คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #7 : ตอนที่ 7
7
(ความคิดของลลิตา)
ฉันตกใจมากเมื่อได้เห็นสภาพของพี่เรที่นอนซมอยู่บนเตียง พี่เรที่เคยแข็งแรงสุขภาพดี ตอนนี้กลายเป็นคนป่วยใบหน้าซูบซีดเสียจนฉันใจเสีย
“พี่เร.. ทำไมเป็นแบบนี้ล่ะ” ฉันพูดกับตัวเองอย่างไม่สบายใจ
พี่เรยังคงนอนหลับไม่รู้เรื่อง วันนี้ฉันรีบกลับมาที่บ้านเร็วเป็นพิเศษ เพราะอยากจะมาดูแลพี่เรที่ไม่สบาย ยิ่งฉันเห็นพี่รันที่ทำหน้าเครียดๆพิกล ฉันจึงยิ่งคิดมากว่าพี่เรจะเป็นอะไรหรือเปล่า
ฉันแตะหน้าผากของพี่เร ไอร้อนจากร่างกายพี่เรทำให้ฉันสะดุ้ง
หวา.. จะถึงสี่สิบองศาหรือเปล่าเนี่ย..
ฉันรีบเตรียมน้ำเย็นกับผ้าขนหนูเพื่อลดไข้ให้พี่เร วันนี้ดูท่าแล้วคงจะไม่มีใครมาดูแลพี่เรได้แน่ๆ คุณป้าก็ไม่อยู่บ้านอีก
พี่เรรู้สึกตัวเมื่อฉันเริ่มลงมือเช็ดหน้าให้พี่เร
“นอนต่อเถอะค่ะ” ฉันบอกพี่เร “ต้ามาเช็ดตัวลดไข้ให้เฉยๆ ไข้พี่เรสูงมากเลยนะ”
“อย่าเลย... เดี๋ยวต้าจะติดหวัดเปล่าๆ”
เสียงพี่เรนั้นแผ่วและแหบแห้ง แถมด้วยอาการไอที่ตามติดออกมา ฉันรีบไปรินน้ำอุ่นที่อยู่บนโต๊ะมาให้ทันที
“ไปอ่านหนังสือเถอะ ตอนนี้จะสอบแล้วไม่ใช่หรือ”
“พี่รันไข้ขึ้นจนนับวันเดือนปีไม่ถูกเลยหรือไง เหลืออีกตั้งเกือบเดือนกว่าจะสอบ” ฉันว่า
“นั่นแหละ ถ้าหากติดหวัดพี่แล้วหายไม่ทันสอบจะทำอย่างไร”
พี่เรไอออกมาอีกรอบ ฉันจึงค้อนพี่เรอย่างอดไม่ได้
“แต่ถ้าพี่เรพูดมากแบบนี้ สงสัยคงจะไอจนต้าติดหวัดจริงๆนั่นแหละ หยุดพูดแล้วนอนพักได้แล้ว”
ฉันแอบยิ้มเมื่อเห็นพี่เรทำหน้ายุ่ง ปกติมีแต่พี่เรที่ออกคำสั่งกับฉัน คราวนี้เป็นทีของฉันบ้างล่ะ
หัวใจฉันเต้นแรงขึ้นเมื่อฉันจรดผ้าลงบนใบหน้าคมเข้มของพี่เรอีกครั้ง ตอนนี้ฉันอยู่ห่างจากพี่เรอยู่เพียงไม่ถึงคืบ มันทำให้ฉันรู้สึกเข้าใกล้พี่เรได้เพิ่มขึ้นอีกนิด ฉันทำเป็นไม่สนใจสายตาของพี่เรที่มองมา.. สายตาที่กำลังอ่อนแรงและอ่อนระอาที่จะห้ามปรามฉัน..
ฉันเม้มริมฝีปากเมื่อความคิดที่ว่าพี่เรกำลังเห็นฉันเป็นเด็กดื้อผ่านเข้ามาในหัวสมอง
ระยะทางที่คล้ายจะใกล้ขึ้นเมื่อครู่ กลับลอยห่างออกไปไกลเท่าเดิม
พี่เรหันเบือนหน้าไปทางอื่นและหลับตาลง คงเป็นเพราะคร้านที่จะห้ามฉันแล้วกระมัง พี่เรจึงหันหน้าหนีฉันไป
ไม่นะ.. ฉันต้องไม่ร้องไห้!
