลอบใจคุโรโกะ

       

      ตอนนี้มายุสึมิกำลังวิ่งด้วยความเร็วที่ไม่คิดว่าจะเร็วได้ขนาดนี้

      เขากำลังสาย เลยเวลานัดกับคุโรโกะมาได้สัก 20 นาทีแล้วล่ะมั้ง

      อยู่ๆตอนที่กำลังจะเดินออกจากห้องเปลี่ยนเสื้อผ้า ก็ถูกโยนหน้าที่ให้ทำความสะอาดสนามซ้อม แม้จะเร่งสักเท่าไหร่ แต่ก็สายอยู่ดี เขารู้ว่านี่คือฝีมืออาคาชิ

      อ่ะ ถึงแล้ว!

      มายุสึมิยืนงอตัวกุมเข่าหอบหายใจแฮ่กๆอยู่พักหนึ่ง ก่อนจะรีบเงยหน้ามองหาคนตัวเล็กทันที

      “อ่ะ คุโระ-“ เสียงขาดหายไปทันทีที่เห็นภาพตรงหน้า

      อาคาชิ มาที่นี่ได้ยังไง!!!

      หมอนั่นกำลังจะพาคุโรโกะไปที่ไหนกัน ทำไมไม่ยอมเลิกซะที ไอ้หมาหวงก้างเอ๊ย!

      พอแกมา คุโรโกะก็ไม่สนใจฉัน ทำไมต้องเป็นแบบนี้ด้วย

      “มองมาที่ฉันสิ... ฉันอยู่ที่นี่ ตรงนี้”

      คุโรโกะ เท็ตสึยะ

       

      ไม่เข้าใจว่าทำไมอาคาชิคุงถึงโผล่มาแบบนี้

      ทำไมคนที่ไม่อยากเจอกลับต้องเจอกันนะ

      มายุสึมิซัง ผมชอบที่จะอยู่กับคุณมากกว่าอาคาชิคุงซะอีก

      “เท็ตสึยะ นายกำลังทำอะไรอยู่รู้ตัวหรือเปล่า” อาคาชิแผ่ความรู้สึกไม่พอใจไปทั่วรถ

      “เราสองคนไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันแล้วครับ ผมไม่ต้องการแก้แค้นอะไรคุณแล้ว ผมแค่ต้องการเล่นบาสกับเพื่อนๆก็เท่านั้น” คุโรโกะพูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่น

      “ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันแล้ว ไม่ต้องการแก้แค้นแล้ว พูดเอาแต่ใจจังนะเท็ตสึยะ เพราะนายพูดเอาแต่ใจแบบนี้ เลยเป็นการให้ความหวังกับจิฮิโระซังเขารึเปล่าน่ะ” อาคาชิกำลังหงุดหงิดมากที่คนตัวเล็กกล้าขัดขืนเขา

      “...”

      “นายมีความสุขกับการที่ได้อยู่กับคนอย่างจิฮิโระซังงั้นเหรอ?”

      คุโรโกะไม่ค่อยจะมีคนที่คุยถูกคอซักเท่าไหร่ เป็นเพราะเขาไม่ใช่คนพูดเก่ง ออกจะพูดน้อยด้วยซ้ำ แต่พอมาเจอกับมายุสึมิ... คุโรโกะก็มีความสุขขึ้น เหมือนกับว่าเขาเจอคนที่เขาคอยมานาน คุยได้ทุกเรื่อง ทั้งเรื่องเรียน เรื่องหนังสือ และเรื่องบาส

      คุโรโกะอมยิ้มนิดๆ นึกไปถึงคำพูดที่มายุสึมิเคยพูดเอาไว้

      ที่จริงฉันกับนาย เราคล้ายกันมากเลยนะ แต่มีอยู่อย่างที่เราไม่เหมือนกัน ความสุภาพไงล่ะ  นายสุภาพมากกว่าฉันหลายเท่าเลยล่ะ

      อีกอย่างฉันเองก็เป็นคนพูดน้อยนะ แต่ทำไมพอมาอยู่กับนาย ฉันรู้สึกว่าตัวเองพูดมากจัง นายรู้รึเปล่าว่าทำไม...

