ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    (Fic Arjoe) First Love...Is Only You

    ลำดับตอนที่ #14 : Chapter 13 : รับปริญญา

    • อัปเดตล่าสุด 21 ก.ค. 54


    “ว้าว! ทะเลยามบ่ายสวยจังเลยเอเรียล” เรนนี่ร้องด้วยความดีใจ เมื่อลงจากรถคันใหม่ของอลัน ที่จอดหน้ารีสอร์ทริมทะเลแถบเกาชอง

    “ใช่สวยจัง บรรยากาศดีสุด ๆ เลย” เอเรียลยิ้มดื่มด่ำกับอากาศบริสุทธิ์ “เสียดายนะเอลล่าต้องทำงาน หูเก่อก็มาด้วยไม่ได้ ไม่งั้นคงพร้อมหน้าพร้อมตากันทั้งกลุ่ม”

    “นั่นสิ ตั้งแต่จบพวกเราไม่ค่อยได้ไปไหนด้วยกันเลย” เรนนี่พูดเสียงอ่อย

    “คุณสองคนไปดูห้องพักก่อนไหม” อีธานยิ้ม แบมือที่ถือกุญแจบ้านพักสำหรับหญิงสาวทั้งสองคน

    “ขอบคุณค่ะ อีธาน” เอเรียลรับกุญแจมาถือไว้ “รบกวนคุณหรือเปล่า ที่ต้องโทรมาจองห้องเพิ่มกระทันหัน”

    “ไม่หรอกเอเรียล ที่พักช่วงนี้ก็ไม่เต็มอยู่แล้ว ห่วงแต่ว่าจะได้คู่กันหรือเปล่าเท่านั้น แต่โชคดีมีคนเพิ่งเช็คเอ๊าท์ออกไป ดีใจนะที่คุณสองคนมาด้วย”

    “เอากระเป๋าไปเก็บกันก่อนเถอะ แล้วเย็น ๆ ค่อยไปหาอะไรทานกัน”

    โจเดินนำทุกคนไปยังที่พัก ที่เป็นบ้านหลังเล็ก ๆ สองหลังติดกันหันหน้าเข้าไปทางทะเล ซึ่งห่างประมาณสองถึงสามร้อยเมตร

    เมื่อเข้ามาในบ้านพักเก็บกระเป๋าเรียบร้อย เรนนี่ก็กระโดดไปนอนลงบนเตียงอย่างสบายใจ เอเรียลจึงเดินไปนั่งบนเตียง

    “ตอนเดินทาง เห็นว่ามีอะไรจะบอก เรื่องอะไรหรือเรนนี่”

    เรนนี่พลิกตัวนอนคว่ำ เท้าคางยิ้มหวาน “สองวันก่อน อลันขอฉันแต่งงานล่ะ”

    “ห๊ะ! ว้าว! ดีใจด้วยนะ เรนนี่” เอเรียลยิ้มกว้าง ยกมือแตะแก้มเรนนี่เบา ๆ “เอลล่ารู้เรื่องนี้แล้วใช่ไหม”

    “อื้ม” เรนนี่พยักหน้า “ฉันไปหาเอลล่าที่บ้านเมื่อคืน ก่อนเธอจะโทรไปชวนฉันมาที่นี่  หลังรับปริญญา ฉันจะไปพบครอบครัวของเขา และจะกำหนดวันอีกทีภายในปีนี้”

    “ดีจังนะ ในกลุ่มพวกเรา เธอได้แต่งเป็นคนแรกเลย” เอเรียลยิ้มด้วยความดีใจ “แล้วเธอต้องย้ายมาอยู่ที่นี่กับอลันหลังแต่งงานหรือเปล่า”

    “ไม่หรอกเอเรียล ฉันเป็นห่วงพ่อกับแม่ ฉันต้องรับช่วงดูแลร้านอาหารต่อ อลันก็จะไป ๆ มา ๆ ระหว่างที่นี่กับที่ร้าน เพราะยังไงก็มีอีธานเป็นหลักอยู่ที่นี่  แต่ช่วงที่กำลังเริ่มก่อสร้างคงต้องมาอยู่นานเลยล่ะ  จริงสิ โจก็จะหุ้นกับพวกเขาด้วยนะ เธอรู้ใช่ไหม”

