คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : ตอนที่ 5
5.
(ความคิดของลลิตา)
ฉันอยากจะหายตัวไปจากที่ตรงนี้ บางที ถ้าฉันหายไปซะมันคงจะดีกว่า เพราะฉันไม่ต้องมาผจญกับสายตาคาดคั้นของพี่เรที่ทำเหมือนกับว่าฉันเป็นเด็กใจแตก หนีเที่ยว เกเร
หัวใจของฉันมันเจ็บจนเหมือนกับจะเป็นบ้า แต่ก็ต้องพยายามกลั้นน้ำตาไม่ให้ไหลออกมา
ก็ที่ฉันต้องทำแบบนี้มันเป็นเพราะใครล่ะ ถ้าไม่ใช่เพราะพี่เร คนที่เพียงพยักหน้ารับอย่างสงบเมื่อฉันบอกว่า ฉันกำลังจะมีแฟน คนที่... ตอนนี้ มีผู้หญิงอีกคนยืนเคียงข้างเสียแล้ว แถมเธอคนนั้นยังทั้งสวย น่ารัก เซ็กซี่ ยิ้มเก่ง หัวเราะได้จนโลกทั้งใบดูสดใส คนที่... ฉันเทียบไม่ได้เลยแม้แต่เพียงหนี่งในร้อย
ฉันเจ็บจี๊ดเมื่อรู้ว่าพี่เรจะไประยอง... ถ้าเป็นเมื่อก่อน พี่เรก็จะเล่าให้ฉันฟังทุกอย่างว่าทำอะไรไปที่ไหน ยิ่งถ้าไปต่างจังหวัด พี่เรจะห่วงฉันมากเป็นพิเศษเพราะฉันเป็นเหมือนน้องน้อยที่ติดพี่เรแจ ถึงฉันจะไม่ชอบที่พี่เรเห็นฉันเป็นเด็กแบบนั้น แต่อย่างน้อยฉันก็มีความสุขที่พี่เรเปิดเผยทุกอย่างกับฉัน
แต่ตอนนี้ ทุกอย่างมันคงเปลี่ยนไปแล้วสินะ
ฉันหันหลังกลับ ตั้งใจจะกระตุกแขนพี่รันให้เดินตามฉันมา แต่โจที่ยืนทำสีหน้าไม่ค่อยดีตรงหน้าทำให้ฉันมีความคิดบ้าๆขึ้นมา
“อ๊ะ โจ มัวแต่ยืนอยู่ตรงนี้ทำไม มานี่สิ” ฉันรีบฉุดโจให้มาร่วมวง
ทุกคนทำหน้าตาเลิ่กลั่ก รวมทั้งโจเองด้วย... ขอโทษนะโจ แค่ขอยืมชื่อเธอนิดเดียวเอง
“พี่เรคะ คนนี้ไงที่ต้าเล่าให้ฟัง” ฉันคงต้องบ้าไปแล้วจริงๆ เพราะน้ำเสียงของฉันมันช่างสดใส และฉันก็เพิ่งรู้ว่าฉันเองก็เป็นนักแสดงกับเขาได้เหมือนกัน “ชื่อโจค่ะ ต้าตอบตกลงไปแล้วนะ พี่เรคิดว่าไงคะ”
“เอ่อ... ต้า..”
