คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #17 : อาวุธ 100%
ตอนที่ 17 อาวุธ(!?)
ซิลเวียร์ โซมาเลนซ์กระพริบตาถี่อย่างตกใจ ที่จู่ๆบรรยากาศรอบข้างกลับเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็วโดยยังไม่ทันได้ตั้งตัว และยังไม่ทันที่นัยน์ตาสีนิลจะมองสถานที่แห่งใหม่นี้ได้ชัดเจนข้อมือข้างขวาของเธอก็กลับรู้สึกร้อนราวกลับมีไฟมาลน
พรึ่บ!
เปลวไฟสีฟ้าอ่อนเกือบๆเทาลุกพรึ่บขึ้นที่ข้อมือ แต่เปลวไฟนั้นกลับให้ความรู้สึกเยือกเย็นบาดผิวหนัง แล้วจู่ๆกำไลสีเงินก็ปรากฏบนข้อมือนั้น ก่อนที่เปลวอัคคีจะค่อยๆจางหายไป ความแปลกใจก็เข้ามาแทนที่ความตกใจ
เธอก็ยกมือขึ้นส่องดู กำไลสีเงินส่องสะท้อนแสงสว่างเป็นประกายวูบ รอบๆมีอัญมณีสีขาวขุ่นออกเทาที่มีลักษณะเป็นรูปข้าวหลามตัดประดับอยู่ แซมด้วยอัญมณีเม็ดกลมเล็กสีฟ้า
“คุณซิลเวียร์”
ซิลเวียร์เงยหน้าขึ้นจากกำไล มองเห็นเอริเคทซึ่งเข้าไปยังห้องทดสอบก่อนเธอเดินตรงมาหา
“อ้าว เอริ..ที่นี่มันที่ไหนล่ะ”
เอริเคทขมวดคิ้ว “ก็ห้องพักของเราไงคะ” พูดจบซิลเวียร์ก็กวาดสายตามองไปรอบๆ “จริงด้วย ฉันลืมมอง..แล้วกำไลนี่?”
เธอชูข้อมือโบกไปมา แต่เพื่อนสาวกลับส่งยิ้มมาให้โดยไม่ตอบ แถมยังไพล่ไปถามอีกเรื่องหนึ่ง “อัญมณีเม็ดใหญ่ที่สุดของคุณเป็นสีอะไรคะ?”
“สี..ออกเทาๆน่ะ”
“ถ้าอย่างนั้นก็แสดงว่าเป็นธาตุลมค่ะ” เอริเคทว่า ก่อนชูกำไลของดูเองให้ซิลเวียร์ดู “ส่วนของฉันสีน้ำตาล เป็นธาตุดิน”
“ตกลงกำไลนี่บอกได้แค่ธาตุหรือยังไง?”
ซิลเวียร์พึมพำเบาๆ ถ้าจะแค่มีไว้เพื่อบอกธาตุเพียงอย่างเดียวล่ะก็นะ..ไร้ประโยชน์ เหอะ!แต่ยังไงเจ้ากำไลเรือนนี้ก็สวยดีล่ะน่า คงเอาไปขายได้หลายกาเซลอยู่ แต่หลังจากคิดคำนวณมูลค่าเป็นอันเรียบร้อย จะเหลือก็แต่สองเท้ายังไม่ก้าวออกไปยังร้านรับซื้อของเสีย เสียงหวานของเอริเคทก็ดังขึ้นขัดจังหวะเวลาเงินๆทองๆของซิลเวียร์ซะก่อน
“เห็นรุ่นพี่ว่า..เราต้องใช้กำไลนี้ในการหลอมรวมพลังเป็นอาวุธประจำตัวนะคะ ฉันก็ไม่ค่อยแน่ใจเท่าไหร่”
“อาวุธประจำตัว? แล้วต้องทำเมื่อไหร่กันล่ะ”
“เรื่องนั้นไม่รู้สิคะ”
“งั้นเราก็นั่งรอคนอื่นๆซักพักก็แล้วกันเนอะ แล้วเดี๋ยวไปทานอาหารกลางวันกัน”
หลังจากนั่งรอไป..นานเท่าไหร่ซิลเวียร์ไม่ทราบหรอก เพราะเจ้าหล่อนเล่นนั่งหลับไปทั้งอย่างนั้นตั้งแต่ 10 นาทีแรกของการรอคอยแล้ว รู้สึกตัวอีกครั้งก็เมื่ออารินมาเขย่าตัวเธอปลุกนั่นล่ะ
“ซิลเวียร์ตื่นๆ”
“...” (แปล : ไม่เอาอ่า ง่วง..)
