ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic FFX]Samurai Story

    ลำดับตอนที่ #3 : Chapter 2 xx การกลับมาของผู้หายสาบสูญ xx

    • อัปเดตล่าสุด 17 เม.ย. 49


    อ้าว ทีดัส... เจ้าของชื่อหันควับไปยังต้นเสียง พบเด็กสาวรุ่นราวคราวเดียวกับตน ผมสีน้ำตาลเข้มยาวถึงบ่า การแต่งกายดูเรียบร้อยแต่หรูหราตามแบบฉบับองค์หญิง เดินเข้ามาอย่างไม่ถือตัวเหมือนเจ้าหญิงหรือสตรีสูงศักดิ์ทั่วๆไป มารับเงินเดือนหรอ?

    ขอรับองค์หญิงยูนะ...ทีดัสกล่าวพลางน้อมตัวคำนับอย่างสุภาพผิดนิสัยทะเล้นของตน... ทว่าอีกฝ่ายกลับทำหน้ามุ่ยไม่พอใจบอกแล้วไงว่าไม่ต้องสุภาพ...

    ขออภัยเป็นอย่างสูงครับ

    นี่...บอกแล้วไงว่า...

    ล้อเล่นน่าริมฝีปากของชายหนุ่มแตะพวงแก้มใสเบาๆราวทะนุถนอมยิ่งชีพ...

    ถ้าไม่บอกก็คงไม่มีใครเชื่อหรอกว่าเด็กกะโปโลอย่างทีดัสจะมีแฟนเป็นถึงธิดาของจักรพรรดิประเทศนี้ โกรธหรอ?

            ไม่หรอก...” “แล้วไพน์ล่ะ ไม่มาด้วยกันหรอ?

            ซามูไรหนุ่มส่ายหน้าเป็นคำตอบ

                เห็นว่าวันนี้งานจะยุ่งเป็นพิเศษน่ะ... เลยไปท่าเรือแต่เช้า

            งั้นหรอความกังวลปรากฏขึ้นเป็นใบหน้าเด็กสาว ...วันนี้...

            ทำไมหรอ...วันนี้ทำไม?

                ไม่รู้ทำไม...ถึงได้รู้สึกว่าวันนี้จะมีบางอย่างมาเยือน...คำพูดของแฟนสาวทำให้ทีดัสรู้สึกกังวลใจไปตามๆกัน แล้วบางอย่างที่ว่า...

            มันไม่ใช่เรื่องไม่ดีหรอก...” “ฉันรู้สึกได้...

            ถ้าอย่างนั้นก็แล้วไป...

     

    * * * * * * * * *

    เฮ้! ไอ้หนู...เรือสินค้าอีกลำเทียบท่าแล้วนะ!”

    จะไปเดี๋ยวนี้ล่ะ! เรน ฝากจัดการต่อด้วยนะ...ไพน์รีบวิ่งไปยังเรือสินค้าที่เพิ่งจอดเทียบท่าได้ไม่นานหลังจากฝากภาระลำเก่าให้เพื่อนร่วมงาน...

    นี่ก็ลำที่ 4 ของวันนี้แล้วนะ...จะมาทีทำไมต้องมาพ้อมๆกันด้วยเนี่ย เธอบ่นในใจ... ขอตรวจใบรายการสินค้าด้วยค่ะ

    เอ้า...มือบางรับเอกสาร 3-4 แผ่น มาตรวจดูอย่างละเอียดถี่ถ้วน ...เรือสินค้า SS. Liki...จำนวนคน....

    ((โครม))

    เสียงอะไรบางอย่างดังขึ้น ตามมาด้วยเสียงเอะอะโวยวาย... เมื่อหันไปดูก็เห็นพวกลูกเรือกำลังทะเลาะกันอยู่... ให้ตายสิ ไอ้พวกนี้... มาอยู่ต่างถิ่นก็หัดทำตัวสำรวมหน่อยเซ่...คนยิ่งงานยุ่งๆอยู่ด้วย

    หยุดนะ!!” ร่างบางตะโกนพร้อมรีบรุดไปยังที่เกิดเหตุ บอกให้หยุดไงเล่า!”

    อะไรห๊ะ ไอ้หนู...ตัวแค่นี้ริอาจมาห้ามงั้นเรอะ!”

