ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    เจ้าชายของหัวใจ

    ลำดับตอนที่ #6 : ตอนที่ 6

    • อัปเดตล่าสุด 22 ส.ค. 49


    6.

     

    (ความคิดของลลิตา)

                   
    ฉันไม่ได้เจอพี่เรมากี่วันแล้วนะ.. ไม่สิ ต้องถามว่า กี่สัปดาห์แล้วต่างหากที่ไม่ได้เจอกับพี่เร.. ถึงจะสวนกันที่หน้าบ้านบ้าง แต่เราก็ไม่ได้พูดคุยอะไรกันมากกว่าคำทักทาย แบบนี้ สำหรับฉันมันไม่ถือว่าเป็นการพบเจอหรอกนะ

                   
    พี่เรหลบหน้าฉัน.. อันนี้ฉันมั่นใจ  ตลอดมา ตั้งแต่วันที่ฉันบอกพี่เรว่าฉันคบกับโจ พี่เรก็เริ่มถอยห่างออกไปเรื่อยๆ ห่างออกไปจนคล้ายกับว่าพี่เรเป็นเพียงเงาเลือนลางในอากาศ และคนที่เข้ามาแทนที่พี่เร คือพี่รัน

                   
    พี่รันเป็นคนเข้ามาดูแลเรื่องของฉันทุกอย่าง ตั้งแต่ไปส่งที่โรงเรียน ไปรับ เรียนพิเศษก็ไปเป็นเพื่อน เวลาที่ฉันเหงาหรือไม่มีใคร ก็มักจะเป็นพี่รันที่อยู่ข้างฉันตลอดเวลา อย่างเช่นตอนนี้

                                   
    จะทำหน้าเบื่อโลกแบบนั้นไปถึงไหนกัน  พี่รันถามฉันขณะที่ฉันนั่งจุมปุ๊กอย่างเซ็งๆที่เก้าอี้หินหน้าบ้านตัวเอง

                                   
    มายุ่งอะไรด้วยล่ะฉันเมินหน้าหนี ถ้าฉันจะเบื่ออะไรก็เบื่อหน้าพี่รันนี่ล่ะ

                                   
    อารมณ์เสียบ่อยจริงนะ หน้าเหี่ยวแล้วจะหาว่าไม่เตือน 

                                   
    ต้าไม่มีอารมณ์เล่นนะพี่รัน ขอต้าอยู่เงียบๆคนเดียวไม่ได้หรือไงฉันลุกขึ้นอย่างโกรธๆ ไม่รู้เป็นยังไง ตั้งแต่พี่เรหายไปจากชีวิตของฉัน อารมณ์ฉันแปรปรวนแบบแปลกๆ

                   
    ฉันสะบัดหน้าหนีพี่รัน ขาก็จะเดินเข้าไปในตัวบ้านเพื่อที่จะได้อยู่คนเดียวสมใจ ทว่า...

                                   
    เอ๊ะ! พี่รัน

                   
    ฉันทำเสียงจิ๊จ๊ะไม่พอใจ ตาก็จ้องมองมือของพี่รันที่คว้าข้อมือของฉันไว้ไม่ยอมปล่อย

                                   
    อย่าทำแบบนี้สิต้า  เสียงของพี่รันฟังดูแปลกๆ ฉันเงยหน้าขึ้น

                   
    ดวงตาของพี่รันมีประกายบางอย่างที่ทำให้ฉันรู้สึกไม่สบายใจเอาเสียเลย มันทำให้ฉันครั่นเนื้อครั่นตัวพิกล แต่ก็ยังไม่รู้อยู่ดีว่ามันหมายความว่าอะไร สงสัยฉันคงจะเริ่มเพี้ยนเสียแล้ว

                                   
    ต้าทำอะไร  ฉันเบ้หน้า  ต้าเบื่อหน้าพี่รันจะตายอยู่แล้ว เช้าเจอเย็นเจอ เสาร์ก็เจอ อาทิตย์ยังตามจองล้างจองผลาญอีกเหรอ 

