คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #16 : Chapter 15 : ความสูญเสีย...ที่เจ็บปวด
สองเดือนหลังจากนั้น..............
แกร๊งงงง!...แกร๊งงงง!...
เสียงลั่นระฆังวิวาห์ดังไปทั่วโบสถ์ แขกเหรื่อญาติมิตรต่างมาร่วมยินดีอย่างมากมาย เจ้าบ่าวและเจ้าสาวกำลังเข้าพิธีด้วยรอยยิ้มที่สดใส เมื่อเจ้าสาวโยนช่อดอกไม้ หญิงสาวที่ยืนอยู่ไม่ไกลนักก็รับไว้ได้โดยบังเอิญ
“เอเรียล!” เรนนี่ผู้อยู่ในชุดเจ้าสาวแสนสวยยิ้มกว้าง ที่เพื่อนรักของเธอรับได้ในที่สุด
“เธอจะเป็นรายต่อไป เอเรียล” เอลล่ากระซิบยิ้ม ๆ เธอรู้ว่าเรนนี่ตั้งใจจะโยนให้เอเรียล แต่ดันพลาดมาทางเธอ จึงรีบปัดไปทางเอเรียล และก็รับไว้ได้พอดี อู๋จุนและเพื่อน ๆ ที่ยืนอยู่ใกล้ ๆ พากันยิ้มหัวเราะคิกคัก ยกเว้นโจ
“เอาไป! เอลล่า ความจริงต้องเป็นของเธอ เธอปัดใส่ฉัน” เอเรียลพยายามยัดเยียดช่อดอกไม้ใส่มือให้เอลล่าด้วยความเขินจนหน้าแดง
“อะไรเอเรียล เธอเป็นคนรับได้นะ ฮ่า ๆ ๆ ไม่ต้องมายัดเยียดให้ฉัน”
“ใช่ เอเรียล เป็นเธอน่ะถูกแล้ว” เรนนี่รีบเดินเข้ามาคุยกับเอเรียลและเอลล่า ส่วนอลันก็เดินไปคุยกับกลุ่มเพื่อนผู้ชาย
“แล้วทำไมต้องเป็นฉันด้วยล่ะ เอลล่าต้องแต่งก่อนสิ”
“เธอลืมไปแล้วเหรอ เอเรียล แพทย์ในไต้หวันน่ะ ต้องเรียนตั้งเจ็ดปี เอลล่าจะแต่งก่อนได้ยังไง มีแต่เธอนั่นแหละคบกับจุนมาก็แปดเดือนกว่าแล้ว จะแต่งก็ไม่เร็วไปหรอก เตรียมเป็นคุณนายวูดีกว่านะ”
“จะบ้าเหรอ ยังเร็วไปหรอกน่า” เอเรียลเขินจนแทบทำอะไรไม่ถูก
“เร็วอะไรกัน คบกันก็ราบรื่นดี ครอบครัวสองฝ่ายก็ยอมรับ แค่นี้ก็มีความสุขจะตาย จะได้มีหลานเร็ว ๆ ไงล่ะ ฮ่ะ ๆ ๆ” เอลล่าหัวเราะร่วน
“พวกเธอเลิกพูดเถอะน่า เดี๋ยวใครได้ยินเข้า”
“ไม่ต้องเขินหรอกน่า เอเรียล” เอลล่าพูด และหันไปหัวเราะกับเรนนี่
หลังพิธีสิ้นสุดลงทุกคนก็แยกย้ายกันกลับ อู๋จุนขับรถมาส่งเอเรียลที่บ้าน เขาชำเลืองมองเอเรียลถือช่อดอกไม้ที่รับมาจากเจ้าสาวด้วยรอยยิ้ม
.
.
.
.