    เอเรียลส่ายหน้า “ไม่เห็นโจบอกอะไรฉันเลย ช่วงหลังมานี่ เราไม่ค่อยได้คุยกันเท่าไหร่ เขาคงออกไปกับฮีบีล่ะมั๊ง ก็พวกเขาคบกันอยู่นี่นา”

    “จริงเหรอ?” เรนนี่กำลังคิดว่ามันแปลก ๆ เพราะเธอมักจะเห็นโจไปขลุกอยู่ที่อพาร์ทเมนต์ของอลันกับอีธานบ่อย ๆ ตอนไปที่นั่น บางทีโทรไปโจก็อยู่กับพวกเขาด้วย แต่ไม่เห็นผู้หญิงชื่อฮีบีสักครั้ง

    “มีอะไรเหรอ เห็นเงียบไป”

    “เปล่า ไม่มีอะไร ว่าแต่เธอกับจุนเถอะ เป็นไงบ้าง เขาดีกับเธอใช่ไหม”

    “อื้ม จุนดีต่อฉันมาก ตั้งแต่เริ่มคบกัน เขาจะโทรหาฉันบ่อย ๆ แวะมาคุยกับครอบครัวฉันที่บ้าน ไม่ก็ออกไปข้างนอกด้วยกัน จริง ๆ ฉันก็รู้นะว่าเขายุ่ง แต่ก็ยังหาเวลามาเจอฉันจนได้ ฉันเคยได้ยินเขาคุยโทรศัพท์บอกว่ากำลังยุ่งอยู่ ทั้ง ๆ ที่กำลังทานข้าวอยู่กับฉัน” เอเรียลยิ้ม

    “จุนต้องรักเธอมากแน่ ๆ ดูเธอมีความสุขดีนะ เอเรียล” เรนนี่รู้สึกดีใจที่เพื่อนรักดูมีความสุขมากกว่าแต่ก่อน

    “เขาเป็นคนน่ารัก ชอบทำให้ฉันหัวเราะบ่อย ๆ เวลาอยู่กับเขา ฉันรู้สึกมีความสุขนะ”

    “พูดถึงจุนแล้ว ฉันว่าจุนดูน่ารักเวลาทานนะ อะไรอยู่บนโต๊ะอาหารก็ดูอร่อยไปซะหมดสำหรับเขา ฉันยังสงสัยว่ากระเพาะของเขา มีหลุมดำอยู่หรือเปล่า ฮ่า ๆ ๆ” เรนนี่หัวเราะเมื่อนึกถึงตอนที่พวกเธอไปทานอาหารกับเขา ช่วงที่ยังฝึกงานด้วยกัน

    “กระเพาะหลุมดำ?  ฮึ ๆ ๆ เรนนี่ เธอนี่ช่างเปรียบนะ ใช่ ๆ” เอเรียลเองก็นึกขำไปด้วยเช่นกัน “แต่เสียอย่างเดียวนะ เขาทานอาหารไม่ค่อยตรงเวลา พองานยุ่งก็จะลืมทานไปเลย บางทีต้องโทรไปเตือนบ่อย ๆ”

    “พูดถึงเรื่องงานนะ ฉันสงสัยมานานแล้ว ทำไมเขาถึงงานยุ่งกว่าคนอื่นนักล่ะ แล้วยังที่พวกเพ่ยจื่อนั่นพูดอีกว่า จุนรวยมาก ครอบครัวเขาทำอะไรที่บูรไนเหรอ เอเรียล”

    “เรื่องนี้ฉันไม่เคยถามเขาเลยล่ะ ฉันไม่ได้สนใจฐานะของเขา แต่เห็นบอกว่ากลับมีเรื่องจะอธิบาย ไม่รู้เรื่องอะไรเหมือนกัน”

    “เหรอ...งั้นก็รอให้เขาบอกเองดีกว่านะ ตอนนี้...เราเปลี่ยนเสื้อผ้ากันดีกว่า เอเรียล แล้วไปเดินเล่นชายทะเลกัน”

    “จริงด้วย”

    เมื่อตกลงได้อย่างนั้น หญิงสาวทั้งสองต่างรีบหยิบกระเป๋ามาเปิด เพื่อหาเสื้อผ้ามาลองกัน และหัวเราะหยอกล้อกันอย่างสนุกสนานตามประสาผู้หญิง

    .

    .

    .

    .