                                   
    ทีพี่เร ต้าไม่เห็นจะเบื่อเลย

                                   
    ก็นั่นพี่เร 

                   
    พี่รันท่าจะบ้าแน่ๆ จู่ๆก็พูดอะไรไม่เห็นรู้เรื่อง พี่เรมาเกี่ยวอะไรด้วย

                                   
    รู้หรือเปล่าว่าพี่เรตอนนี้เขาไประยองกับพี่แอนแล้ว 

                   
    คำพูดพี่รันทำให้ฉันนิ่ง... ทำไม.. ทำไมต้องพูดถึงเรื่องนี้ด้วย ฉันไม่อยากจะฟัง

                                   
    รู้สิ เมื่อวานยังเห็นพี่เรกับพี่แอนออกจากบ้านด้วยกันเลย พี่เรยังหันมาโบกมือให้ต้าด้วยนะฉันพยายามปรับน้ำเสียงให้สม่ำเสมอที่สุดพี่แอนก็น่ารัก ยังถามต้าเลยว่าอยากได้ของฝากอะไร

                   
    แต่ก็แค่นั้นแหละ พี่เรไม่พูดกับฉันมากไปกว่า... ‘พี่ไปแล้วนะ  และปล่อยให้ฉันยืนเป็นบื้อใบ้ที่หน้าบ้าน เป็นผลให้ฉันเรียนหนังสือไม่รู้เรื่องไปเลยทั้งวัน

                   
    มือของพี่รันละจากฉันไปเมื่อไหร่ก็ไม่รู้ แต่เมื่อฉันรู้สึกตัว ฉันก็รีบหมุนตัวจากไปก่อนที่น้ำตาจะหยดลงมาให้พี่รันเห็น

                   
    พี่เรใจร้าย....

                   

                   

    ฉันกึ่งนั่งกึ่งนอนอยู่บนเตียง ตาอ่านหนังสือเรียนไป มือก็หยิบขนมจำพวกสแน็คเข้าปากไปด้วย ฉันจมอยู่กับความเศร้ามาทั้งวันแล้ว และถ้าขืนยังเศร้าต่อไปไม่เลิก ฉันคงต้องทำข้อสอบย่อยในห้องตก

                   
    ฉันไม่ควรจะคิดถึงพี่เร แต่ทำไม ยิ่งห้าม ใจก็ยิ่งคิด ตาดูหนังสือ แต่ใจคิดถึงยามที่พี่เรมานั่งอ่านหนังสือเป็นเพื่อน จนกระทั่งฉันจำต้องปัดหนังสือทิ้งไปอย่างหงุดหงิด

                   
    เสียงอะไรบางอย่างดังขึ้น ฉันผงกหัวขึ้นอย่างสงสัย... หูฝาดไปหรือเปล่า

                   
    ราวกับจะรู้ว่าฉันถามอะไร ของแข็งๆก็กระทบเข้ากับกระจกให้เกิดเสียงอีกครั้ง แถมคราวนี้ดังกว่าเก่า  ฉันจึงรีบลุกขึ้นเปิดม่านดูทันที

                   
    พี่รันนี่นา... เล่นอะไรบ้าๆอีกล่ะคราวนี้ ฉันนึกอย่างหงุดหงิด

                   
    พี่รันยื่นหน้าออกมาที่กระจกหน้าห้อง... ที่จริงฉันจำได้นะ ว่าห้องที่เปิดหน้าต่างแล้วเห็นห้องของฉันคือห้องคุณลุงคุณป้า แล้วนี่.. พี่รันแย่งห้องคุณลุงคุณป้านอนหรือไงกัน

                                   
    ทำไมพี่รันมาอยู่ตรงนี้ล่ะ  ฉันถามพลางขมวดคิ้วนั่นมันห้องคุณลุงคุณป้านะ

                                   
    วันนี้พี่อยู่บ้านคนเดียว  พี่รันตอบกลับมาด้วยใบหน้าเหงาๆ... อย่างที่รู้เลยว่าแกล้งทำลุงเจตพาป้าดาไปเยี่ยมเพื่อนที่ป่วยอยู่ต่างจังหวัดน่ะ

                                   
    เลยต้องมากวนต้าหรือไง เดี๋ยวกระจกก็แตกพอดี 

                                   
    มันเบื่อนี่ มาอยู่เป็นเพื่อนกันหน่อยสิ 

                                   
    ไม่เอา ต้าจะนอนแล้วฉันทำท่าจะปิดหน้าต่าง

                                   
    อย่าเพิ่งปิดสิต้า จะใจร้ายกับพี่ไปถึงไหน คนอุตส่าห์ทำดีด้วยแท้ๆ 

                   
    ทำดี? ปากระจกบ้านคนอื่นเนี่ยนะ เรียกว่าทำดี??

