คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : ตอนที่ 4
4.
(ความคิดของลลิตา)
ตาของฉันฝาดไป หรือฉันกินยาผิดจนประสาทหลอน
เหตุการณ์ที่ฉันเห็นตรงหน้าราวกับคู่รักที่กำลังทะเลาะกัน ฝ่ายหญิงวิ่งผลุนผลันออกมานอกบ้านโดยมีชายหนุ่มคนหนึ่งออกมารั้งไว้ ประตูรถเปิดค้าง และอารมณ์ที่รุนแรงของทางฝ่ายหญิง
ฉันได้ยินอะไรไม่ชัดนัก เท้าของฉันจึงค่อยๆก้าวเข้าไปใกล้ขึ้นช้าๆ ด้วยความอยากรู้อยากเห็นระคนหวาดกลัว.. ได้แต่ภาวนาให้สิ่งที่ฉันกลัวมันไม่เป็นความจริง
"เรเห็นแอนเป็นอะไรกันแน่..."
เสียงชัดขึ้น และอารมณ์ของเธอคนนั้นก็เต็มไปด้วยการตัดพ้อต่อว่า
"แอนเข้าใจเรบ้างสิ เรงานเยอะนะ การเป็นอาจารย์สอนปริญญาตรีมันไม่ได้ง่าย มันหนัก แล้วเรก็เครียดด้วย"
นั่น เสียงพี่เร น้ำเสียงที่เคยอ่อนโยนอยู่เสมอ ตอนนี้กลับเต็มไปด้วยความเคร่งเครียด
"แอนก็พยายามเข้าใจเรแล้วนี่ แต่มันช่วยไม่ได้ที่แอนจะรู้สึกเสียใจไม่ใช่หรือ"
จากนั้น โลกทั้งโลกก็คล้ายจะหยุดหมุน
ฉันก้าวขาไม่ออก พี่เรเองก็ทำอะไรไม่ถูก จนกระทั่งเธอผู้นั้นปิดประตูรถและจากไป
ที่ฉันได้ยิน.. มันคืออะไรกันแน่
วันนี้เป็นวันที่แย่ที่สุดเท่าที่ฉันเคยมีที่โรงเรียน
เริ่มตั้งแต่ตอนเช้าที่ฉันเดินเหม่อลอยจนสะดุดบันไดล้มให้เพื่อนหัวเราะกันครืน แถมยังโดนล้อเรื่องที่ไม่มีเจ้าชายขี่ม้าขาวมาช่วยอีกต่างหาก ตามต่อมาด้วยอาการเหม่อที่ยังไม่หายไปไหน ฉันเหม่อจนกระทั่งอาจารย์โมโห โดนหักคะแนนเก็บไปเสียงอย่างนั้น อ๊ะ ยังไม่หมดนะ ไม่รู้จะซวยซ้ำซ้อนไปถึงไหน เพราะวันนี้มีคาบพละ และฉันลืมเอากางเกงพละมา เลยโดนหักคะแนนอีกรอบ
เลวร้ายที่สุด...
พี่เรมารับฉันที่โรงเรียนเหมือนอย่างเคย ฉันรู้ว่าพี่เรคงจะกังวลเรื่องฉันอยู่เหมือนกัน เพราะท่าทางฉันไม่ร่าเริงเอาเสียเลย
"เป็นอะไรหรือเปล่าต้า ซึมแบบนี้ตั้งแต่เช้าแล้วนะ พี่ไม่ชอบเลย" พี่เรถามขณะขับรถ
สมองของฉันอยากจะสั่งเหลือเกินให้ปากขยับ.. เพื่อที่จะถามถึงเรื่องเหตุการณ์เมื่อคืนว่ามันไม่มีความหมายใดๆเลยใช่หรือไม่ แต่จิตใจส่วนลึกของฉันกลับห้ามเอาไว้...
เพราะถ้าคำตอบคือ ไม่ใช่...
