คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : ตอนที่ 4... ยิ่งใกล้กันยิ่งกลั้นใจ
นับจากวันที่หนิงแอบตามศิลป์ไปจนถึงที่บริษัทเมื่อมีเวลาว่างหนิงก็จะแวะไปหาศิลป์ที่บริษัทของเขาเสมอและวันนี้ก็เช่นกันตอนเย็นหลังจากที่หนิงทำงานเสร็จแล้วก็รีบเดินทางมาหาศิลป์ที่บริษัททันตอนที่ศิลป์กำลังจะเดินไปที่รถพอดี
“พี่กร....” หนิงตะโกนเรียกก่อนที่ศิลป์จะก้าวพ้นประตูบริษัท
“มาอีกแล้วเหรอคุณ” นี่คือคำทักทายประจำตัวของศิลป์ทุกครั้งที่เจอหนิง
“อ้าว!!ก็พี่กรทำงานที่นี่ไม่ไห้หนิงมาหาพี่ที่นี่แล้วจะให้ไปหาที่ไหนล่ะ...ว่าแต่รถพี่ซ่อมเสร็จแล้วเหรอหนิงไม่เห็นพี่ไปขึ้นรถเมล์แล้ว”
“อืม...ซ่อมเสร็จแล้วล่ะ แล้วนี่กินไรมายังล่ะเรา”
“แหะ
”หนิงหัวเราะแบบอายๆก่อนจะเอามือลูบท้อง “ยังไม่ได้กินไรเลยพอทำงานเสร็จก็รีบนั่งรถมาที่นี่เลยกลัวพี่กรกลับไปก่อนแล้วจะไม่ได้เจอ
ก่อนมองอาการของหนิงแบบขำๆแกมเอ็นดูก่อนจะกล่าว “ไป...อยากกินไรล่ะฉันเลี้ยงเอง”
“จริงเหรอ
” หนิงถามพร้อมกับเข้าไปเขย่าแขนศิลป์ด้วยความดีใจ
“อืม...” ศิลป์ตอบเสียงในลำคอพร้อมกับพยักหน้าก่อนจะเดินนำหนิงไปที่รถของตน
ไม่ช้าทั้งคู่ก็เดินทางมาถึงห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่งใกล้ๆกับที่ทำงานของศิลป์หลังจากที่ศิลป์เอารถไปจอดยังลานจอดรถแล้วเขาก็พาหนิงไปยังร้านอาหารร้านหนึ่งในห้างนั้นโดยที่ไม่ได้ทันสังเกตอาการแปลกๆของหนิงจนเมื่อทั้งคู่มานั่งที่โต๊ะเป็นที่เรียบร้อยแล้วนั้นแหละศิลป์ถึงสังเกตเห็น
“เป็นอะไรไปล่ะคุณไม่ชอบร้านนี้เหรอ”
“ปล่าวค่ะ...เพียงแต่ร้านนี้เป็นร้านที่หนิงกับพี่กรชอบมาทานกันบ่อยๆ” หนิงกล่าวด้วยน้ำเสียงเศร้า
เมื่อได้ยินดังนั้นศิลป์ก็รู้สึกผิดจึงกล่าว “เราย้ายร้านกันก็ได้นะ”
“ไม่เป็นไรค่ะทานที่นี่แหละ” หนิงตอบก่อนจะปรับน้ำเสียงให้ร่าเริงอีกครั้ง “ว่าแต่พี่กรจะทานอะไรดีล่ะ”
“อาหารไทยฉันไม่ค่อยถนัดเท่าไรเธอสั่งให้ฉันก็แล้วกันนะ”
แล้วหนิงก็สั่งอาหารสองสามอย่างมาทานกันโดยช่วงที่เธอกำลังเลือกอาหารอยู่นั้นทีแรกเธอจะสั่งอาหารแบบเดียวกับที่กรของเธอเคยชอบแต่แล้วก็เปลี่ยนใจไปสั่งอย่างอื่นแทน
เมื่ออาหารที่สั่งไว้มาเสริฟทั้งคู่ก็นั่งทานกันไปคุยกันไปอย่างถูกคอ
“แสดงว่าตอนเด็กคุณซนมากเลยนะเนี่ย” ศิลป์พูดขึ้นมาในตอนหนึ่ง
“ใช่...แล้วพี่กรไปเรียนต่างประเทศตั้งแต่เด็กเลยเหรอค่ะ”
