คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : Chapter 3: ฝันดีนะ...ที่รัก
เช้าวันจันทร์สัปดาห์ต่อมา ก่อนถึงชั่วโมงเรียน เรนนี่และเอลล่านั่งประกบเอเรียล เพื่อถามคำถามที่ค้างคาใจตั้งแต่เย็นวันศุกร์
“จริงเหรอ ที่โจพักอยู่บ้านเธอ” เรนนี่ทำตาโต เมื่อได้ยินเอเรียลอธิบายว่าโจพักอยู่ที่บ้านของเธอ และสนิทกับครอบครัวเธอมากแค่ไหน
“ทำไมไม่เห็นเล่าให้พวกเราฟังเลยล่ะ มิน่าล่ะ พวกเธอถึงไปกลับด้วยกันทุกวัน” เอลล่ามองอย่างงอน ๆ
“ก็ไม่เห็นแปลกตรงไหนนี่นา ที่โจจะอยู่บ้านของฉัน ครอบครัวของเราสนิทกันมาก พ่อของเขาก็ฝากเขาไว้ กับพ่อของฉัน อีกอย่างพ่อคงไม่พอใจแน่ถ้าเขาจะไปพักที่อื่น พวกเธอไม่เห็นต้องตกใจเลยที่เขาจะอยู่บ้านของฉัน” เอเรียลพูดเรียบ ๆ
“ทำไมจะไม่แปลก เขาเป็นผู้ชาย ถึงจะเป็นเพื่อนสนิทแค่ไหน แต่การอยู่บ้านหลังเดียวกัน ใครได้ยิน ก็ต้องสงสัยเป็นธรรมดาแหละ” เรนนี่รีบบอก
“สงสัยเรื่องอะไร” เอเรียลมองเรนนี่อย่าง งงๆ
“ก็สงสัยว่าเธอไม่ใช่แค่เพื่อนกันน่ะสิ เธอเข้าใจไหม มันเหมือนคู่แต่งงานมากกว่า เหมือนในละครไง ที่สองครอบครัวจับหมั้นกันตั้งแต่เด็ก พอโตขึ้นก็จับให้แต่งงานกันไงล่ะ” เรนนี่อธิบายตามสไตล์คนติดละครงอมแงม
“พวกเธอคิดไปถึงไหน โจเหมือนคนในครอบครัวของฉัน พ่อกับแม่ รักเขาเหมือนลูกชายคนหนึ่ง ฉันกับเขาก็เป็นเพื่อนสนิทกัน เขาดูแลฉันเหมือนน้องสาวเท่านั้น เข้าใจไหม” เอเรียลจ้องเรนนี่และเอลล่า
“แหม เธอก็น่าจะเล่าให้เราฟังบ้างนี่นา เราก็แค่แปลกใจเท่านั้น ส่วนเรนนี่น่ะ ชอบดูละครมากจนคิดไปเรื่อยเปื่อย เธอก็รู้” เอลล่ารีบแก้ตัว
“นี่เอลล่า เธอหาว่าฉันเพ้อเจ้อเหรอ” เรนนี่เริ่มงอน
“ก็มันจริงไหมล่ะ” เอลล่าแกล้งถามยิ้มๆ
“หึ” เรนนี่งอนหันหน้าไปทางอื่น ก่อนกลับมามองเอเรียล “เอเรียล แล้วไมค์ติดต่อกลับมาหรือยัง”
“ยังเลย ฉันพยายามส่งเมลล์หาเขาบ่อย ๆ แต่ก็ยังไม่ได้ตอบกลับมาเลย” เอเรียลตอบ สีหน้าดูเศร้าขึ้นมาในทันที
เกือบห้าปีที่ไมค์ย้ายไปอยู่อเมริกา เขาและเธอก็ติดต่อกันทางเอ็ม หรือโทรศัพท์หากันตลอด แต่ครึ่งปีหลังมานี้ เขาขาดการติดต่อไปเฉย ๆ ไม่แม้แต่จะบอกว่าเกิดอะไรขึ้น เอเรียลพยายามติดต่อทุกทางที่มี แต่เขาก็ไม่เคยตอบกลับมาเลย เธอพยายามหลอกตัวเองว่า เขากำลังยุ่งกับเรื่องเรียน ก็เลยไม่มีเวลา แต่นั่นก็เป็นเหตุผลที่ฟังไม่ขึ้น สำหรับผู้หญิงที่เขาเคยบอกรัก และสัญญาว่าจะกลับมาหาทันทีเมื่อเรียนจบ แต่ถึงอย่างนั้น เธอก็ยังรอเขามาจนถึงทุกวันนี้