แค่คิดเพียงเท่านี้ น้ำตาก็รื้นขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้ ฉันเบือนหน้าไปทางอื่นเพื่อซ่อนน้ำตา
"ร้องไห้ทำไม" เสียงพี่เรบ่งบอกถึงความตกใจ ก่อนจะเปลี่ยนน้ำเสียงเป็นเครียดขรึมขึ้น "เกิดอะไรขึ้น"
"เปล่าหรอกค่ะ ต้าไม่ได้เป็นอะไร" ฉันไล่น้ำตาไปหมดแล้วและพยายามยิ้ม แต่มันคงฝืดเฝื่อนเต็มที
"โกหกพี่แบบนี้ไม่ดีเลยนะต้า"
แล้วจะให้ต้าบอกพี่เรยังไงคะ จะให้ต้าพูดว่า ต้ากำลังเจ็บ แล้วก็...หึง... ที่เห็นพี่เรทำท่าแคร์ผู้หญิงอีกคนหนึ่งมากขนาดนี้หรือ ทั้งๆที่ต้าไม่มีสิทธิ์อะไรเลยด้วยซ้ำ
"ไม่มีอะไรจริงๆค่ะ" ฉันยืนยันไปแบบนั้น
พี่เรรู้ว่าไม่ว่าจะอย่างไร ฉันก็คงไม่เปิดปากพูดแน่ๆ ลงท้ายพี่เรก็เลยถอนหายใจเฮือกใหญ่
"เอาเป็นว่า พี่จะคอยแล้วกันนะ จนกว่าต้าจะสบายใจพอที่จะพูดให้พี่ฟัง"
เจ็บจังเลย... ฉันเจ็บในอกไปหมด
จะถามก็ไม่กล้า แต่จะเก็บไว้แบบนี้ก็ทรมาน
ฉันเพิ่งรู้สึกแบบนี้เป็นครั้งแรก รู้สึกว่า พี่เรไม่เคยเป็นของฉัน และฉันไม่เคยมีสิทธิ์ในตัวพี่เรเลย
(ความคิดของเรวิทย์)
ผมเป็นห่วงต้ามาก เพราะต้าไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อน
ปกติต้าจะร่าเริง ยิ้มง่าย ทำให้โลกทั้งใบของผมสดใส แต่ผมก็ไม่เข้าใจว่าทำไมต้าในวันนี้ถึงดูหม่นหมอง ราวกับว่ามีพายุที่กำลังสาดซัดอยู่ในใจของเธอ
และที่ทำให้ผมขัดใจก็คือ ความเศร้าในดวงตาของต้าที่ผมไม่รู้ว่ามันคืออะไร ทั้งๆที่ผมเคยอ่านต้าได้ตลอดเวลา แต่นี่เป็นครั้งแรกที่ผมไม่รู้ว่าต้าคิดอะไร และเธอก็ไม่ยอมบอกผม
ผมกำลังกลุ้มใจเรื่องของแอนอยู่ แต่ตอนนี้ เรื่องของต้ากลับมาวนเวียนอยู่ในสมองของผมจนไม่มีเวลาจะคิดถึงแอนเลย ผมไม่เข้าใจว่าทำไมถึงกลายเป็นแบบนี้ไปได้ ผมทำให้แอนเสียใจ ทว่า สมองของผมกลับมีแต่เรื่องของต้าอยู่เต็มไปหมด
โอ๊ยยย! ผมไม่มีสมาธิที่จะทำงานแล้วนะ
ทิ้งปากกาในมือ และตัดสินใจว่าผมคงต้องไปคุยกับต้าเสียหน่อย
ผมโทรศัพท์ไปที่บ้านต้าก่อนเป็นอันดับแรก ผมรู้สึกแปลกๆอยู่เหมือนกันเพราะปกติแล้ว ผมไม่เคยโทรไปหาต้าเลยสักครั้ง อาจเป็นเพราะเราใกล้ชิดกันมากและเจอหน้ากันอยู่ตลอดเวลาจนทำให้เทคโนโลยีสื่อสารระหว่างผมและต้าหมดความสำคัญลงไป
"ฮัลโหล สวัสดีค่ะ"
