ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    2012 คำทำนายกับวันสิ้นโลก

    ลำดับตอนที่ #6 : สาเหตุที่ทำให้โลกแตกดับได้ (11-18)

    • อัปเดตล่าสุด 27 ส.ค. 54


     สาเหตุทีี่่ทำให้โลกแตกดับได้ 

    ข้อทีี่ 11
    มหันตภัยทางเทคโนโลยีชีวะภาพ (Biotech Disaster)




     
    ขณะที่เรากำลังทำลายสิ่งสร้างธรรมชาติชนิดต่างๆอยู่ขณะนี้ เราเองก็กำลังก่อให้เกิดสิ่งสร้างใหม่ๆด้วยวิธีการวิศวศาสตร์ทางยีน (Genetic Engineering)  พืชพรรณธัญญาหารโดยวิธีดังกล่าวจะแข็งกรอบกว่า รสเข้มกว่าและให้คุณค่าทางโภชนาการมากกว่า   และจุลินทรีที่เกิดโดยวิธีวิศวกรรมนี้ อาจช่วยผ่อนปรนปัญหาสุขภาพของเรา  และการวินิจฉัยยีนจะทำให้มีความหวังที่พลิกแพลงในการซ่อมแซมข้อด้อยพื้นฐานใน DNA ของเรา  แล้วก็มีผลกลับกันที่อาจเกิดขึ้นมาได้  แม้ไม่มีประจักษ์พยานที่ชี้ว่า อาหารประเภทปรับแต่งทางยีนจะไม่ปลอดภัย แต่ก็มีเครื่องหมายว่า ยีนจากพืชปรับแต่งยีน สามารถรั่วไหลและพบทางไปสู่ species อื่นได้  พืชปรับแต่งทางวิศวกรรมอาจเสริมเพิ่มแรงต้านทานต่อยาปราบศัตรูพืช  มีความสงสัยมานานแล้วจาก Jeremy Rifkin ที่เป็นกังวลสงสัยว่าสาหร่ายทะเลปรับแต่งและพาหะโรคร้ายที่ปรับตัวเข้มแข็งขึ้น จะสามารถทำลายล้างระบบนิเวศน์ของโลก ที่ได้รับการกดดันอยู่แล้ว (ดูหัวข้อ 9)  เชื้อจุลินทรีย์ที่เปลี่ยนแปลงไปสามารถพิสูจน์ได้ว่า จะเป็นการยากสุดแสนในการควบคุม  ที่ยากที่สุดกว่าหมดก็คือมีความเป็นไปได้ว่าอาจจะเกิดการใช้เทคโนโลยีชีวะศาสตร์แบบผิดพลาดอย่างจงใจ กลุ่มผู้ก่อการร้ายหรือชาติมหาอำนาจที่เอาเปรียบ อาจตัดสินใจว่า โรค Anthrax ยังไม่ร้ายพอจะใช้เป็นอาวุธสังหาร ก็จะพยายามควบรวมเอาสิ่งร้ายแรงต่างๆเข้าด้วยกันเพื่อการทำลายล้าง เช่น ไวรัส Ebola ชนิดลอยตามลมได้  ขณะนี้กำลังเกิดกรณีแบบนี้แล้ว.


    ข้อที่ 12
    อุบัติเหตุจากเครื่องเหวี่ยงเร่งอนุภาคปรมาณู (Particle accelerator mishap)