“จะไม่กินข้าวกลางวันหรือไง?”
เด็กสาวขยับตัวเล็กน้อย (แปล : ขอนอนอีกเดี๋ยวน่า..)
..เพียงแต่ไม่มีใครเข้าใจภาษาของเธอเท่านั้นเอง
“ถ้าเธอลุก...จะใช้ซาโอรุเลี้ยงขนมหวาน”
พรวด! (ลุกทันที)
ท่าทางกระตือรือร้นเต็มที่ของซิลเวียร์ทำเอาเพื่อนๆนึกในใจเป็นเสียงเดียวกันว่า ‘ยัยงก!’ จะมีก็แต่ซาโอรุผู้ต้องรับกรรมซึ่งทำหน้าเหมือนอยากจะกระโดดตึกเต็มแก่ ที.เค.เข้ามาตบไหล่เด็กหนุ่มด้วยสีหน้าล้อเลียน ทำเอาเขาอยากจะตบกลับ..และมันคงไม่ใช่แค่ไหล่แน่ๆที่เขาจะทำ
หลังจากวันที่มีการทดสอบธาตุและนักเรียนได้รับกำไลธาตุมากันทุกคนแล้ว ซิลเวียร์ก็เริ่มตื่นเต้นที่อาจารย์วิชาการใช้อาวุธพูดเกี่ยวกับกำไลขึ้นมาหลังจากที่ได้แต่นั่งมองพลางจินตนาการไปเองแบบการตั้งสมมุติฐาน
วิชาเรียนของวันนี้ในคาบเช้าทั้งหมดเป็นของวิชาการใช้อาวุธ ห้องของวิชานี้ที่จริงแล้วจะเรียนที่สนามกว้างของโรงเรียน แต่เนื่องจากอาจารย์ให้เหตุผลว่าในวันนี้จะต้องทำการ ‘เปลี่ยนพลังจากกำไลให้เป็นอาวุธประจำตัว’ จึงต้องขอยืมสถานที่ของวิชาเวทย์มนต์ภาคปฏิบัติที่เป็นโดมบนชั้นดาดฟ้าของอาคารเรียน เนื่องเพราะที่นั่นมีการลงคาถาสำหรับป้องกันความเสียหายของสถานที่ซึ่งอาจจะเกิดจากการซ้อมคาถาผิดๆถูกๆของนักเรียนไว้ด้วย
แปะๆ!
“เอาล่ะๆ..” อาจารย์หนุ่มพูดแทรกท่ามกลางเสียงสนั่นหวั่นไหวจนแทบจะพัดหลังคาโดมให้ปลิวของนักเรียนทั้งหลาย ทุกสายตาเปลี่ยนจากคู่สนทนามาจับจ้องยังอาจารย์แทน เขาคือชายหนุ่มท่าทางไม่สะดุดตา ดูจากหน้าตาแล้วคงอายุราวๆ 45-50 ปี ใบหน้าคมเข้ม เส้นผมสีเพลิงยาวระดิ่งหู ท่าทางดูกระฉับกระเฉง สีหน้าดูใจดีเมื่อประดับรอยยิ้ม
“เรื่องอาวุธของพวกเธอ คงสังเกตแล้วใช่ไหมว่าอัญมณีที่กำไลของแต่ละคนนั้นไม่เหมือนกัน นั่นก็คือ..สิ่งที่แสดงถึงธาตุของแต่ละคนที่สวมใส่ ส่วนการจะเปลี่ยนให้มันเป็นอาวุธเป็นสิ่งที่ฉันกำลังจะบอกเธอในวันนี้ ใครมีข้อสงสัยไหม?”
