ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    วิทยาศาสตร์สู่ความเป็นเลิศ

    ลำดับตอนที่ #5 : ระบบย่อยอาหารของสัตว์ [ 1 ]

    • อัปเดตล่าสุด 26 ก.ย. 51


                   การย่อยอาหาร  (Digestion)  คือ  กระบวนการที่อาหารถูกเปลี่ยนแปลงในทางเดินอาหารจากสารโมเลกุลใหญ่ให้มีโมเลกุลขนาดเล็กลง  เพื่อจะได้ดูดซึมผ่านผนังลำไส้เข้าไปในน้ำเลือดและน้ำเหลืองได้  การเคลื่อนย้ายโภชนะที่มีโมเลกุลขนาดเล็กที่ผ่านการย่อยแล้วเข้าสู่น้ำเลือดและน้ำเหลืองเรียกว่า  การดูดซึม  (Absorption)  

                   การย่อยอาหารจะมีขบวนการต่าง ๆ  3  วิธี  คือ                

    1.       การย่อยทางวิธีกล  (mechanical  method)  ได้แก่การเคี้ยว  การบีบรัดกล้ามเนื้อ

    2.       การย่อยทางเคมี  (chemical  method)  ได้แก่การย่อยของน้ำย่อยในกระเพาะอาหารและลำไส้เล็กโดยน้ำย่อย

    3.       การย่อยทางจุลินทรีย์  (microbial  action)  ได้แก่การย่อยที่เกิดที่กระเพาะรวม  ลำไส้ใหญ่หรือไส้ติ่งของสัตว์  โดยการกระทำของจุลินทรีย์และโปรโตซัว

     

    ระบบการย่อยอาหารของสัตว์

                    ระบบการย่อยอาหารของแบ่งออกได้เป็น  2  ส่วนใหญ่ ๆ  คือ

    1.       ระบบท่อทางเดินอาหาร  (Alimentary  tract) 

    2.       อวัยวะประกอบของระบบย่อยอาหาร  (Accessory  organs)

     

    ท่อทางเดินอาหาร  ประกอบด้วย

    ปาก  (Mouth)  

    เริ่มจากส่วนที่ถัดเข้าไปจากริมฝีปากและฟันจนถึงบริเวณที่ติดต่อกับคอหอย 

    ฟันสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมมี  2  ชุด  คือ  ฟันแท้และฟันน้ำนม  ส่วนบนตอนหน้าของช่องปากเป็นเพดานแข็ง  และส่วนท้ายเป็นเพดานอ่อน  ด้านข้างของช่องปากเป็นส่วนของแก้ม  ด้านล่างเป็นที่อยู่ของลิ้น  (Tongue)  ลิ้นของสัตว์ทั่วไปจะมีปุ่มรับรส  มีหน้าที่ตวัดอาหารและคลุกเคล้าอาหาร  

    ภายในปากมีต่อมสำหรับผลิตน้ำย่อย  Ptyalin  หรือ  Amylase  ออกมาช่วยย่อยอาหารพวกคาร์โบไฮเดรต  และมีต่อมน้ำลาย  (Salivary  gland)  ซึ่งมีอยู่  3  คู่  ทำหน้าที่ผลิตน้ำลาย  (Saliva)  ออกมาช่วยคลุกเคล้าอาหารให้สะดวกต่อการกลืนลงหลอดอาหาร

    ไก่ไม่มีริมฝีปาก  ไม่มีแก้ม  ไม่มีฟัน   ไก่จะใช้จงอยปากในการจิกและฉีกอาหารเข้าปาก  แล้วใช้ลิ้นช่วยตวัดอาหารลงสู่หลอดอาหาร  ภายในปากมีต่อมสำหรับผลิตน้ำย่อย  Amylase  ออกมาช่วยย่อยอาหารพวกคาร์โบไฮเดรต  แค่มีบทบาทน้อยมาก  และมีต่อมน้ำลาย  (Salivary  gland)  ทำหน้าที่ผลิตน้ำลาย  (Saliva)  ออกมาช่วยคลุกเคล้าอาหารให้สะดวกต่อการกลืน 