    Theodore Kaczynski ที่รู้จักกันในฉายา Unabomber เพ้อให้ฟังว่า  การทดสอบเครื่องเหวี่ยงเร่งอนุภาคปรมาณูอาจก่อให้เกิดปฏิกิริยาลูกโซ่ (Chain Reaction) ที่สามารถทำลายโลกได้  เป็นที่น่าประหลาดใจ นักฟิสิกส์สุขุมมากมายต่างก็คำนึงถึงเรื่องนี้  ปกติความห่วงกังวลของนักวิทยาศาสตร์เหล่านี้ จะเกิดขึ้นระหว่างพบปะพูดคุย เป็นการส่วนตัว  ท่ามกลางการขีดๆเขียนๆบันทึกตามซองจดหมายใช้แล้ว  เร็วๆนี้ ปัญหานี้ตกไปถึงสาธารณชน เมื่อหนังสือพิมพ์ SundayTimes รายงานว่า เครื่องกระแทกเหล็กต่อเนื่อง Relativistic Heavy Ion Collider(RHIC) ที่ Long Island, N.Y. อาจก่อให้เกิดหลุมดำน้องๆปรมาณู  ซึ่งทีละเล็กทีละน้อยจะกัดกร่อนโลกของเรา  หรือมิฉะนั้น มันอาจก่อให้เกิดสสารรูปใหม่ที่คาดไม่ถึงในชื่อ”สารแปลกปลอม” ที่อาจทำลายล้างสสารธรรมดาๆทั่วไปที่มันพบ  เพื่อบรรเทาปฏิกิริยาต่อสิ่งใกล้เคียงเครื่อง RHIC  ผู้อำนวยการห้อง Lab ได้เรียกประชุมปรึกษาหารือกัน ซึ่งส่วนใหญ่ไม่ยอมรับว่าจะเกิดเหตุเช่นนั้น  เมื่อมีการเสนอให้วางมาตรการป้องกัน  กลุ่มเสวนาได้ปฏิเสธว่าเป็นไปไม่ได้ที่เครื่อง RHIC จะรั่วไหลกลายเป็นพลังงานแบบ Cosmic Vacuum (ดูหัวข้อ 3)  การยืนยันแบบนี้ตามด้วยคำเล่าลือของรายงาน 1942 “LA-602” ซึ่งเป็นเอกสารชั้นหนึ่งที่อธิบายว่าทำไมการระเบิดของระเบิดปรมาณูลูกแรก เกือบไม่ก่อให้เกิดไฟไหม้บรรยากาศของโลกเลย อย่างไรก็ดี นักฟิสิกส์ RHIC ไม่ปฏิเสธความเป็นไปได้พื้นฐานของมหันตรายนี้  พวกเขาอธิบายแย้งว่า เครื่องเหวี่ยงเร่งปรมาณูนี้ ไม่มีพลังพอจะทำให้เกิดหลุมดำ หรือทำลายล้างสุญญากาศได้  โอ้ นั่นไง เรายังสามารถสร้างเจ้าเครื่องแบบนี้ให้ใหญ่โตกว่าและมีพลังมากกว่ายังได้เลยหรือ?



    ข้อที่ 13
      มหันตภัยจากเทคโนโลยีนาโน (Nanotechnology Disaster)


    ก่อนที่คุณจะใช้คีย์บอร์ดคอมพิวเตอร์จนเปื้อนสกปรก คอมฯบ้านคุณคงล้าสมัยไปแล้ว  ส่วนใหญ่คงเป็นเพราะความก้าวหน้ารวดเร็วเหลือเชื่อ ในการย่อส่วนวงจรชิบซิลิคอน  วิศวกรคอมฯกำลังใช้เทคโนโลยีแบบเดียวกันสร้างเครื่องจักรพลังปรมาณูที่ยังไม่เนียนเท่าใด  กำลังประดิษฐ์ค้นหาสาขาใหม่ที่เรียกกันว่าเทคโนโลยีนาโน  ภายในอีกสองสามศตวรรษหรืออาจเร็วกว่านั้น คงเป็นไปได้ว่าจะสามารถสร้างหุ่นยนตร์ไมโครจิ๋วที่สามารถรวบรวมและจำลองแบบตัวเองได้  หุ่นยนตร์พวกนี้อาจทำการผ่าตัดภายในคนป่วย สร้างผลิตภัณฑ์ที่ต้องการจากวัตถุดิบต่างๆได้  หรือออกเดินทางสำรวจโลกอื่นได้ด้วย  ทุกอย่างคงดำเนินไปได้และดีจริง ถ้าเทคโนโลยีทำงานตามวัตถุประสงค์ที่ตั้งไว้  และแล้ว ลองพิจารณาที่ Eric Dexter แห่งสถาบัน Foresight Institute ในหนังสือของเขาชื่อ “Engines of Creation” เขาเรียก “grey goo problem” คือลัทธิที่โปรดปรานในท่ามกลางขบวนปฏิบัติเทคโนโลยีนาโน  เขาเขียนว่า หลังอุบัติเหตุทางอุตสาหกรรม  “เครื่องจักรขนาดเท่าแบ็คทีเรีย  “สามารถแพร่ลอยล่องไปเหมือนละอองเกสรดอกไม้ จำลองแปลงตนอย่างรวดเร็ว และลดวงชีวะให้เป็นผุยผงในเวลาไม่กี่วัน”  และ  Dexter ขณะเวลานี้ยึดมั่นอย่างจริงจังในเทคโนโลยีสาขานี้  คนที่จิตวิญญาณมีทัศนะเลวร้ายเช่น Bill Joy ผู้ร่วมก่อตั้งบริษัท Sun Microsystems ใฝ่ฝันเห็นเครื่องจักรขนาดจิ๋วนาโน เป็นประหนึ่งสิ่งนำไปใช้ทางการทหารที่สมบูรณ์ หรือ เครื่องมือผู้ก่อการร้ายได้.