“โจเค้ามาบอกชอบต้าตั้งนานแล้วล่ะค่ะ แต่ต้าแค่ตัดสินใจไม่ขาดเท่านั้นเอง เพิ่งจะตอบตกลงไปเมื่อวันที่คุยกับพี่เรวันนั้นนั่นแหละ”
“เฮ้ย!” เสียงพี่รันอุทานขึ้นมา
ฉันรีบหันไปถลึงตาใส่พี่รันเป็นเชิงให้เงียบๆเอาไว้ ก่อนที่จะหันมายิ้มหวานให้พี่เร
“ก็ดีแล้วนี่”
ฉันหวังอะไรอยู่นะ คิดจะให้พี่เรพูดอะไร ฉันไม่น่าหวังเลยเพราะมันทำให้ฉันเสียใจเปล่าๆ เพราะยังไงพี่เรก็คงไม่หวงฉันเอาไว้อยู่แล้ว ทำไมต้องหวงด้วยล่ะในเมื่อฉันไม่เคยเป็นอะไรสำหรับพี่เรที่มากกว่าน้องสาว
“แต่อย่าเที่ยวเล่นแบบนี้ให้เสียการเรียนอีก พี่ไม่ชอบนะ”
พี่เรยังคงเป็นพี่เรที่เข้มงวด แต่ฉันไม่ต้องการอาจารย์ในตอนนี้ ที่ฉันต้องการคือคำพูดอะไรก็ได้ของพี่เรที่บอกว่ายังไม่ต้องการให้ฉันมีแฟน ถึงจะเป็นคำพูดของพี่ชายที่หวงน้องสาว ก็ยังดีกว่าตัดความหวังทุกอย่างของฉันออกไป
“ไม่เอาน่าเร เด็กวัยรุ่นเที่ยวเล่นไม่เห็นแปลกเลย พักผ่อนบ้างก็ทำให้สมองปลอดโปร่งคลายเครียดนะ” พี่สาวคนสวยบอกพี่เรด้วยน้ำเสียงไม่ค่อยชอบใจ “แอนล่ะไม่ชอบระบบการศึกษาประเทศไทยเลย เรียนกันเหมือนคนบ้าเข้าไปทุกที”
“แต่มันสำคัญกับอนาคต” เสียงพี่เรอ่อนลง หึ... คงไม่กล้าเสียงแข็งกับพี่สาวคนนี้สินะ
“แค่โดดเรียนวันเดียวแอนไม่เห็นว่าจะเสียหาย” พี่สาวหันมาทางฉันพร้อมรอยยิ้มแสนสวย “ไปดูหนังกันเถอะจ้ะ อย่าสนใจเรเลย แต่ก็อย่าโดดบ่อยนักนะ”
ฉันฝืนยิ้มแล้วรับคำ
พี่รันพาฉันเดินห่างออกมา ห่างออกมา... และ
“นี่ต้าคิดจะทำอะไรกันแน่!” พี่รันตะโกนใส่ฉัน “ทำไมถึงโกหกแบบนั้น”
“ขอโทษจริงๆนะโจ ที่เราใช้ชื่อโจไปแบบนั้น” ฉันก้มหน้ายอมรับผิด
“มีปัญหาอะไรกับพี่เร ผู้หญิงคนนั้นเค้าไม่ใช่แฟนพี่เรหรอกนะต้า”
อย่ามาหลอกฉันเลย ฉันอายุสิบเจ็ดนะ ไม่ได้อายุเจ็ดขวบ
“พี่เรมีแฟนก็ไม่เกี่ยวอะไรกับต้านี่” ฉันเมินหน้าไปทางอื่น
“แล้วทำไมต้องบอกพี่เรแบบนั้น”
“พี่เรจะได้ไม่ต้องสงสัยไง ว่าใครเป็นแฟนต้า” ฉันแก้ตัวน้ำขุ่นๆ “แล้วก็เลิกเซ้าซี้ถามต้าได้แล้ว ไม่ใช่เรื่องของพี่รันเสียหน่อย น่าเบื่อชะมัด!”
ฉันยั้งปากไว้ไม่ทันจริงๆ ไม่ได้ตั้งใจที่จะพูดให้รุนแรงแบบนั้น แต่อารมณ์ที่แปรปรวนอยู่ข้างในทำให้ฉันพาลเอากับพี่รัน
ใบหน้าพี่รันดูซีดลงทันทีที่ฉันพูดจบ ฉันเองก็หน้าเสียด้วย อยากจะขอโทษ ทว่ากลับพูดอะไรไม่ออกสักคำ
“ไปกันเถอะโจ” ฉันหันไปคว้าแขนโจเดินหนีเสียอย่างนั้นเพราะไม่รู้ว่าควรจะทำตัวอย่างไรดี หนีให้พ้นจากที่ตรงนี้ก่อนเป็นดีที่สุดเพราะสายตาที่พี่รันมองมาทำให้ฉันรู้สึกร้อนๆหนาวๆพิกล มันทำให้ฉันรู้สึกผิดอย่างลึกซึ้งเพราะฉันสัมผัสได้ถึงความเสียใจที่มากมายของพี่รัน
โจตามฉันมาโดยที่ไม่พูดอะไรสักคำ ส่วนพี่รันก็ไม่ได้ตามฉันมา
ทำไมเรื่องมันถึงกลายเป็นแบบนี้ไปได้... รู้อย่างนี้ วันนี้ฉันคงเลือกที่จะไปนั่งหาวหวอดๆในห้องเรียนดีกว่าที่จะมาเจอเรื่องบ้าๆที่นี่
ทั้งๆที่ฉันอยากจะดูหนัง หาความสุขให้กับตัวเองเพื่อที่จะลืมความเจ็บปวดแท้ๆ
แต่กลับกลายเป็นว่าฉันต้องมาพบกับความเจ็บปวด แถมยังพลอยทำให้พี่รันเสียใจไปด้วย .... ฉันนี่มันแย่จริงๆ
“ต้า” โจเรียกฉันเบาๆ
“หืม..”