    เออดิ...คนยิ่งยุ่งๆ... ดันมาทะเลาะกันอีก จะรออีกซัก 4-5ชั่วโมงก็ไม่ได้

    สามหาว!!” หนึ่งในหมู่พวกทะเลาะกันตวาดลั่น ตอนนี้เป้าหมายของพวกเขาทั้งหมดกลายเป็นเด็กสาวผมเทาไปซะแล้วอยากเจอดีนักรึไง!”

                ทว่าเธอกลับยิ้มน้อยๆที่มุมปาก มือก็จับดาบเตรียมพร้อม จัดให้...

           

    * * * * * * * * *

    แดดยามเที่ยงสาดส่องลงมาอาบไปทั่วบริเวณท่าเรือ ตอนนี้ยังคงมีเรือสำเภาลำใหญ่ก็ยังเข้ามาเทียบท่าอยู่เรื่อยๆ แม้จะไม่ถี่แบบเมื่อตอนเช้าก็ตาม ถึงกระนั้นไพน์ก็ยังไม่ได้หยุดพักเลยแม้นิดเดียว...

    ไพน์...เธอไปพักกินข้าวได้แล้วล่ะ...ที่เหลือฉันจัดการเอง

    ขอบใจนะ...ฝากด้วยแล้วกันสาวผมเทาวางงานทั้งหมดพร้อมบิดขี้เกียจไล่ความเมื่อล้าออกจากตัวไปได้บ้าง เธอเดินไปยังบริเวณที่เป็นตลาดซึ่งอยู่ไม่ไกลจากท่าเรือนัก... ร้านอาหารมากมายเรียงกันเป็นระเบียบเรียบร้อยพร้อมสำหรับผู้สัญจรไปมาหรือแม้แต่ผู้ทำงานในบริเวณก็ตาม... แต่นั่นก็ไม่จำเป็นสำหรับไพน์ที่เตรียมข้าวกล่องเองมาจากบ้าน ขอแค่ที่นั่งทานก็พอ...

    เมื่อหาที่นั่งทานได้เรียบร้อยแล้ว เธอก็จัดแจงเปิดห่อกล่องข้าวขึ้นมาดู...วันนี้อาซังก็ทำได้น่าทานอีกแล้วสิน้า...

    ขอโทษนะ ขอนั่งด้วยได้มั้ย?จู่ๆชายหนุ่มคนหนึ่งก็ขอมานั่งด้วย ร่างบางขยับที่ให้กว้างขึ้นแทนคำตอบ ขอบคุณนะ

    จากไพน์ที่สังเกตแล้ว คนๆนี้เป็นผู้ชาย(เออสิ) อายุราวๆอาซังได้มั้ง ผิวสีแทนเข้ม ผมสีน้ำตาลเข้มเกือบดำเซอร์ๆถูกโพกด้วยผ้าสีแดง จากสไตล์การแต่งตัวแล้วคงจะเป็นพ่อค้า มีรอยแผลเป็นทั่วร่างกาย สงสัยจะเป็นพวกชอบลุยน้ำลุยไฟ ที่สำคัญคือนัยน์ตาสีแดงเพลิงที่เหมือนกับตน...แต่นัยน์ตาของเขาฉายแววรักสนุกผิดกันอย่างสิ้นเชิง...คล้ายกับใครกันนะ...

    ข้าวกล่องน่าทานจังนะเขาชวนคุยขึ้นมา ร่างบางยิ้มตอบทั้งๆตะเกียบคาปาก

    ทำเองหรอ?   

            เปล่า...อาจารย์ทำให้น่ะค่ะ

                โฮ่...อาจารย์ทำให้เลยหรอเนี่ย... ใช่คนเดียวกับที่สอนดาบเธอรึเปล่า?

                ไพน์พยักหน้าพร้อมยิ้มนิดๆเมื่อนึกถึงอาจารย์ของตน

            แสดงว่าอาจารย์ของเธอก็ต้องเก่งมากๆเลยล่ะสิ” “ต้องเก่งพอๆกับฉันชัวร์

            เด็กสาวทำหน้าฉงนกับประโยคที่ 2 แต่อีกฝ่ายกำลังยิ้มร่า เห็นอย่างนี่ก็เถอะ ฉันน่ะ เคยเป็นซามูไรด้วยนะ...ความเร็วก็...