    ข้อที่ 14
    สารพิษในสิ่งแวดล้อม (Environmental Toxins)


    จาก Donora มลรัฐ  Pennsylvania ถึง Bhopal ในอินเดีย ประวัติศาสตร์สมัยใหม่ดกดื่นไปด้วยตัวอย่างน่าตกใจจนขนลุกของอันตรายจากสิ่งก่อมลพิษทางอุตสาหกรรม  แต่การให้สารพิษยังคงดำเนินต่อไป  ในเมืองใหญ่ของโลก อากาศหนาทึบไปด้วยละอองอนุภาคดีเซล  ซึ่งสถาบันสุขภาพแห่งชาติ (National Institute of Health)ขณะนี้พิจารณาแล้วเห็นว่ามันคือสารก่อมะเร็ง(carcinogen)  โลหะหนักจากปล่องควันคลุ้งรอบโลก  ถึงกับแทรกซึมเข้าไปอยู่ในชั้นหิมะของทวีปแอนตาร์ติก  การใช้ยาฆ่าแมลงเกินไปในงานปศุสัตว์ ยืนยันได้เลยว่า มันไหลลงสู่แม่น้ำและทะเลต่างๆ  ในการใช้จำนวนมาก ไดท็อกซิลสามารถทำลายการพัฒนาของมดลูกของสัตว์ มนุษย์ และทำให้ระบบสืบพันธ์ไม่สมดุล – และไดท็อกซิลมีอยู่ทุกหนทุกแห่ง  บ้านของพวกคุณอาจอาจมีท่อคลอไรด์โปลิไวนิล  วอลล์เปเปอร์ และสีฉาบนอกบ้าน ซึ่งปล่อยไดอ็อกซิลออกมาถ้ามันถูกไฟไหม้หรือถูกเผา  ยังมีความเสี่ยงที่ยังไม่รู้กันอีกมาก  ทุกปี NIH(National Institute of Health) ประกาศเพิ่มเติมรายชื่อสารก่อมะเร็ง – จำนวนมากถึง 218 ชนิด  Theo Colburn แห่ง กองทุนมูลนิธิสัตว์ป่าของโลก (World Wildlife Fund) โต้แย้งว่า Dioxins และสารอื่น สารประกอบที่มีคลอรีนคล้ายกันนี้ ดูจะก่อให้เกิดผลต่อฮอร์โมนมนุษย์ พอที่จะกล่าวได้ว่ามันลดความอุดมสมบูรณ์อย่างร้ายแรง  นักวิทยาศาสตร์อีกหลายคนโต้แย้งประจักษ์พยานของเธอผู้นี้  แต่-ถ้าเธอถูกต้อง ขยะเคมีของโลกสามารถคุกคามสุดๆต่อความรอดของมวลมนุษยชาติ


    ข้อที่ 15
     สงครามโลก (Global or World wars)