“ลองทุกทางแล้วเหรอ” เอลล่าวางมือบนไหล่ของเอเรียล
เอเรียลพยักหน้าเล็กน้อย พยายามหลบสายตาที่คลอไปด้วยน้ำตาจากเพื่อนทั้งสอง ทุกครั้งที่พูดถึงไมค์ เหมือนมีอะไรมาสะกิด ทำให้อยากร้องไห้ออกมา
“เอเรียล เธอจะยังรอไหม ถ้า...เขายังไม่ติดต่อมา” เรนนี่ถาม
เอเรียลหลับตาพยายามกลั้นน้ำตาเอาไว้ ไม่อยากให้เพื่อนทั้งสองต้องเป็นห่วง เพราะเธอสัญญากับตัวเองว่าจะต้องเข้มแข็งให้ได้มากที่สุด
เอเรียลถอนหายใจยาว ๆ อย่างผ่อนคลาย ก่อนลืมตาขึ้นอีกครั้ง
“ไม่รู้สิ ฉันรอเขามาเกือบห้าปี...จนชินแล้วมั๊ง” เอเรียลพยายามยิ้ม
เรนนี่และเอลล่า ต่างมองด้วยความห่วงใย และรู้ว่าเอเรียลพยายามที่จะฝืนยิ้ม ตั้งแต่เอเรียลย้ายมาเรียน ม.ปลายเทอมสุดท้ายที่ไทเป พวกเธอก็สนิทสนมกันตั้งแต่นั้นจนเข้ามหาวิทยาลัย เอเรียลชอบเก็บซ่อนน้ำตา และความรู้สึกไว้คนเดียวเมื่อเจ็บปวด จะพยายามร่าเริงและยิ้มอยู่เสมอ แต่ถึงอย่างนั้น พวกเธอก็เข้าใจความรู้สึกของเอเรียลเป็นอย่างดี ว่าการรอใครสักคนที่ไม่รู้ว่าเขาจะกลับมาหรือไม่ มันเจ็บปวดทรมานแค่ไหน ทั้ง ๆ ที่เอเรียลเป็นผู้หญิงที่เพียบพร้อม มีผู้ชายดี ๆ มาบอกรักตั้งมากมาย แต่ก็ยังเลือกที่จะรอไมค์ ผู้ชายที่ขาดการติดต่อไปโดยไม่มีเหตุผล ใครจะรู้ว่าเขายังมั่นคงได้มากแค่ไหน เมื่อต้องห่างกันนาน ๆ
“อย่าคิดมากเลย เดี๋ยวเขาก็คงติดต่อมา” เอลล่าพยายามปลอบใจ ทั้ง ๆ ที่อยากให้เอเรียลเลิกรอไมค์ แล้วเริ่มต้นใหม่กับผู้ชายดี ๆ อีกครั้ง เอเรียลจะได้ไม่ต้องทุกข์ใจอย่างนี้
“บางที เมื่อฉันพร้อมที่จะลืมเขา ฉันจะเริ่มต้นใหม่อีกครั้ง” เอเรียลยิ้ม
เอเรียลคิดทบทวนเรื่องนี้มาหลายครั้ง พยายามหาเหตุผลในสิ่งที่เกิดขึ้น ว่าเพราะอะไรเขาถึงไม่ติดต่อกับเธอ บางทีเขาอาจมีคนอื่นไปแล้ว แต่ทุกครั้งจะหลอกตัวเองว่าเขายุ่ง จนตอนนี้มันนานมากแล้วที่จะหลอกตัวเองต่อไป เธอควรหยุดความเจ็บปวดทั้งหมด และเริ่มต้นใหม่กับชีวิตที่มีความสุขเสียที