“ทำไมต้าถึงหลอกพี่เค้าว่าต้าเป็นแฟนกับโจล่ะ”
“โจโกรธหรือเปล่า” ฉันไม่ตอบ แต่ถามกลับอย่างกังวล “ขอโทษด้วยนะ ที่เอาโจเข้ามาเกี่ยวด้วยแบบนี้ โจเลยต้องแยกกับเพื่อนเลย”
“เรื่องแค่นั้นน่ะจิ๊บจ๊อย” โจยิ้มให้ฉัน
ที่จริงแล้วโจก็เป็นผู้ชายที่หล่อเข้าท่าเลยทีเดียว แถมยังเป็นนักบาสของโรงเรียนอีกต่างหาก แต่สำหรับฉันแล้ว ฉันว่าสิ่งที่ดีที่สุดในตัวของโจก็คือ ความมีน้ำใจ
“แล้วนี่เราจะไปไหนกันดีล่ะ” ฉันถามขึ้น เพราะตอนนี้ฉันชักรู้สึกไร้จุดหมายเต็มทน
“แล้วพี่รันคนนั้นล่ะ ต้าไม่กลับไปหาเขาเหรอ”
“ไม่ล่ะ ต้าเบื่อหน้าแล้ว ทั้งพี่ทั้งน้องเลย เดี๋ยวต้ากลับบ้านเองก็ได้”
“งั้น... เดี๋ยวให้โจไปส่งนะ”
นี่ล่ะโจ มีน้ำใจกับเพื่อนเสมอ
“ไม่เป็นไรหรอก อีกอย่าง โจไม่รู้ว่าบ้านต้าอยู่ไหนสักหน่อย”
“โจก็ขึ้นรถเมล์เป็นเพื่อนต้าก่อนไง อนาคตโจจะได้ไปส่งบ้านต้าถูก”
ฉันหัวเราะคิกกับท่าทางกระตือรือร้นของโจ ก่อนจะตอบด้วยรอยยิ้มแจ่มใส
“งั้นก็ได้เลย”
ฉันรู้สึกยืดเหมือนกันในระหว่างทางที่กลับบ้าน เพราะโจที่ยืนอยู่ข้างๆฉันนั้นทั้งสูงทั้งเท่ห์จนทำให้สายตาสาวๆวัยรุ่นหลายคนมองจนเหลียวหลัง ซึ่งเจ้าตัวก็คงจะรู้ดีเนื่องจากฉันเห็นเขาทำหน้าแดงบ่อยๆเวลาที่โดนมองด้วยสายตาเยิ้มๆแบบนั้น
เมื่อถึงป้ายรถเมล์ที่ฉันต้องลง โจก็ลงตามฉันมาด้วยซึ่งอันที่จริงฉันก็ห้ามเขาแล้ว แต่โจก็ไม่เชื่อ ดื้อจะตามลงมาให้ได้
“บ้านต้าอยู่ลึกเหมือนกันนะ” โจบอกหลังจากที่เดินมาสักพัก
“ก็ใช่นะ แต่เดินบ่อยๆก็ชิน” ใช่ ถ้าเดินบ่อยๆก็จริง แต่ฉันไม่ได้เดินบ่อยๆเสียหน่อยก็เลยไม่เคยที่จะชินกับระยะทางแบบนี้เสียที
ฉันหลุบตาลงต่ำเมื่อนึกถึงตรงนี้... พี่เรใจร้าย ปล่อยให้ต้าต้องเดินจนขาบวมแบบนี้ได้ไง
“โจกลับไปเถอะ ไม่งั้นก็ต้องเดินกลับมาขึ้นรถคนเดียวอีกรอบ เหนื่อยแย่” ฉันไล่โจกลับไปอีกรอบ
“ไม่ล่ะ นานๆเดินออกกำลังกายบ้างก็ดี”
“ทำไม วิ่งรอบสนามบาสจนเบื่อแล้วเหรอเลยอยากเปลี่ยนเป็นเดินออกกำลังกายบ้าง” ฉันกระเซ้าเล่น ก็รู้ๆกันอยู่ว่าโจเป็นนักบาสโรงเรียน ไอ้เรื่องออกกำลังกายน่ะสำหรับโจมันเป็นกิจวัตรประจำวันไปแล้วเสียมากกว่า