ฉันสั่งตัวเองอย่างเฉียบขาดเมื่อเริ่มร้อนๆที่นัยน์ตา
ฉันใช้น้ำเย็นเช็ดหน้าให้พี่เรเรื่อยๆจนไข้เริ่มลด จึงค่อยลุกขึ้นไปเปลี่ยนน้ำและกลับเข้ามาใหม่
พี่เรนอนหลับไปแล้ว เสียงกรนดังเบาๆอย่างสม่ำเสมอ... คิดถึงจัง.. ฉันคิดถึงช่วงเวลาที่พี่เรยิ้ม หัวเราะ และหยอกล้อกับฉัน แม้มันจะเป็นความสัมพันธ์ฉันพี่ชายน้องสาว แต่มันก็เป็นช่วงเวลาที่มีความสุข
ถ้าหากฉันเปลี่ยนความรู้สึกนี้ได้ ฉันจะกลับไปยืนอยู่ ณ จุดเดิมได้ไหมนะ
ทว่า... สิ่งที่ยากยิ่งกว่าคือ.. ฉันจะเปลี่ยนความรู้สึกนี้ได้อย่างไร
ฉันนั่งเฝ้าพี่เรอยู่อย่างนั้นจนกระทั่งนอนหลับไป ตื่นขึ้นมาอีกทีเพราะกลิ่นหอมของอาหารลอยโชยมาเข้าจมูก.. อา~ กลิ่นน่าอร่อยจัง
ฉันค่อยๆลืมตาขึ้นอย่างง่วงงุน เงยหน้าจากเตียงพี่เรที่ฉันใช้เป็นสถานที่ในการฟุบหน้าลงนอนชั่วคราว มองไปรอบๆห้อง หาที่มาของกลิ่นนั้น
ร่างบางอรชรของใครคนหนึ่งยืนอยู่ที่โต๊ะทำงานของพี่เร ฉันกระพริบตาอีกรอบเพื่อไล่ความขุ่นมัวออกไป
“อ้าว ตื่นแล้วเหรอจ๊ะต้า” เสียงนั้นดังมาอย่างใจดี.... เป็นพี่แอนนั่นเอง มาตั้งแต่ตอนไหนนะ
“พี่เห็นประตูบ้านไม่ได้ล็อคน่ะ เลยเดินเข้ามาเอง” พี่แอนพูดต่อเมื่อเห็นฉันทำหน้าสงสัย “ทานโจ๊กไหมจ๊ะ พี่ซื้อมาเผื่อเยอะเลย เจ้าอร่อยด้วยน้า”
เสียงพี่แอนไพเราะ รอยยิ้มของพี่แอนหวานฉ่ำราวกับน้ำผึ้ง.. ช่างสมกับพี่เรราวกับกิ่งทองใบหยก
“สวัสดีค่ะพี่แอน” ฉันพยายามยิ้ม มันคงไม่ฝืดเกินไปหรอกนะ
“คงเหนื่อยล่ะสิ เรียนเสร็จยังต้องมาดูแลเรอีก” พี่แอนมานั่งลงบนเตียงที่พี่เรนอน “ไม่มีใครอยู่บ้านเสียด้วยใช่ไหมจ๊ะ พี่ได้ยินจากรันว่าผู้ใหญ่ไม่อยู่บ้าน”
“ค่ะ.. ลุงเจตกับป้ากานไปงานศพที่ต่างจังหวัด อีกสองสามวันมั้งคะ กว่าจะกลับ” ฉันคงพูดเป็นปกตินะ.. พี่แอนไม่ได้ทำอะไรผิด พี่แอนใจดีและท่าทางเป็นมิตร มันไม่ยุติธรรมกับพี่แอนถ้าหากว่าฉันจะตั้งท่าเขม่น
แต่... มันอดไม่ได้.. ฉันรู้สึกแย่เมื่อคิดว่าจริงๆแล้วฉันไม่ชอบพี่แอนเอาเสียเลย
“พี่แอน.. ต้า.. ขอตัวกลับก่อนนะคะ” ฉันรีบลา เพราะไม่อยากจะเห็นสายตาของพี่แอนที่มองพี่เรด้วยความเป็นห่วง
พี่แอนที่กำลังมองพี่เรจึงเบือนสายตามาทางฉันพลางนิ่วหน้า
