ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ความทรงจำสีจางๆกับความรักของสองเรา

    ลำดับตอนที่ #5 : ตอนที่ 5... ความเหน็บหนาวในหัวใจ

    • อัปเดตล่าสุด 11 ก.พ. 54


                    “หนิงเตรียมตัวยังอาทิตย์หน้าเราต้องเข้าไปคุยงานกับเจ้าของบริษัทเรื่องโรงงานใหม่ที่จะสร้างที่สระบุรีแล้วนะ

                    เรียบร้อยแล้วค่ะไม่มีปัญหาสบายมากว่าแต่โรงงานที่เราจะไปสร้างนี่เป็นของใครเหรอค่ะท่าทางจะรวยไม่ใช่เล่นนะโครงการใหญ่ขนาดนี้

                    โรงงานในเครือของคุณนพรุจ   มหาทรัพย์ไพศาลนะเห็นท่านบอกว่าโครงการนี้จะให้หลานชายที่เพิ่งกลับจากเมืองนอกมาคุมงานให้พี่ก็ยังไม่เคยเจอเขาหรอกนะแต่คิดว่าวันประชุมคงได้เจอแหละเพราะเราต้องร่วมงานกันจนกว่าโครงการนี้จะเสร็จแหละ

                    อืม...หนิงพยักหน้าอย่างเข้าใจ

                    ว่าแต่แกเถอะช่วงนี้ไปได้ยาดีอะไรมาจ้ะร่าเริงเกินเหตุนะเรา

                    ร่ารงร่าเริงอะไรกันล่ะพี่นะ  หนิงก็เป็นของหนิงอย่างนี้ปกตินะแหละพี่นะไม่สังเหตเองต่างหาก

                    จ้ะ...ให้มันร่าเริงแบบนี้ตลอดไปเถอะพี่ล่ะขี้เกียจมาคอยตอบคำถามคุณพ่อกับคุณแม่เวลาแกมีอาการซึมเศร้า พี่นะพูดติดตลกออกไปโดยไม่รู้เลยสิ่งที่เขากลัวกำลังจะเกิดขึ้นจริง

                    วันนี้หนิงไปดักรอศิลป์ที่ทำงานตามปกติก็ให้บังเอิญเจอกับตั้มเพื่อนสนิทสมัยเรียนมหาวิทยาลัยที่หลังจากเรียนจบก็ไม่ค่อยได้ติดต่อกันเท่าไรเนื่องจากตั้มต้องไปทำงานที่ต่างจังหวัด

                    อ้าว!!ตั้มแกมาได้ไงวะ

                    เห้ย...ไอ้หนิงไปทำไรมาวะสวยขึ้นนะเรา

                    บ้าเหรอแกฉันก็สวยแบบนี้เสมอต้นเสมอปลายนะแหละ...ว่าแต่แกมาทำอะไรแถวนี้วะไหนบอกอยู่ต่างจังหวัดแล้วไหงมาเดินเตร็ดเตร่แถวนี้ได้ล่ะ

                    ตอนนี้ฉันย้ายมาคุมงานในกรุงเทพแล้วเพิ่งมาได้สองสามวันเองว่าจะโทรบอกแกอยู่พอเหมือนกัน นี่ก็แวะมาเอาของที่เพื่อนเสร็จแล้วกำลังจะไปหาไรกินอยู่พอดี  เจอแกก็ดีแล้วไปกินข้าวกันฉันหิวจะแย่แล้วอีกอย่างไม่ได้เจอกันตั้งนานจะได้คุยกันให้หนำใจไปเลยแล้วเดี๋ยวฉันไปส่งแกที่บ้านเองจะได้ไปไหว้คุณพ่อกับคุณแม่ด้วยเลย ตั้มพูดพร้อมกับเข้าไปกอดคอหนิงก่อนจะพากันเดินออกไปโดยไม่รู้เลยว่าอีกด้านหนึ่งของตัวอาคาร  ศิลป์มองเห็นทั้งคู่คุยกันอย่างสนิทสนมตลอดเวลาก่อนที่ทั้งคู่จะเดินออกจากตัวอาคารไปด้วยกัน