“ก็ใช่น่ะสิ โจเอียนสนามบาสจะแย่” โจรับมุข
เราสองคนมองหน้ากันแล้วหัวเราะอย่างขบขัน
ขอบคุณนะโจ ถ้าวันนี้ไม่มีโจ วันนี้ก็คงจะเป็นอีกหนึ่งวันอันเลวร้ายของฉันเลยทีเดียว
(ความคิดของเรวิทย์)
สายตาของผมกำลังจับจ้องไปที่เด็กหนุ่มสาวสองคนที่กำลังหัวเราะต่อกระซิกกันด้วยความรู้สึกที่บรรยายไม่ถูก
จะให้ผมรู้สึกยังไงได้ในเมื่อ ตอนนี้หัวใจของผมคล้ายกับโดนของหนักๆหล่นทับจนมันเจ็บปวดไปหมดแล้ว ตอนนี้ ที่ผมอยากจะทำมากที่สุดก็คือตรงเข้าไปยังเด็กสาวคนนั้นแล้วจับตัวมาถามว่า เธอไม่ได้รักผมอย่างนั้นแล้วหรือไร สิ่งที่ผมหวาดกลัวมาตลอดมันกำลังจะเกิดขึ้นแล้วใช่หรือไม่
ต้ากำลังจะได้พบกับเจ้าชายคนใหม่ แทนเจ้าชายคนเก่าอย่างผมที่สมควรจะขึ้นไปอยู่ในฐานะพี่ชายอย่างสมบูรณ์เสียที
หึ... มันจะเป็นไปได้อย่างไรกันที่เด็กอายุสิบเจ็ดจะมารักกับคนอายุยี่สิบห้าอย่างผม แค่คิดก็ตลกแล้ว แถมต้ายังเป็นเด็กนักเรียนในขณะที่ผมเป็นอาจารย์ในมหาวิทยาลัย ความแตกต่างมันช่างมากมาย
ต้าจะรู้บ้างไหมนะว่าตอนที่ต้าบอกผมว่าต้าจะมีแฟน ตอนนั้นผมรู้สึกเหมือนกลายเป็นหิน จะพูดอะไรก็พูดไม่ออก จะบอกห้ามก็ไม่ได้เพราะไม่รู้จะห้ามด้วยเหตุผลอะไร โอเค จะว่าผมขี้ขลาดก็ได้ที่ไม่ยอมบอกความรู้สึกที่แท้จริงของตัวเองออกไป แต่ผมไม่สามารถเห็นแก่ตัวขนาดนั้น วัยของต้าน่าจะได้เที่ยวเล่นกับคนวัยเดียวกัน ไม่ใช่ผม ที่เวลาแทบทั้งหมดได้ยกให้กับงานไปเรียบร้อยแล้ว
คนเป็นพี่ชาย ก็ควรต้องทำแบบนี้ ใช่หรือไม่?
แม้ว่าเมื่อทำลงไปแล้ว ผลของมันคือความเจ็บปวดก็ตามที
ยิ่งในวันนี้เมื่อต้าพูดแนะนำเด็กหนุ่มคนนั้นด้วยแล้ว เธอดูสดใสมากกว่าปกติ และยังเมื่อครู่นี้ที่พากันมาส่งถึงบ้านก็ด้วย ต้าดูไม่ซึมเศร้าเหมือนเมื่อวันที่ผ่านๆมา
มันคงถึงเวลาแล้ว ที่ผมจะถอยห่างออกไปเพื่อทำหน้าที่เป็นเพียงบุคคลที่เฝ้าระมัดระวังไม่ให้เธอต้องเสียใจเพราะความรัก และหมดเวลาแล้วที่ผมจะฝันถึงความรัก ระหว่างผมและเธอ...