“ไม่กินโจ๊กที่พี่ซื้อมาหรือจ๊ะ อร่อยนะ”
“ที่บ้านทำอาหารน่ะค่ะ แม่คงรอต้ากินข้าว” ฉันยิ้มอีกครั้ง “ไปก่อนนะคะ”
“อ๋อ.. จ้ะ..” พี่แอนพยักหน้ารับพร้อมรอยยิ้มส่ง
ฉันเหลือบตามองพี่เรอีกครั้ง ก่อนจะเดินออกจากห้องมาอย่างเงียบเชียบ
ฉันนั่งเล่นที่ศาลากลมนอกบ้านอย่างเคย เอาแต่ถอนหายใจและปล่อยให้จิตใจล่องลอยไปยังสถานที่ที่ฉันไม่รู้จัก แต่ดูเหมือนว่า ไม่ว่าจะครั้งไหนที่ฉันใจลอย หัวใจของฉันก็มักจะลอยไปหาพี่เรทุกที
อย่างตอนนี้ ทำอย่างไรฉันก็ไม่สามารถลบสายตาของพี่แอนที่มองไปยังพี่เรได้เสียที .. สายตาที่เต็มไปด้วยความห่วงกังวลและรักใคร่ ฉันรู้สึกถึงมันได้อย่างชัดเจน
เจ็บจัง... เมื่อคิดถึงว่า คนที่อยู่ข้างพี่เรจะไม่ใช่ฉันอีกต่อไป..
จู่ๆ มือหนึ่งก็วางลงบนไหล่ของฉัน ฉันสะดุ้งเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้ตกใจอะไรมากเมื่อเห็นพี่รันพาตัวเองเข้ามานั่งตรงข้ามฉัน
“นั่งทำอะไรอยู่”
“ไม่ได้ทำอะไร”
“แล้วจะมานั่งให้ยุงหามทำไม” พี่รันขมวดคิ้ว
“ถ้าพี่รันกลัวยุง พี่รันก็เข้าบ้านไปสิ”
แต่พี่รันก็ไม่ได้เข้าไปในบ้าน น่าแปลก.. ขณะที่พี่เรลอยห่างจากฉันไปทุกที ทุกที แต่ฉันกลับมีพี่รันที่คอยอยู่เคียงข้างเสมอ บางที พี่รันอาจจะสงสารฉันกระมัง เพราะหลายวันที่ผ่านมาฉันกลายเป็นคนซึมเศร้า วันๆแทบจะไม่พูดไม่จาอะไรจนเพื่อนๆที่โรงเรียนต่างพากันกังวลจนฉันต้องฝืนตัวเองบ่อยๆ ซึ่งก็มีแต่พี่รันนี่ล่ะ ที่สามารถทำให้ฉันหัวเราะได้อย่างจริงใจได้ในบางครั้ง
“วันนี้ไม่มีการบ้านเหรอ”
“มี แต่ขี้เกียจ เดี๋ยวค่อยทำก็ได้” ฉันตอบส่งๆไป
“ได้ยังไง เอาการบ้านมานี่เลย เอามาทำให้เสร็จ”
“แล้วพี่รันมายุ่งอะไรด้วยล่ะ”
อย่ามาทำตัวเหมือนพี่เรหน่อยเลย ตัวพี่รันเองนั่นแหละที่เหลวไหลบ่อยๆ ฉันต่างหากที่ไม่เคยเหลวไหลเรื่องการเรียน
“นี่ นี่.. ให้มันรู้เสียบ้างว่าใครอายุมากกว่ากัน อย่ามาทำเสียงแบบนี้ใส่พี่นะ”
“บางทีต้ายังรู้สึกว่าต้าอายุมากกว่าพี่รันด้วยซ้ำ เรื่องเรียนน่ะ ต้าทำได้ดีกว่าพี่รันตั้งเยอะ” ฉันพูดใส่หน้าพี่รัน เล่นเอาพี่รันหน้าเจื่อนไป... เห็นไหมล่ะ เถียงไม่ออกเลย