     

                    ที่บ้านของหนิงทั้งคุณบังอรและคุณเอนกต่างดีใจกันยกใหญ่ที่ตั้มมาที่บ้านในวันนี้เนื่องจากพักหลังที่ตั้มต้องไปทำงานที่ต่างจังหวัดตั้มก็ไม่ค่อยได้มาที่บ้านอีกเลย   ตั้มเป็นคนน่ารักเข้ากับคนง่ายถึงแม้จะเป็นผู้ชายแต่ก็ไม่ได้มีกิริยาก้าวร้าวรุนแรงอะไรทั้งสองจึงวางใจให้คบหาเป็นเพื่อนกับ หนิงมาตลอด

                    ที่หน้าบ้านของหนิงศิลป์ได้ขับรถมาจอดดูอยู่ที่หน้าบ้านนานแล้วและเห็นความสนิทสนมระหว่างตั้มและทุกคนที่บ้านตลอดเวลาก่อนจะขับรถจากไปด้วยท่าทางเคร่งเครียด

                   

                    หลังจากวันนั้นอีกสองวันหลังจากเลิกงานหนิงก็แวะไปหาศิลป์ เมื่อไปถึงก็ทันเจอศิลป์เดินออกมาจากลิฟท์พอดี

                    พี่กร... หนิงตะโกนเรียกศิลป์ว่าพี่กรเหมือนเคย แต่แทนที่ศิลป์จะทักทายหนิงด้วยประโยคเดิมกับมีท่าทางเฉยชาและเดินผ่านหนิงไปเหมือนกับว่าเธอเป็นเพียงอากาศธาตุ

                    พี่กร...พี่กรเป็นอะไรไปทำไมหนิงพูดด้วยก็ไม่ยอมคุยกับหนิงล่ะ  หนิงตะโกนถามศิลป์พร้อมกับเดินแกมวิ่งเพื่อให้ทันศิลป์จนไปทันกันที่รถของศิลป์หนิงจึงคว้าแขนของศิลป์ไว้ได้

                    เดี๋ยวซิพี่กร หนิงจับแขนศิลป์ไว้แต่ศิลป์กับสะบัดมือหนิงออกแล้วหันมาพูดกับหนิงด้วยท่าทางแข้งกร้าว   และแววตาที่ดูเย็นชา

                    เลิกเรียกผมว่ากรได้แล้ว...ผมไม่ใช่พี่กรอะไรของคุณแล้วก็ไม่มีวันเป็นด้วยผมชื่อศิลป์ได้ยินไหมว่าผมชื่อศิลป์ ศิลป์พูดพร้อมกับเขย่าตัวหนิงไปด้วย

                    หลังจากได้ยินประโยคและได้เห็นท่าทางของศิลป์แบบนั้นหนิงถึงกับช๊อคและตกใจมากน้ำตาที่ไม่รู้ว่ามาจากไหนก็ค่อยๆไหลรินออกมาอย่างกลั้นไม่อยู่แต่เธอไม่มีแม้แต่เสียงสะอื้นมีเพียงน้ำตาเท่านั้นที่ยังรินไหลอย่างไม่ขาดสาย  

                    เมื่อศิลป์เห็นดังนั้นก็เริ่มรู้สึกตัวแล้วก็ปล่อยมือออกจากตัวของหนิงแล้วก็ยืนอึ้งอยู่อย่างนั้นสักพักกว่าจะรู้สึกตัวว่าตนเองได้ทำอะไรลงไปแล้วนั้นหนิงก็ได้วิ่งจากไปไกลแสนไกลจนเขาไม่อาจจะตามได้ทัน

                    หนิงนั่งรถกลับมาที่บ้านเธอร้องไห้มาตลอดทางเมื่อมาถึงบ้านเธอก็วิ่งร้องไห้ผ่านหน้าคุณบังอรไป