ผมนั่งอ่านรายงานที่นักศึกษาทำส่งอยู่บนโต๊ะในห้องของผม ดวงอาทิตย์เริ่มลับของฟ้า และสีของบรรยากาศภายนอกก็มัวซัวเหมือนกับจิตใจของผม
จู่ๆ ประตูห้องของผมก็เปิดผางออก
“พี่เร นี่มันหมายความว่าอะไรกัน” เสียงดังลั่นของรันดังเข้ามา ก่อนที่เจ้าตัวจะปิดประตูดังปังแล้วยืนเท้าเอวราวกับกำลังอดทนอะไรสักอย่างอยู่
“อะไร” ผมถามอย่างไม่เข้าใจ “ทำเสียงดังแบบนี้ได้ไง คุณลุงคุณป้าตกใจหมด”
“อย่าเพิ่งมาสอนกันตอนนี้ ที่รันอยากรู้ก็คือ พี่เรกับต้ามีเรื่องอะไรกัน”
“ไม่มีนี่” ผมหันหลังกลับไปทำงานต่อ
“หึ” รันทำเสียงต่ำๆในลำคอ “คิดว่าเท่ห์หรือไงที่ทำมาดขรึมแบบนี้ คิดหรือว่ารันไม่รู้ว่าพี่เรรักต้าน่ะ พูดมาตามตรงดีกว่าว่ามีปัญหาอะไรกัน”
“คิดจะพูดอะไร” ผมหันกลับมาอย่างพยายามอดทน “อย่ามาทำพูดจาไร้สาระ”
ความจริงแล้วผมตกใจ ที่จู่ๆรันก็เข้ามาพร้อมกับนำความรู้สึกที่ผมไม่กล้าพูดมาประกาศให้ฟังแบบนี้ และที่ตกใจมากกว่าก็คือ ผมทำอะไรพลาดไปตรงไหน รันถึงรู้ว่าผมรู้สึกกับต้ามากกว่าความเป็นน้อง
อดกังวลไม่ได้ว่นอกจากรันแล้ว ยังมีใครคนอื่นรู้อีกหรือเปล่า
ที่ผมทำตอนนี้ จึงได้แต่ปกปิดต่อไปและทำให้รันรู้ว่าเขาแค่เข้าใจผิดไปเอง
“ไร้สาระงั้นเหรอ” รันมองผมด้วยสายตาไม่พอใจ “พี่ทำให้ต้าเสียใจแท้ๆ ยังมาพูดได้อีกเหรอว่าเป็นเรื่องไร้สาระ”
“ออกไปซะ”
ออกไปก่อนที่ผมจะระเบิด
“แต่ว่า...”
“พี่ไม่มีอะไรจะพูด”
“อย่าทำตัวโง่เง่าแบบนี้ได้ไหมพี่เร”
“นายนั่นแหละที่ต้องหยุดพูด พี่มีงานก็เห็นอยู่ ยังจะมาพูดจาไร้สาระอยู่อีก” ผมขึ้นเสียงใส่รันอย่างลืมตัว ผลก็คือ รันนิ่งไปครู่หนึ่ง และผมเองก็นิ่งเหมือนกัน
รันเมินหน้าไปทางอื่นแล้วพูดว่า
“ได้ งั้นรันจะไม่พูดอะไรอีก แต่ขอให้รู้ว่าว่าพี่เรน่ะ โง่ที่สุด และรันก็จะไม่ยกต้าให้กับคนโง่ๆอย่างพี่เรแน่”
พูดจบรันก็ผลุนผลันออกไป ส่วนผมก็ได้แต่นั่งงงกับประโยคสุดท้ายของรัน
คงไม่ได้หมายความว่า... รันเองก็...