                                   
    ต้าจะนอนแล้ว อย่ามายุ่ง  ยอมรับล่ะว่าเอาแต่ใจ แต่ตอนนี้ฉันไม่อยู่ในอารมณ์ที่จะคุยดีๆกับใครได้ และพี่รันก็เป็นคนที่ฉันไม่เคยให้ความเกรงใจเสียด้วย

                                   
    เด็กคนนี้นี่...”  พี่รันพึมพำอะไรบางอย่าง หึ.. อายุมากกว่าแค่สองสามปีอย่ามาทำเป็นผู้ใหญ่นักเลยอย่าเพิ่งปิดหน้าต่างหนีนะ ถ้าปิดล่ะก็ พรุ่งนี้มีเอาคืน

                                   
    ต้าจะนอนแล้ว ไม่ได้ยินหรือไง

                                   
    มาอยู่เป็นเพื่อนพี่หน่อยน่า อยู่บ้านคนเดียวมันเหงานะ 

                                   
    พี่รันรู้จักคำว่าเหงาด้วยหรือไง  ฉันย้อน พี่รันน่ะหรือเหงา ฉันไม่มีทางเชื่อเด็ดขาดเอาแต่ชวนทะเลาะกับชาวบ้านไปทั่ว

                                   
    ก็ทะเลาะกับต้าคนเดียวแหละ ทะเลาะกับคนอื่นแล้วไม่สนุก

                                   
    เอ๊ะ!” 

                   
    แบบนี้มันพูดจาหาเรื่องนี่

                                   
    ราตรีสวัสดิ์นะ ต้า 

                   
    อ๊ะ... อะไรกัน..  จู่ๆก็ทำท่าขรึมๆ กับรอยยิ้มแบบนั้น  เปลี่ยนไปเปลี่ยนมาจนฉันตั้งรับไม่ทัน

                                   
    งั้น.. ต้าปิดหน้าต่างนะ

                                   
    ฝันดีนะ 

                   
    ฉันปิดหน้าต่างลงอย่างงงๆ

                   
    แต่รอยยิ้มสุดท้ายของพี่รัน ทำให้ฉันอดไม่ได้ที่จะหัวใจเต้นผิดไปจังหวะหนึ่ง

                   
    ก็ดวงตาของพี่รันน่ะ มัน... ไม่เหมือนพี่รันคนที่ฉันเคยรู้จักเลย แต่เป็นเหมือน.. สายตาของผู้ชายคนหนึ่ง

     



    (
    ความคิดของเรวิทย์)

                   
    เพราะอะไรนะ ถึงทำให้ผมดื่ม ดื่ม และดื่ม ได้มากขนาดนี้ ทั้งๆที่ผมก็ไม่ใช่คนคอแข็ง หนำซ้ำยังเป็นคนไม่ชอบดื่มแอลกอฮอล์ทุกชนิดแท้ๆ แต่ถ้าหากผมไม่ดื่มตอนนี้ล่ะก็ คืนนี้ทั้งคืนผมก็นอนไม่หลับ

                   
    วันนี้ทั้งวัน ผมใช้เวลาอยู่กับเพื่อนเก่า คุย ดื่ม กิน เฮฮา

                   
    ยอมรับเลยว่าแอนเป็นคนที่เก่งมาก ที่ทำให้บรรดาเพื่อนเก่าที่แยกย้ายกระจัดกระจายไปคนละทิศคนละทาง สามารถกลับมารวมตัวกันได้ครบแทบทุกคน และตอนนี้ พวกเราก็กำลังนั่งรอบกองไฟ มองทะเล พร้อมกับมีกระป๋องเบียร์อยู่ในมือ