“อื้ม ดีแล้วเอเรียล เราจะเป็นกำลังใจให้” เอลล่ายิ้ม บีบไหล่ของเอเรียลเบา ๆ และเรนนี่ก็เช่นกัน
“ขอบใจมากนะ” เอเรียลยิ้มให้เพื่อนทั้งสองคน
“ว่าแต่ว่า เธอตกลงจะไปดูหนังกับเราหรือยัง” เอลล่าถามเพื่อย้ำกับเอเรียลอีกครั้ง
“ชวนโจไปกับเราด้วยนะ เอเรียล” เรนนี่รีบพูด
“ไปสิ แต่โจ ฉันไม่แน่ใจนะ เห็นเขาต้องอ่านหนังสือและทำรายงานเยอะแยะ เห็นว่าย้ายมากลางคันแบบนี้ต้องปรับให้เข้ากับแผนการเรียนที่นี่ ฉันเลยไม่ค่อยได้คุยกับเขามาก ถ้ายังไงฉันจะลองชวนเขาดู” เอเรียลตอบ
“อื้มดี ฉันอยากให้เขาไปด้วย” เรนนี่ยิ้มอย่างมีความหวัง
“เอเรียล สัปดาห์นี้ฉันกับเรนนี่คงไปทานอาหารกลางวันกับเธอไม่ได้ เธอไปคนเดียวได้ใช่ไหม” เอลล่าถาม
“ได้สิ ฉันไปกับเพื่อนในห้องคนอื่นก็ได้ ไม่ต้องห่วง” เอเรียลตอบ
“ทำไมเธอไม่ชวนโจล่ะ จริงสิ ฉันไม่เคยเห็นเธอชวนเขามาทานอาหารกลางวันด้วยกันเลย” เรนนี่ถาม
“แหม เรนนี่ จะให้ฉันทำตัวติดกับเขาเกินไปหรือเปล่า แค่อยู่บ้านเดียวกับเขา ไปกลับด้วยกันทุกวัน พวกเธอยังสงสัยฉันกับเขาเลย ถ้าไปไหนมาไหนด้วยกันในมหาวิทยาลัยบ่อย ๆ เขาต้องขึ้นคานแน่ ๆ เพราะสาว ๆ อาจคิดว่าเขาแต่งงานกับฉันแล้ว” เอเรียลแกล้งพูดประชด
เรนนี่และเอลล่ามองหน้ากันแล้วยิ้มอย่างอาย ๆ เอเรียลจึงหัวเราะกับท่าทางของพวกเธอ
.
ช่วงเที่ยง โจ อีธาน และอลัน นั่งทานอาหารกลางวันด้วยกันอยู่ในโรงอาหาร
“โจ ไม่เห็นบอกกันบ้างเลย ว่าเป็นเพื่อนสนิทกับเอเรียล แถมพักอยู่บ้านเธออีกต่างหาก” อลันเอ่ยขึ้นหลังทานอาหารเสร็จ
“นั่นสิ” อีธานพยักหน้าเห็นด้วย “ไม่งั้นเราคงรู้จักเธอเร็วกว่านี้ แต่เห็นมั๊ย อลัน วันนั้นเธอยิ้มให้ด้วย ช่างน่ารักมาก ๆ เล่นเอาขาสั่น หัวใจแทบหลุดออกมาจากอกเลยทีเดียว เธอเหมือนนางฟ้าจริง ๆ” อีธานยิ้มบรรยายเหมือนคนกำลังฝันหวาน เหมือนเขาจะบินได้ก็ไม่ปานนั้น
“เขาบ้าไปแล้ว ตั้งแต่เย็นวันศุกร์ที่เอเรียลยิ้มให้ก็เพ้อแบบนี้ เป็นเอามาก” อลันมองอีธานแล้วส่ายหน้า
โจเงยหน้าจากจานอาหารที่ทานเสร็จ หยิบแก้วน้ำมาดื่มมองไปที่อีธานที่นั่งอยู่ตรงข้าม
“เอ๊!นั่น เอเรียลนี่นา ทำไมวันนี้มาทานข้าวกับรุ่นพี่คณะแพทย์สองคน ไม่เห็นเรนนี่กับเอลล่าเลย” อลันพูด เมื่อหันไปเห็นเอเรียลนั่งอยู่ที่โต๊ะอาหารกับชายคนหนึ่ง กำลังนั่งพูดคุยกันอยู่
