คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : การพบกันของสองหัวใจ
“ไอ้นัต…อย่าแม้แต่จะคิดนะโว้ย!!”
พี่เต้ห้ามผมเสียงหลงหลังจากที่พี่เต้เห็นสายตาของผมที่ใช้มองยูมิ…ผมขอเรียกเธอว่ายูมิก็แล้วกันนะครับเพราะเธอเหมือนกับธนูของคิวปิดที่แผงศรรักมาปักที่หน้าอกข้างซ้ายของผมหลังจากที่ผมได้เจอกับเธอในวันนั้น…
“นุชเค้ามีแฟนแล้ว คบกันมานานแล้วด้วย…อีกอย่างแกดีไม่พอสำหรับคนอย่างนุชหรอกวะ”พี่เต้เตือนผมอย่างนั้นแต่จริงๆแล้วความรู้สึกแรกที่ผมมีต่อยูมิผมรู้สึกว่าผู้หญิงคนนี้น่ารักดี
ดูมั่นใจในตัวเองมากแต่ก็ยังไม่มีใจอะไรแค่คิด ว่าน่ารัก อีกอย่างเรื่องระหว่างผมกับเธอคงป็นไปไม่ได้หรอกเพราะผมกับเธออยู่คนละแผนกกันผมอยู่ในส่วนของฟอร์นโรงแรมที่จะเปิดใหม่ส่วนเธออยู่ฝ่ายการตลาดและที่สำคัญเธอมีแฟนอยู่แล้วถึงพี่เต้ไม่บอกผมก็รู้ว่าผมไม่คู่ควรกับคนอย่างเธอหรอกครับ
ผมคิดอย่างนั้นจริงๆในตอนแรก
แต่ใครจะรู้อนาคตล่ะครับว่าคนที่ผมคิดว่าผมไม่คู่ควรกับเธอ
และเรื่องระหว่างเราคงไม่มีทางเป็นไปได้มันกลับไม่เป็นอย่างนั้นเลย
เมื่อยูมิเธอมักจะมาหาพี่เต้ที่แผนกของผมบ่อยๆบางครั้งก็มาชวนไปทานข้าวเช้า
แต่น่าแปลกที่คนที่ไปทานข้าวเช้ากับเธอกลับกลายเป็นผมเอง…
“พี่เต้…ไปทานข้าวเช้ากันวันนี้นุชมีร้านอร่อยมาแนะนำด้วยนะ” นุชมาชวนพี่เต้ไปทานข้าวเช้าเหมือนเคยโดยมีผมนั่งทำงานอยู่ใกล้ๆกับพี่เต้
“วันนี้พี่ขอตัววะนุชพอดีงานพี่ยังไม่เสร็จเลย
อีกอย่างพี่เพิ่งจะดื่มกาแฟไปเมื่อกี๊นี้เองนุชไปทานกับไอ้นัตมันก็แล้วกัน” พี่เต้บอกกับนุชก่อนจะหันมาบอกกับผมให้ไปทานข้าวเช้ากับเธอ
“ไอ้นัตไปทานข้าวเป็นเพื่อนนุชมันหน่อยแล้วกัน แกยังไม่ได้ทานข้าวมาไม่ใช่เหรอ”
“ครับ”
ผมรับคำของพี่เต้ด้วยใจที่เต้นแรงเพราะนี่เป็นครั้งแรกที่ผมได้มีโอกาสใกล้ชิดกับยูมิของผมแบบนี้
แล้วผมกับนุชเราก็ไปทานข้าวเช้ากันที่ร้านที่นุชต้องการจะชวนพี่เต้มาทาน
ร้านอาหารแห่งนี้เป็นร้านขายข้าวต้มทรงเครื่องที่เพิ่งมาเปิดใหม่ได้ไม่นาน
ลักษณะร้านเป็นห้องแถวเล็กๆขนาดสองคูหาติดกัน ภายในตกแต่งร้านด้วยโทนสีฟ้าขาว โต๊ะกับเก้าอี้เป็นไม้โดยโต๊ะทาด้วยสีฟ้าส่วนเก้าอี้ทาด้วยสีขาว
ที่พนังมีโปสเตอร์แนะนำอาหารของร้านเพื่อเป็นตัวอย่างให้ลูกค้าได้เลือกทานติดอยู่ที่ด้านหลัง
ส่วนพนังด้านข้างก็ตกแต่งด้วยรูปอื่นที่ช่วยทำให้ร้านดูน่ารัก
และเป็นกันเองมาก