            ฉึบ!

            ประมาณนี้แหละ...มือกร้านชูข้าวปั้นขึ้น เมื่อหันไปดูในกล่องข้าวจึงรู้ว่าชายคนนี้ฉกข้าวปั้นจากกล่องไป แถมยังโยนเข้าปากได้อย่างน่าตาเฉย อ๋ออ๊ะ

            ไพน์รู้สึกอึ้งปนขำนิดๆมากกว่าที่จะโกรธ นิสัยแบบนี้มันคล้ายๆใครกันนะ...

                ไพน์...เสียงเรียกอันคุ้นหูทำให้เด็กสาวหันควับ และไม่ลังเลที่จะวิ่งไปหาเลยแม้แต่นิดเดียวอาซัง!”

            มาซื้อของน่ะ...กำลังพักเที่ยงอยู่หรอ?

                อืม

            วันนี้เห็นเรือสินค้ามาเยอะเป็นพิเศษเลยนี่...ลำบากหน่อยนะ

            สบายมาก ไม่เป็นอะไรหรอก

            แต่...จู่ๆอารอนก็หยุดพูดไป ดวงตาเบิ่งกว้างบอกถึงความตกใจสุดขีด ในสายตาเขาตอนนี้มีแต่ชายคนที่ไพน์คุยด้วยเมื่อกี้ ซึ่งตอนนี้เองเขาก็กำลังมองอารอนด้วยสายตาที่ไม่ต่างกันเลย

                ...เจ็คท์...บ้าน่า....

            รู้จักกันหรอ?ไพน์ทำหน้าฉงนอีกครั้งเมื่อเห็นปฏิกิริยาของทั้งสองฝ่าย

                ปะ...เปล่าหรอกอดีตยอดฝีมือปฏิเสธแบบอ้ำอึ้ง งั้นฉันกลับก่อนนะ

            อารอน!!” ทว่าชายหนุ่มแปลกหน้าคนนั้นกลับเรียกชื่อได้อย่างเต็มปาก เจ้าของชื่อทำเป็นไม่สนใจยังคงเดินต่อไป เดี๋ยวสิ รอฉันก่อน... อารอน!”

                จะหนีฉันทำไมเล่า!” มือคล้ำเอื้อมไปจับไหล่ หวังให้อีกฝ่ายหยุด

                อย่ามาแตะตัวฉัน!!” อารอนตวาดลั่นพร้อมปัดมือออกจากไหล่ตน... ใบหน้าที่เต็มไปด้วยความโกรธเกรี้ยวแบบนี้เห็นได้ยากนัก แม้แต่ไพน์เองก็ตาม

                แต่...เจ็คท์พยายามพูด ตอนนี้พวกเขาเริ่มเป็นจุดสนใจของผู้อยู่บริเวณนั้นซะแล้ว แต่ตอนนี้ทั้ง 3 กลับไม่ได้สนใจเรื่องนั้นเลย

            ไม่มีคำว่าแต่!! ฉันเกลียดคำนี้จากปากนายที่สุด!!” ปลายดาบที่แสนแหลมคมชี้มายังลำคอของชายผิวคล้ำ ทำให้เขาต้องชะงักลง

                อาซังเป็นอะไรของเขาไปนะ? แล้วหมอนี่เป็นใครกันแน่? ถึงทำให้อาซังแสดงอารมณ์ได้ถึงขนาดนี้...

                ไพน์!!” ทีดัสวิ่งเข้ามาหาไพน์ซึ่งยืนงงมาตั้งแต่ตะกี้แล้ว เกิดอะไรขึ้นหรอ เอะอะกันเชียว

            ก็เนี่ยสิ อาซังเป็นอะไรไปก็ไม่รู้...พอเห็น...

            นะ...นั่นมัน....คราวนี้ถึงตาเด็กหนุ่มค้างบ้าง เรียวนิ้วสั่นระริกชี้ไปยังชายคู่กรณีของอารอน

    พ่อ!?!?