โจและอีธานหันไปมองตามที่อลันบอก
“นั่นไง รุ่นพี่คณะแพทย์ ชื่อหูเก่อ” อีธานมองอย่างผิดหวัง
“เขาเรียนแพทย์อยู่ปีหก เป็นขวัญใจของสาว ๆ ในมหาวิทยาลัย โดยเฉพาะคณะพยาบาล แต่เขาไม่ตอบรับผู้หญิงคนไหนเลย สนใจแต่เรื่องเรียน แต่แปลกนะ เขากลับไปไหนมาไหนกับกลุ่มของเอเรียลเท่านั้น ไม่แน่ใจว่าเขาใช่แฟนของเอเรียลอย่างที่ทุกคนสงสัยหรือเปล่า” อลันหันมามองโจที่กำลังจ้องมองไปทางเอเรียล “บางคนก็บอกว่าเอเรียลมีแฟนแล้วตอนอยู่ไทจุง ไม่ใช่คุณใช่ไหม”
อลันจ้องมองเพื่อขอคำตอบจากโจ ส่วนอีธานก็หันมาสนใจโจ จากคำถามของอลันเช่นกัน
“ไม่ เราแค่...เป็นเพื่อนสนิทกัน เอเรียลเป็นแฟนเพื่อนสนิทของผมชื่อไมค์ ตอนนี้เรียนอยู่ปีสุดท้ายในอเมริกา” โจตอบเรียบ ๆ สายตาลงมองที่แก้วน้ำ ใช้ปลายนิ้วลูบปากแก้วไปมาเบา ๆ
อลันสังเกตเห็นปฏิกิริยาของโจที่ดูแปลกไป เมื่อพูดถึงเรื่องแฟนของเอเรียล
“คุณแอบชอบเอเรียลใช่ไหม” อลันถามออกไปตรง ๆ
อีธานก็จ้องมองโจเช่นกัน โจได้แต่ก้มหน้าเงียบไม่ตอบอะไร แต่นั่นทำให้อลันและอีธานแน่ใจว่า โจต้องชอบเอเรียลแน่ ๆ เพราะหลายสัปดาห์ที่ผ่านมาเวลาถามอะไรถ้าไม่จริง โจก็จะรีบปฏิเสธทันที
“เธอรู้หรือเปล่าว่าคุณชอบเธอ” อลันถามอีกครั้ง
“เคยบอกเธอไหม ว่าคุณชอบเธอ” อีธานถามบ้าง แต่โจส่ายหน้าช้า ๆ ไม่สบตากับใคร
“ทำไม” อลันถาม ทั้งคู่ยังคงจ้องมองโจ
“เพราะเธอเห็นผมเป็นแค่เพื่อน และยังเป็นแฟนของไมค์ ทั้งสองคนเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของผม” โจตอบน้ำเสียงเศร้า ๆเงยหน้ามองไปทางเอเรียลอีกครั้ง เห็นเอเรียลกับผู้ชายคนนั้นลุกจากที่นั่ง กำลังเดินออกไปจากโรงอาหาร โดยพูดคุยกันอย่างสนิทสนม อลันและอีธานมองตามสายตาของโจไป และกลับมามองโจอย่างเห็นใจ ไม่ได้พูดหรือถามอะไรอีก
อีธานเข้าใจความรู้สึกของโจดีว่า การแอบชอบใครสักคนแล้วไม่กล้าที่จะพูดให้คน ๆ นั้นได้รู้ มันเจ็บปวดมากขนาดไหน เขาเองก็แอบชอบเอเรียลมานาน ไม่กล้าแม้แต่เข้าไปทักหรือทำความรู้จักกับเธอ เพียงเพราะกลัวว่าจะผิดหวัง จึงได้แค่แอบมองเธออยู่ห่าง ๆ ได้เห็นเธอยิ้มอย่างมีความสุข นั่นก็ทำให้เขามีความสุขแล้ว เขาจึงรู้สึกเห็นใจโจอย่างมาก
.........................................