เดือนถัดมา โจตัดสินใจไปช่วยอลันและอีธานคุมงานรีสอร์ทที่เกาชอง หลังจากจบจ๊อบที่รับปากพ่อของเอเรียลไว้ เพราะรีสอร์ทของพวกเขาได้เริ่มก่อสร้างตามแผนที่วางไว้มาได้หลายเดือนแล้ว และตอนนี้กำลังเร่งจะให้เสร็จไว ๆ
“โจ ยังเช้าอยู่เลยจะไปแล้วเหรอ” เอเรียลทัก เมื่อเห็นโจหิ้วกระเป๋าเดินทางลงบันไดบ้านมา
“อื้ม..ผมลาน้าเหลียงกับน้าเหม่ยแล้ว วันนี้น้าเหลียงบอกว่าจะไปออฟฟิศสายหน่อย ให้ผมแวะไปส่งคุณก่อน จะไปกันเลยมั๊ย?”
“ค่ะ ไปสิ”
เอเรียลเดินออกไปขึ้นรถ และนั่งรอโจเอากระเป๋าไปเก็บท้ายรถ ก่อนขับออกมาจากบ้านด้วยกัน
“ผมไม่อยู่สามเดือน ถ้าต้องไปไหนมาไหนตอนกลางคืนคนเดียวก็ระวังด้วยนะ อู๋จุนเป็นผู้บริหารแล้วคงงานยุ่งมาก เขาต้องบินไปไหนมาไหนบ่อย ๆ ไม่ใช่เหรอ น้าเหลียงก็กลับเข้าออฟฟิศบ้าง ไม่เข้าบ้าง คุณก็อย่าเลิกงานให้ดึกนักล่ะ ผมเป็นห่วงรู้มั๊ย”
“ค่ะ” เอเรียลพยักหน้า “คุณไม่อยู่ฉันคงเหงาแย่เลยนะ ขนาดอยู่บ้านเดียวกัน ทำงานห้องเดียวกัน วัน ๆ ยังไม่ค่อยเจอกันเลย นี่ไปตั้งสามเดือนคงคิดถึงแย่”
“คิดถึงก็โทรไปบ่อย ๆ สิ” โจหันมายิ้ม “แต่อย่าโทรไปร้องไห้บอกว่าคิดถึงล่ะ ผมคงรีบขับรถกลับมาไม่ไหวหรอกนะ”
“โห...โจ... ฉันโตเป็นผู้ใหญ่ ทำงานทำการมีความรับผิดชอบสูงแล้วนะ จะมาร้องไห้คร่ำครวญเป็นเด็ก ๆ ได้ไงล่ะ”
“ฮึ ๆ ๆ ได้อย่างนั้นก็ดี ผมจะได้สบายใจ”
“มั่นใจได้เลย ฉันไม่ทำให้คุณต้องหนักใจอยู่แล้ว” เอเรียลยิ้มอย่างมั่นใจ
‘นั่นสินะ เอเรียล ก็คุณมีเขาคอยดูแลอยู่แล้ว ผมเองก็ไม่อยากทำให้คุณลำบากใจเช่นกัน ถึงไม่ได้ทำอย่างที่พ่อบอกไว้ไง’ โจคิดขณะจอดรถที่ด้านหน้าบริษัท
“ขอบคุณนะโจ แล้วฉันจะโทรหานะ” เอเรียลยิ้ม
โจนั่งมองเธอลงจากรถ แล้วเดินเข้าประตูบริษัทก่อนขับรถออกไป
เอเรียลใช้ชีวิตปกติเหมือนหญิงสาวที่กำลังมีความสุขทั่วไป ทั้งครอบครัว การงาน เพื่อนฝูง หรือแม้กระทั่งกับคนรักอย่างอู๋จุนที่คบกันมาได้เกือบปีนับตั้งแต่เริ่มเจอกัน
“เอเรียล อาหารเสร็จแล้วนะ มาทานซิ”
เสียงของอู๋จุนดังมาจากห้องครัว เตือนให้หญิงสาวที่นั่งคุยโทรศัพท์ในห้องนั่งเล่นมานาน ได้ไปทานอาหารค่ำ ที่เขาตั้งใจทำไว้สำหรับเธอ ซึ่งเป็นพิเศษว่าทุกครั้ง ที่มาห้องพักของเขา
“โอเค โจ เดี๋ยวกลับบ้านแล้วฉันจะโทรไปใหม่นะ บาย...”