น้ำเสียงคุ้นหูดังมาตามสาย ผมลอบถอนหายใจเมื่อผู้รับเป็นต้า ไม่ใช่ผู้ใหญ่คนใดคนหนึ่งในบ้าน มันไม่ค่อยใช่สถานการณ์ปกตินักที่ผมจะโทรศัพท์ไปเพื่อคุยกับต้าตอนดึกดื่นขนาดนี้
"ฮัลโหล ต้า" ผมกรอกเสียงลงไป "พี่เองนะ"
ผมคิดไปเองหรือเปล่าว่าต้านิ่งอึ้งไปชั่วครู่ แต่พอเธอพูดออกเสียง ก็กลับไปเป็นต้าคนเดิมอีกครั้ง
"พี่เรมีอะไรเหรอคะ แปลกจัง ร้อยวันพันปีไม่เห็นเคยโทรมา ไหนว่าเปลืองค่าโทรศัพท์ เดินเอาดีกว่า"
"พี่แค่อยากคุยกับต้าน่ะ"
"คุยกับต้า?" ผมนึกหน้าต้าออกเลย เธอคงกำลังทำตาโตๆแล้วก็เอียงคอนิดๆด้วยความสงสัยเป็นแน่ "มีอะไรเหรอคะ"
"พี่ไม่อยากคุยกับต้าผ่านโทรศัพท์นะ เราไปเดินเล่นกันหน่อยดีไหม"
"เดินเล่นตอนสองทุ่มเนี่ยนะคะ"
ไม่แปลกอะไรที่ต้าจะแปลกใจมากขนาดนี้ ขนาดผมยังแปลกใจตัวเองเลยที่ดันทุรังจนเกินเหตุ ทั้งๆที่ผมจะคอยซักต้าเอาพรุ่งนี้เช้าก็ได้แท้ๆ
"ต้า... ไม่อยากไปเดินเล่นกับพี่เหรอ"
ผมกลั้นใจถามออกไปแบบนั้น คำถามฟังดูล่อแหลมต่อความรู้สึกของทั้งผมและต้า ถ้าหากว่าในสายตาผม ต้ายังคงเป็นน้องน้อย และในสายตาต้า ผมคือพี่ชายที่แสนดีของเธอ มันก็คงไม่แปลกอะไร แต่ในเมื่อทั้งความรู้สึกของผมและต้ามันเปลี่ยนไปแล้ว ประโยคที่ธรรมดาที่สุด ก็กลับกลายเป็นประโยคที่ไม่ธรรมดาไปได้อย่างไม่น่าเชื่อ
ต้าจะรู้ไหมนะ ว่าความรู้สึกผมลึกซึ้งกว่าคำว่าพี่น้องยามที่ผมถามประโยคนั้นออกไป
"ต้า... ขอถามแม่ก่อนนะคะ"
ผมรอสายอยู่อย่างนั้นจนกระทั่งต้ากลับมาตอบผมว่า
"ต้าจะรออยู่นอกบ้านค่ะ"
ผมออกไปก่อนต้าครู่หนึ่ง ต้าเดินออกมาจากบ้านในชุดนอนลายตุ๊กตาหมี เส้นผมของเธอที่มักจะผูกขึ้นสูงตามลักษณะของเด็กมัธยมปลาย ตอนนี้กลับปล่อยลงระประบ่า และใบหน้านวลของเธอมีกลิ่นแป้งเด็กอ่อนๆ
ต้ามีเสื้อคลุมติดมาด้วยผืนหนึ่ง ความจริงแล้วอากาศไม่ได้เย็นมากนัก แต่ผมเดาเอาว่าต้าคงหยิบมาเพราะคุณน้าสั่งให้เอามามากกว่า
ผมพยักหน้าให้ต้าเป็นเชิงให้เดินตามมาเรื่อยๆ
"พี่เรอยากจะคุยกับต้าเรื่องอะไรเหรอคะ" ต้าถามขึ้น เธอเป็นอย่างนี้เสมอ คือไม่เคยรออะไรได้นานนัก
"ถ้าพี่ถามอะไรต้าสักอย่าง ต้าจะตอบพี่ตามความจริงหรือเปล่า"