“.....” ไม่มีเสียงตอบรับใดๆดังขึ้น อาจารย์จึงกระแอมไอครั้งหนึ่งแล้วอธิบายต่อ “ก่อนอื่นหาที่ยืนเหมาะๆ ให้ห่างจากคนอื่นนิดนึงนะ..เธอน่ะขยับไปทางซ้ายหน่อยสิ”
“ทีนี้หลับตาลง..”
ซิลเวียร์ฟังแล้วทำตาม นั่นทำให้เธอไม่ได้เห็น..แสงสว่างวาบจากกำไล..แสงกระจายออกแล้วรวมกันเป็นสายเดียว พันเกี่ยวรอบกำไลแล้วไต่ขึ้นไปตามแขนของเด็กสาว สายพลังค่อยๆซึมเข้าไปในผิวหนัง ก่อนที่ร่างทั้งร่างจะเริ่มไร้ความรู้สึกแล้วทรุดลงกับพื้น
ทำไมโรงเรียนนี้ชอบให้นักเรียนแวบไปที่นู่นที่นี่นัก!
เดี๋ยวก็แวบไปโผล่ป่าบ้าๆนั่น เดี๋ยวก็ไปทดสอบธาตุ หวังว่าคราวหน้าคงไม่ให้เธอไปโผล่กลางบึงหอยทากหรอกนะ!
ป่าทึบคือภาพที่ปรากฏตรงหน้าเด็กสาว ต้นไม้สูงชะลูดขึ้นเต็มไปหมดจนหาทางออกไม่เจอ ภายในป่าปราศจากสุรเสียงของสิ่งมีชีวิตใดๆ แต่ถึงจะดูสงบเงียบเพียงไหน..สัญชาตญาณก็บอกเธอว่า ที่นี่ไม่ปลอดภัย
ซวบ!
เสียงอะไรบางอย่างย่ำใบไม้ดังซวบซาบด้านหลังของเธอ ซิลเวียร์รีบหันหลังขวับ แต่กลับพบเพียงความว่างเปล่า
มือเรียวเลื่อนลงไปกำด้ามดาบแน่นเตรียมพร้อม สองตาสอดส่ายไปรอบๆอย่างระแวดระวังภัย หัวใจเริ่มเต้นถี่ขึ้นด้วยความระทึก ก่อนจะตัดสินใจกระโดดขึ้นไปบนต้นไม้สูงเพื่อให้สามารถสังเกตบริเวณรอบๆได้ชัดเจนขึ้น
โรงเรียนนี้บ้าชัดๆ!ส่งเธอไปแต่ละที่ไม่เคยปลอดภัยจริงๆ
ซวบ!
เสียงเดิมดังขึ้นอีก คราวดังมาจากข้างหน้า ซิลเวียร์จ้องเขม็งไม่ยอมคลาดสายตา อะไรบางอย่างพุ่งมาจากต้นเสียงนั้น เด็กสาวชักดาบออกมาจากฝักเตรียมป้องกัน
เคร้ง!
อีกฝ่ายฟาดดาบยาวแหวกอากาศลงมา ทว่าซิลเวียร์กระโดดหลบได้ทันกิ่งไม้ที่เธอเคยยืนจึงถูกผ่าไปแทน ตอนนี้เธอลงมาปักหลักอยู่ที่พื้น แต่ดูเหมือนศัตรูปริศนาจะไม่ยอมให้เด็กสาวได้หยุดพัก เวทย์มนต์อีกบทจากฝ่ายตรงข้ามจึงเริ่มพุ่งมายังเธอ ซิลเวียร์วิ่งหลบด้วยความเร็ว โดยร่ายมนต์ป้องกันไปด้วย เด็กสาวกระโดดขึ้นหลบไปมาตามต้นไม้
ทางด้านอีกฝ่ายเมื่อเห็นว่าซิลเวียร์กระโดดหนีขึ้นไปบนต้นไม้ จึงตามขึ้นไป เมื่อไปถึงก็หยุดกวาดตามองรอบทว่ากลับไร้เสียงความเคลื่อนไหวใดๆจนเริ่มสงสัย
ฟุบ!