เอเรียลวางโทรศัพท์ แล้วเดินไปทางห้องครัว ซึ่งดูเหมือนจะมีเพียงแสงสลัวเท่านั้น เมื่อเดินเข้าไปก็พบว่าเป็นแสงเทียนจากโต๊ะอาหารที่ถูกจัดไว้ แบบดินเนอร์ใต้แสงเทียน
“เชิญครับ คุณผู้หญิง” อู๋จุนขยับเก้าอี้ให้เธอด้วยรอยยิ้ม และเทไวน์ในแก้วสองใบบนโต๊ะ
“ขอบคุณค่ะ” เอเรียลนั่งลงมองอาหารที่เขาตั้งใจเตรียมไว้เซอร์ไพรส์อย่างชื่นชม “อื้อ..หอมจัง วันนี้มีอะไรพิเศษเหรอคะ ถึงว่า วันนี้ถึงไม่ให้ฉันเข้ามาช่วยในครัว”
เขาลงนั่งเก้าอี้ตรงข้าม “ทานก่อนสิ เอเรียล อิ่มแล้วผมจะบอก”
เอเรียลจึงเริ่มต้นทานอาหารพร้อมเขา และพูดคุยกันไป จนกระทั่งเธอหยิบแก้วไวน์ขึ้นมาจะดื่ม แต่รู้สึกที่ขาของแก้วมีปมเชือกเล็ก ๆ ผูกอยู่ เมื่อมองหาว่าเชือกนั้นยาวไปถึงไหน แต่ก็ไม่มองได้ไม่ชัดในแสงเทียน จึงลองดึงปมนั้นออก อยู่ ๆ สิ่งหนึ่งก็หล่นลงบนโต๊ะหน้าเธอ
“แหวน!?” เธอหยิบมันขึ้นมาดู แล้วเงยหน้าขึ้นมองเขา
“แต่งงานกับผมนะ เอเรียล”
หน้าของเอเรียลแดงกร่ำขึ้นมาทันที อู๋จุนลุกขึ้นเดินมาคลุกเข่าลงข้างเธอ เขายิ้มและรอคำตอบจากหญิงสาวที่เขารัก
“..จุน..” เอเรียลเสียงสั่นรู้สึกตื้นตันใจจนแทบกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่ ที่เขาอุตส่าห์เตรียมเซอร์ไพรส์นี้ เพื่อขอเธอแต่งงาน
“คุณจะแต่งงานกับผมมั๊ย เอเรียล” เขาย้ำอีกครั้ง
“ค่ะ” เอเรียลเม้มปากแน่น แล้วโอบรอบคอเขา
อู๋จุนกอดเอเรียลไว้ด้วยความดีใจ “ผมรักคุณนะ เอเรียล ต่อไปผมจะดูแลคุณเอง”
“ขอบคุณค่ะ ฉันก็รักคุณค่ะ จุน” เอเรียลหลับแน่น น้ำตาแห่งความสุขค่อย ๆ ไหลออกมาช้า ๆ ในตอนนี้ ณ เวลานี้ เธอรักผู้ชายคนนี้เป็นที่สุด ถึงจะรู้จักเพียงปีเดียว แต่เขาก็เป็นคนดี และรักเธอเป็นอย่างมาก...
.
.
.
.