            พ่อ!?!?ทีดัสตะโกนลั่น... ดึงความสนใจของชายหนุ่มทั้งสองที่ยืนทะเลาะอยู่ก่อนหน้าให้หันมาทางตน... เออใช่ ว่าแล้วว่าชายคนนี้เหมือนใคร ทั้งหน้าตาทั้งนิสัยเหมือนทีดัสไม่มีผิด... ที่แท้ก็พ่อลูกกันนี่เอง... แต่ทีดัสชอบพูดอยู่เสมอๆว่า...

                ทีดัส...?เจ็คท์ยื่นหน้าหันมามองเด็กหนุ่ม รอยยิ้มน้อยๆปรากฏขึ้นบนใบหน้า... ไม่เจอ...

            กลับมาทำไม...คำพูดแสนเย็นชานี้บาดลึกเข้าไปถึงจิตใจคนเป็นพ่อ และสร้างความตะลึงให้กับผู้คนที่ยืนมองกันนับสิบ นัยน์ตาสีน้ำเงินเข้มฉายแววเกลียดชังได้อย่างชัดเจน

    ...เกลียดพ่อ...ทีดัสพูดแบบนี้ทุกครั้งที่พูดถึงพ่อตัวเอง...

                ขอร้องล่ะ...อย่ามายุ่งกับฉันอีกเลยเสียงอันหนักแน่นของอารอนทำให้เจ็คท์ลังเลไปชั่วครู่นึง... ทว่าสายตาของอารอนนั้นกลับแสดงถึงสิ่งตรงกันข้ามกับคำพูดเมื่อครู่โดยสิ้นเชิง...

                ไม่!!

                อาซังอย่า!” ไพน์รีบวิ่งไปห้ามอาจารย์ของตนเมื่อเห็นว่าเขากำลังเงื้อดาบฟัน

    ชายหนุ่มคู่กรณี...ทว่า...

                ((ปัง!!!)) ((แคร้ง!!))

                เสียงแรกที่ดังนั้นทำให้ชาวบ้านแตกตื่นบ้างก็วิ่งหนี บ้างก็หลบเข้าไปในร้าน บนพื้นปรากฏดาบของอารอนพร้อมลูกกระสุนโลหะเล็กๆกลิ้งอยู่ข้างๆ... อารอน!!”

                เป็นอะไรรึเปล่า!” ทีดัสรุดเข้ามาหาอารอนทันที มือขวาที่จับดาบเมื่อครู่สั่นระริกด้วยแรงลูกปืน...

                นูจ! ทำอะไรของนายน่ะ? เจ็คท์ตะโกนถามชายผู้อยู่ไกลออกไปพอควรในมือขวาของชายผู้นั้นจับปืนสั้นซึ่งปากกระบอกปืนยังมีควันเขม่าโชยอยู่...แค่นี้ก็เป็นหลักฐานแสดงว่าเขาเป็นคนยิงได้แจ่มแจ้งแล้ว...

                ผมยอมให้คุณเป็นอันตรายไม่ได้หรอกนะเขาค่อยๆเดินเข้ามาหา แม้จะมองจากที่ไกลๆก็เห็นได้ชัดเจนเลยว่าแขนซ้ายกับขาซ้ายของเขาเป็นหุ่นยนต์ แว่นสายตาที่ใส่อยู่แสดงถึงความบกพร่องในสายตาไม่มากก็น้อย ผมยาวสีน้ำตาลถูกรวบขึ้นเพื่อความคล่องตัว สไตล์การแต่งตัวก็คล้ายๆเจ็คท์ คงเป็นเพื่อนร่วมอาชีพกันก็คุณเคยช่วยชีวิตผมไว้นี่นา

            นั่นมันก็ใช่อยู่หรอกทางด้านนี้ถอนหายใจยาว แต่หัดดูจังหวะซะหน่อยสิ

            หนอย...แก...ทีดัสกัดฟันกรอด มือก็พลางจับด้ามดาบหมายจะเอาคืนบ้าง...ทว่า...กลับมีมือบางมากันไว้เสียก่อน...ไพน์ที่ยืนตัวค้างด้วยความตกใจเมื่อครู่เริ่มขยับแล้ว...ทีดัสถอยไป...

            ไม่ล่ะ...ฉันจะ...