                   
    ดึกมากแล้ว เสียงพูดคุยเงียบไปพร้อมๆกับกองไฟที่กำลังมอดลง

                   
    แต่ผมนอนไม่หลับ แม้เวลาจะล่วงเข้าวันใหม่แล้วก็ตาม

                                   
    ผมรักต้า  เสียงของรันดังก้องขึ้นในหัวสมองของผม  พี่เรแน่ใจได้เลยว่าผมจะไม่มีวันทำให้ต้าเสียใจ

                   
    รัน.. กับต้า

                   
    ทำไมผมถึงไม่เคยมองเห็นเลยนะ ว่ารันคิดแบบไหน รู้สึกอย่างไร

                   
    ผมเป็นพี่แบบไหนถึงมองเห็นแต่ความรู้สึกของตัวเอง ทั้งๆที่ถ้าสังเกตสักนิด ผมคงรู้ว่า... ผมไม่ควรรักต้าในรูปแบบนี้

                   
    ตอนแรกผมคิดว่ารันยังเด็ก คำว่ารักจากปากรันคงไม่ต่างอะไรกับป๊อบปี้เลิฟทั่วๆไป แต่เมื่อผมมองเข้าไปในนัยน์ตาของรันแล้ว ผมก็พูดไม่ออก เพราะสิ่งที่ผมเห็น ผมเห็นเพียงความจริงใจ จริงจัง และความรู้สึกอันลึกซึ้งที่มีต่อเธอคนนั้น

                   
    เจ็บปวด... ผมยังเจ็บปวดอยู่กับการที่ต้องคอยหลบหน้าต้า พูดจาให้น้อยคำกับต้ามากที่สุด และยังเจ็บปวด ที่ต้องรับปากช่วยให้ความรักของรันสมหวัง ซึ่งมันหมายความว่า ถ้ารันสมหวัง ผมก็ต้องผิดหวัง

                   
    ไม่... ผมจะคิดแบบนั้นไม่ได้  ผมมันไม่เคยมีหวังอยู่แล้ว จะหวังอะไรในเมื่อแค่จะเอ่ยปาก ผมยังไม่กล้า สิ่งที่ทำอยู่ในขณะนี้มีแต่ทำให้เธอเสียใจทั้งนั้น

                   
    ผมยกเบียร์ในมือขึ้นซด แต่มือเล็กบางของใครคนหนึ่งห้ามเอาไว้

                                   
    พอเถอะนะเร  แอนขอร้อง 

                   
    แอนตื่นขึ้นมาตอนไหนผมก็ไม่รู้ แต่ตอนนี้เธออยู่ข้างๆผมและรั้งข้อมือของผมเอาไว้

                                   
    วันนี้เป็นวันปลดปล่อยนี่นาแอน   ผมรู้สึกว่าลิ้นทำงานผิดปกติ และเสียงผมเปลี่ยนไปเรอยากดื่ม ดื่มให้มันเมา จะได้นอนหลับสนิท

                                   
    ไม่ต้องดื่มก็นอนได้นี่นา เรเมามากแล้วนะ 

                                   
    แอนนอนไปเถอะ ปล่อยเรเอาไว้แบบนี้

                                   
    เรผิดปกตินะ  เสียงแอนฟังดูเครียดระคนกังวลปกติเรไม่ดื่มด้วยซ้ำ แต่วันนี้เรกลับดื่มหนักเหลือเกิน

                                   
    เรอยากนอน

                                   
    มีเรื่องอะไร บอกแอนมาดีกว่า 

                   
    แต่ผมไม่อยากพูด เรื่องนี้ ผมพูดกับใครไม่ได้ทั้งนั้น

                                   
    อย่าทำแบบนี้น่า เร  แอนทำเสียงดุเมื่อผมดื้อจะเอาเบียร์เข้าปาก  ทำเหมือนผู้ชายอกหักที่กำลังรักษาแผลใจไปได้