                    หนิงเป็นอะไรไปลูกร้องไห้ทำไมนางตะโกนถามก่อนจะวิ่งตามหนิงไปจนถึงที่หน้าห้อง

                    หนิงไม่เป็นไรค่ะแม่  หนิงขออยู่คนเดียวนะค่ะ หนิงตะโกนตอบออกมาก่อนจะฟุบหน้าลงร้องไห้กับหมอนเหมือนเจียนจะขาดใจ

     

                    ทางด้านของศิลป์เมื่อรู้สึกตัวเขาก็รีบขับรถตามมาจนถึงหน้าบ้านของหนิงแต่ก็ไม่กล้าเข้าไปเขานั่งรออยู่อย่างนั้นจนดึกจึงขับรถกลับบ้าน

                    นี่เราเป็นอะไรไปเนี่ยะทำไมถึงได้ทำรุนแรงแบบนั้นกับหนิงศิลป์เฝ้าถามกับตัวเองแบบนั้นอยู่คนเดียวที่หน้าบ้านจนลุงนพเห็นจึงเข้ามาคุยด้วย

                    เป็นอะไรไปล่ะเจ้าศิลป์หน้าตาไม่สบายใจเลยนะมีเรื่องอะไรจะเล่าให้ลุงฟังหรือปล่าว

                    ผมทำอะไรลงไปก็ไม่รู้ครับลุงผมมันบ้าไปแล้วใช่ไหมครับลุง ศิลป์พูดกับลุงนพแบบคนที่สับสนใจตัวเอง

                    ใจเย็นๆแล้วลองเล่าให้ลุงฟังซิว่ามันเกิดอะไรขึ้น

                    ผมก็ไม่รู้เหมือนกันครับว่าผมทำอย่างนั้นไปได้อย่างไรแค่ผมเห็นเธออยู่กับผู้ชายคนอื่นผมก็รู้สึกไม่พอใจจนวันนี้ผมก็ได้ทำรุนแรงกับเธอไป ผมพูดในสิ่งที่ผมคิดว่าไม่ควรพูดมันออกไปแต่ผมก็ได้พูดมันออกไปแล้วผมจะทำอย่างไรดีครับลุง

                    เธอคือคนๆเดียวกับพี่เราถามลุงวันก่อนหรือปล่าวล่ะ

                    ครับลุง  หลายวันก่อนผมเห็นหนิงอยู่กับผู้ชายคนหนึ่งท่าทางสนิทสนมกันมาก  ผมตามไปที่บ้านผมก็ได้เห็นพวกเขาอยู่ด้วยกันท่าทางสนิทสนมกันมากแล้วหลังจากวันนั้นหนิงก็หายไปสองวันจนวันนี้เธอก็มาแต่ผมกับทำบ้าอะไรลงไปก็ไม่รู้

                    ลุงนพลูบผมหลานชายของตนอย่างเข้าใจว่าสิ่งที่หลานของตนทำลงไปเนื่องมาจากสาเหตุอะไรแต่ก็ไม่พูดอะไรออกไปเพียงแต่ตบบ่าของศิลป์อย่างให้กำลังใจก่อนจะพูดออกมาว่า

                    เมื่อรู้ตัวว่าผิดเมื่อรู้ตัวว่าได้ทำสิ่งที่ไม่สมควรลงไปพรุ่งนี้ก็ไปขอโทษเธอซะ   แล้วลองถามหัวใจตัวเองดูว่าเพราะอะไรเราถึงทำอย่างนั้นลงไป

                    เมื่อได้คุยกับลุงนพแล้วศิลป์ก็รู้สึกดีขึ้นจึงชวนลุงนพขึ้นบ้านนอนและเขาตั้งใจไว้ว่าพรุ่งนี้ถ้าหนิงมาหาเขาเขาจะต้องขอโทษหนิงให้ได้แม้จะไม่เข้าใจตนเองว่าทำไมถึงได้แคร์ผู้หญิงคนนี้มากมายนักก็ตาม...

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×