คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : ตอนที่ 2...กล่องความทรงจำ
“หนิงเป็นอะไรไปลูกแม่เห็นเราเอาแต่เหม่อตั้งแต่กลับมาจากทำงานแล้วนะ” แม่ของหนิงถามขึ้นขณะที่พวกเขานั่งทานอาหารค่ำกันอยู่และนางสังเกตุเห็นอาการผิดปกติของหนิงหลังจากกลับมาจากทำงานจึงถามขึ้น
“ไม่มีอะไรหรอกค่ะแม่หนิงอิ่มแล้วขอตัวขึ้นไปพักก่อนนะค่ะแม่”หนิงพูดจบก็เดินขึ้นห้องไปปล่อยให้พ่อกับแม่ของเธอคุยกันต่อที่โต๊ะอาหารถึงอาการผิดปกติของหนิง
“อาการลูกเหมือนตอนนั้นเลยนะพ่อ” นางบังอรหันไปถามผุ้เป็นสามีหลังจากที่หนิงเดินขึ้นห้องไปแล้ว
“แต่อีกตั้ง 3 เดือนนะกว่าจะถึงวันนั้นปกติถ้าไม่ถึงช่วงนั้นลูกเราก็จะแค่พูดน้อยแต่ไม่ซึมเศร้าและก็เป็นแบบนี้เลยนะแม่”
“แม่ว่าต้องมีอะไรเกิดขึ้นกับลูกแน่ๆและเรื่องนั้นต้องเกี่ยงข้องกับเรื่องของพ่อกร”
“รอดุไปก่อนเถอะแม่ทุกปีลูกก็ผ่านมันมาได้พ่อเชื่อว่าเวลาจะทำให้ลูกเราดีขึ้น”
“แม่สงสารลูกนะพ่อ...พ่อกรก็เสียชีวิตไปตั้งนานแล้วแต่หนิงก็ยังเอาแต่โทษตัวเองและก็ซึมเศร้าทุกครั้งที่ใกล้ถึงวันครบรอบวันตายของพ่อกร”
ที่ห้องของหนิง....
หลังจากที่แยกตัวมาจากพ่อกับแม่ที่โต๊ะอาหารแล้วนั้นหนิงก็เอาแต่เก็บตัวอยู่แต่ในห้องแล้วก็เอาแต่ดูรูปถ่ายเก่าๆและของต่างๆที่เธอเก็บเรื่องราวต่างๆเกี่ยวกับกรเอาไว้ในนั้น
หนิงนั่งดูอัลบั้มรูปถ่ายของเธอกับกรในนั้นมีทั้งรูปถ่ายของเด็กผมเปียยาวอายุประมาณ 5 ขวบกำลังขี่หลังเด็กชายหน้าตาน่ารักผิวคล้ำเล็กน้อยอายุประมาณ 10 ขวบ โดยเด็กหญิงขี่หลังเขาและชูสองนิ้วขึ้นมาที่มือของเด็กชายถือเบ็ดตกปลาและถังใส่ปลาอยุ่ในมือ นั้นคือภาพถ่ายของหนิงกับกรตอนเด็กภาพนี้เป็นภาพที่ทั้งคู่ไปเที่ยวทะเลกับครอบครัว
ภาพต่อๆมาก็เป็นภาพของทั้งคู่ถ่ายด้วยกันในช่วงเวลาต่างๆตั้งแต่เด็กจนถึงสมัยที่กรเป็นนักเรียนในรั้วมหาวิทยาลัยและหนิงยังคงเป็นนักเรียนมัธยมปลายอยู่หนิงนั่งดูรูปภาพเหล่านั้นไปเรื่อยจนมาถึงภาพๆหนึ่งในภาพนั้นเป็นภาพงานเลี้ยงฉลองที่หนิงสอบติดคณะบริหารธุรกิจที่มหาวิทยาลัยเดียวกับกร