"ก็ต้องขึ้นอยู่กับเรื่องที่พี่เรจะถามสิคะ บางเรื่อง ต้าก็อยากจะเก็บไว้เป็นความลับเหมือนกัน"
"เดี๋ยวนี้ต้ามีความลับกับพี่แล้วหรือ" ผมถามเสียงแผ่วๆ แต่ยังไม่หยุดเท้าที่เดิน "พี่จำได้ว่าต้าเคยบอกพี่ทุกอย่างเลยนี่นา"
ต้าเงียบไป ผมไม่รู้ว่าเธอกำลังคิดอะไรอยู่ จนกระทั่งผมเป็นฝ่ายอดรนทนไม่ได้เสียเอง ไม่เข้าใจตัวเองเลย ว่าทำไมกับเรื่องของต้า ผมถึงได้กลายเป็นคนใจร้อนขนาดนี้
ผมหยุดเดิน หันมาทางต้า
ต้าเองก็หยุดเกือบจะพร้อมผม แต่เธอไม่ได้หันมาทางผม เธอหลบหน้าผม
"วันนี้ต้าเป็นอะไรไป พี่ไม่ชอบเลยนะที่ต้ามีความลับกับพี่ ไม่รู้หรือไงว่าพี่เป็นห่วงเรามากแค่ไหน"
"ทีพี่เรยังไม่บอกต้าทุกเรื่องเลยนี่คะ"
ผมหูฝาดไปหรือเปล่า
"ตอนนี้ต้าโตแล้วนะ ไม่ใช่เด็กๆเหมือนเมื่อก่อนที่จะคอยวิ่งตามพี่เรตลอด พี่เรเองก็เหมือนกัน พี่เรมีสังคมของพี่เรที่ต้าเองก็ไม่รู้จัก เข้าไปไม่ถึง มันไม่เห็นแปลกตรงไหนนี่คะ ถ้าหากว่าต้าจะมีเรื่องที่ไม่อยากบอกพี่เรบ้าง"
คำพูดของต้าทำให้ผมเป็นใบ้ไปชั่วขณะ มันเป็นความจริงที่ผมปฏิเสธไม่ออก
กาลเวลาทำให้คนเราเปลี่ยนไปได้เสมอ ทั้งทางตรงและทางอ้อม
และเวลาก็กำลังจะเปลี่ยนให้ต้ากลายเป็นอีกคนหนึ่ง ... คนที่ไม่ต้องการความดูแลจากผมอีกต่อไป
"ก็ได้... ถ้าต้าจะคิดอย่างนั้น" ผมสูดหายใจลึก "พี่ขอโทษ พี่คงก้าวก่ายเรื่องของต้ามากเกินไปหน่อย ต่อไปพี่จะไม่ทำอีก"
"พี่เรโกรธเหรอคะ" ต้าถามเสียงเบา
"เปล่านี่ พี่มีสิทธิ์โกรธอะไรต้า"
"พี่เรโกรธจริงๆด้วย"
ผมส่ายหน้า อดไม่ได้ที่จะมองเธอด้วยสายตาตัดพ้อ
"พี่ไม่ได้โกรธ พี่แค่เสียใจแล้วก็ใจหาย ว่าต่อไป ต้าก็คงห่างจากพี่ออกไปเรื่อยๆ จนสักวัน พี่ก็คงต้องยกต้าให้คนอื่นเขาไปดูแลแทน ก็เท่านั้น"
ผมบอกต้าไปแค่ส่วนหนึ่งเท่านั้น แต่อีกส่วนหนึ่งที่มากกว่าก็คือ หัวใจผมกำลังเจ็บเมื่อคิดว่าผมจะต้องยกต้าให้กับใครคนอื่นไป
ทั้งๆที่ต้าเคยเป็นของผมตลอดมา แต่ผมก็รู้ว่ามันเห็นแก่ตัวเกินไปที่จะเก็บต้าไว้คนเดียว... ผมเคยมีสิทธิ์ และเคยได้โอกาสที่จะจองตัวเธอเอาไว้ แต่ตอนนี้ผมคงต้องเปลี่ยนความคิดตัวเองใหม่เสียแล้ว
"พี่เรคะ"
อีกครั้งที่ผมเห็นความสับสนไม่แน่ใจในดวงตาของเธอ ก่อนที่เธอจะโพล่งออกมาว่า
"พี่เรจะว่ายังไงคะ ถ้าหากว่าต้าจะมีแฟน!"