    ยามค่ำคืนริมทะเลที่ร้างผู้คนดูสงบ มีเพียงเสียงคลื่นที่กระทบฝั่งอยู่เท่านั้น ชายหนุ่มนั่งมองดาวบนท้องฟ้าด้วยความเงียบเหงา เขาค่อย ๆ หลับตาลงฟังเสียงคลื่นซัดหวังคลายความเงียบเหงาภายในใจ

    “โจ!

    เสียงของหญิงสาวทำให้เขาลืมตาขึ้นมอง เธอเดินมานั่งลงที่เก้าอี้ถัดจากเขา

    “ทำไมมานั่งคนเดียวมืด ๆ แล้วคนอื่นล่ะ?”

    “สองคนนั่นหลับไปแล้ว เลยออกมานั่งเล่น” โจตอบ แล้วก้มมองนาฬิกาข้อมือ “เที่ยงคืนแล้วนี่ แล้วทำไมคุณยังไม่นอนอีกล่ะ เอเรียล”

    “ฉันอยากออกมาเดินเล่นน่ะ แต่เรนนี่คงจะง่วง เพราะวันนี้พวกเราเดินสำรวจแถวนี้ทั้งวัน ตอนพวกคุณออกไปทำธุระ ฉันก็เลยรอให้เรนนี่หลับก่อนแล้วค่อยออกมา”

    “นั่นมันไม่ดีเลยนะ เอเรียล เป็นผู้หญิงตัวคนเดียวจะออกไปเดินค่ำมืดดึกดื่นได้ยังไง” โจทำหน้าดุ

    “แหม ฉันก็ไม่ได้ตั้งใจจะไปไกลนี่นา” เอเรียลเสียงอ่อย

    “จะไกลหรือไม่ไกลมันก็อันตรายทั้งนั้นแหละ...” โจอยากจะดุ แต่พอเห็นเธอซึม ๆ ก็เลยทำไม่ลง “เฮ้อ...ถ้าอยากไปเดินจริง ๆ ก็บอกสิ อย่าไปไหนมาไหนคนเดียวในที่ที่เราไม่คุ้นเคยเข้าใจมั๊ย?”

    “ค่ะ” เอเรียลก้มหน้าจ๋อย ๆ

    โจลุกขึ้นยืน แล้วยื่นมือให้เธอ “จะไปเดินเล่นไม่ใช่เหรอ งั้นก็ลุกขึ้นสิ คุณหนู”

    “คะ?”

    เอเรียลหน้าเงยขึ้นเห็นมือของเขายื่นมาให้ เธอยิ้มแล้วจับมือเขาลุกขึ้น และไปเดินเล่นริมชาดหาดด้วยกัน

    “สองวันนี้พวกคุณไปคุยกับเจ้าของที่ดิน ตกลงว่ายังไงบ้าง เจ้าของที่ดินเป็นลุงของอีธานด้วยเหรอ?” เอเรียลเริ่มถาม เมื่อทั้งสองเดินเล่นอยู่ริมทะเลด้วยกัน

    “อื้ม ลุงของอีธานจะขายที่ดินผืนนี้ให้ถูกกว่าปกติ เพราะเห็นว่าหลานชายฝันอยากทำรีสอร์ทที่นี่ตั้งแต่ยังเรียนไม่จบ ดีกว่าต้องขายให้คนอื่นไป”

    “แล้วทำไมลุงของเขาถึงอยากขายล่ะ ที่ดินสวย ๆ ติดทะเล น่าเสียดายออก”

    “ลุงของเขาจะย้ายไปอยู่เซี่ยงไฮ้กับลูก ๆ และเห็นว่าอีธานเรียนจบแล้วก็เลยขาย พอเรื่องกู้ผ่านก็เลยมารับโดนนี่แหละ ก็จะเริ่มต้นปรับพื้นที่ เตรียมแบบ หาผู้รับเหมาได้ ก็จะเริ่มดำเนินการก่อสร้างเลย หลังรับปริญญาอลันกับอีธานก็คงมาอยู่นี่นานเลยล่ะ”

    “อื้อหือ...กว่าจะเปิดเป็นรีสอร์ทได้คงอีกนานเลยเน๊อะ แล้วที่ดินนั่น อยู่ไกลจากรีสอร์ทนี้ไหม๊”

    “ก็ไกลเหมือนกันนะ แต่ความสวยงามก็ไม่แพ้กันหรอก”