     เมื่อรวมกัน สหรัฐอเมริกาและรัสเซียยังมีหัวรบ(Warheads)ปรมาณูใช้การได้จำนวนถึง 19,000 ลูก  สงครามนิวเคลียร์ดูเหมือนจะยังไม่เกิดตอนนี้  แต่เมื่อสิบกว่าปีที่แล้ว การล่มสลายของสหภาพโซเวียตทำให้คิดว่าสงครามโลกอาจจะไม่มีโอกาสเกิดขึ้นได้  สถานะทางการเมืองระหว่างประเทศพัฒนาไปเรื่อยๆ  ลูกระเบิดมหาประลัยยังคงนอนนิ่ง  แต่-ยังมีความเป็นไปได้ว่า อาจจะเกิดการตอบโต้ทางนิวเคลียร์จากอุบัติเหตุ  และระบบป้องกันโดยอาวุธนำวิถีเพียงหยิบมือเท่านั้น – เดาว่ามันทำงานได้พอแล้ว  อาวุธยุทโธปกรณ์ชนิดอื่นก็น่าจะมีผลกระทบต่อโลกเช่นกัน  ญี่ปุ่นเริ่มทดลองอาวุธชีวะภาพหลังสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง และทั้งสหรัฐและสหภาพโซเวียตก็ได้ทดสอบอาวุธจุลินทรีย์ตัวพิฆาตระหว่างสงครามเย็น  เทียบกับระเบิดปรมาณู อาวุธชีวะภาพราคาถูก ง่ายในการผลิต และง่ายในการซุกซ่อนไว้  เป็นการยากที่จะควบคุม แม้ว่าดูจะทำนายไม่ได้ว่าองค์การก่อการร้ายนำไปใช้หรือไม่?  John Leslie นักปรัชญามหาวิทยาลัย University of Guelph ใน Ontario ชี้ว่า วิศวกรรมยีน (Genetic Engineering) อาจทำให้เกิดอาวุธชีวะภาพ”ขนาดเล็ก” ซึ่งสามารถนำไปใช้โจมตี”ชนกลุ่มน้อย”ในชั้นต้นก็เป็นได้



    ข้อที่ 16
    หุ่นยนตร์ยึดครองโลก (Robots Take-over)


     มนุษย์พากันสร้างหุ่นยนตร์แสนฉลาดรอบรู้  ซึ่งจะหันมาสู้กับพวกเราและยึดครองโลก เราเห็นในภาพยนตร์วิทยาศาสตร์ ทีวีและหนังสือการ์ตูนมานานหลายสิบปี  คราวนี้ ชั่วระยะเวลาหลายปีมานี้ มองรอบๆตัวเราและนิ่ง—ไม่มีหุ่นยนตร์ฉลาดรอบรู้  ก็คุณ Hans Moravec หนึ่งในผู้ก่อตั้งภาควิชาหุ่นยนตร์ของมหาวิทยาลัย Carnegie Mellon University ยังคงเชื่อมั่นคนหนึ่ง  เขาทำนายว่าประมาณปี ค.ศ. 2040 เครื่องจักรกลจะแข่งขึ้นเทียบเท่าสติปัญญาของมนุษย์  และบางทีมีความรู้สึกนึกคิดแบบมนุษย์ แล้วพวกมันก็จะพัฒนาดีขึ้นเรื่อยๆ  เขายืนยันให้ความเห็นคาดการถึงความสัมพันธ์แบบชีวะจิตระหว่างมนุษย์กับเครื่องจักรกล  โดยที่ทั้งสองจะหลอมรวมกันเป็น”สิ่งเหนือชีวะภาพ” สามารถแพร่ขยายอย่างกว้างขวางซึ่งอำนาจทางความเฉลียวฉลาดของพวกมัน  Marvin Minsky ผู้เชี่ยวชาญด้านความเฉลียวฉลาดเลียนธรรมชาติ แห่งสถาบัน MIT ทำนายอนาคตแบบเดียวกันว่า ผู้คนจะ download สมองของตนเข้าไปในระบบสมอง(surrogates)จักรกลควบคุมด้วยคอมพิวเตอร์ และ log เข้าไปใน files ไม่มีขอบเขตของข้อมูลข่าวสารและประสบการณ์ ไม่ว่าการกระทำแบบนี้คล้ายกับเป็นการสิ้นสุดของมนุษยชาติ หรือเป็นก้าวต่อไปในการวิวัฒนาการ ย่อมขึ้นกับวิจารญาณของพวกเราเอง  วิสัยทัศน์ที่เห็นของ Minsky ฟังดูคุ้นหู  หลังจากเครื่องจักรกลที่เสมือนสิ่งมีชีวิตจริงออกสู่ตลาดประมาณปี 1989 นักหนังสือพิมพ์ที่เห็นด้วยต่างยกย่องประหนึ่ง LSD อีเล็คโทรนิค เครื่องจักรกลลวงตาที่พลาดไป โดยที่ผู้หลงเข้าใช้แล้วไม่ให้เขาออกไป  นักสังคมวิทยากดปุ่มให้เห็นว่า วัฒนธรรมของพวกเรา ซึ่งอาจหมายถึง species เรานี่แหละ อาจลบเลือนหายไป เมื่อประสบการณ์ปัจจุบันของความเป็นจริงที่ปรากฏ กลายเป็นคล้ายๆพยายามเล่น Pac-Man โดยใช้ลูกโบว์ลิงกลมพันอัดไว้ที่ศีรษะ บทสนทนาก็หยุดลง  ถ้าจะให้เครดิต Minsky ก็จงรับรู้ว่าการ merge(รวมตัวกัน)ของมนุษย์กับเครื่องจักรกลคงเกิดขึ้นอีกไม่กี่ปีข้างหน้า และนั่นคืออวสานของมนุษยชาติ!