            บอกว่าถอยไปไงเล่า!!!” เด็กหนุ่มสะดุ้งเฮือกกับเสียงตวาดของร่างบาง แม้จะไม่เห็นใบหน้าที่ก้มอยู่... ก็สามารถรับรู้ได้ถึงรังสีอาฆาตที่แผ่ซ่านออกมาได้เป็นอย่างดี

                นาย...เป็นคนยิงใช่มั้ย?เธอถามทั้งๆที่รู้คำตอบ ชายหนุ่มพยักหน้ารับอย่างง่ายดายใช่...

            ฉันจะฆ่าแก!!” ดวงตาสีแดงเพลิงกลายเป็นสีแดงเลือดในพริบตา ร่างบางเข้าประชิดตัวชายครึ่งหุ่นยนต์อย่างรวดเร็ว... เร็วขนาดที่สายตาของทีดัสก็มองแทบไม่ทัน...

    ...แล้วแบบนี้ผู้ชายคนนั้นจะไปรอดหรือ?...

                สิ่งที่น่าแปลกอย่าหนึ่งก็คือไพน์ใช้แค่มือและเท้าเท่านั้น...ไม่ได้แม้แต่ชักดาบออกมาเลย... ถึงกระนั้นอีกฝ่ายโดนแต่ละทีก็คราวกระอักเลือด... ...แบบนี้มัน....

                อย่าบอกนะว่า...ทีดัสเริ่มเอะใจ

                ใช่แน่นอน...อารอนสมทบถ้าไม่รีบหยุดล่ะก็...มีหวังไอ้หนุ่มนั่น...

            ไพน์!!” เด็กหนุ่มทำท่าจะวิ่งไปปราม    

            อย่าลืมสิว่าตอนนี้เธอไม่มีสติน่ะ อารอนรั้งตัวเอาไว้ ฉันไปเอง...

            ไพน์... เสียงเรียกทำให้เด็กสาวชะงักหมัดทันควัน พอหันไปทางผู้เรียกก็เห็นเขาย่างก้าวเข้ามาอย่างสุขุม... และค่อยๆยื่นมือมา... อย่างใจเย็น... กลับมาสิ...

            ฉันไม่เป็นไรแล้วเห็นมั้ย... เขายังคงเรียกต่อไป...มานี่มา

            เด็กสาวชั่งใจอยู่นาน...มองนูจทีมองอารอนที...

                กลับมาหาฉันนะ...ไพน์...มือบางปล่อยนูจทันทีที่อารอนเรียกชื่ออีกครั้ง ไม่น่าเชื่อว่าวิธีการเรียกลูกสุนัขแบบนี้จะใช้ได้ผลกับไพน์ที่กำลังไร้สติ เธอวิ่งรี่เข้าไปหาอาจารย์ของตน (เสียลุกหมด )

                โอ๋ๆ เป็นเด็กดีนะมือหนาลูบหัวปลอบ... พอมาถึงตรงนี้ที่สถานการณ์พอจะคลี่คลายทีไร ทีดัสอดขำไม่ได้ทุกที...เด็กสาวสุดแสนเย็นชาอย่างไพน์...เมื่อสติแตกแล้วเหมือนปีศาจจะขย้ำคน... แต่วิธีทำให้ปีศาจร้ายตัวนี้สงบลงกลับ... โอ้ย...เห็นแล้วขำ

                แต่ขั้นตอนที่จะให้สงบลงจริงๆน่ะมันหลังจากนี้ต่างหาก...

                เป็นเด็กดี...ขอโทษนะ... ปึก หมัดตรงของอารอนกระแทกท้องเข้าเต็มๆ ทำให้ร่างบางสลบลงไปในทันทีเอาล่ะ...เรียบร้อย...

            เดี๋ยวฉันไปบอกนายท่าเองว่าไพน์ขอลาครึ่งวันทีดัสอาสา        อย่างรู้หน้าที่

                อืม ฝากด้วยแล้วกัน

            เดี๋ยว... เจ็คท์เริ่มทวงบท อารอนหันควับมาตีหน้าเย็นชา อะไร                

                แล้วหมอนี่ล่ะ?เขาชี้ไปยังร่างที่นอนสะบักสบอมอยู่บนพื้น

            ทำไม...จะเอาเรื่องหรอ?ถึงจะพูดอย่างนั้นแต่ตัวเองกลับทำหน้าเอาเรื่องซะเอง นายรู้ดีนี่ว่าควรจะทำยังไง...อีกไม่นานพวกตำรวจคงจะแห่มากันแล้ว...เดี๋ยวพรุ่งนี้ฉันจะไปจัดการเอง

            อา...