    “จริงเหรอ” เอเรียลยิ้ม “อยากเห็นจังเลยว่าเสร็จสมบูรณ์แล้วจะเป็นยังไง จริงสิ แล้วคุณต้องมาที่นี่ด้วยหรือเปล่า ก็คุณเป็นหุ้นส่วนกับพวกเขาด้วยไม่ใช่เหรอ”

    “เรนนี่คงบอกสินะ” โจถาม และเธอพยักหน้า “ตอนแรกก็ไม่ได้คิดจะร่วมหรอก พอถูกชวนบ่อย ๆ ก็เลยตกลงหลังรับปากทำงานในบริษัทพ่อของคุณไปแล้ว  แต่ผมคุยกับน้าเหลียงแล้ว ว่าอาจจะต้องมาช่วยทางนี้บ้างตอนเริ่มสร้างใหม่ น้าเหลียงก็อนุญาตแล้ว”

    “งั้นแสดงว่าพ่อกับแม่ก็รู้เรื่องนี้ ยกเว้นฉัน?” เอเรียลหยุดเดินมองไปทางทะเล “ทำไมหมู่นี้คุณดูเย็นชากับฉันนักล่ะโจ คุณชอบปิดบังฉันเสมอ เกือบทุกเรื่อง”

    โจมองจากด้านหลัง และรู้ว่าเธอกำลังน้อยใจ เขาเอื้อมมือไปข้างหน้าอยากจะดึงเธอมากอดแล้วบอกเหตุผลที่แท้จริง แต่ก็หยุดแล้วลดมือลง

    “เอเรียล ผมไม่ได้ตั้งใจจะปิดเรื่องอะไรเลยนะ เพียงแต่บางครั้งก็ไม่มีโอกาสได้บอก” โจเดินมายืนด้านหน้า ก้มมองใบหน้าของเธอ โชคดีที่เธอเพียงยืนทำหน้าบึ้ง “โกรธเหรอ?”

    “เปล่าซะหน่อย”

    “งั้นก็น้อยใจ?” โจยิ้ม เมื่อเห็นเธองอนเขา

    “ไม่น้อยใจซะหน่อย”

    “โอเค ๆ งั้นก็ดีแล้ว” โจใช้ปลายนิ้วจิ้มหน้าผากเธอเบา ๆ “เราเดินมาไกลแล้ว กลับกันดีกว่านะ”

    เอเรียลพยักหน้าแล้วเกาะแขนเขาเดินกลับไปทางเดิม

    “คุณรู้มั๊ย เอเรียล ทำไมผมถึงตกลงจะทำรีสอร์ทที่นี่กับพวกเขา”

    “ทำไมเหรอ?” เอเรียลเงยหน้าขึ้นมองเขาอย่างสงสัย

    “เพราะผมหวังว่าสักวันหนึ่ง จะมีโอกาสพาคนที่ผมรักมาอยู่ที่นี่ ผมจะสร้างบ้านหลังหนึ่งไว้ใกล้ ๆ รีสอร์ท แล้วใช้ชีวิตเรียบง่ายกับเธอหลังแต่งงาน นั่นเป็นสิ่งที่ผมฝันมานานแล้ว”

    “คุณหมายถึงผู้หญิงคนนั้นเหรอ หรือว่า ฮีบี”

    “ยังไม่ใช่ฮีบีหรอก ผู้หญิงคนที่ผมรัก มีเพียงคนเดียว ที่ทำให้ผมฝันแบบนั้น”

    “แต่มันเป็นอดีตตั้งนานแล้วนะ ทำไมคุณถึงไม่ลืมไปซะทีล่ะ ฉันคิดว่าคุณจะเริ่มต้นกับฮีบีได้ซะอีก”

     

    “การเริ่มต้นใหม่กับคนที่ไม่เคยคิดจะรัก มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยนะ เอเรียล ทุกอย่างมันต้องใช้เวลา แต่ถึงยังไง ผมก็ตั้งใจจะทำอย่างที่ฝันให้สำเร็จจนได้ ไม่ว่าจะมีเธอคนนั้นอยู่ด้วยหรือไม่”

     

    “โจ..” เอเรียลมองเขาเงียบ ๆ โดยไม่ได้พูดอะไรต่อ และรู้สึกสงสารเขาจับใจ เมื่อก่อน เธอก็เคยตกอยู่ในสภาพแบบเขา จึงเข้าใจความรู้สึกนั้นดี

     

    ........................................................