    ข้อที่ 17
    การป่วยทางจิตของมวลมนุษย์ (Mass Insanity)


    ขณะที่สุขภาพฝ่ายกายของมวลมนุษย์ ได้ปรับดีขึ้นในทุกภาคส่วนของโลกในศตวรรษที่ผ่านมา  สุขภาพจิตกลับต่ำทรามลง  องค์การ WHO (World Health Organization) ประมาณว่ามนุษย์ 500 ล้านคนทั่วโลกทนทรมานจากความแปรปรวนทางจิต  ถึงปี 2020 เศรษฐกิจตกต่ำดูจะเป็นสาเหตุสำคัญระดับสูงของความตาย และการสูญเสียผลผลิตจะตามมาอันดับหลังโรคเส้นเลือดหัวใจอุดตัน  ความหลายหลากในชีวิตมนุษย์ที่เพิ่มขึ้น อาจก่อให้เกิดปัญหารุนแรงมากขึ้น  เพราะคนจะเริ่มผจญกับประสบการณ์ความเดียวดายและความไม่มั่นคงในวัยชรา  คนอเมริกันอายุสูงกว่า 65 ปี ดูจะเอนเอียงไปสู่การทำอัตวินิบาตกรรมมากขึ้น Gregory Stock นักฟิสิกส์ชีวะ University of California ที่ Los Angeles เชื่อว่าวิทยาการทางแพทย์ไม่ช้าจะทำให้มนุษย์อายุยืนถึง 200 ปีหรือแก่กว่านั้น  ถ้าช่วงอายุขยายเพิ่มขึ้นนั้นเป็นสิ่งธรรมดาแล้ว  ก็จะก่อให้เกิดการท้าทายทางสังคมและทางจิตวิทยาสุดจะหยั่งได้  บางที 200 ปีของผัสสะสะสมในมนุษย์จะล้นเกินสมองของเขา นำไปสู่โรคจิตชนิดใหม่ หรือส่งเสริมให้แพร่กระจาย”ลัทธิสิ้นสูญไป “ตัดสินใจเรียกร้องขอจุดจบของชีวิต  บางทีแนวโน้มปัจจุบันของความกดดันและการทำอัตวินิบาตกรรมในกลุ่มผู้สูงอายุจะคงดำเนินต่อไป  การแก้ปัญหาที่เป็นไปได้อย่างหนึ่ง—เสริมส่งความมีสุขภาพจิตที่ดี โดยวิธีใช้ยาทางจิตเวชเช่น Prozac – เริ่มดิ่งเข้ามาในวิธีการที่มิได้กาไว้  นักวิจัยไม่มีข้อมูลดีๆเกี่ยวกับผลระยะยาวของการใช้ยาชนิดนี้.