(ความคิดของรัทธยุทธ์)
วันนี้ต้าชวนผมไปดูหนังทั้งๆที่ความจริงแล้ว วันนี้เธอควรจะไปเรียนพิเศษมากกว่า
"โดดเรียนหรือไง" ผมถามเธอ
"อืม ไม่มีอารมณ์เรียน"
ต้าตอบเสียงเนือยๆขณะที่ก้าวเข้ามาในบ้านผม
"ไม่กลัวพี่เรโกรธเอาเหรอ" ผมแกล้งแหย่เธอ เพราะรู้ว่า อะไรก็ตามที่จะทำให้พี่เรไม่พอใจ ต้าจะไม่ทำเด็ดขาด เธอเคยบอกผมว่าไม่อยากทำตัวเป็นเด็กไม่มีเหตุผล หรืออีกนัยหนึ่ง ก็คือ ไม่อยากให้พี่เรเห็นเธอเป็นเด็กนั่นเอง
"ช่างสิ ต้าไม่สนใจหรอก" ต้าทำหน้างอ แต่ในดวงตาเธอ ผมเห็นความน้อยอกน้อยใจลึกๆ
ผมหรี่ตามองต้าอย่างค้นหาความจริง
"เกิดอะไรขึ้น ต้าดูแปลกๆนะวันนี้"
"ไม่เห็นแปลกเลย ต้าก็แค่อยากจะเกเรซักวันเท่านั้นเอง"
ที่จริงมันก็แปลกทั้งคู่นั่นล่ะ ตั้งแต่เมื่อวานนี้แล้ว ที่ต้าทำตัวห่างเหินพี่เรชอบกล และพี่เรเองก็ทำตัวไม่เป็นธรรมชาติเอาเสียเลย แถมพอมาวันนี้ พี่เรก็ไม่ได้ไปส่งต้าเรียนพิเศษอีก และพอผมถาม พี่เรก็หน้าหมองลง ไม่ยอมตอบอะไร
"ทำไมวันนี้พี่เรถึงไม่ไปส่งต้าล่ะ"
ต้าหน้าบูดลง
"จะมาถามอะไรนักหนา จะไปหรือไม่ไปก็บอกมาเถอะน่า ถ้าพี่รันไม่ไป ต้าไปคนเดียวก็ได้"
"ดูหนังคนเดียวเนี่ยนะ"
ต้าไม่ตอบคำถามผม เธอผุดลุกขึ้นทำท่าจะจากไป
"เดี๋ยวสิ"
ผมคว้าแขนต้าไว้พลางส่ายหัว... ไม่ถามแล้วก็ได้
"ไปก็ไป" ผมถอนหายใจ... จะปล่อยเธอให้ไปดูหนังคนเดียวเนี่ยนะ ผมทำไม่ได้หรอก
ต้ายิ้มออกมาทันที เธอดีใจ ผมรู้ แต่ผมกลับไม่พบความร่าเริงในดวงตาของเธอเหมือนต้าคนเก่า
ผมไม่เข้าใจจริงๆ ว่าเกิดอะไรขึ้นระหว่างคนสองคนนี้ มันทำให้ผมไม่สบายใจและรู้สึกเป็นห่วงขึ้นมาตงิดๆ ผมไม่ชอบอาการเสแสร้งของต้าแบบนี้เลย
มันเหมือน
เธอพยายามทำตัวให้แจ่มใส แต่ที่จริง เธอกำลังทุกข์อยู่