สองวันถัดมา อู๋จุนมาคุยกับพ่อแม่ของเอเรียลที่บ้านก่อนจะบินไปบูรไน เพื่อรับพ่อแม่ของเขาให้มาสู่ขอเอเรียลตามประเพณี เอเรียลเดินออกมาส่งเขาที่หน้าบ้าน
“ความจริง คุณไม่ต้องรีบร้อนขนาดนี้ก็ได้นะคะ จุน”
“ผมอยากให้พวกท่านมาสู่ขอคุณไว้ก่อนนี่นา เกิดคุณเปลี่ยนใจผมจะทำยังไงล่ะ”
“คุณนี่ ยังมาแกล้งแซวอีกนะ” เอเรียลค้อน
อู๋จุนดึงเธอเข้ามากอด “ความจริงผมอยากขอคุณ ตั้งแต่หลังงานแต่งเรนนี่แล้วนะ แต่กลัวคุณจะว่าเร็วไป ก็เลยรอให้ครบปีซะก่อน นี่ก็ถือว่าช้าแล้วนะ” เขาก้มมองหญิงสาวในอ้อมแขนที่กำลังยิ้มอย่างเอียงอาย “ผมอยากอยู่กับคุณเร็ว ๆ นะ เอเรียล”
“....ไปเถอะค่ะจุน เดี๋ยวจะตกเครื่องเอานะ” เอเรียลยิ้มหวานให้เขา
“ครับ ถึงแล้วผมจะรีบโทรหาคุณนะ แล้วอีกสองวันเจอกัน”
“ค่ะ” เอเรียลตอบ แต่เขาก็ยังอ้อยอิ่งไม่ปล่อยมือจากเธอง่าย ๆ “อะไรคะ หรือว่าจะให้ฉันไปส่งที่สนามบิน?”
“...” เขาส่ายหน้าช้า ๆ และสบตากับเธอ เขาค่อย ๆ ก้มลงบรรจงจูบเธอที่ริมฝีปากอย่างนุ่มนวล “ผมรักคุณนะ เอเรียล”
“ฉันก็รักคุณค่ะ จุน”
ในที่สุดเขาก็ยอมปล่อยแขนจากเธอแล้วเดินไปที่รถ แต่ท่าทางของเขาเหมือนอาลัยอาวรณ์ไม่อยากจากเธอไปไหน เธอจึงเดินเข้าไปกอดเขาอีกครั้งด้วยความรู้สึกแปลก ๆ อย่างบอกไปถูก ไม่นานเขาก็ตัดใจยอมขึ้นรถและขับออกไป เอเรียลยืนมองจนรถของเขาลับตาไป รู้สึกใจหายแม้รู้ว่าเขาไปเพียงไม่กี่วัน
.
.
.
.
“วันนี้คุณจะมาถึงบ้านดึกหรือเปล่า โจ......ดึกเหรอ?.....อื้ม แล้วเจอกันคืนนี้นะ....ค่ะ....บาย” เอเรียลวางสายจากโจที่ไม่เจอกันมาสามเดือน และคืนนี้เขาจะกลับบ้าน หลังจากไปคุมงานที่รีสอร์ทในเกาชอง ที่ผ่านมา เธอคุยกับเขาทางโทรศัพท์เกือบทุกวัน และทุกเรื่อง ยกเว้นเรื่องที่จุนขอเธอแต่งงาน เพราะคิดว่าไม่กี่วันเขาก็กลับมาไทเปแล้ว จึงอยากบอกเขาด้วยตัวเอง