หลังทานมื้อค่ำเรียบร้อย โจรีบกลับเข้าห้องเพื่ออาบน้ำ และนั่งทำรายงานอยู่ที่โต๊ะ สายตาจับจ้องอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์อย่างขะมักเขม้น จนเวลาสี่ทุ่ม
ก๊อก ๆ เสียงเคาะประตูดังขึ้นจากด้านหลังของเขา
“เชิญครับ ประตูไม่ได้ล็อค” โจหันหลังไปมองว่าเป็นใคร
“ยุ่งอยู่หรือเปล่า ฉันเข้าไปได้ไหม” เอเรียลเปิดประตูเล็กน้อย ชะโงกหน้าเข้าไปถาม
“ไม่หรอก เข้ามาสิ” โจยิ้ม
เอเรียลเดินมานั่งลงบนเตียง ที่อยู่ด้านข้างโต๊ะทำงานห่างจากเขาประมาณหนึ่งเมตร โจหมุนเก้าอี้ให้หันหน้าไปทางเธอ
“ตั้งแต่คุณย้ายมา ฉันไม่เคยเข้ามาคุยด้วยเลย ขอโทษนะ” เอเรียลยิ้ม
“ไม่เป็นไรหรอก ผมเองก็ไม่ได้ไปคุยกับคุณเหมือนกัน คิดว่าคุณคงจะยุ่ง” โจตอบยิ้ม ๆ
“ไม่ยุ่งหรอก แต่ฉันเห็นคุณยุ่ง ๆ เลยไม่อยากมารบกวน คุณทำอะไรอยู่เหรอ กำลังยุ่งอยู่หรือเปล่า ฉันจะได้ไม่รบกวน” เอเรียลมองไปที่คอมพิวเตอร์ของเขา
“ไม่รบกวนหรอก ผมทำรายงานอยู่ อีกนิดเดียวก็จะเรียบร้อยแล้วล่ะ” โจยิ้ม
เอเรียลรู้สึกขำเล็กน้อย เมื่อพวกเขามัวแต่เกรงใจกัน ไม่เหมือนเมื่อก่อนตอนอยู่ไทจุง พวกเขามักไปขลุกอยู่ในห้องของอีกฝ่ายเสมอ แต่ตอนนี้กลับไม่กล้าที่จะเข้าไปคุยในห้องของอีกฝ่าย
“ขำอะไร” โจถาม
“ไม่มีอะไร แค่คิดว่า พวกเราทำเหมือนอยู่ห่างกันสักหมื่นลี้เลย” เอเรียลหัวเราะออกมา
“นั่นสินะ” โจพยักหน้าหัวเราะเช่นกัน นึกขำการใช้สำนวนของเธอ
“โจ ว่าแต่ วันอาทิตย์ที่จะถึงนี้คุณว่างไหม” เอเรียลถาม
“ทำไมเหรอ”
“พอดีฉันกับเพื่อนจะไปดูหนังรอบบ่ายกัน ก็เลยอยากชวนคุณไปด้วย” เอเรียลบอก
“เอ่อ...” โจแกล้งทำท่าคิด “คุณอยากให้ผมไปด้วยจริง ๆ เหรอ ผมคิดว่าคุณอยากไปตามลำพังกับเพื่อน ๆ ซะอีก” โจยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์
“ไม่หรอกน่า ฉันอยากให้คุณไปด้วยจริง ๆ ไปนะ” เอเรียลดึงมือของเขาเขย่าเบา ๆ ทำตาอ้อนวอนเลียนแบบลูกสุนัข
โจมองเอเรียลด้วยรอยยิ้ม กับท่าทางอ้อน ๆ ของเธอ ท่าทางแบบนี้ ที่เขาไม่เคยปฏิเสธได้สักครั้ง ไม่ว่าจะยุ่งหรือไม่ก็ตาม
“ตกลง ก็คุณทำแบบนี้ใครจะปฎิเสธลงล่ะ”
“ว้าว ดีจังเลยที่คุณตกลง” เอเรียลปล่อยมือของเขา แล้วปรบมืออย่างดีใจ โจมองเธอด้วยรอยยิ้ม
“โจ ฉันมีอะไรอยากจะถามคุณ ให้ฉันถามได้ไหม” เอเรียลจ้องมองอย่างขอคำตอบ