ผมรีบวิ่งตามรันออกไปทันที แต่นั่นก็ช้าไปเพราะรันขับรถออกไปจากบ้านก่อนที่ผมจะเข้าถึงตัวรถเพียงเสี้ยววินาที
เช้าวันรุ่งขึ้น ผมตื่นขึ้นมาด้วยความไม่สดใสนัก ผมนอนไม่หลับ และรันก็ยังไม่กลับบ้านกระทั่งครั้งหลังสุดที่ผมเหลือบมองนาฬิกา ก่อนจะนอนหลับไปอย่างกระสับกระส่าย
ผมลงมาข้างล่างด้วยท่าทางเหนื่อยอ่อน
“ลงมาแล้วเหรอจ๊ะ มากินข้าวเร็วเข้า” ป้าของผมเรียกอย่างใจดี ก่อนจะกลับเข้าไปในครัวใหม่
“ครับ” ผมก้าวเข้าไปที่โต๊ะอาหาร
รันนั่งอยู่ที่นั่น ในสภาพเครื่องแต่งกายเรียบร้อย กำลังนั่งกินข้าวต้มด้วยท่าทางเอร็ดอร่อย
“เมื่อคืนกลับมากี่โมงน่ะ” ผมถามด้วยน้ำเสียงเข้มงวด “พี่เป็นห่วงนะรู้ไหม”
“อย่ามาเป็นห่วงรันเลย คนที่พี่ควรห่วงน่ะ คือคนที่อยู่บ้านข้างๆเรามากกว่า” เสียงตอบก็ชาเย็นพอกัน “แต่ตอนนี้ก็ไม่ต้องเป็นห่วงก็ได้ เพราะยังไงรันก็จะดูแลต้า ไม่ให้เหมือนพี่เรหรอก”
“หมายความว่าไง”
“ก็หมายความตรงตัว” รันหันหน้ามามองผมเต็มตา เปิดเผย “รันชอบต้า และตอนนี้ พี่เรไม่มีสิทธิ์จะมาขวางรันด้วย”
พูดจบ รันก็ผุดลุกขึ้นแล้วเดินชนผมออกไป ส่วนผม ก็ได้แต่ยืนอยู่ตรงนั้นด้วยสมองอันว่างเปล่า
(ความคิดของรัทยุทธ์)
ผมเบื่อพี่เรเต็มทีแล้ว กับความช่างห่วงช่างกังวลอะไรที่มันไม่เข้าท่า ผมรู้ว่าพี่เรเป็นอาจารย์ แต่ไม่เคยคิดว่าพี่เรจะเป็นอาจารย์ที่ช่างจุกจิกและคิดมากเหมือนอาจารย์ป้าแก่ๆสมัยที่ผมเรียนชั้นประถม สิ่งที่พี่เรทำทั้งหมดมันก็แค่การหนีเท่านั้น หนีไปจากความรู้สึกที่แท้จริงของตัวเองเพราะกลัวว่าจะต้องผิดหวังในอนาคต
แต่ผมไม่กลัว และสิ่งที่ผมจะทำก็คือ ปกป้องต้าจากความเจ็บปวดทั้งมวล
ตลอดทางที่นั่งรถ พี่เรที่เป็นคนขับเอาแต่นิ่งเงียบในขณะที่ต้ายังคงแกล้งทำเป็นพูดคุยตามปกติ ทั้งๆที่ความจริงแล้ว หลายครั้งที่ผมเป็นแววตาอ่อนไหวเริ่มจะมีน้ำคลอคลอง แต่เธอก็กลืนมันลงไปและทดแทนด้วยรอยยิ้ม
ผมเองรู้สึกเหมือนคนบ้า
บ้า... ที่จะต้องทำเป็นพูดจายิ้มแย้มต่อหน้าพี่เร คอยทำให้ต้าหัวเราะ แม้ว่าต้าจะไม่อยากหัวเราะก็ตาม
และแล้ว ผมก็ต้องไปนั่งทอดถอนหายใจกับเอก เขี่ยข้าวไปมาเล่นเพราะกินอะไรไม่ลง
“มึงจะว่าอะไรไหมวะ ถ้ากูจะจีบต้า” ผมพูดขึ้นขณะที่นั่งมองเอกตักข้าวคำโตเข้าปาก
เอกชะงัก พลอยทำให้ช้อนคาอยู่ในปากด้วย