      สัตว์เคี้ยวเอื้องไม่มีขากรรไกรบนเหมือนสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมอื่น ๆ  จึงไม่มีฟันบน  การกินอาหารจึงอาศัยขากรรไกรและฟันล่างทำงานร่วมกับริมฝีปากและลิ้นเพื่อตวัดอาหารเข้าปาก  การเคลื่อนไหวของปากและการเคี้ยวของสัตว์เคี้ยวเอื้องแต่ละชนิดแตกต่างกันขึ้นกับลักษณะอาหารที่กิน  ในปากมีต่อมน้ำลายซึ่งจะผลิตน้ำลายออกมาได้เป็นจำนวนมาก  ในน้ำลายจะเป็นแหล่งไนโตรเจนด้วยคือยูเรียและมิวโคโปรตีน  นอกจากนี้มี  P  และ  Na  ซึ่งจุลินทรีย์จะนำไปใช้ได้   นอกจากนี้น้ำลายจะทำหน้าที่เป็น  Buffer  รักษาระดับ  pH  ในรูเมนและกระเพาะอื่น ๆ  ต่อไป

                      หลอดคอ  (Pharynx)  ปลายบนกว้าง  ข้างล่างแคบ  ผนังของคอหอยเป็นกล้ามเนื้อลาย  มีเยื่อเมือกหุ้มไว้  ที่คอหอยมีต่อมน้ำเหลือง  เรียกว่าต่อมทอนซิล  (Tonsil)  มีกลไกจัดระเบียบอาหารให้ผ่านหลอดอาหารและอากาศผ่านสู่กล่องเสียง

      หลอดอาหาร  (Esophagus)  เป็นกล้ามเนื้อลายลักษณะเป็นท่อเริ่มต้นจากคอหอย  (Pharynx) ด้านบนเป็นกล้ามเนื้อหูรูด  หลอดอาหารนี้จะยืดขยายตัวได้มาก  ผ่านทะลุกระบังลม  (Diaphrage)  จนถึงกระเพาะจริง  (Stomach , Proventriculus)    สำหรับไก่จะขยายออกกลายเป็น               กระเพาะพัก  (Crop)   ทำหน้าที่เป็นที่พักอาหารชั่วคราวเพื่อให้อาหารอ่อนตัวลงด้วยน้ำลายที่คลุกเคล้ามาจากปาก

    กระเพาะอาหาร  (Stomach) 

    กระเพาะอาหารสุกรแบ่งออกเป็นส่วน ๆ  ได้  4  ส่วน  (ศึกษาเพิ่มเติม)  นอกจากย่อยอาหารแล้วยังต้องเก็บอาหารด้วย  ผนังด้านในของกระเพาะจะเป็นรอยพับเพื่อเพิ่มพื้นที่และเต็มไปด้วยเซลล์ที่ขับน้ำย่อย  น้ำย่อยประกอบด้วยเกลืออนินทรีย์  เมือก  และกรดเกลือ  (HCL)  น้ำย่อยที่สำคัญในกระเพาะคือ  pepsinogen  ซึ่งจะเปลี่ยนเป็น  pepsin  ในภายหลัง  ทำหน้าที่ย่อยโปรตีนในอาหารและโปรตีนในนมเช่นเดียวกับ  rennin  

                    ในสัตว์ปีกเริ่มจาก  กระเพาะพัก  (Crop)  เป็นส่วนปลายของหลอดอาหารใกล้กับกระเพาะจริงซึ่งขยายตัวออกเป็นรูปกระเปาะ  ทำหน้าที่เป็นที่พักอาหารชั่วคราวเพื่อให้อาหารอ่อนตัวลงด้วยน้ำลายที่คลุกเคล้ามาจากปาก