ผมกับนุชเราสั่งอาหารที่เป็นเมนูแนะนำของร้านไปคนละชาม เมื่ออาหารมาเสิร์ฟผมกับนุชก็ทานกันไปเงียบๆเนื่องจากผมไม่รู้จะชวนเธอคุยเรื่องอะไร แต่กลับเป็นนุชเองที่เป็นคนชวนผมคุย
“เป็นไงบ้างนัต…อร่อยไหม??”นุชถาม ผมทำได้เพียงพยักหน้าเป็นการตอบเธอเท่านั้น
“พี่ๆที่แผนกนุชเขามาลองทานกันเมื่อวาน กลับไปเล่าให้นุชฟังจนอยากทานเลยล่ะวันนี้ก็เลยตั้งใจจะชวนพี่เต้มาทานด้วยกันเสียหน่อยดันติดงานเสียนี่
แต่ก็ไม่เป็นไรนัตได้มาทานแทนก็อย่าลืมไปเล่าให้พี่เต้ฟังนะ
ให้พี่เขาอิจฉาเราไปเลยที่พลาดของอร่อยในวันนี้”
“ไว้พรุ่งนี้นุชก็ชวนพี่เต้มาทานอีกก็ได้นี่ครับ” ผมบอกนุชไปอย่างนั้น
“ไม่เอาดีกว่าพี่เต้อยากไม่มาทานเองช่วยไม่ได้…”นุชพูดด้วยน้ำเสียงทีเล่นทีจริงก่อนจะหันมา
พูดกับผมต่อว่า “นัตมาทำงานที่นี่ก็ดีเหมือนกันนะเวลาพี่เต้ไม่ว่างมาทานกับนุช…นัตจะได้มาแทนไง”
ผมทำได้เพียงอมยิ้มในสีหน้าเท่านั้นแต่เธอก็คะยั้นคะยอให้ผมตอบรับคำชวนของเธอให้ได้ทำให้ผมรู้ว่าเธอก็เป็นคนเอาแต่ใจเหมือนกันนะเนี่ยะ
“ครับ…ผมมาทานด้วยก็ได้ครับ”
ผมตอบนุชไปแต่เหมือนเธอจะรู้สึกว่าเอาแต่ใจกับผมซึ่งเพิ่งรู้จักกันได้ไม่นานจึงบอกกับผมว่า
“นุชไม่ได้เห็นนัตเป็นตัวแทนของพี่เต้นะ…ถ้าวันไหนนัตไม่ว่างไม่ต้องมาทานเป็นเพื่อนนุชก็ได้นะ” นุชพูดด้วยน้ำเสียงลุแก่โทษ
“ไม่เป็นไรครับ…ไม่ต้องเกรงใจผมหรอก”
และนี่คือจุดเริ่มต้นของผมกับเธอในการไปทานอาหารเช้าเป็นเพื่อนเธอ
และถึงแม้บางครั้งพี่เต้จะไปด้วย
หรือแม้ปกติผมไม่ใช่คนที่ชอบทานข้าวเช้าก็ตามแต่เมื่อใดที่นุชมาชวนผมไปทานข้าวเช้าผมก็มักจะตอบรับคำชวนทุกครั้งไป…
……………………………………………
ความสัมพันธ์ของผมกับนุชค่อยๆพัฒนาจากคนรู้จัก
เพื่อนทานข้าว
จนกลายเป็นเพื่อนสนิทกันโดยที่ผมก็รู้ดีว่าเธอมีแฟนอยู่แล้วและไม่ได้ต้องการเป็นมือที่สามระหว่างเธอกับเขาคนนั้นถึงแม้นุชกับแฟนของเธอจะเริ่มห่างกันมาได้ระยะหนึ่งแล้วก็ตาม
จนความสัมพันธ์ของนุชกับแฟนมาถึงทางตันโดยที่ผมไม่ใช่ต้นเหตุของปัญหานั้น แต่ผมก็ได้รับรู้ความเสียใจของเธอคอยปลอบใจเธออยู่ข้างๆ
“แมน…ทำไมแมนไม่โทษตัวเองบ้างล่ะที่ความสัมพันธ์ของเรามันเป็นแบบนี้ไม่ใช่เพราะนุชคนเดียวนะที่ไม่ดีแต่แมนก็เหมือนกัน” นุชพูดโทรศัพท์กับคนชื่อแมนที่ผมคิดว่าน่าจะเป็นแฟนของนุชในวันหนึ่งตอนที่เธอมาหาพี่เต้ที่แผนกแต่พี่เต้ไม่อยู่นุชเลยมาคุยกับผมแทน
ทำให้ผมได้อยู่ในเหตุการณ์ครั้งนั้นด้วย