“แกฟังไม่ผิดหรอกน่า” ผมย้ำ เพราะรู้ว่าเอกคงจะต้องนึกว่าตัวเองหูฝาด เอกจะรู้ได้อย่างไรว่าผมชอบต้า ในเมื่อผมไม่เคยแสดงท่าทีอะไรออกมาเลยสักอย่าง แถมไม่เคยพูดอะไรเวลาที่เอกพูดทำนองว่าชอบต้า
“มึงพูดจริง” เอกพยายามอย่างยิ่งที่จะกลืนข้าวคำนั้นลงไป
“จริง”
“ตั้งแต่เมื่อไหร่”
“นานแล้ว”
เอกมองหน้าผมตรงๆอย่างสงสัย
“แล้วทำไมแกเพิ่งจะมาบอกกูตอนนี้วะ ไม่กลัวโดนกูอัดหรือไง”
“ไม่กลัว” ผมยิ้ม “ที่เพิ่งบอกเป็นเพราะเพิ่งจะมีความหวังต่างหาก”
เอกเกาหัวแกรกๆ เห็นได้ชัดว่าต้องการคำอธิบายเพิ่ม
“กูเพิ่งจะมีความหวัง.. ที่จะทำให้ต้าหันมาสนใจกู... เมื่อวานนี้เอง”
“ไม่เข้าใจอยู่ดี” เอกส่ายหน้า “มึงรู้ได้ไงว่าน้องต้าเขาจะไม่แลมึงในเมื่อมึงไม่เคยคิดจะกล้าจีบ”
“แกต่างหากที่ไม่รู้อะไร” ผมหัวเราะหึหึ “ต้าน่ะ เขามีคนที่ชอบอยู่แล้ว แต่กูเองก็เพิ่งจะรู้ว่าคนที่ต้าชอบน่ะ... ไม่มีค่าพอที่กูจะต้องไปกลัว”
ใช่... คนขี้ขลาดอย่างพี่เร ที่มีแต่ทำให้ต้าต้องเสียใจ ทำไมผมจะต้องกลัวผิดหวังทีหลังด้วย คนที่ควรจะต้องกลัวน่าจะเป็นพี่เรมากกว่า เพราะพี่เรเองนั่นแหละที่เป็นคนที่ผลักไสต้า ปฏิเสธได้แม้กระทั่งความจริงที่อยู่ตรงหน้า
เอกมองหน้าผมด้วยสีหน้าเครียดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนที่จะยิ้มออกมา แล้วเอามือหนักๆมาวางไว้บนไหล่ผม
“กูไม่เข้าใจเรื่องที่มึงพูดมากนักหรอกนะ แต่ก็เอาใจช่วยมึงว่ะ”
“แกเลิกชอบต้าแล้วหรือไง” ผมอดสงสัยไม่ได้ ทั้งๆที่มันเคยอาการหนักขนาดนั้นมาก่อนแท้ๆ
“บ้าน่ะสิ” เอกแยกเขี้ยวใส่ “กูแค่ไม่อยากจะแย่งผู้หญิงกับเพื่อน ไม่เห็นจะคุ้มเลย”
“อ้อ มึงรักกูมากกว่าน้องต้า” ผมยิ้มกวนๆใส่
เอกทำท่าสยดสยองกับคำพูดของผมพลางถอยห่างออกไป
“ไอ่บ้า อย่ามาตีความหมายมั่วซั่วชวนขนลุกได้ไหมวะ กูรับไม่ได้โว้ย”
หึหึ นอกจากต้าแล้ว คนที่ผมมีความสุขเวลาแกล้งก็คงจะเป็นเอกนี่ล่ะ
หลังจากเลิกเรียน ผมก็รีบไปหาต้าที่โรงเรียนถึงแม้ว่าต้าจะยังไม่เลิกเรียนก็ตาม อย่างน้อย ผมก็อยากจะเห็นร่างบางกับดวงหน้าสดใสนั้น.. เร็วกว่าเดิม.. สักหนึ่งนาที ก็ยังดี
ผมยืนๆเดินๆ เตร็ดเตร่อยู่หน้าโรงเรียนอยู่คนเดียว มองผู้คนที่เดินเข้าเดินออกด้วยหัวใจที่กระตือรือร้นและพองโต ผมไม่เคยรู้เลยว่าสิ่งที่เรียกว่า ‘ความหวัง’ มันจะให้ความรู้สึกที่แสนดีขนาดนี้