     

    ในวันรับปริญญา เพื่อน ๆ ทุกคนมาพร้อมหน้าพร้อมตาเพื่อถ่ายรูปด้วยกัน รวมทั้งคนในครอบครัวของทุกคนที่มาร่วมแสดงความยินดี นายเจิ้งพ่อของโจ บินตรงมาจากอังกฤษเพื่อร่วมฉลองงานรับปริญญาของลูกชายด้วยเช่นกัน

     

    หลังกลับจากงานเลี้ยงฉลองปริญญาที่ร้านอาหารของเรนนี่  โจพบรถสปอร์ตสีเงินคันหนึ่งจอดอยู่หน้าบ้าน ซึ่งพ่อของเขาซื้อให้เป็นของขวัญ และนายเจิ้งยังไม่ลืมที่จะมอบกล่องของขวัญเล็ก ๆ กล่องหนึ่งให้เอเรียล ก่อนจะเดินเข้าบ้านไปพร้อมนายเหลียงและนางเหม่ย

     

    “โอ้โห! รถสวยจังเลย โจ”

     

    เอเรียลถือกล่องของขวัญไว้กับตัว และยืนมองโจสำรวจรถใหม่ของเขา โจเปิดประตูขึ้นไปนั่งแล้วสตาร์ทรถ

    “ไปนั่งรถเล่นด้วยกันก่อนมั๊ย? เอเรียล”

     

    เอเรียลยิ้ม กำลังจะเดินไปเปิดประตูรถ ก็มีรถสปอร์ตสีแดงคุ้นตามาจอดต่อท้ายรถของโจ เธอยืนมองและเห็นชายหนุ่มคนนั้นก้าวลงจากรถ พร้อมยิ้มให้เธอ

     

    “จุน!” เอเรียลยิ้ม เดินไปหาเขาทันที “ไหนว่าอีกสองสามวันถึงจะมาไงคะ”

     

    “ผมไม่อยากพลาดวันสำคัญของคุณ” อู๋จุนก้มไปหยิบบางสิ่งจากในรถยื่นให้เธอ “สำหรับบัณฑิตใหม่ครับ คงไม่ช้าไปใช่ไหม”

     

    “ไม่..ขอบคุณค่ะ” เอเรียลยิ้ม แล้วรับช่อดอกไม้ช่อใหญ่มาถือไว้ ดอกลิลลี่สีขาวส่งกลิ่นหอมหวานยามได้สูดดม

     

    โจนั่งมองทั้งสองอยู่ในรถ และเห็นอู๋จุนเดินไปโอบหลังของเอเรียล ทั้งสองพูดคุยกันเหมือนเขาไม่ได้มีตัวตน เขาจึงใส่เกียร์แล้วขับออกไป เอเรียลหันไปมองตามรถที่เพิ่งแล่นออกไป

     

    “เอเรียล วันอาทิตย์ที่จะถึงนี้คุณเตรียมตัวไว้นะ ผมมีคนที่อยากให้คุณพบ”

     

    “ใครเหรอคะ? จุน”

     

    “ถึงวันนั้นคุณจะได้รู้เอง แล้วผมจะมารับคุณ” อู๋จุนยิ้มเหมือนทิ้งปริศนาไว้

     

    .

    .

    .

    .

     

    เป็นเวลาตีสามที่โจค่อย ๆ เดินกลับเข้าห้องนอนของเขาโดยไม่เปิดไฟ เพราะกลัวพ่อของเขาที่นอนอยู่บนเตียงจะตื่น

     

    แป๊ก! ไฟถูกเปิดสว่างขึ้น  พ่อของเขาลุกขึ้นนั่งมองลูกชายที่หยุดยืนอยู่กลางห้อง

     

    “กลับมาแล้วเหรอ นั่งลงคุยกันหน่อยสิ” นายเจิ้งพูดสีหน้าเคร่งขรึม โจจึงลากเก้าอี้มานั่ง มองไปที่พ่อของเขา “ไหนบอกพ่อหน่อยซิโจ ลูกบอกว่าชอบเอเรียลขอมาเรียนต่อที่ไทเป แทนที่จะไปอังกฤษกับพ่อ แล้วนี่อะไร เอเรียลกับไมค์ก็เหมือนจบกันไปนานแล้ว แต่ทำไมเอเรียลถึงไปคบกับคนอื่นแทนที่จะเป็นลูก ตกลงลูกยังไม่ได้บอกเอเรียลใช่ไหมว่าลูกชอบเธอ?”