      ก็เพราะฉันอยากที่จะทำให้คนที่ฉันรักมีความสุขไง พูดคุยแลกเปลี่ยนอะไรต่างๆมากมายให้กันและกัน เป็นที่ปรึกษาให้ยามทุกข์ใจ ฉันน่ะ อยากจะทำให้นายมีความสุขมากๆ ให้รู้สึกสบายใจไม่ต้องคิดอะไรเวลาที่อยู่กับฉัน

      ฉันรักนายนะ คุโรโกะคุง

       

      “นั่นสินะครับอาคาชิคุง” คุโรโกะเผยยิ้มออกมาเวลาที่นึกถึงมายุสึมิ

      “ผมคิดว่า ผมตกหลุมรักความสุขเรียบๆที่มายุสึมิซังมอบให้กับผมล่ะ”

       

      มายุสึมิไม่รู้ว่าทำไมตัวเองถึงไม่กลับบ้านไปซะ

      ทั้งๆที่เห็นว่าคุโรโกะไปกับอาคาชิ แต่ทำไมตัวเองกลับยังรอคนตัวเล็กนั่นอยู่

      ทั้งๆที่ถ้ากลับบ้านไป เขาก็สามารถนอนกอดหมอนร้องไห้ได้แล้วแท้ๆ แต่เขากลับปฏิเสธหมอนที่บ้าน แล้วเลือกที่จะรอคนตัวเล็ก

      ถ้าเขากลับไปบ้าน แล้วคุโรโกะกลับมา เขาก็พลาดที่จะได้กอดคุโรโกะน่ะสิ

      เขาไม่ยอมให้เกิดเรื่องแบบนั้นขึ้นแน่

      “ฮัดชิ้ว” อากาศเริ่มเย็นขึ้นเรื่อยๆ มายุสึมิเริ่มยกแขนขึ้นมากอดตัวเองกันความเย็นที่มาปะทะกับผิวของตน

      “ถ้าหนาวแล้วทำไมไม่กลับบ้านล่ะครับ มายุสึมิซัง” เสียงที่สุภาพพูดเอ่ยออกมาอย่างอ่อนโยน

      พรึ่บ

      มายุสึมิคว้าคุโรโกะเข้ามากอดทันที คิดไม่ผิดจริงๆที่เขายังรออยู่

      “ก็อยากกอดนายคลายหนาวมากกว่านี่ ที่บ้านไม่มีใครให้กอดน่ะ” มายุสึมิซุกหน้าลงไปที่ซอกคออุ่นๆของคุโรโกะ ลมหายใจเย็นๆของมายุสึมิทำเอาคุโรโกะพลอยรู้สึกหนาวไปด้วย

      เสียวสันหลังวาบเลยล่ะ

      “มายุสึมิซังกำลังอ้อนผมรึเปล่า ผมไม่ใจอ่อนนะ” บอกอย่างหนึ่ง แต่การกระทำกลับสวนทาง

      คุโรโกะยกมือขึ้นโอบมายุสึมิ กลายเป็นว่าทั้งสองคนกำลังกอดกันกลมดิ๊กอยู่ข้างสนามบาส

       

      “คิดว่านายจะไม่กลับมาซะอีก” มายุสึมิกำลังกอบกุมมือคุโรโกะขึ้นมาจุมพิษเบาๆ ราวกับปลอบขวัญตัวเอง

      “ถ้าคิดว่าไม่กลับมา แล้วรอทำไมล่ะครับ” คุโรโกะกลั้วขำนิดๆกับท่าทางเขินอายของมายุสึมิ

      “ก็แหม เผื่อฟลุ๊คไง” มายุสึมิยกมือข้างหนึ่งเกาท้ายทอยแก้เขิน

      “ผมเห็นมายุสึมิซังตั้งแต่ตอนที่คุณหยุดหอบอยู่ข้างสนามบาสแล้วล่ะครับ”

      อะไรกัน มายุสึมิมองหน้าคนตัวเล็กอึ้งๆ

      นี่เขาเข้าใจผิดไปเองงั้นเหรอว่าคนตัวเล็กไม่สนใจเขา

      “ขอโทษนะครับ ผมอยากจะเข้าไปหาคุณ แต่ผมคิดว่าควรไปเคลียร์เรื่องบางเรื่องให้มันจบๆกันไปซักทีน่ะครับ” คุโรโกะยกมือขึ้นมากอบกุมใบหน้าของมายุสึมิ