                   
    ผมชะงัก  หึ.. ผมอุตส่าห์หนีมาถึงระยอง แต่ยังอุตส่าห์มีคนมาย้ำให้บาดแผลของผมลึกขึ้น  ผมสะบัดมือแอนออก แล้วค่อยๆลุกขึ้น โซซัดโซเซไปยังชายหาด และพยายามเดินเลียบชายฝั่งให้ตรงทางมากที่สุด

                                   
    เร.. จะไปไหน

                   
    แอนยังคงตามมา

                                   
    ให้เรอยู่คนเดียวไม่ได้หรือแอน  เรอยากอยู่คนเดียว 

                                   
    แอนเป็นห่วงเรนี่นา 

                                   
    กลับไปเถอะ

                                   
    เร!”

                                   
    ขอร้อง..”

                   
    ผมไม่ได้หยุดเท้าเมื่อพูดคำว่าขอร้อง ตอนนี้ผมรู้สึกอยากจะหายตัวไปจากผู้คน ไม่ต้องรับรู้เรื่องราวใดๆที่ทำให้ต้องเจ็บปวดอีก และอยากจะปิดบาดแผลครั้งนี้ให้สนิท ก่อนที่จะกลับไปเผชิญหน้ากับความเจ็บปวดอีกครั้ง... ซึ่งผมต้องการสถานที่เงียบๆสักที่ และเวลาสักหนึ่งคืน เพื่อเตรียมความพร้อมให้กับตัวเอง

                   
    แอนไม่ได้ตามผมมาอีก ส่วนผมยังคงเดินต่อไปเรื่อยๆโดยไม่มีจุดมุ่งหมาย

                   

                                   

    พี่เรพี่เรคะ... ต้าจะไปแล้วน้า~ ‘

                   
    ผมเริ่มร้องเรียกเธอที่กำลังลอยห่างออกไปทุกที แต่เธอก็ไม่กลับมาหาผม ผมวิ่ง... วิ่งตามเธอที่ค่อยๆห่างจนเลือนหายไปกับสายลม

                   
    ผมสะดุ้งเฮือก เปิดดวงตาขึ้นอย่างกะทันหันจนแสงจากดวงอาทิตย์สาดใส่ดวงตาของผม.. ใครนะ เปิดม่านเอาไว้แบบนี้  แล้ว... โอย.. นี่ผมเป็นอะไรไปนะ ถึงได้รู้สึกปวดหัว แถมยังเมื่อยไปหมดทั้งตัว แรงก็ไม่มี กระทั่งแค่จะลุกขึ้นยังยากเลย

                   
    ประตูเปิดขึ้น

                                   
    เร! ตื่นแล้วเหรอ   แอนวิ่งหน้าตื่นเข้ามาใกล้  ผมสังเกตเห็นว่าที่รอบตาของแอนมีรอยช้ำ แถมจมูกยังเป็นสีแดงเรื่อๆอีก

                                   
    แอน.. ร้องไห้เหรอ  

                   
    แทนที่แอนจะตอบ เธอกลับเริ่มร้องไห้จริงๆ น้ำตาแอนไหลลงมาเหมือนสายฝน

                                   
    เรบ้าที่สุดเลย! อยากจะฆ่าตัวตายหรือไงถึงไปนอนให้น้ำทะเลท่วมตัวแบบนั้นน่ะ  แอนโวยวายกลับมาทั้งน้ำตา

                   
    ผมทำอะไรนะ

                   
    เสียงแหลมๆของแอนเรียกให้บรรดาเพื่อนๆที่อยู่นอกห้องกรูกันเข้ามา

                                   
    ตื่นแล้วเหรอไอ้เร!”  เบนซ์  อีกหนึ่งเพื่อนสนิทของผมเข้ามาใกล้มึงทำพวกกูตกใจหมด นึกว่าจะตายซะแล้ว

                                   
    นั่นสิ เล่นนอนไม่รู้สึกตัวให้น้ำทะเลซัดไปตั้งครึ่งตัว   อีกคนพูดด้วยน้ำเสียงสยดสยอง