เงียบกันไปพักใหญ่ สุดท้าย เป็นพี่รันที่ถอนหายใจเฮือก ก่อนจะพูดว่า
“ต่อไปพี่จะไม่เหลวไหลแล้ว” เสียงพี่รันฟังคล้ายคำปฏิญาณ “พี่จะทำตัวดีๆ เพราะฉะนั้น.. เชื่อพี่บ้างเถอะนะ”
ฉันมองพี่รันที่เปลี่ยนท่าทีไปอย่างกระทันหันอย่างแปลกใจ พักนี้พี่รันเป็นอะไรไป.. ดูไม่เหมือนพี่รันที่เอาแต่เล่นคนเดิมเลย
ยังไม่ทันที่ฉันจะพูดอะไรต่อ พี่รันก็ผุดลุกขึ้นรวดเร็ว
“พี่เข้าบ้านล่ะนะ ต้ารีบทำการบ้านให้เสร็จรู้ไหม จะได้รีบนอน” พูดจบ พี่รันก็หมุนตัวจากไป ปล่อยให้ฉันมองตามหลังพี่รันที่เดินจากไปอย่างไม่เข้าใจอะไรเลย
(ความคิดของเรวิทย์)
การตื่นขึ้นมาในครั้งที่สอง... คนที่ผมเห็นคือแอน ไม่ใช่ต้า
ไม่รู้ว่าผมควรจะโล่งใจ หรือเสียใจดี ที่ผมไม่ได้เห็นใบหน้านั้น.. ใบหน้าที่ผมหลบเลี่ยงมาโดยตลอดทั้งๆที่มันขัดแย้งกับความต้องการที่ลึกลงไปในใจ
ตอนที่ผมเห็นต้า ต้าอยู่ใกล้มาก และมือของเธอก็อยู่บนใบหน้าผม เธอคงไม่รู้ว่าผมอยากแค่ไหนที่จะดึงตัวเธอเข้ามากอด ทดแทนที่ผมไม่ได้ทำอย่างที่ใจต้องการมานาน แต่ผมก็ทำไม่ได้
และผมก็ทำสิ่งที่ขัดแย้งอีกครั้ง คือการไล่เธอไป
แต่เธอกลับไม่ไป และสั่งให้ผมนอนพักราวกับว่าผมเป็นเด็กๆ
ต้าไม่มองผมอีกเลย ทั้งที่ผมมองเธออยู่ตลอดเวลา เหมือนกับว่าต้าเองก็กำลังหนีอะไรบางอย่างอยู่เหมือนกัน หรือเธอก็กำลังอยากจะหนีผม เหมือนกับที่ผมต้องการอยู่ให้ห่างไกลเธอในเวลานี้
อย่างนั้นหรือ.. ผมถามตัวเองอย่างขมขื่น..
ผมต้องการอยู่ให้ไกลจากต้าจริงๆน่ะหรือ ถ้าผมอยากอยู่ให้ห่างจากเธอจริง ผมคงไม่ต้องกินเหล้าเพื่อให้ลืมเธอ ไม่ต้องเป็นไข้นอนซมให้เธอตามเข้ามาในความฝัน ผมฝันถึงต้าบ่อยมาก.. ฝันถึงตอนเธอเด็กๆ ฝันเห็นเธอที่วิ่งไปรอบๆบ้านพร้อมรอยยิ้ม เห็นเธอยามวิ่งเข้ามาหาผมด้วยเสียงหัวเราะพร้อมกับช่อดอกไม้ดอกใหญ่และคำแสดงความยินดีในวันรับปริญญาของผม... ผมจำได้ว่า เธอดีใจที่ผมเรียนจบมากกว่าที่ผมดีใจกับความสำเร็จของตัวเองเสียอีก
ถ้าหากผมอยากจะอยู่ห่างจากเธอ ผมคงไม่คิดถึงเธอมากขนาดนี้
“ทำไมไม่กินล่ะเร” เสียงของแอนดังขึ้น ปลุกให้ผมกลับมาสู่ความเป็นจริง