                    กระเพาะจริง  (Proventriculus)  มีตำแหน่งอยู่ระหว่างปลายสุดของหลอดอาหารกับกระเพาะบด  (Gizzard)  ผนังหนามาก  ภายในมีต่อมสำหรับผลิตน้ำย่อย  Pepsin  ซึ่งจะย่อยอาหารพวกโปรตีน  นอกจากนี้ยังมีการผลิตกรดไฮโดรคลอริค  (Hydrochloric  acid)  ซึ่งช่วยให้การย่อยอาหารพวกโปรตีนเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น

                    กระเพาะบด  (Gizzard)  อยู่ถัดจากกระเพาะจริง  ปลายข้างหนึ่งเปิดติดต่อกับลำไส้เล็ก  ประกอบด้วยกล้ามเนื้อที่แข็งแรงช่วยให้มีกำลังบดย่อยอาหารให้มีขนาดเล็กลงทำให้สะดวกต่อการย่อยของน้ำย่อยในอวัยวะส่วนต่อไป

    กระเพาะ  (Compound  stomach)  สัตว์เคี้ยวเอื้องมี  4  กระเพาะ  ได้แก่  กระเพาะผ้าขี้ริ้ว  (Rumen)  รังผึ้ง  (Reticulum)  สามสิบกลีบ  (Omasum)  และกระเพาะแท้  (Abomasum)  3  กระเพาะแรกไม่มีน้ำย่อย  ยกเว้นกระเพาะที่  4  ที่ทำหน้าที่เหมือนกระเพาะแท้

    กระเพาะรูเมนและเรติคิวลัมไม่ได้แยกจากกันอย่างสมบูรณ์เพียงแต่ทำงานต่างกันเท่านั้น  โดยที่เรติคิวลัมจะมีหน้าที่เคลื่อนอาหารที่มีขนาดใหญ่ให้กลับไปยังรูเมน  และส่งอาหารขนาดเล็กไปยังโอมาซัม  และไม่ให้สิ่งแปลกปลอมผ่านต่อไป  ส่วนรูเมนจะทำหน้าที่หมักอาหารโดยจุลินทรีย์และส่งอาหารบางส่วนกลับออกไปเคี้ยวเอื้อง  กระเพาะสามสิบกลีบทำหน้าที่ดูดซึมน้ำและโภชนะบางตัวออกจากอาหารทำให้อาหารเล็กและข้นพอที่จะส่งไปยังกระเพาะที่สี่หรือกระเพาะแท้ซึ่งทำหน้าที่เหมือนกระเพาะแท้ของสัตว์อื่น ๆ  เอนไซม์ของร่างกายสัตว์ที่ขับเข้าสู่ยริเวณนี้นอกจากย่อยอาหารแล้วยังทำหน้าที่ย่อยจุลินทรีย์ที่ตายด้วย  ทำให้สัตว์ได้รับกรดอะมิโนตลอดจนไวตามินต่างๆ   จากซากเซลล์จุลินทรีย์ 

                    

                   ในลูกวัวที่ยังกินนมเป็นอาหารหลัก  สามกระเพาะแรกจะยังไม่ทำงาน  อาหารจะไหลตรงไปยังกระเพาะที่สี่เพื่อย่อยและดูดซึม  และส่งต่อไปยังลำไส้เล็กต่อไป  น้ำย่อยในกระเพาะในช่วงนี้เป็นน้ำย่อยจากตัวสัตว์เอง  เมื่อลูกโคเริ่มกินอาหารแข็ง  กระเพาะทั้งสามจะเริ่มขยายใหญ่ขึ้นและเริ่มทำงาน  ยิ่งทำให้ลูกวัวกินอาหารแข็งเร็วเท่าใดลูกวัวจะได้ลดการกินนมเร็วเท่านั้น  จุลินทรีย์สำหรับตัวลูกวัวมีอยู่ในธรรมชาติจากอาหารที่กินและจากการเลียตัวแม่

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×