                                   
    แต่รู้สึกไข้ยังไม่ลดนี่นา

                                   
    จริงด้วย ให้หมอนี่มันพักผ่อนเถอะ

                   
    และเสียงพูดคุยยังคงดังต่อไปในห้องอีกสักครู่ จนกระทั่งทุกคนทยอยกันกลับออกไปหมด เหลือเพียงแอนที่ยืนอยู่ข้างเตียงของผม

                                   
    ขอโทษด้วยนะ ที่ทำให้หมดสนุกกันผมหน้าเจื่อน

                                   
    เดี๋ยวแอนเอาผ้าเย็นมาลดไข้ให้  เสียงแอนฟังเหมือนคนเป็นหวัด

                                   
    ไม่ต้องหรอก นอนพักเดี๋ยวก็หาย

                                   
    อย่ามาดื้อกับแอนนะ  แอนขึ้นเสียงดัง

                   
    ผมเลยต้องเงียบไปโดยปริยาย นอนมองดูแอนที่เดินออกจากห้องไป แล้วกลับเข้ามาพร้อมด้วยผ้าขนหนูกับกะละมังใบย่อมๆที่มีน้ำผสมน้ำแข็งอยู่เต็ม

                   
    แอนวางกะละมังใส่น้ำลง ก่อนจะลากเก้าอี้มานั่งแล้วเริ่มเอาผ้าขนหนูชุบน้ำเงียบๆ

                   
    ความเย็นของผ้าขนหนูที่ลูบไล้ใบหน้าทำให้ผมรู้สึกสบายจนความง่วงงุนเริ่มเข้าครอบงำผมอีกครั้งหนึ่ง

     


    (
    ความคิดของรัทยุทธ์)

                   
    น่าแปลก ที่ความอดทนของผมที่ดูเหมือนว่าจะมีอยู่น้อยนิด กลับกลายเป็นมากมายเมื่อผมอยู่กับต้า ผมไม่เคยรู้สึกโกรธเธอเลยสักครั้ง แม้ว่าเธอจะใจร้ายกับผมขนาดไหนก็ตาม

                   
    เธอไม่เคยใจร้ายกับผมขนาดนี้มาก่อน แต่ดูเหมือนว่าการที่ไม่มีพี่เรอยู่ข้างๆ จะทำให้ต้าสูญเสียความเป็นตัวของตัวเองไปอย่างมากมาย... เธอยิ้มน้อยลง... หัวเราะน้อยลง และพูดน้อยลง

                   
    ถึงจะเป็นอย่างนั้น ความรู้สึกที่ผมมีต่อเธอก็ไม่เคยลดน้อยลงไปเลย ตรงกันข้าม มันกลับยิ่งทวีมากขึ้นทุกครั้งที่เห็นเธอทำหน้าเศร้า เพราะมันทำให้ผมอยากจะเปลี่ยนความเศร้าของเธอให้กลายเป็นรอยยิ้ม แต่ดูเหมือนว่ามันช่างยากเย็นจนผมท้อใจ

                   
    ผมถอนหายใจเมื่อเห็นต้ายืนเหม่อที่หน้าประตูบ้าน แกว่งกระเป๋านักเรียนไปมาราวกับคนไม่มีวิญญาณ

                                   
    วันนี้พี่ไปส่งนะ  ผมพยายามยิ้ม

                                   
    อืม...”

                   
    ยังดีที่เธอรับรู้

                   
    พี่เรทิ้งรถเอาไว้ให้ที่บ้านก็จริง แต่เพราะคุณลุงคุณป้าเอารถออกไปต่างจังหวัด ผมจึงต้องพาเธอขึ้นรถประจำทาง ตลอดทาง ผมสรรหาเรื่องราวมากมายมาคุยกับเธอ แต่ผลที่ได้คือผมคุยอยู่คนเดียว

                                   
    พี่รัน...”

                   
    ผมยิ้มอย่างดีใจที่เธอเริ่มจะพูดบ้างแล้ว

                                   
    พี่เร.. ยังไม่กลับหรือ

                   
    ฟังคำถามของเธอแล้ว รอยยิ้มบนใบหน้าของผมก็จางลง

                                   
    ยังหรอก  จะบอกเธอดีไหมนะ ว่าเมื่อคืนนี้พี่แอนโทรศัพท์มาบอกว่าพี่เรไม่สบายหนัก เลยต้องกลับช้า... ไม่ดีกว่า บอกไปก็ไม่มีประโยชน์ กลับยิ่งทำให้ต้ากังวลใจมากกว่า

                                   
    งั้นหรือ...”