            10ปีที่ผ่านมาน่ะมันยาวนานมากรู้มั้ย...อารอนพูดเบาๆพร้อมช้อนร่างบางที่สลบไสลไม่ได้สติขึ้นให้ถนัดมือ ก่อนจะเดินจากไป

     

                เป็นไง...โดนเด็กผู้หญิงซัดซะขนาดนี้เจ็คท์เห็นไปสนใจกับชายหนุ่มที่ค่อยๆลุกขึ้นอย่างยากลำบาก...อูย...เด็กผู้หญิงหรอเนี่ย...แรงอย่างกับ...

                ดูเหมือนจะเป็นแรงโกรธซะมากกว่านะ...

                ท่าทางคงจะให้ความสำคัญมาก...นูจพูดพลางปัดเศษดินที่เขลอะตัวลงพื้น

                มากกว่าที่ฉันให้กับเขาซะอีก...ชายผิวเข้มตำหนิตัวเอง แต่ยังไงซะ...

    แต่ยังไงซะคุณก็รักเขา...ใช่มั้ยล่ะ

           บทสนทนาถูกขัดจังหวะลงเมื่อตำรวจประมาณ 4-5 นายวิ่งเขามา...

            คุณตำรวจเดี๋ยวผมจะอธิบายทุกอย่างให้ฟังเอง...เจ็คท์เปิดฉากเจรจาก่อนที่พวกตำรวจจะได้พูดอะไร แต่ช่วยพาชายคนนี้ไปทำแผลก่อนได้มั้ย?

     

                * * * * * * * * *

                อือ...ร่างบางครางงัวเงีย พร้อมลืมตาขึ้น... เมื่อมองไปรอบๆพบบรรยากาศคุ้นตา...นี่ในบ้านนี่นา...แล้วมืดขนาดนี้แล้วเหรอเนี่ย...

            ฟื้นซะที...ทีดัสถอนหายใจโล่งอกทันทีที่เด็กสาวรู้สึกตัว

                อ่าว...นี่ฉัน...เป็นอย่างนั้นไปอีกแล้วหรอ...

            ...ไม่ใช่ความผิดของเธอหรอกน่า...หมอนั่นผิดเองต่างหากเด็กหนุ่มปลอบ แต่กระนั้นก็ไม่ได้ทำให้ไพน์สบายใจขึ้นเลย แล้วอาซังเป็นอะไรรึเปล่า...

            ไม่เลย...

            แม้แต่นิดเดียว...?

            แม้แต่นิดเดียว...กังวลมากไปรึเปล่า ไพน์คราวนี้คนตอบกลับเป็นเจ้าตัวเสียเอง เขาเดินเข้ามานั่งใกล้เด็กสาว เธอสลบไปก่อนจะได้ทำอะไรฉันซะอีก

            แล้วหมอนั่น.....

            ยังไม่ตายหรอกน่า...อย่างมากก็คงสาหัส

    แล้วจะเป็นห่วงมันไปทำไมล่ะ?ทีดัสนึกสงสัย

    เปล่า...ถ้ามันตายขึ้นมาก็ซวยอ่ะดิ ร่างบางส่ายหน้า แค่นี้ฉันจะโดนข้อหาพยายามฆ่าคนรึเปล่าก็ไม่รู้

                ไม่ต้องห่วงหรอก....พรุ่งนี้ฉันจะไปจัดการเอง

                ไม่ได้นะ...อาซังไม่ผิดซะหน่อยเธอแว้งขึ้นมาทันควัน แต่อีกฝ่ายกลับส่ายหน้าฉันผิดที่ไม่ระงับสติอารมณ์ให้ดีเอง....

                ไม่!!” คราวนี้ร่างบางลุกขึ้นมานั่งพรวดพราด ยังไงก็ไม่ยอม ก็...

            มีเหตุผลหน่อยสิ...

                ก็....สายตาตำหนิทำให้เด็กสาวต้องเงียบลงอย่างช่วยไม่ได้


                                                                                                               2  b continue......
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×