“ได้สิ อะไรล่ะ”
“คุณมีแฟนหรือยัง”
โจจ้องมองเธออย่างชั่งใจ ไม่แน่ใจว่าเธอสนใจอยากรู้เรื่องของเขาจริง ๆ หรือเปล่า เพราะพอถามเสร็จ เธอก็เอาแต่หันไปมองรอบ ๆ ห้อง เหมือนไม่สนใจคำตอบจากเขา
“คุณสนใจด้วยเหรอ ปกติไม่เคยเห็นถาม” โจจ้องมองเธอ คิ้วเข้มของเขาเลิกขึ้นรอคำตอบ
“ไม่ใช่ฉันหรอก เพื่อน ๆ ขอให้ฉันมาถามคุณ” เอเรียลหันกลับมามองโจอีกครั้ง
โจจ้องตาเธอ รู้สึกผิดหวังในคำตอบที่ได้ยิน มันไม่ใช่คำถามที่มาจากตัวเธอเอง นี่เธอเคยคิดจะสนใจเรื่องของเขาด้วยตัวเองบ้างหรือเปล่า
“ไม่ ผมยังไม่มี และก็ยังไม่อยากมีด้วย” โจตอบเสียงเรียบ ๆ
“แต่...คุณไม่ได้เป็นเกย์ใช่ไหม” เอเรียลถามอย่างไร้เดียงสา และไม่คิดว่าเขาจะโกรธ
อีกครั้งที่โจต้องตกใจกับคำถามของเธอ ทำไมเธอถึงสงสัยในตัวของเขา เพียงเพราะเขายังไม่มีแฟนอย่างนั้นเหรอ เขาขยับเก้าอี้เข้าไปใกล้ ยื่นหน้าเข้าไปใกล้หน้าของเธอ เพื่อสบตากันตรง ๆ
“แล้วคุณคิดว่าผมเป็นหรือเปล่า” โจถามสีหน้าจริงจัง
เอเรียลจ้องมองโจ รู้สึกตกใจที่เขายื่นหน้าเข้ามาใกล้ จากสีหน้าของเขาตอนนี้เหมือนจะโกรธกับคำถามของเธอ
“ขอโทษนะ ฉันไม่ได้คิดอย่างนั้น” เอเรียลรู้สึกผิด “เพียงแต่...เพื่อนของฉันแค่ล้อเล่นน่ะ แต่ฉันบอกไปแล้วว่าคุณไม่มีทางเป็นแบบนั้นหรอก” เอเรียลยิ้ม แล้วตอบอย่างหนักแน่น
“งั้นเหรอ” โจโล่งใจที่รู้ว่าเธอไม่ได้มองว่าเขาเป็นเกย์
แต่ตอนนี้หน้าของเขาและเธอห่างกันแค่คืบ เธอยังคงยิ้มและสบตากับเขานิ่ง ๆ เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น เขาแอบสงสัยว่า เธอไม่รู้สึกประหม่าบ้างเลยเหรอ ที่ต้องอยู่ใกล้กันขนาดนี้ ซึ่งผิดจากเขา ตอนนี้หัวใจของเขาเต้นแรงจนแทบระเบิดออกมา เขาสบตาเธออยู่ครู่หนึ่ง ก่อนถอยกลับไปนั่งตัวตรงตามเดิม
“โจ คุณยังลืมผู้หญิงคนนั้นไม่ได้อีกเหรอ” เอเรียลจ้องมองเขาด้วยความเห็นใจ โจพยักหน้าขรึม ๆ
“แล้วคุณล่ะ กับไมค์เป็นอย่างไรบ้าง” โจถามเสียงเรียบ ๆ
แต่ปฏิกิริยาของเอเรียลเปลี่ยนไปในทันทีเมื่อได้ยินชื่อของไมค์ เธอก้มหน้ามองไปที่พื้น แล้วเงียบไป
“เป็นอะไรไป” โจถาม ลุกขึ้นจากเก้าอี้แล้วเดินไปนั่งลงข้างเธอ
“ไมค์ไม่ติดต่อมาหลายเดือนแล้ว และฉันก็ติดต่อเขาไม่ได้เลย” เสียงของเธอเริ่มสั่นเครือ