                     
    เพียงเท่านี้ เธอก็เบือนหน้าหนีไปและไม่พูดอะไรอีกเลยตลอดทาง

     

                   

    ผมไปรอรับต้าอย่างเคย พยายามที่จะทำให้เธอพูดและตอบสนองมากที่สุด ซึ่งผลออกมาเป็นที่น่าพอใจพอสมควร เธอเล่นมากขึ้น ยิ้มมากขึ้น หัวเราะมากขึ้น แม้ว่าผมจะดูออกว่าเธอกำลังฝืนใจ แต่ก็ยังดีกว่าให้เธอนิ่งเงียบตลอดทาง

                   
    ผมส่งเธอที่หน้าบ้าน มองดูจนกระทั่งเธอลับสายตาไป แล้วจึงค่อยกลับเข้าบ้านตัวเองบ้าง

                   
    คุณลุงและคุณป้ายังคงไม่ได้กลับบ้าน ผมจึงหาของกินง่ายๆในตู้เย็น แต่ยังไม่ทันที่จะได้มีอะไรลงท้อง ผมก็ได้ยินเสียงเครื่องยนต์ดังที่หน้าบ้าน

                   
    ผมเดินไปดูที่หน้าต่าง... ไม่ใช่ใครที่ไหน เป็นพี่เรและพี่แอนนั่นเอง ผมคงจะไม่สนใจอะไรมากถ้าหากไม่เห็นว่าพี่เรดูอ่อนเพลียอย่างเห็นได้ชัดขนาดที่ต้องให้พี่แอนคอยช่วยประคองตลอดเวลา พี่แอนเองก็มีสีหน้าไม่ค่อยดีนัก

                                   
    สวัสดีครับพี่แอน  ผมทักทายพี่แอนก่อน

                                   
    สวัสดีจ้ะรัน เรเขาเป็นไข้หวัดน่ะ  พี่แอนอธิบายเมื่อเห็นสีหน้าผมที่เต็มไปด้วยคำถามที่จริงอาการไข้ยังไม่ลดเลยด้วยนะ แต่พี่ชายรันเนี่ยดื้อที่สุด ดันทุรังจะกลับบ้านอยู่ได้ทั้งๆที่น่าจะพักต่อแท้ๆ

                                   
    ไข้เหรอฮะ  ผมขมวดคิ้ว ร้อยวันพันปี พี่เรไม่เคยเป็นไข้เลยนี่นา

                                   
    เมาน่ะ  เมาจนไม่รู้เรื่องว่าไปนอนอยู่ที่หาดทราย พอตอนเช้าน้ำขึ้นท่วมไปครึ่งตัวก็ยังไม่มีสติ สุดท้ายเลยโดนไข้เล่นงาน 

                   
    เสียงพี่แอนที่คล้ายกับจะฟ้อง แต่สิ่งที่ผมได้ยินมีเพียงความห่วงใยที่มากมายจนน่าแปลกใจ

                   
    แต่เรื่องที่ผมแปลกใจมากกว่าคือเรื่องที่พี่เรเมา... พี่เรไม่ชอบแอลกอฮอล์ทุกประเภท แล้วทำไมถึงได้ดื่มจนเมาขนาดนั้น

                                   
    ขอบคุณพี่แอนมากนะฮะที่พาพี่เรมาส่ง  ผมบอกพี่แอนขณะพาพี่เรไปนั่งบนโซฟา

                                   
    ขอบใจนะแอน แล้วก็ขอโทษด้วย  พี่เรพูดด้วยน้ำเสียงแหบแห้ง

                                   
    รักษาตัวดีๆนะ แล้วแอนจะมาเยี่ยม อ้อ ห้ามไปทำงานด้วยล่ะ 

                   
    พี่เรยิ้มกับคำพูดนั้น ก่อนจะพยักหน้ารับ

                   
    ผมตามพี่แอนไปเอากระเป๋าเสื้อผ้าของพี่เร พี่แอนนั้นย้ำให้ผมดูแลพี่เรเป็นอย่างดีอีกหลายครั้งจนผมนึกขำในใจ.. ผมเป็นน้องพี่เรนะ ไม่ต้องบอกผมผมก็ต้องเป็นห่วงพี่เรอยู่แล้ว