วันนั้นเป็นวันประกาศผลสอบเข้ามหาวิทยาลัยของหนิง โดยหนิงเลือกสอบเข้าคณะบริหารธุรกิจที่มหาวิทยาลัยเดียวกันกรซึ้งตอนนั้นกรเป็นนักศึกษามาหาวิทยาลัยคณะวิศวกรปีสุดท้ายพอดี
“พี่กรทำไหมหนิงไม่เกิดพร้อมพี่กรเนอะเราสองคนจะได้เรียนพร้อมกันไม่ใช่พอหนิงสอบเข้ามาเรียนที่เดียวกับพี่ได้พี่ก็กำลังจะเรียนจบพอดีแบบนี้” หนิงคุยกับกรในตอนที่ทั้งคู่แยกตัวออกมาคุยด้วยกันหลังจากที่งานเลี้ยงเลิกแล้ว
“เด็กโง่เอ๋ย...” กรพูดพร้อมกับเอามือยีผมหนิงไปด้วยอย่างเอ็นดู “ถ้าหนิงเกิดพร้อมพี่เราก็เป็นเพื่อนกันแล้วพี่จะดูแลเราได้ไงหล่ะฮือ”
“ถึงรุ่นเดียวกันพี่กรก็ดูแลหนิงได้...หนิงยังจำได้นะตอนที่หนิงกับพ่อแม่ย้ายมาอยุ่ที่บ้านนี้ใหม่ๆซึ่งก็คือครั้งแรกที่เราได้รู้จักกันตอนนั้นหนิงโดนเด็กเจ้าถิ่นรุมรังแก พี่กรก็เข้ามาช่วยและสัญญาว่าจะดุแลหนิงตลอดไปนับตั้งแต่วันนั้นครอบครัวของเราทั้งสองคนก็เลยสนิทกันจนกระทั้งตอนนี้”
“ใช่ตอนนั้นหนิงดูกะโปโลมากเลยล่ะไม่น่าเชื่อนะว่าโตขึ้นจะน่ารักแบบนี้” กรพูดพร้อมกันหันไปทำตาหวานใส่หนิงทำให้หนิงรู้สึกเขินอาย
“พี่กรนะชอบแกล้งหนิงอยุ่เรื่อยเลย...”หนิงพูดพร้อมกันเสไปมองทางอื่นด้วยความเขินอาย
กรจึงจับคางของหนิงให้หันมามองตาของตน
“พี่รักหนิงนะถ้าหนิงเรียนจบแล้วเราแต่งงานกันนะ”
“พี่กร....”
หนิงคิดมาถึงตรงนี้ก็ร้องไห้กับความทรงจำเก่าๆระหว่างหนิงและกรพร้อมกับกอดรูปถ่ายของกรไว้แนบอกแล้วก็เอาแต่ร้องไห้จนเผลอหลับไปด้วยความเหนื่อยอ่อน
ที่หน้าห้องนายเอนกและนางบังอรที่ยืนแอบฟังเสียงร้องไห้ของหนิงอยู่ที่หน้าห้องต่างก็มองหน้ากันแล้วก็ถอนใจด้วยความเป็นห่วงบุตรสาว
“พ่อแม่กลัว...”
“ลูกเราต้องไม่เป็นไรพ่อเชื่อว่าสักวันต้องมีใครที่จะช่วยเยียวยาหัวใจลูกเราได้สักวัน หรือไม่เวลาก็จะช่วยให้ลูกเราดีขึ้น”
“แล้วเมื่อไหร่ล่ะพ่อเรื่องมันก็ผ่านมาตั้ง 5 ปีแล้วนะแต่ลูกก็ยังไม่ลืม”
“คงจะมีสักวันแหละแม่และพ่อก็หวังให้วันนั้นมาถึงโดยเร็ววันเถอะเพราะพ่อเองก็เป็นห่วงลูกหนิงไม่แพ้แม่เหมือนกัน” นายอเนกกล่าวพร้อมกันกุมมือภรรยาอย่างให้กำลังใจก่อนจะพากันกลับไปที่ห้องหลังจากเสียงร้องไห้ของหนิงเงียบหายไปแล้ว....
ความคิดเห็น