“เราห่างกันมาสักพักแล้วนะ…นุชคิดว่ามันน่าจะมีอะไรดีขึ้นบ้าง
แต่ปล่าวเลยความสัมพันธ์ของเรากลับยิ่งแย่ลง แล้วแมนจะให้นุชทำอย่างไร”
“มันเลยจุดนั้นมาแล้วแมน…”
ผมไม่รู้หรอกว่าปลายสายเขาพูดอะไรกับนุชบ้างแต่จากที่ผมได้ฟังสิ่งที่นุชพูดออกมา
ทำให้ผมคิดว่าปัญหาของนุชกับเขาคงใหญ่มาก
และถึงแม้นุชจะพูดออกไปเหมือนคนไม่มีเยื่อไยอีกแล้วแต่ผมจับน้ำเสียงของนุชได้ว่าเธอก็เสียใจไม่น้อยเช่นกันที่ความรักของเธอต้องจบลงแบบนี้
นุชคุยกับคนชื่อแมนทางโทรศัพท์อีกพักใหญ่โดยเลี่ยงออกมาคุยอีกด้านหนึ่งโดยมีผมมองตามอย่างเป็นห่วงก่อนจะว่างสายไปด้วยน้ำตานองหน้า
ผมเดินเข้าไปตบบ่าของนุชเบาๆอย่างให้กำลังใจ
นุชหันมามองผมก่อนจะโผล่เข้ามาร้องไห้ที่อกผมอย่างคนที่ต้องการหาที่พึ่ง
ผมทำได้เพียงปล่อยให้นุชร้องไห้ไปเรื่อยๆโดยมีอกของผมเป็นที่ซับน้ำตาโดยที่ผมไม่รู้ว่าจะปลอบเธออย่างไร
ความรู้สึกของผมในวันนั้นคือผมจะไม่มีวันทำให้เธอต้องเสียใจแบบนี้เป็นอันขาด
แต่ผมก็ทำไม่ได้อย่างที่คิดไว้เพราะถ้าผมทำได้ตอนนี้ผมคงยังมีนุชอยู่เคียงข้างอย่างแน่นอน…
หลังจากวันนั้นนุชก็ยังคงมาชวนผมไปทานข้าว
หรือแวะมาหาผมกับพี่เต้ที่แผนกอยู่เหมือนเดิมแม้ช่วงแรกนุชจะดูซึมและเศร้าไป
แต่ผมกับพี่เต้ก็จะคอยปลอบใจและให้กำลังใจอยู่เคียงข้างเธอเสมอจนทุกวันนี้นุชสามารถใช้ชีวิตได้ปกติเหมือนเดิม
“พี่เต้รู้เรื่องที่โรงแรมเราเขาจะจัดกิจกรรมแรลลี่ไหม” นุชเข้ามาถามพี่เต้ในวันหนึ่ง
“เอ่อ!!พี่ได้ยินข่าวอยู่เหมือนกันแต่ก็ไม่รู้ว่าเมื่อไร
เห็นเขาว่าว่าจะให้โรงแรมนุชกับโรงแรมพี่จับคู่เล่นเกมส์กันด้วยเพื่อกระชับความสัมพันธ์”
“นุชอยากให้ถึงวันนั้นเร็วๆจัง
เครียดมาทั้งปีแล้วมีกิจกรรมให้ทำจะได้ไม่เบื่อเนอะ”
“จ้า…แม่สาวกิจกรรม นักการตลาด” พี่เต้พูดพร้อมกับยีหัวนุชไปพร้อมกัน
“พี่เต้…เดี๋ยวผมนุชก็เสียทรงหมดหรอก”นุชจับมือพี่เต้ออกก่อนจะพูด
“อ่าว…นัตไปไหนมาเหรอ”นุชหันมาทักผมหลังจากเห็นผมเดินเข้ามาที่แผนก
“เจ้านายให้นัตไปเอาหมายกำหนดการณ์กิจกรรมแรลลี่ที่จะมีขึ้นปลายเดือนหน้านะ
เพราะงานนี้นอกจากพวกเราแล้วทางโรงแรมได้เชิญแขกประจำ และคู่ค้าของโรงแรมมาร่วมงานนี้ด้วยนะ” ผมตอบนุชไป อ้อ!!ผมลืมบอกไปว่าตอนนี้ความสัมพันธ์ของผมกับนุชพัฒนามากขึ้นจนผมเรียกแทนตัวเองว่านัตแทนคำว่าผมแล้วนะครับแต่ก็ยังไม่พัฒนาไปมากกว่าคำว่าเพื่อนอยู่ดี…
ความคิดเห็น