                                   
    รันพาไปบนห้องนะพี่เร   ผมพูดพลางเข้ามาพยุงพี่เร  ไหวไหม

                                   
    ไหว 

                   
    แต่คำว่าไหวของพี่เรดูท่าแล้วไม่ค่อยน่าเชื่อถือเท่าไหร่ เพราะขนาดแค่ยืน.. ร่างสูงใหญ่ของพี่เรยังซวนเซเลย ถ้าหากต้องเดินล่ะก็ ผมคิดว่าไม่ทันขึ้นบันไดก็คงต้องล้ม

                                   
    ผมว่าผมช่วยดีกว่า 

                   
    ดังนั้น ผมจึงช่วยพี่เรจนกระทั่งถึงห้องนอน ผมเริ่มกังวลเมื่อเห็นว่าหน้าพี่เรซีดเหลือเกิน

                                   
    คุณป้าไม่อยู่เสียด้วยสิ  ผมบ่นรันทำอาหารไม่ได้เรื่องเสียด้วย

                                   
    ไม่เป็นไรหรอก  พี่เรหัวเราะเบาๆ  พี่ไม่ได้เป็นอะไรมาก

                                   
    อาการแบบพี่เรน่ะ เขาเรียกว่าหนักมากต่างหาก 

                                   
    พี่ไม่เป็นไร

                                   
    พรุ่งนี้ไปหาหมอนะ รันจะโดดเรียนสักวัน

                                   
    พี่ไม่อยากให้นายโดดเรียนนะ

                                   
    อย่ามาทำตัวเป็นอาจารย์ตอนนี้น่า เป็นคนป่วยก็ทำตัวให้สมกับเป็นคนป่วยหน่อย

                   
    พูดจบ ผมก็ออกไปจากห้องเพื่อปล่อยให้พี่เรนอนพัก  อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ สงสัยเย็นนี้ผมคงจะต้องไปซื้อโจ๊กเข้าบ้านเสียแล้ว

     

                   

    เช้าวันรุ่งขึ้น หลังจากที่นอนคิดมาทั้งคืนว่าควรจะบอกเธอหรือไม่ว่าตอนนี้พี่เรกำลังนอนซมเพราะพิษไข้ ผมก็ตัดสินใจได้ว่าผมควรจะบอก

                   
    อย่างน้อยที่สุด เราสามคนก็เหมือนกับคนครอบครัวเดียวกัน เรื่องเจ็บป่วยแบบนี้ไม่ใช่เรื่องที่สมควรจะปิดบัง  ผมอดไม่ได้ที่จะเจ็บในใจเมื่อเห็นท่าทางตกใจของต้า เธอดูตกใจและกังวลจนเกือบจะไม่ยอมไปโรงเรียน แต่ว่าผมก็บังคับเธอให้ไปโรงเรียนจนได้

                   
    หลังจากส่งต้าเสร็จ ผมก็ย้อนกลับมาเพื่อพาพี่เรไปหาหมอ  อาการไข้สูงของพี่เรยังน่าเป็นห่วง ผมควรจะให้พี่เรนอนพักที่โรงพยาบาลดีไหมนะ

                                   
    ให้พี่กลับไปพักที่บ้านเถอะ เดี๋ยวก็หาย  พี่เรบอก

                   
    ผมไม่ชอบคำว่าเดี๋ยวก็หายของพี่เรเลย มันฟังดูเลื่อนลอยและหากำหนดเวลาที่แท้จริงไม่ได้ว่าพี่เรจะดีขึ้นเมื่อไหร่ เพราะเท่าที่ผมเห็น อาการของพี่เรขณะนี้ยังห่างไกลกับคำว่าหายมากมายนัก


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×