ผมพาต้าไปดูหนังตามคำเรียกร้องของเธอ พวกเราไปซื้อบัตร ก่อนที่จะตรงไปที่ศูนย์อาหาร
"ต้า
"
ผมได้ยินเสียงใครบางคนเรียกเธอ ต้าก็คงได้ยินเช่นเดียวกัน เพราะเธอก็หันไปทางต้นเสียงพร้อมๆกับผม
"โจ" เธออุทานออกมา
คนที่กำลังก้าวเข้ามาหาเธอพร้อมกับรอยยิ้มยินดีนั้น คือเด็กหนุ่มรุ่นราวคราวเดียวกับต้า รูปร่างสูงเก้งก้างนั้นบ่งบอกถึงวัยที่กำลังก้าวเข้าสู่ความเป็นหนุ่มเต็มตัว
"วันนี้ไม่เรียนพิเศษเหรอ" เธอถามเขาคนนั้นด้วยรอยยิ้มสว่างไสว นั่นทำให้ผมรู้สึกรำคาญตายังไงบอกไม่ถูก
"โดดสิ ต้าก็โดดเหมือนกันใช่ไหมล่ะ รู้นะ"
"ขี้เกียจเรียน" เธอตอบพลางย่นจมูก "โจมาดูหนังเหมือนกันเหรอ"
"อืม มากับเพื่อนก๊วนที่เรียนพิเศษน่ะ"
"เรามากับพี่ข้างบ้านน่ะ"
เด็กหนุ่มคนนั้นหันมาทางผมแล้วยิ้มให้อย่างเป็นมิตร เห็นแบบนั้นแล้วผมชักเขม่นไม่ค่อยลง
"พี่รันใช่ไหมครับ ผมเคยเจอพี่แล้วที่โรงเรียน"
"งั้นเหรอ"
ขณะที่ผมกำลังจะยิ้มให้กับเด็กหนุ่มอัธยาศัยดีคนนี้ อะไรบางอย่างก็ผ่านเข้ามาในสายตาผม
ผมเบนสายตาไปตามสิ่งที่คุ้นตานั้นโดยไม่ได้ตั้งใจ และเมื่อเห็นภาพนั้นชัดตา ผมก็ใจหายวาบ
ผมรีบหันกลับมายิ้มให้กับเด็กหนุ่มชื่อโจคนนั้นอย่างรวดเร็ว วางใจอยู่บ้างที่ท่าทางต้าจะยังไม่เห็นภาพที่น่าเข้าใจผิดภาพนั้น
"ไหนๆก็ไหนๆแล้ว พี่พาไปเลี้ยงข้าวดีไหม ไปด้วยกันหมดนี่แหละ"
ไปไหนก็ได้ที่ไม่ใช่ที่นี่
และหมดนี่ของผมก็คือรวมถึงบรรดาเพื่อนของโจด้วย
"ไม่เป็นไรครับ พวกผมกินข้าวกันมาแล้ว กำลังจะไปดูหนังพอดี"
"งั้นเราไปกินข้าวก่อนนะ ไว้เจอกันที่โรงเรียน"
"โอเค"
แต่ผมไม่โอเคด้วย
"พี่ว่า
"
"ต้า!"
วันนี้มันเป็นวันอะไรนักหนา ผมชักปวดหัวแล้วนะ
"พี่เร.."