เสียงกริ่งโรงเรียนดังขึ้นบอกเวลาเลิกเรียน ผมยังคงยืนอยู่ที่หน้าประตูโรงเรียนแบบนั้น รอยยิ้มเต็มหน้าผมในตอนแรกเมื่อคิดว่าต้าคงกำลังจะลงมาจากชั้นเรียน แต่แล้ว ผมก็ต้องหุบยิ้มลงเมื่อเห็นใครอีกคนหนึ่งเดินใกล้เข้ามา
เราสองคนมองหน้ากันอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนที่คนเมินไปก่อนจะเป็นพี่เร
“มาด้วยเหรอ” ผมถามขึ้นลอยๆ “ที่จริง หน้าที่รับส่งต้า ถ้าพี่เรไม่อยากทำก็โอนต่อให้รันก็ได้นะ พี่เรจะได้ไม่ต้องเสียเวลา”
ผมไม่รู้ว่าคำพูดของผมไปกระทบใจพี่เรบ้างหรือเปล่า บางที ผมอาจจะเป็นคนโง่ก็ได้ ที่ยังหวังให้พี่เรรู้สึกตัวและเลิกทำให้ต้าเสียใจเสียที
“ยังไงต้าก็เป็นน้องสาวพี่”
แค่นั้นเองน่ะหรือ.... ผมกำมือแน่น
ก็ได้ ผมจะเลิกเห็นแก่พี่เร ต่อไปนี้ผมจะเห็นแก่ตัว จะไม่ยอมเป็นคนดียอมหลีกทางให้พี่เรอีกต่อไป
“พี่เร... ช่วยผมหน่อยได้ไหม” ผมพูดออกมาเสียงแผ่ว...
พี่เรมองมาอย่างสงสัย
“พี่เรก็รู้แล้วนี่นาว่าผมชอบต้า” ผมพยายามที่สุดที่จะทำเสียงเป็นปกติ “ต้าน่ะ ติดพี่เรจะตาย พี่เรช่วยให้ผมสมหวังหน่อยสิ”
พี่เรอึ้งไป วูบหนึ่งที่ผมเกือบจะใจอ่อนเพราะดวงตาที่คล้ายนกปีกหักของพี่เร แต่นาทีต่อมา ผมก็เลิกใจอ่อน เมื่อเห็นสีหน้าไม่รู้ไม่ชี้ของพี่เรที่เอ่ยตอบกลับมาว่า
“ต้ามีแฟนแล้วไม่ใช่หรือไง”
ผมยิ้มเย้ย
“มันไม่ใช่ปัญหานี่พี่เร ผมชอบต้ามาตั้งนานแล้ว แน่ใจด้วยว่าจริงใจไม่แพ้ใครทั้งนั้น ที่ผมขอให้พี่เรช่วย ก็แค่ปล่อยให้ผมอยู่สองคนกับต้าบ้าง หรือไม่ก็พูดเรื่องผมให้ต้าฟัง อะไรทำนองนี้”
“นาย.. รัก.. หรือแค่ชอบ”
คำถามนั้นผมได้ยินความไม่แน่ใจอยู่ในน้ำเสียง ผมเข้าใจพี่เรดี พี่เรคงไม่อยากยอมรับความจริงที่ว่า ผมรักต้า รัก เหมือนกับความรู้สึกของพี่เรที่มีต่อต้านั่นแหละ
“รันรักต้า” ผมพูดอย่างหนักแน่น “พี่เรแน่ใจได้เลยว่าผมจะไม่มีวันทำให้ต้าเสียใจ”
“ถ้าอย่างนั้น...” พี่เรหลุบตาลง... ส่วนผมได้แต่คาดหวัง
ถ้าเพียงแค่ยอมรับความจริงเท่านั้น.. ถ้าเพียงแค่บอกมาว่าพี่เรเองก็รักต้า และไม่อาจปล่อยต้ามาให้กับผม.. ถ้าเพียงพี่เรจะพูดแบบนั้น
“พี่จะช่วยนายเอง!”
ผมตะลึงงัน
ในโลกนี้ ผมคงไม่พบใครที่ดื้อ โง่ บ้า ขนาดพี่เรอีกแล้ว...
ความคิดเห็น