ศัตรูหันไปทางต้นเสียงทันที ซิลเวียร์พุ่งขึ้นมาฟาดดาบลงอย่างรวดเร็วจนอีกฝ่ายหลบไม่ทันจึงต้องยกคทาของตัวเองขึ้นกันแทน ทว่าเมื่อเห็นหน้าศัตรูชัดเด็กสาวถึงกลับร้องเสียงหลง
“อาริน!/ซิลเวียร์”
“ว้าย!” ซิลเวียร์ร้อง ร่างเริ่มเซไปข้างหลังเมื่อเท้าข้างหนึ่งลื่นลงจากกิ่งไหม้หนา อารินรีบยื่นมือคว้าแต่ไม่ทัน
ตุบ!
โชคดีที่เด็กสาวตกลงบนพื้นหญ้ารองรับ ทำให้ไม่ได้รับบาดเจ็บมากนัก กระนั้นผลจากแรงกระแทกก็ทำให้เธอเจ็บไม่น้อย อารินหลับตาปี๋ก่อนจะค่อยๆลืมตาขึ้นมาแล้วรีบกระโดดลงไปดูเพื่อนสาวที่ยังลุกไม่ขึ้น
“เป็นอะไรหรือเปล่า ซิลเวียร์?” เด็กสาวผมน้ำเงินถาม แววตาตระหนก
“โอย..ไม่เป็นไรๆ พอดีตกใจน่ะ” เธอตอบ
“โทษทีเหมือนกัน ฉันไม่ทันสังเกตว่าเป็นเธอน่ะ แหะๆ”
“เฮ้อ..ฉันก็ต้องขอโทษเหมือนกันล่ะ” ซิลเวียร์ส่งยิ้มจางๆ จ้องมองอารินที่ทรุดลงนั่งข้างกาย ตั้งใจจะตั้งหัวข้อสนทนาอย่างที่ทำเป็นประจำแต่จู่ๆก็เงียบไป ปล่อยให้ความเงียบงันก่อตัวขึ้นอยู่เนิ่นนานจนกระทั่งอารินเอ่ยบางอย่างขึ้นมา
“ฉันเคยสังเกตอยู่หลายครั้งนะ..”
ซิลเวียร์เงยหน้ามองสบสายตา เอ่ยด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “สังเกตอะไรหรอ”
“ว่าเธอน่ะดูเป็นคนที่ร่าเริง..เวลาอยู่ในกลุ่มก็จะเป็นคนโดดเด่นเสมอ มันเหมือน..เวลาที่เธอเริ่มพูดอะไรก็ตามมันจะดึงดูดให้ใครๆต้องหันไปมอง”เพื่อนสาวว่า สายตาจ้องมองไปข้างหน้า “แต่เวลาที่เธอนั่งอยู่คนเดียวเธอจะนิ่ง..”
“มีใครที่อยู่คนเดียวแล้วพูดกับตัวเองบ้างล่ะ”เธอโต้ขันๆ
“ฉันหมายถึง..นิ่งและกำลังคิดอะไรอยู่เสมออย่างเศร้าสร้อย”
“ทำไมเธอถึงคิดอย่างนั้นล่ะ”
“มันแสดงออกทางสายตาของเธอ” ว่าแล้วอารินก็หันหน้ามาจ้องซิลเวียร์ พยายามมองเข้าไปในดวงตาสีดำสนิทของเพื่อนสาว แต่ซิลเวียร์กลับก้มหน้าหลบสายตาแล้วนิ่งไป
“เธอคงมองผิดไปล่ะมั้งอาริน?”