ผมกำลังถือช้อนที่มีโจ๊กสีขาวขุ่นค้างไว้ อาจจะนานมากแล้วก็ได้ เพราะโจ๊กในช้อนนั้นท่าทางจะเย็นชืดไปแล้ว
“ไม่อร่อยเหรอ” ท่าทางแอนไม่สบายใจจริงจัง “แอนไปซื้อมาใหม่ให้ไหม”
“เรไม่สบายนี่ กินไม่ลงก็เป็นเรื่องปกติอยู่แล้ว” ผมพูดให้เธอสบายใจขึ้น แล้วค่อยยกคำนั้นเข้าปาก
สีหน้าของแอนดีขึ้น แต่ก็ไม่วายพูดต่อเหมือนแม่แก่
“ถึงกินไม่ลงก็ต้องกินนะ ยิ่งป่วยแบบนี้ต้องยิ่งกินให้เยอะๆ ไม่งั้นจะเอาอะไรไปสู้กับเชื้อโรคล่ะ”
“รู้แล้วน่า” ผมหัวเราะในลำคอ “ว่าแต่แอนเถอะ เอาแต่มองเรกินอยู่ได้ ทำไมตัวเองไม่กินด้วยล่ะ”
“แอนงดข้าวเย็น” แอนยิ้มแห้งๆ “ไดเอ็ท”
ผู้หญิง! ผอมออกจะขนาดนี้แล้วยังจะไดเอ็ท บ้าหรือเปล่า
“แอนมีอะไรให้ไดเอ็ท” เสียงผมถึงจะแย่ แต่ก็ต้องพูด.. จิตสำนึกของความเป็นอาจารย์ยังคงติดตัวผมอยู่ไม่ว่าจะเมื่อไหร่ หรือกับใครก็ตาม “ผอมจะแย่ เดี๋ยวสุขภาพก็เสียหมด ไปเอามากินเลยโจ๊กน่ะ ไม่งั้นเรจะไม่กินเหมือนกัน”
พูดจบก็ไอออกมา เฮ้อ! เบื่อตัวเองจัง คนไม่เคยเป็นหวัดอย่างผม ทำไมพอเป็นแล้วมันถึงรุนแรงขนาดนี้ก็ไม่รู้
“เร!” แอนทำหน้ามุ่ย “อย่ามาบังคับกันสิ”
“แอนยังบังคับเรให้กินเลย” ผมย้อน
ในที่สุด แอนก็ทำท่างอนไปจัดการโจ๊กให้กับตัวเองอย่างจำยอม
จะด้วยเหตุผลใดก็ตาม ผมพบว่าวันรุ่งขึ้น อาการไข้ของผมก็หายไป และผมแข็งแรงพอที่จะลุกขึ้นไปทำงานต่อได้แล้ว ผมลงมาชั้นล่าง เห็นรันกำลังต้มอะไรบางอย่างอยู่
“อ้าว พี่เร” รันมองเครื่องแต่งกายของผมอย่างไม่สบายใจ “จะไปทำงานแล้วหรือพี่ ที่จริงพี่เรน่าจะพักอีกสักวันนะ”
“ไม่เอาล่ะ น่าเบื่อ” ผมเข้ามาใกล้เตา เห็นซองโจ๊กสำเร็จรูปและโจ๊กที่กำลังจะงวดเข้าที่ในหม้อใบเล็ก อดไม่ได้ที่จะพึมพำว่า.. “เมื่อวานก็โจ๊กทั้งสามมื้อ”
“ช่วยไม่ได้ อยากป่วยทำไม” รันยักไหล่ก่อนจะยกหม้อลงจากเตาเพื่อตักใส่ชามที่เตรียมไว้ “ไปนั่งโน่นไปพี่เร เดี๋ยวรันจัดการเอง”
“ยังกับไม่ใช่รันคนเดิม” ผมพูดอย่างทึ่งๆ เพราะรันก็เหมือนกับวัยรุ่นทั่วๆไปที่ยังไม่รับผิดชอบอะไรในบ้านมากนัก แต่เห็นแบบนี้ผมก็รู้สึกดีใจเหมือนกันที่รันดูเป็นผู้ใหญ่มากขึ้น
“ฝึกไว้” ผมเห็นรันยิ้มขำอะไรบางอย่างที่ผมไม่รู้
“ก็ดี..”