เอเรียลลุกขึ้นเดินไปยืนที่หน้าต่างในห้องทำงาน เธอก้มมองสร้อยคอที่สวมอยู่ มันเป็นของที่พ่อของโจให้ในวันรับปริญญา ซึ่งเธอสวมไว้ตลอด แต่สิ่งหนึ่งที่เพิ่มเข้ามา คือแหวนที่ได้จากอู๋จุนวันก่อน เธอหยิบแหวนที่คล้องอยู่กับสร้อยขึ้นมาใกล้ริมฝีปาก แล้วเหม่อมองออกไปด้านนอก นึกกังวลถึงอู๋จุน เพราะตั้งแต่เมื่อวานที่เขาไปบูรไน ยังไม่มีแม้แต่โทรศัพท์จากเขาสักครั้ง ทั้งที่บอกว่าจะโทรมาเมื่อไปถึง ซึ่งปกติเขาไม่เคยผิดคำพูด และก็น่าจะไปถึงตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว
ช่วงค่ำ เอเรียลนอนอยู่บนเตียงคอยมองโทรศัพท์อยู่ตลอดเวลา แต่ด้วยความเพลียจึงเผลอหลับไปในที่สุด
กริ๊ง!งงงงงง
เอเรียลสะดุ้งตื่นเพราะเสียงดังจากโทรศัพท์ เธอลุกขึ้นนั่งมองไปที่นาฬิกาหัวเตียงมันเป็นเวลาเกือบห้าทุ่ม เธอหยิบโทรศัพท์มาเช็คดู แต่เป็นเบอร์ที่ไม่รู้จัก เธอกดรับสายด้วยความผิดหวังเล็ก ๆ
“(เอเรียล! นี่ฉัน...เซเลน่านะ..ฮึก ๆ...)” เสียงของเซเลน่าในสายเหมือนกำลังสะอื้น
“เกิดอะไรขึ้น? เซเลน่า” เอเรียลลุกขึ้นยืนด้วยความกังวลใจ
“(เมื่อคืน...รถคว่ำ...พี่จุน..เขา...)”
“อะไร เซเลน่า จุนเป็นอะไร?”
“(พี่จุนอยู่ ไอซียู...จนป่านนี้ยังไม่ฟื้นเลย...เอเรียล...หมอบอกว่า..สมองกระทบกระเทือนอย่างหนัก...เขาอาจ...ไม่รอด....ฮือ....)”
ตุบ!
โทรศัพท์ถูกปล่อยร่วงลงบนพื้น เอเรียลยืนนิ่งมองอย่างไม่มีจุดหมาย ตาของเธอพร่ามัวจากน้ำตาที่ไหลออกมาจนอาบแก้ม เธอหลับตาเม้มปากแน่น แล้วทรุดตัวลงนั่งกับพื้นอย่างหมดกำลัง
“...ไม่!!!!!”
โจที่กำลังเดินถือกระเป๋าขึ้นบันไดมาหยุดยืน เมื่อได้ยินเสียงหญิงสาวตะโกน “เอเรียล!” เขาโยนกระเป๋าไว้หน้าห้องแล้ววิ่งไปที่ห้องของเธอทันที
“เอเรียล!” โจตกใจที่เห็นเธอนั่งก้มหน้าร้องไห้อยู่กับพื้น เขาเดินเข้าไปคลุกเข่าหน้าเธอ “เอเรียล เป็นอะไร ร้องไห้ทำไม”
เอเรียลเงยหน้าขึ้น “โจ! ฮือ....” เธอโผเข้ากอดเขาทันที และยังร้องไห้ไม่หยุด
“เอเรียล! เป็นอะไรไปลูก ร้องไห้ทำไม” นางเหม่ยเดินเข้ามาถาม พร้อมกับนายเหลียง หลังได้ยินเสียงร้อง ก็รีบออกมาดู
“เกิดอะไรขึ้นเหรอโจ” นายเหลียงถาม แต่โจส่ายหน้า
“เอเรียล เกิดอะไรขึ้นลูก ทำไมร้องไห้ขนาดนี้” นางเหม่ยนั่งลงมองดูลูกสาวด้วยความเป็นห่วงใย
“แม่คะ..” เอเรียลหันมามองแม่ของเธอ “จุน...ฮือ...จุนรถคว่ำ ...อยู่..ไอซียู..หมอบอกว่า..เขา..อาจ..ไม่รอด..”