ผมอยากยกมือกุมขมับ ทำไมพี่เรไม่คิดก่อนที่จะเอ่ยปากเรียกนะ ทั้งๆที่พี่เรอยู่กับผู้หญิงอีกคนแท้ๆ ถึงผมจะรู้ว่ามันไม่มีอะไรในกอไผ่ แต่ภาพมันก็ยังคงบาดตาอยู่ดี
"พี่เร พี่แอน" ผมจำใจเรียกไปแบบนั้น
วันนี้พี่แอนสวยเหมือนเคยในชุดเสื้อสายเดี่ยวสีขาว คลุมทับด้วยเสื้อคลุมสีขาวบางๆและกระโปรงสีครีม รวมกับดวงหน้าขาวใสและรอยยิ้มนั้น ยิ่งทำให้พี่แอนดูเหมือนนางฟ้าไม่มีผิด
และเมื่อยืนคู่กับพี่เรที่แม้จะสวมเสื้อเชิ้ตกางเกงแสล็คแบบสบายๆ แต่ท่วงท่าบุคลิกที่โดดเด่นของพี่เรก็ทำให้พี่เรและพี่แอนดูเป็นคู่ที่เหมาะสมกันราวกับกิ่งทองใบหยกเลยทีเดียว
พี่เรไม่รู้เรื่องพวกนี้เลยหรือไง
ต้าหน้าซีดลง
"วันนี้ไม่ไปเรียนพิเศษเหรอต้า" เสียงพี่เรฟังดูเข้มงวด
"ไม่อยากไป" ต้าเชิดหน้าตอบ ทำตัวเหมือนเด็กดื้อแบบที่เธอไม่เคยทำต่อหน้าพี่เร
"อย่าเหลวไหลแบบนี้สิ" พี่เรเริ่มเสียงอ่อนลงกับต้า แต่กลับหันมาทำเสียงเขียวใส่ผมแทน "แล้วรัน ทำไมชวนต้าโดดเรียนแบบนี้"
"ต้าชวนพี่รันต่างหาก พี่เรจะว่าก็ว่าต้า อย่าว่าพี่รัน"
พี่แอนกระตุกแขนพี่เรที่ชักจะโกรธมากขึ้นเรื่อยๆ
"ใจเย็นๆสิเร นี่ใครเหรอ ไม่เห็นแนะนำให้แอนรู้จักเลย" แต่พี่แอนก็ไม่รอให้พี่เรแนะนำเหมือนกัน สาวมั่นอย่างพี่แอนก็หันมายิ้มหวานให้กับต้าก่อนจะพูดว่า "พี่ชื่อแอนนะจ๊ะ น้องชื่ออะไรเอ่ย"
"
ต้าค่ะ"
ต้าตอบเหมือนเสียไม่ได้ แต่จริงๆแล้วพอเห็นรอยยิ้มเป็นมิตรของพี่แอน ดวงตาของต้าก็ดูอ่อนลงอย่างเห็นได้ชัด
"พี่แอนกับพี่เรมาดูหนังหรือครับ"
"เปล่าจ้ะ แค่มาหาซื้อของเฉยๆ" สีหน้าพี่แอนดูมีความสุขมาก "เรเค้าตอบตกลงจะไประยองแล้ว"
อ้อ เลี้ยงรุ่นที่ระยอง
"ว่างแล้วเหรอพี่เร"
"อืม"
พี่เรคงจะอารมณ์บูดน่าดู แต่ผมบอกได้เลยว่าคนที่บูดมากกว่าน่าจะเป็นคนที่ยืนข้างๆผม
อ๊ะ เด็กโจก็ยังยืนอยู่ตรงนี้แฮะ และท่าทางจะกังวลไม่น้อย
ผู้ชายด้วยกัน มองปราดเดียวก็ดูออก เป็นห่วงต้าล่ะสิ
ผมอยากจะหมั่นไส้ต้าจริงๆ ผู้หญิงอะไรเนื้อหอมเหลือเกิน แต่ผมก็หมั่นไส้ไม่ออก เพราะผมก็เป็นหนึ่งในผู้ชายหลายๆคนที่ตกหลุมรักเธอไปเสียแล้ว
และปากหลุมนั้นช่างสูงเหลือเกิน ผมยังสงสัยอยู่ว่าผมจะปีนกลับขึ้นไปได้อย่างไรโดยไม่ตกลงมาเจ็บ
ความคิดเห็น