     

    โจไม่ได้ตอบ ได้แต่ก้มหน้ามองพื้น นายเจิ้งขยับมานั่งมองลูกชายของเขาใกล้ ๆ

     

    “ทำไมลูกไม่ต่อสู้เพื่อความรักบ้าง ลูกรอเวลาอะไรอยู่ หนึ่งปีที่ผ่านมานี่ลูกคอยให้เธอไปเป็นของคนอื่นเหรอ หรือลูกยังหวังว่าเอเรียลจะจำสัญญาตอนหกขวบนั่นได้? ใช่! ในตอนนั้นครอบครัวเราทั้งสองฝ่ายรับรู้เรื่องที่พวกลูกสัญญาว่าโตขึ้นจะแต่งงานกัน แต่มันก็เป็นสัญญาที่เด็ก ๆ พูดโดยไม่ได้จริงจัง แล้วลูกจะรอให้เธอนึกได้เองอยู่ทำไม?”

     

    ไม่ว่าจะถามยังไง นายเจิ้ง ก็ไม่ได้รับคำตอบใด ๆ จากลูกชาย

     

    “โจ พ่อคิดว่าเอเรียลคงจำเรื่องนั้นไม่ได้หรอก ลูกยังจำตอนเจ็ดขวบได้ไหม ที่เอเรียลเคยจมน้ำจนเกือบตาย แล้วจำเรื่องราวบางอย่างก่อนหน้าไม่ได้”

     

    โจคิดทบทวนสิ่งที่พ่อเขาพูด วันนั้นครอบครัวของพวกเขาไปว่ายน้ำกันที่สระว่ายน้ำใกล้ ๆ บ้าน ขณะที่ทุกคนไปเปลี่ยนชุดเพื่อกลับบ้าน เขาในวัยเด็กออกมาพบเอเรียลลื่นตกลงไปในสระว่ายทั้งที่ยังว่ายน้ำไม่เป็น เขาวิ่งไปตามพ่อให้มาช่วย และนำเธอไปโรงพยาบาล เธอจมน้ำนานเกินไปจนทำให้ความจำบางช่วง­ขาดหายไปชั่วคราว

     

    “นั่นสิ” โจเงยหน้าขึ้นมองพ่อของเขา “แต่ผมไม่คิดว่าเรื่องนี้จะถูกลืมไปด้วย”

     

    “มันมีเปอร์เซ็นต์เป็นไปได้สูงเลยล่ะ ดังนั้น ลูกไม่ควรรอเวลาให้เธอคิดได้เอง มีสิ่งหนึ่ง พ่อใส่ไว้ในลิ้นชักโต๊ะนั่น ลูกเอาไปให้เธอแล้วบอกความในใจของตัวเองซะ”

     

    “แต่พ่อครับ เอเรียลมีแฟนไปแล้วนะ จะดีเหรอ ถ้าจะทำแบบนั้น”

     

    “พวกเขายังไม่ได้แต่งงานกัน โจ อย่างน้อยลูกก็ได้บอกความรู้สึกไป ส่วนเอเรียลจะตัดสินใจยังไงนั่นก็อีกเรื่องหนึ่ง ถ้าถูกปฏิเสธลูกจะได้เริ่มต้นชีวิตใหม่สักที ในฐานะเพื่อนร่วมงานในบริษัทพ่อของเธอก็ได้ จะทำงานที่รีสอร์ทกับเพื่อน ๆ หรือว่าจะย้ายไปอังกฤษกับพ่อก็ได้ พ่ออนุญาตให้ลูกเป็นคนตัดสินใจ ลองเอาไปคิดดูนะ” นายเจิ้งตบบ่าลูกชายเบา ๆ แล้วลุกขึ้นกลับไปนอนต่อ

     

    โจมองพ่อของเขาอยู่ครู่หนึ่ง จึงหันไปเปิดลิ้นชักหยิบสิ่งที่พ่อใส่ไว้ให้ขึ้นมาดู เราควรทำอย่างที่พ่อบอกจริงเหรอ? เขาคิดและเหม่อมองออกไปนอกหน้าแต่ง

     

    ******************************

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×