“โธ่จุน!” นางเหม่ยอุทาน “เอเรียล ลูกอย่าเพิ่งคิดมาก เขาอาจจะปลอดภัยก็ได้นะลูก”
“แม่คะ...” เอเรียลปล่อยแขนจากโจและโผกอดแม่ของเธอแทน
“เอเรียล?....เอเรียล?...เอเรียล!” นางเหม่ยตะโกน เมื่อร่างของลูกสาวอ่อนปวกเปียกจนไม่มีสติ
โจรีบเข้ามาอุ้มเธอขึ้นไปนอนบนเตียงทันที และทุกคนก็ช่วยกันดูแลเธอ
.
.
.
.
วันถัดมาเอเรียลรีบบินไปบูรไนแต่เช้าโดยมีโจไปเป็นเพื่อน เมื่อไปถึงหน้าห้องไอซียู ก็พบพ่อแม่ น้องสาวและญาติ ๆ ของอู๋จุนนั่งอยู่หน้าห้องด้วยสีหน้าอิดโรย พวกเขาเข้ามากอดเอเรียลทั้งน้ำตา
“เอเรียล ขอบใจที่มานะ หนูทำใจซะนะจ๊ะ หมอบอกว่า ร่างกายเขาไม่ไหวแล้ว แต่เหมือนเขารออะไรสักอย่างอยู่ หนูลองเข้าไปลาเขานะจ๊ะ” ผู้เป็นแม่พูดพยายามกลั้นน้ำตาด้วยความเข้มแข็ง คงพยายามทำใจกับเรื่องนี้
“แต่...คุณแม่คะ...” เอเรียลร้องไห้สะอึกสะอื้น
“แม่อยากให้หนูพูดกับเขา จุนรอหนูอยู่นะ เอเรียล” แม่ของอู๋จุนบีบมือของเอเรียลเบา ๆ
“ค่ะ คุณแม่” เอเรียลพยักหน้า
ในห้องไอซียูที่เต็มไปด้วยเครื่องมือและสายต่าง ๆ มากมาย เอเรียลเดินไปหาชายหนุ่มที่นอนหลับไหลอยู่บนเตียง และกำลังสวมเครื่องหายใจอยู่ เธอยืนมองเขาอยู่ข้างเตียงน้ำตาไหลไม่หยุด
“จุน..” เอเรียลยกมือเขาขึ้นแนบหน้าของเธอ “ทำไมคุณไม่ลืมตามองฉันล่ะ... ฉันยืนอยู่ตรงนี้แล้ว...ได้โปรดตื่นมายิ้มให้ฉัน จุน..” เธออธิฐานและหวังว่าเขาจะลืมตาขึ้น ทุกสิ่งมันเป็นเรื่องโกหก เขาเพียงแค่เหนื่อยจนหลับไปเท่านั้น แต่ก็ไม่มีปาฏิหารใด ๆ เขายังคงหลับตาอยู่อย่างนั้น “ฉันรักคุณนะ จุน” เธอเห็นหยอดน้ำใส ๆ ไหลออกจากหางตาของเขา ยิ่งทำให้สะเทือนใจร้องไห้ออกมาอย่างหนัก เพราะเขากำลังรอเธออยู่จริง ๆ แต่เขาไม่เหลือกำลังที่จะฟื้นขึ้นมาได้ คงรอเพียงให้มาบอกลาเขา
เอเรียลพยายามที่จะเข้มแข็งสุดกำลัง แล้วกระซิบที่ข้างหูของเขา “คุณไม่ต้องเป็นห่วงฉันนะ ฉันสัญญาว่าจะเข้มแข็ง...จุนที่รัก...หลับให้สบายนะคะ...” เธอรู้สึกได้ว่ามือของเขากระตุก
ติ๊ดดดดด...................ในที่สุดเขาก็จากไปอย่างสงบ....
********************** (>_<) ***********************
ไรเตอร์ : พออัพมาถึงตรงนี้แล้วขอหยุดไปทำใจก่อนนะ
นี่คือเหตุผลว่า ทำไมเรื่องต่อไปถึงเป็นอู๋จุน
ก็มันรู้สึกผิดยังไงไม่รู้แฮะ
ความคิดเห็น