แม่จ๋า...หนูรักแม่ - แม่จ๋า...หนูรักแม่ นิยาย แม่จ๋า...หนูรักแม่ : Dek-D.com - Writer

    แม่จ๋า...หนูรักแม่

    ผู้เข้าชมรวม

    502

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    1

    ผู้เข้าชมรวม


    502

    ความคิดเห็น


    0

    คนติดตาม


    0
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  10 ส.ค. 53 / 10:55 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

      เช้าวันที่อากาศสดใส เสียงนกร้องประสานเสียงแว่วมาแต่ไกล ราวกับกำลังร้องเพลง ต้อนรับรุ่งอรุณแสงอบอุ่นของดวงอาทิตย์ยามเช้าลอดผ่านหน้าต่างเข้ามาภายในห้องๆ หนึ่ง ในห้องนั้น 'แม่' กำลังขะมักเขม้นอยู่กับการเนาชายกระโปรงผ้าไหมสีแดงเหลือบน้ำเงิน ฉันหันหน้าไปมองนาฬิกาบนฝาผนัง เพิ่งจะหกโมงเช้าเท่านั้นเอง แต่เมื่อมองลงไปที่พื้นห้องภาพของเศษผ้าไหมที่กระจายเกลื่อนปนไปกับแบบกระดาษและเศษด้ายก็ทำให้ฉันรู้ว่าแม่คงตื่นนานแล้ว ตั้งแต่จำความได้เลยกระมังที่ฉันเห็นแม่ทำงานนี้ “ช่างเย็บผ้า” ฟังดูธรรมดาและเหนื่อยยาก ซึ่งมันก็ไม่ผิดหรอก เพราะในบางครั้งที่ลูกค้าต้องการเสื้อผ้าชุดใหม่อย่างปัจจุบันทันด่วน แม่...ที่งานล้นมืออยู่แล้วก็ต้องสับคิวเร่งงาน หรือบางทีก็อดหลับอดนอนลุกขึ้นมาทำให้แต่เช้ามืดอย่างเช่นวันนี้

      ฉันอายุยี่สิบห้า ซึ่งนั่นก็เท่ากับว่าแม่เป็นช่างเย็บผ้ามาแล้วยี่สิบห้าปีแล้วเช่นกัน แม่อุ้มท้องฉันในขณะที่กำลังเรียนตัดผ้า จึงไม่แปลกอะไรหากของเล่นชิ้นแรกของฉันจะเป็น “หมอนเข็ม” และแน่นอนว่าอาวุธที่แม่ใช้อบรมสั่งสอนฉันก็หนีไม่พ้น “ไม้บรรทัด” แม้ว่าแม่จะกลายเป็นนางยักษ์ในยามที่ฉันทำผิด หรือกลายเป็นนางฟ้าในยามให้รางวัล เหนืออื่นใดนั้นแม่คือนักสร้างสรรค์ผู้ยิ่งใหญ่ คงมีใครไม่กี่คนที่จะมีโอกาสใส่กางเกงในที่เย็บเองโดยแม่! ชุดนอน เสื้อ กางเกงใส่อยู่บ้าน ชุดนักเรียน ชุดออกงาน ชุดน่ารักๆ แม่ทำให้ฉันเองทั้งนั้นตั้งแต่เล็กจนโต แม้กระทั่งตอนเรียนมหาวิทยาลัยฉันยังมีโอกาสใส่ชุดคลินิก เสื้อกาวน์ และกระโปรงนักศึกษาที่แปลกไม่เหมือนใครและไม่ผิดระเบียบก็เพราะแม่ แม้แต่ชุดราตรีในงานวันรับน้องใหม่แม่ก็ยังตัดชุดสวยมาให้ เมื่อครั้งที่ฉันเริ่มทำงานฉันหวังสุดใจว่าแม่จะตัดชุดให้เหมือนเมื่อก่อน และครั้งนั้นก็เป็นความผิดหวังครั้งแรก ซึ่งฉันก็เข้าใจดีว่า เพราะแม่คงงานยุ่ง... แม่เคยเป็นโรคหมอนรองกระดูกทับเส้นประสาท ซึ่งไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเกิดจากการนั่งทำงานทั้งวันทั้งคืนติดต่อกันมานานหลายปีนั่นเอง ฉันหวังอยู่เสมอว่าสักวันหนึ่งเมื่อฉันทำงานแล้ว ฉันจะให้แม่หยุดงานโดยเด็ดขาด แต่มันก็ช่างดูห่างไกล เพราะฉันเพิ่งลาออกเมื่อไม่นานมานี้เอง!

      ในวันที่ฉันท้อแท้มากที่สุด ร้องไห้จนน้ำตาแทบจะหมดตัว สิ่งที่ฉันคิดคือแม่และพ่อจะรับได้ไหมหากลูกที่เพิ่งเข้ามาทำงานได้แค่สามเดือนกว่าๆ จะลาออก และมันก็เป็นเหมือนอย่างที่ใครๆ พูด เป็น...อย่างที่ใครอีกหลายคนก็รู้ รู้ว่า...ไม่ว่าอย่างไรแม่และพ่อก็รักลูกและอยู่ข้างลูกเสมอ แม่กับพ่อไม่มีใครคัดค้านเพียงแค่ขอให้ลูกสบายใจเท่านั้น หลังจากลาออกและเก็บของเสร็จเรียบร้อยภายในสามวัน ฉันก็เดินทางกลับบ้าน และไม่น่าเชื่อว่ากลับบ้านมาครั้งนี้จะทำให้ฉันคิดอะไรบางอย่างได้ อะไรบางอย่างที่ดังก้องขึ้นมาในหัวว่า “แม่และพ่อ...แก่แล้วจริงๆ “

      แม่ที่เคยให้นม ป้อนข้าว อาบน้ำ สระผม ล้างก้น ให้ลูกเมื่อลูกเป็นทารก แม่ที่เคยอ่านนิทานให้ฟังทุกคืนก่อนนอนจนลูกมีนิสัยรักการอ่าน แม่ที่เคยวิ่งไล่ตีลูกไปรอบๆ บ้าน เพราะลูกวิ่งหนีไม่ยอมให้ทำโทษง่ายๆ แม่...ที่อุ้มลูกขึ้นมากอดเวลาไม่สบายแม้ว่าลูกจะตัวหนักขึ้นมากมายแล้วเมื่ออยู่ชั้นประถม แม่คนที่คงจะแอบร้องไห้ในหลายๆ ครั้ง เมื่อลูกทำตัวเป็นวัยรุ่นเอาแต่ใจ แม่ที่ยินดีกับลูกก่อนใครเมื่อลูกประสบความสำเร็จ และแม่...คนที่อาจจะทุกข์กว่าลูกด้วยซ้ำเมื่อวันที่ลูกทุกข์ มันคงไม่สายเกินไปใช่ไหม ถ้าในวันนี้ วันที่ 12 สิงหา ลูกอย่างฉัน...จะพูดทักทายแม่ในตอนเช้าให้ต่างออกไปจากทุกวัน...ฉันมองไปที่แม่และเดินไปหาแม่ช้าๆ นั่งลงข้างๆ และยกแขนขึ้นกอดแม่ไว้พร้อมๆ กับหอมแก้มแม่ก่อนจะพูดว่า

      “แม่จ๋า หนูรักแม่จ๊ะ”

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×