ซิลเวียร์เงยหน้าแล้วเผยยิ้มฝืนๆส่งให้อาริน คนรับถอนหายใจเฮือกใหญ่ “ถ้าไม่อยากบอกก็ไม่เป็นอะไรหรอก..แต่ถ้าเธอมีปัญหาอะไรนอกเหนือจากนี้ต้องบอกฉันนะ” เธอเว้นจังหวะเล็กน้อย “แล้วเพื่อนคนนี้จะไปช่วยเธอแน่นอน สัญญา..”
อารินลุกขึ้นยืน ปัดเศษหญ้าที่กระโปรงออกแล้วหันตัวมาทางซิลเวียร์ มือข้างขวายื่นออกมาให้จับ แต่ซิลเวียร์ยังคงมองมือที่ยื่นมานั้นนิ่ง
จะเชื่อในมือที่ยื่นมาหาไหม?ถ้าเชื่อแล้วสุดท้ายจะต้องเจ็บปวด..หรือเปล่า?
เดี๋ยวสิ อีกเสียงภายในใจแย้ง เธอหวาดกลัวการเชื่อใจทั้งๆที่ยังไม่เคยเชื่อในสิ่งไหนงั้นหรอ..
เด็กสาวถอนหายใจเบาๆ แล้วยื่นมือออกไปจับ เอ่ยน้ำเสียงแผ่วเบาล่องลอยไปกับสายลมว่า
“จะลองดูสักครั้งแล้วกัน”
ก่อนที่แสงสว่างจะฉายวาบขึ้นตรงหน้าจนเธอต้องหรี่ตามอง เห็นแสงนั้นมาจากตัวอาริน..แต่สิ่งที่ทำให้เธอตกใจคือภาพที่จู่ๆอากาศก็เกิดคลื่นหมุนวนเล็กๆ แล้วเกิดเป็นช่องว่างราวกับถูกฉีกออก และมีบางสิ่งร่วงลงมาที่ตักของเธอ
ธนูซึ่งห่อหุ้มด้วยแสงสีขาวออกฟ้าเป็นประกายราวกับส่องแสงได้ค่อยๆร่วงลงมาวางที่ตักเด็กสาวอย่างแผ่วเบาจนแทบไม่รู้สึก ตัวคันธนูสีเงินบริสุทธิ์นั้นเรียบปราศจากลวดลายใดหากให้ความรู้สึกน่าเกรงขาม ส่วนตรงกลางซึ่งเป็นที่จับมีสีฟ้าอ่อนดูมีลวดลายไม้เลื้อยประดับอยู่จางๆ ส่วนปลายคันธนูทั้งบนและล่างโค้งออกเล็กน้อย ซิลเวียร์ยื่นมือไปสัมผัส..ความรู้สึกอบอุ่นอย่างน่าประหลาดแล่นไปทั่วร่าง
‘ bow of believe ’
..คันธนูแห่งศรัทธา..
.......
...
.
ทักทายค่ะๆ ดูเหมือนตอนที่แล้ว(ที่จริงคือ 60%แรก..แต่พูดให้ดูดี)จะไม่มีใครมีปัญหา
อะไรนะคะ ^^ ก็ไม่เห็นมีใครส่งกระแสจิตมาเลย.. 55+
ส่วนเรื่องรับสมัครตัวละคร..คิดว่าใบสมัครและจำนวนคงมาราวๆวันที่ 1 น่ะค่ะ
แต่ถ้าจะถามวิพว่าบทเด่นไหม..คงต้องบอกว่าเด่นในส่วนที่เขาต้องเข้ามามีบทบาทซึ่งอาจจะ
หลายฉาก แต่ในโดยรวมคงให้เด่นกว่าพวกซิลเวียร์ไปไม่ได้~
ที่แน่ๆการที่มีตัวละครใหม่เข้ามาและรู้จักกันย่อมต้องมีเหตุผลจริงไหมคะ?
การพบกันของคนเราก่อให้เกิดโชคชะตาใหม่เสมออาจจะมากหรือน้อย
..เราแค่ไม่ทันได้รู้ตัว
ความคิดเห็น