ขี้เกียจจะซักอะไรต่อ แค่รันเป็นผู้ใหญ่มากขึ้น ไม่ว่าเหตุผลที่ซ่อนอยู่คืออะไรก็ตาม ผมก็ดีใจทั้งนั้น
ขณะที่กินอยู่นั้น ผมก็ได้ยินเสียงเครื่องยนต์ดังมาจากนอกบ้าน ไม่ทันที่ผมจะลุก รันก็ลุกออกไปแล้ว
“พี่เร พี่แอนมาน่ะ” รันโผล่หน้าเข้ามาบอกผมหลังจากที่ออกไปสักพัก
“งั้นหรือ..” มาทำไมนะ เช้าขนาดนี้
แอนก้าวตามรันเข้ามาด้วยท่าทางร่าเริง ในมือเธอมีถุงโจ๊กเจ้าเดิมมาอีกแล้ว
“แหม โจ๊กแอนเลยเป็นหมันเลย” แอนบ่นเป็นคำแรกแทนการทักทาย “รันทำโจ๊กตัดหน้าแอน”
“มาทำอะไรแต่เช้า” ผมถามอย่างงงๆ
“เป็นห่วงเรน่ะสิ ไม่คิดว่าคนป่วยจะดื้อไปทำงานให้ได้แบบนี้” แอนย่นจมูก เธอถือวิสาสะเข้ามานั่งที่โต๊ะอาหารด้วยอย่างสนิทชิดเชื้อ “กะว่าจะมาดูแลเรทั้งวันเลยนะเนี่ย”
“เรไม่ใช่เด็กสามขวบสักหน่อย” ผมชักจะเริ่มกลัวแอนตงิดๆ อะไรจะเว่อร์ขนาดนั้น
“คนไม่สบายก็คือคนป่วย ไม่เกี่ยวกับเด็กหรือผู้ใหญ่สักหน่อย”
“รัน ไล่ยายนี่ไปหน่อยสิ พี่ชักรำคาญแล้ว” ผมแกล้งหันไปพูดกับรันแบบนั้นด้วยน้ำเสียงกลั้วหัวเราะ แต่รันส่ายหน้าดิก
“ไม่เอาล่ะ รันไม่ชอบไล่คนสวยๆ”
“แหม พูดถูกใจ” แอนหัวเราะคิกคัก “ไหนๆแอนก็มาแล้ว เอาเป็นว่าเดี๋ยวจะไปส่งที่มหาลัยแล้วกันนะเร ไม่มีรถไม่ใช่เหรอ”
“ก็ดีสิ” ผมเห็นด้วย ชักเริ่มรู้สึกว่าการไม่มีรถก็ลำบากเหมือนกันเป็นครั้งแรก
ส่วนรันพูดว่า
“พี่ไปกันสองคนนะ รันจะไปกับต้า”
ผมชะงัก รอยยิ้มบนใบหน้าคลายลง
“ก็ไปด้วยกันสิ” แอนเสนอ “ต้าเรียนที่ไหนล่ะ พี่ไปส่ง”
“โรงเรียนสาธิตในมหาลัยแหละฮะ แต่รันอยากไปกับต้าสองคนมากกว่า”
รอยยิ้มของรันดูประหลาด สายตาเป็นประกายของรันก็ทำให้ผมชักเริ่มกินไม่ลง
“อ่ะฮ้า..” แอนผิวปากหวือ ยิ้มกว้าง “แบบนี้มันมีเลศนัยอยู่นา...”
“ผมกำลังจีบต้าอยู่” รันเปิดยิ้มรับข้อสงสัยของแอน “พี่แอนมีอะไรจะแนะนำผมไหม”
แอนหัวเราะ... ผมชักไม่ชอบบรรยากาศในตอนเช้าแบบนี้เสียแล้ว
(ความคิดของรัทยุทธ์)
เป็นครั้งแรกที่ผมเห็นพี่เรกระสับกระส่าย ทำอะไรไม่ถูก จะไม่เห็นด้วยก็ไม่ได้ หรือจะเห็นด้วยก็ฝืนความรู้สึก มันทำให้ผมรู้สึกสมน้ำหน้าอยู่ลึกๆ