“คุณไม่เป็นไรนะ” โจก้มมอง เห็นเธอเริ่มมีน้ำตาคลอ “เอเรียล”
เอเรียลหันมามองเขา น้ำตาเริ่มไหลอาบแก้มของเธอ ตลอดเวลาที่ผ่านมาเธอพยายามเก็บซ่อนน้ำตาไว้ แต่ไม่รู้ทำไม พออยู่ต่อหน้าโจ ก็กลับกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่ จึงโผเข้ากอดและซบหน้าร้องไห้กับอกของเขา
โจกอดเธอตอบ ยกมือขึ้นลูบผมเธอช้า ๆ
“เขาคง...มีคนอื่นแล้ว” เอเรียลพึมพำเบา ๆ
“ไม่หรอก ไมค์คงกำลังยุ่งเรื่องเรียนมากกว่านะ” โจพยายามปลอบ
“เขายุ่ง...จนลืม...แฟนของเขาเหรอ” เอเรียลพูดเสียงสะอื้น
“ไม่หรอกเอเรียล อย่าพึ่งคิดมากซิ เขาอาจติดธุระอยู่ก็ได้ อย่าร้องไห้เลยนะ” โจปลอบอีกครั้ง
เขายังคงกอด และลูบผมเธอไปเรื่อย ๆ จนสักพัก เธอก็ค่อย ๆ สงบลง ไม่พูดอะไร ไม่ร้องไห้ และไม่สะอึกสะอื้นอีก
“เอเรียล” โจเรียกเบา ๆ รู้สึกว่าเธอเงียบไปนาน
แต่ไม่มีเสียงตอบใด ๆ เขาค่อย ๆ คลายวงแขนออกเล็กน้อยหน้ามองเธอ ซึ่งตอนนี้ได้หลับไปแล้ว
“เด็กน้อย คุณนี่ยังหลับง่ายเหมือนเคยจริง ๆ” โจยิ้มมองเธออย่างอ่อนโยน
โจค่อย ๆ เอนตัวไปพร้อมกับเธอ เพื่อให้เธอนอนลงบนเตียงได้สบายขึ้น เขากำลังจะขยับแขนออกจากศีรษะของเธอ แต่เธอขยับเล็กน้อยหันมาซุกหน้ากับอกของเขา แขนข้างหนึ่งของเธอวางอยู่บนเอวของเขา เขาจึงอยู่นิ่ง ๆ กลัวว่าเธอจะตื่น
“เอเรียล” โจกระซิบ หลังจากเธอเงียบไปอีกครั้ง
“หือ” เอเรียลขยับหน้านิดหน่อย แต่ไม่ได้ลืมตา ดูเหมือนหลับไปแล้วจริง ๆ
โจจึงขยับแขนของเขาออกมาเบา ๆ และจัดให้เธอนอนบนหมอนอย่างสบาย เขาใช้ปลายนิ้วเช็ดคราบน้ำตาบนแก้มเธออย่างนุ่มนวล สายตาจับจ้องอยู่ที่ริมฝีปากของเธออย่างไม่ตั้งใจ เขาค่อย ๆ ก้มหน้าจนริมฝีปากของเขาใกล้กับริมฝีปากของเธอ แต่ก็ต้องหยุดกลางคัน
“นี่นายกำลังทำบ้าอะไร” โจพึมพำกับตัวเองด้วยความรู้สึกผิด
โจมองใบหน้าของเธอยามหลับอีกครั้ง ก่อนก้มริมฝีปากไปทางหูเธอแทน
“ฝันดีนะ...ที่รัก” โจกระซิบที่ข้างหูเธอเบา ๆ ในคำที่เขาคงทำได้เฉพาะตอนเธอหลับอย่างนี้เท่านั้น
เขาเห็นรอยยิ้มน้อย ๆ ที่ริมฝีปากของเอเรียล และคิดว่าเธอได้ยิน แต่เธอก็ไม่ได้ตื่นขึ้นมาแต่อย่างใด เขายิ้ม เมื่อคิดว่าเธอคงกำลังหลับฝันดีอยู่มากกว่า เขาลุกขึ้นกลับไปนั่งทำงานที่ค้างอยู่จนเสร็จ แล้วฟุบหลับไปบนโต๊ะทำงาน
ความคิดเห็น