    ข้อที่ 18
    การบุกโจมตีของมนุษย์ต่างดาว ( Alien Invasion )


     ที่สถาบันเซติ (SETI Institute) ใน Mountain View, California คณะเจ้าหน้าที่นักวิทยาศาสตร์ผู้อุทิศตนกลุ่มหนึ่งใช้คอมพิวเตอร์ติดตามร่องรอยด้วยระบบวิทยุอวกาศ เพื่อจับสัญญาณ (Signal) ของความเจริญก้าวหน้า(civilization)ของมนุษย์ต่างดาว  ผลหรือ – ไม่ได้อะไร  เอาอย่างนี้ สมมุติ สาร(message)ที่เราค้นหายาวนานมาถึงโลกจริง  ไม่เพียงแต่จะมีมนุษย์ต่างดาวในอวกาศจริง  แล้วถ้าเช่นนั้น....ผู้พยายามเขียนนิยายวิทยาศาสตร์(sci-fi)คงบอกพวกคุณได้ว่าเกิดอะไรผิดพลาดบ้าง  แต่ประวัติศาสตร์การสำรวจและการแสวงประโยชน์ของมนุษยชาติ ดูเหมือนชี้ให้เห็นถึงอันตรายนั้นคงไม่ใช่ข้อขัดแย้งตรงๆ  มนุษย์ต่างดาวอาจต้องการแหล่งอาหารจากระบบสุริยะของเรา หรือบางที ทะเลของโลกที่เต็มไปด้วย Hydrogen สำหรับเติมเชื้อเพลิงยานอวกาศที่ใช้พลังสันดาปแบบ fusion และก็เลยขจัดพวกเรามนุษย์ออกไปถ้าขวางทางพวกเขา  เหมือนเราปัดฆ่าทำลายยุงริ้นหรือแมลงตระกูลเต่าทอง ที่บินรบกวนหนาแน่นในป่าฝนของโลก  มนุษย์ต่างดาวอาจไม่ได้ตั้งใจจะนำเอาสัตว์ที่ชอบรสชาติเนื้อมนุษย์ มากเท่ากับกลุ่มนักล่าอาณานิคมชาวดัตช์ที่ไปถึงเกาะ Mauritius นำเอาแมว หนูและหมูเข้าไป ซึ่งทำให้นก dodo สูญพันธ์ไปอย่างรวดเร็ว  หรือมนุษย์ต่างดาว,โดยไม่ได้ตั้งใจ, อาจทำลายดาวเคราะห์(คือโลก)ของเราหรือระบบสุริยะของเรา ขณะดำเนินปฏิบัติการระบบก่อสร้างเชื่อมระหว่างดาวต่างๆแบบยิ่งใหญ่  นักฟิสิกส์ผู้ล่วงลับ Gerard O’Neil เชื่อว่า การติดต่อกับผู้มาเยือนจากอวกาศนอกโลก  คงจะก่อให้เกิดหายนะทางสังคมด้วย  เขากล่าวในการให้สัมภาษณ์ปี 1979 ว่า “ความเจริญแบบตะวันตกที่ก้าวหน้า ก่อให้เกิดผลทางทำลายล้าง ต่อความเจริญดั้งเดิมทั้งหมดที่โยงต่อๆมา  แม้แต่ในกรณีเหล่านั้น ที่มีความพยายามจะป้องกันและพิทักษ์รักษา civilization ต้นรากดั้งเดิม  ผมไม่เห็นเหตุผลใดว่า เรื่องแบบเดียวกันนี้ จะไม่เกิดกับพวกเราอีก”.


    อ้างอิงจาก

    คลิกไปดูกันเลย

    TS. Kato
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×