แต่เมื่อมองย้อนมาที่ตัวผมเองแล้ว ผมก็รู้สึกหนักใจ เพราะถึงผมจะไม่ได้ปิดบังตัวเองเหมือนพี่เร แต่ผมก็ยังไม่เคยเอ่ยปากบอกความในใจให้เธอได้รับรู้ และท่าทางเธอจะไม่เคยรู้เลยว่าผมรู้สึกเช่นไรกับเธอ
ผมคิดเรื่องนี้มาตั้งแต่เช้า แต่จนแล้วจนรอด ผมก็ยังมองไม่เห็นโอกาสดีๆที่จะบอกให้เธอรู้
ถึงจะกลัวว่าทุกอย่างจะต้องเปลี่ยนไป แต่ผมก็จะเปลี่ยนให้มันเป็นไปตามที่ผมต้องการให้จงได้ ผมเริ่มก้าวออกมาแล้ว ผมจะไม่มีวันหันหลังกลับ
“พี่รันคิดอะไรหรือ” ต้าถามผมขณะที่เราเพิ่งลงจากรถเมล์ “วันนี้ไม่เห็นคุยอะไรเลย ปกติเห็นคุยจ้อไม่หยุด”
“เห็นพี่เป็นลูกช่างคุยหรือไง” ผมหัวเราะ
“หรือไม่จริง” ต้าย่นจมูกใส่ผม
เราเดินเคียงข้างกันไปช้าๆ ผมอยากให้เราสองคนได้เดินเคียงกันไปแบบนี้เสมอ แต่โบราณว่าไว้ว่า ความสุขที่ได้มานั้นมักจะสั้นเสมอ ซึ่งผมก็คิดว่ามันคงจะจริงเพราะเพียงประโยคต่อมาของต้าก็ทำให้ผมต้องชะงักเท้า
“พี่รัน.. ต้าจะคบกับโจจริงๆแล้วนะ”
ผมหูฝาดไปหรือเปล่า
“ต้าพูดว่าอะไรนะ”
“หูมีปัญหาหรือไง ต้าบอกว่าต้าจะคบกับโจไงล่ะ” ต้าทำเสียงจิ๊จ๊ะ “แล้วจะหยุดเดินทำไม เดินต่อสิ”
“ไม่... เดี๋ยวก่อน” ผมคว้าแขนของต้าให้หยุดอยู่กับที่ หัวสมองผมว่างเปล่า เมื่อกี้เธอเพิ่งพูดว่าอะไร?
“จะบ้าเหรอพี่รัน ต้าเจ็บนะ” ต้าบิดแขนหนี ใบหน้าของเธอเหยเกเพราะผมจับแขนเธอแน่นเกินไป
ผมรีบปล่อยเธอและพึมพำคำขอโทษ แต่เปลี่ยนมาเป็นยึดข้อมือเธอไว้หลวมๆแทน
“ต้าล้อเล่นใช่ไหมเมื่อกี้” ผมถามย้ำอีกครั้งอย่างกระวนกระวาย
“เรื่องแบบนี้ต้าเคยเอามาล้อเล่นหรือ แน่ะ... ยังมาทำตาน่ากลัวอีก คนเค้ามีแฟนเป็นตัวเป็นตนแล้ว แทนที่จะดีใจกับต้า... หึ แย่ที่สุด”
“ต้าอยากให้พี่ดีใจงั้นหรือ” ผมพยายามควบคุมตัวเองเต็มความสามารถ แต่เสียงของผมก็ยังคงดังและแข็งกร้าวขึ้นอยู่ดี “ต้าไม่รู้บ้างหรือไงว่าคำที่ต้าพูดมันโหดร้ายแค่ไหน”
“ปล่อยต้านะพี่รัน พี่รันบ้าไปแล้วหรือไง”
เธอเริ่มกลัวผมที่ควบคุมสติไม่อยู่ แต่ผมก็ไม่ยอมปล่อยเธอ.. ไม่.. ผมไม่มีวันยอมปล่อยเธอไปให้ใครอีกแล้ว
“เราต้องคุยกัน” ผมจะสารภาพรักทั้งๆที่ขาดสติแบบนี้ไม่ได้ ผมไม่ต้องการพูดเพราะเรื่องที่บีบรัดเข้ามา มันทำให้ผมเสียใจที่ผมมักจะทำอะไรช้าเกินไปเสมอ
“ต้าจะกลับบ้าน”
“ไม่ให้กลับ!”