“ใช่ครับ...ผมไปเรียนที่นั้นตั้งแต่เด็กนะพอดีพ่อกับแม่ผมท่านต้องไปทำงานที่นั้นผมก็เลยต้องไปอยู่ที่นั้นตั้งแต่ตอนนั้นนี่ถ้าคุณลุงท่านไม่แก่มากแล้วคิดจะวางมือจากธุรกิจผมคงไม่ได้กลับมาเมืองไทยเร็วแบบนี้หรอก นี่ก็เห็นว่ากำลังคิดจะขยายโรงงานอีก”
หนิงนั่งฟังเรื่องราวของศิลป์อย่างตั้งใจแล้วก็ถามบ้างเป็นบางครั้ง ทั้งคู่แลกเปลี่ยนเรื่องราวของกันและกันเหมือนกับคนที่รู้จักกันมานานแล้วไม่ได้พบกันนานๆได้มาเจอกันอีกครั้งต่างจึงแลกเปลี่ยนเรื่องราวของกันและกัน
เมื่อทานอาหารเสร็จศิลป์ก็ขับรถไปส่งหนิงที่หน้าบ้าน
“นี่บ้านคุณเหรอ...” ศิลป์ถามเมื่อรถมาจอดยังหน้าบ้านของหนิงเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
“ใช่ค่ะ...ขอบคุณพี่กรมากเลยนะค่ะที่มาส่งวันนี้หนิงมีความสุขมากเลย” หนิงกล่าวก่อนจะก้าวลงจากรถ
ศิลป์รอส่งหนิงจนหนิงก้าวเข้าไปในบ้านเป็นที่เรียบร้อยแล้วจึงขับรถจากไปเมื่อหนิงก้าวเข้ามาในบ้านแล้วคุณบังอรจึงถามขึ้น
“ใครมาส่งเหรอลูกแม่เห็นรถไม่ใช่รถของพ่อนะนี่”
“เออ...”หนิงตัดสินใจอยู่ว่าจะบอกเรื่องของศิลป์ดีไหมแต่แล้วก็เปลี่ยนใจ “เพื่อนนะค่ะไม่ใช่พี่นะหรอก”
“นายตั้มเหรอ” ตั้มคือเพื่อนสนิทคนหนึ่งสมัยเรียนมหาวิทยาลัยของหนิง
“ปล่าวหรอกค่ะแม่เพื่อนคนนี้แม่ไม่รู้จักหรอกค่ะหนิงเพิ่งได้รู้จักเขาไม่นานมานี้เองไว้วันหลังหนิงค่อยพามาให้รู้จักนะค่ะรับรองแม่เห็นแล้วต้องตกใจแน่ๆเลย แต่ตอนนี้หนิงขอตัวไปอาบน้ำก่อนนะค่ะ” หนิงพูดพร้อมกับเข้าไปหอมแก้วผู้เป็นมารดาก่อนจะเดินขึ้นบ้านไปโดยมีสายตาของนางบังอรมองตามไปอย่างดีใจที่เห็นลูกสาวกลับมาสดใสอีกครั้งหลังจากวันนั้นที่นางกับสามีได้ยินหนิงร้องไห้อยู่ในห้อง
ที่บ้านของศิลป์หลังจากที่เขาไปส่งหนิงเป็นที่เรียบร้อยแล้วเขาก็กลับมานั่งคิดถึงเรื่องของ หนิงอยู่ที่หน้าบ้านลุงนพจึงเข้ามาคุยด้วย
ลุงนพเป็นชายชราท่าทางใจดีอายุประมาณ 75 ปีแม้ท่านจะแก่มากแล้วแต่ก็ยังดูแข็งแรงดีอยู่ไม่มีเค้าของความชราเลยแม้แต่น้อย
“นั่งคิดอะไรอยู่รึเจ้าศิลป์
ลุงเห็นเรามานั่งตรงนี้อยู่ตั้งนานแล้ว”
“ลุงครับ...ลุงเคยรู้สึกกับใครแบบนี้ไหมครับ” ศิลป์ถาม
“แบบไหนล่ะ”
“รู้สึกอยากจะอยู่ใกล้ๆ อยากจะเห็นรอยยิ้มของเธอเวลาเธอไม่มาให้เห็นหน้าเราก็คอยมองหา แต่เวลาเธอมาอยู่ใกล้ๆเราเรากลับพยายามห้ามใจตัวเองไม่ให้ทำตัวสนิทสนมกับเธอแต่เหมือนกับยิ่งพยายามห้ามใจตัวเองมากเท่าไรเรากลับยิ่งอยากอยู่ใกล้ๆเธอมากขึ้นเท่านั้น”
“เคยซิ...”ลุงนพตอบก่อนจะเงียบไปพักหนึ่งเหมือนคิดอะไรจนศิลป์ต้องหันไปมอง แล้วลุงนพก็ยิ้มให้กับศิลป์ก่อนจะตอบ “ก็กับป้าของหลานไงล่ะ
ความคิดเห็น