      “ตอนนี้ผมโสดสนิทแล้วนะครับ คุณต้องการที่จะเป็นแฟนกับผมรึเปล่า” คุโรโกะมองมายุสึมิที่เริ่มหูแดงขึ้นเรื่อยๆด้วยรอยยิ้ม

      “ถ้าต้องการเป็นมากกว่าแฟนอีกล่ะ จะยอมรึเปล่า” มายุสึมิไม่รอช้า ดึงตัวคุโรโกะเข้ามาในอ้อมแขน แล้วเก็บเกี่ยวความหวานจากคนตัวเล็กอย่างไม่มีที่สิ้นสุด

      “อื้อ” เสียงหวานๆขานรับออกมา ดวงตาคู่สวยหลับพริ้มเตรียมรับความสุขที่คนตรงหน้าจะมอบให้ครั้งแล้วครั้งเล่า

       

      อาจเป็นเพราะฟ้าคงเห็นใจคนจืดจางอย่างพวกเขาล่ะมั้ง เลยส่งคนแบบเดียวกันมาให้

      เราคุยถูกคอกันทุกเรื่อง ไม่มีเรื่องอะไรที่ขัดแย้งกันสักเท่าไหร่

      “มายุสึมิซัง ทำไมต้องกัดผมด้วยล่ะครับ มันเจ็บนะ ถ้าคราวหลังกัดอีก ผมไม่ยอมแล้วจริงๆด้วย”

      “ทำไมล่ะ ตอนนายทำหน้าเจ็บๆเสียวๆเร้าใจดีออก”

      “คน..คนบ้า!!! มายุสึมิบากะ”

      เอ่อ ล่ะมั้งนะ...

      แต่เรื่องแบบนี้น่ะ ถ้าคนเขาไม่ยอมจริงๆ เขาให้เลิกทำไปตั้งแต่โดนกัดแล้ว แต่คุโรโกะปล่อยไปจนเสร็จ แล้วมาโวยวายทีหลัง หึหึหึ น่ารักจริงๆ

      มายุสึมิรู้สึกว่ายิ่งอยู่กับคุโรโกะ เขายิ่งหลงคนตัวเล็กนี่จนแทบคลั่งเลยทีเดียว มิน่าล่ะ ทำไมอาคาชิถึงได้หวงนักหวงหนา

      ก็คุโรโกะน่ะ น่ารักและเร้าใจมากๆไงล่ะ













       

      - สวัสดีค่ะ -

      อยากจะบอกว่าช็อตฟิคนี้ เนื้อเรื่องไม่ตรงกะที่พิมพ์ไว้ตอนแรกเลยให้ตายสิ คนเขียนขอสงบอารมณ์สักครู่ค่ะ

      คู่นี้เป็นคู่ที่เราไม่เคยคิดว่าจะแต่ง โฮกกกกกกกกกกก ที่จริงไม่ชอบมายุมาก กล้ามีบุคลิกเหมือนที่รักชั้นได้ไง -^-

      แต่อภัยให้ค่ะ โดยการจับมาจิ้นกับที่รักเลยทันที หุหุหุ

      ชอบก็เม้นนะคะ แสดงตัวกันหน่อยเนาะ คนเขียนจะได้มีกำลังใจแต่งเรื่องต่อๆไป

      ขอบคุณที่เปิดเรื่องนี้เข้ามานะคะ อย่าลืมไปพบปะกันที่ฟิค Naruto นะคะ คนอ่านเริ่มไม่ค่อยจะมีแล้วเรื่องนั้น 5555

      บ๊ายบายค่ะ ซียูอะเก้นนนนนนนนน ^o^

      ปล. คือตอนแต่งนี่ใช้เวลาทั้งวันค่ะ แต่พอเอามาลง จากที่ 12 หน้าเวิร์ด ทำไมมันดูน้อยจัง //ลาป่วยกะทันหัน -_-

      ปลล. คือจะบอกว่า ไม่แน่ใจกับสถานที่ที่เขียนลงไปนะ ไม่แน่ใจสักเท่าไหร่ ถ้าผิดพลาดก็ขอโทษนะคะ เรื่องนี้อ้างอิงเรื่องจริงนิดหน่อยนะ

       

      นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      คำนิยม Top

      ยังไม่มีคำนิยมของเรื่องนี้

      คำนิยมล่าสุด

      ยังไม่มีคำนิยมของเรื่องนี้

      ความคิดเห็น

      ×