ผมตะโกนสวนกลับไปทันควันจนเธอช็อค
“ปล่อยนะพี่รัน ต้าเจ็บ ต้าอยากกลับบ้าน! เอาไว้ให้พี่รันหายบ้าก่อนแล้วค่อยมาคุยกันดีกว่า” เธอพูดออกมาในที่สุด ผมเห็นความตื่นกลัวในดวงตาของเธอชัดเจน
“พี่ปล่อยต้าไม่ได้” ผมเสียใจที่ทำเธอเจ็บ แต่ผมก็เจ็บเหมือนกัน ถึงจะไม่เห็นแผลภายนอก แต่ลึกลงไปข้างใน แผลที่หัวใจผมเลือดออก “พี่ต้องพูดตอนนี้จริงๆ ที่จริง พี่ก็ไม่ได้อยากจะทำแบบนี้หรอก เพราะฉะนั้น ฟังพี่หน่อยเถอะนะ”
“ก็ฟังอยู่นี่ไง พี่รันก็พูดมาสิ”
“อยากให้พูดตอนนี้เลยใช่ไหม” ได้ ถ้าเธอต้องการ
“พูดมาสิ ต้าฟังอยู่”
ผมกระตุกร่างบางเข้ามาในอ้อมแขนอย่างง่ายดาย ผมกอดเธอเอาไว้ราวกับว่ากลัวเธอจะหายไปในวินาทีใดวินาทีหนึ่งถ้าหากผมปล่อยมือจากเธอ
“พี่รัน! ทำอะไรเนี่ย!”
ต้าเริ่มดิ้นหลังจากที่ตัวแข็งไปครู่หนึ่ง
“อย่าไปมีใครเลยนะต้า” ผมพูดเสียงแผ่ว “อย่าไปคบกับไอ้หมอนั่นเลยนะ”
ร่างนุ่มนิ่มที่ดิ้นเมื่อครู่เริ่มสงบลง ผมดึงตัวเธอออกห่างนิดหนึ่งเพื่อมองหน้าเธอให้ชัดตา ดวงตาของผมเปิดเผยทุกความรู้สึกที่มีต่อเธอเมื่อกล่าวว่า
“พี่รักต้า.. พี่รักต้านะ”
ดวงตาของเธอในตอนแรกคล้ายไม่รับรู้ ก่อนที่จะเปลี่ยนไปเป็นไม่แน่ใจและตื่นตะลึงตามลำดับ ต้ารีบผลักผมออกไปโดยแรงแต่ก็ไม่หลุด ตอนนี้ผมกำลังเห็นความสับสนและตื่นตระหนกมากมายบนใบหน้าของเธอ
“พ.. พูดอะไรแบบนั้น..” เธอปากสั่นขณะพูด “อย่ามาพูดเล่นแบบนี้นะพี่รัน นึกว่าต้าจะเชื่อหรือไง”
“พี่ดูเหมือนคนโกหกอย่างนั้นหรือ”
คำพูดของผมทำให้ใบหน้าเธอซีดเผือด
“พี่รันต้องโกหกแน่ๆ” เธอยังพึมพำไม่เลิก นั่นทำให้ผมโกรธกรุ่นขึ้นมา ผมจริงจังถึงขนาดนี้.. ไม่สิ ยิ่งกว่าจริงจังด้วย หัวใจของผมเต้นแรงก็เพราะเธอ หัวใจของผมกระวนกระวายก็เพราะเธอ และหัวใจของผมเจ็บปวดก็เพราะเธออีก ถึงขนาดนี้แล้ว เธอยังกล่าวหาว่าผมโกหก
ผมจับมือของต้าให้มาวางที่ตำแหน่งหัวใจของผม.. ซึ่งตอนนี้มันยังคงเต้นรัวและแรงราวกับจะโลดออกมานอกอก
“ได้ยินหรือเปล่า” ผมถามด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม
ต้าไม่ตอบคำถาม เพียงก้มหน้าลงเพื่อหลบสายตาของผม แต่ผมไม่สนใจเพราะพวงแก้มขาวที่แดงก่ำขึ้นนั้นเป็นคำตอบที่ดีที่สุดอยู่แล้ว
“หัวใจพี่เต้นแรงแบบนี้เสมอทุกครั้งที่อยู่กับต้า แบบนี้ ยังจะบอกว่าพี่โกหกอีกไหม”
“ต้าอยากกลับบ้าน” เธอเบือนหน้าไปทางอื่นขณะพูด
“มองหน้าพี่ก่อน”
“ต้าจะกลับบ้าน!”
เธอตะโกนใส่ผมพร้อมกับเงยหน้าขึ้น ทำให้ผมเห็นน้ำใสๆที่เริ่มคลอคลองอยู่ที่ดวงตาของเธอ ผมหายใจติดขัดกับสายตาตัดพ้อที่มองมา
ผมคลายมือออกในที่สุด และเธอวิ่งจากไป
ผมทำอะไรผิดไปหรือ
ความคิดเห็น