คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #12 : Chapter 11 : ความรู้สึกหวั่นไหว
บ่ายสอง เอเรียลนั่งทานอาหารกลางวันในร้านแห่งหนึ่งกับอู๋จุน หลังไปพบลูกค้าตามที่โทนี่ผู้จัดการแผนกไหว้วานมา เธอออกจะแปลกใจว่า ทำไมหลายวันมานี้ เธอถึงถูกเจาะจงให้ช่วยงาน หรือออกมาพบลูกค้ากับอู๋จุนบ่อย ๆ ที่ทั้งเรนนี่ เอลล่า และพนักงานอื่น ๆ ในแผนกก็สามารถทำได้ จนบางครั้งรู้สึกอึดอัด เมื่อเห็นสายตาของรุ่นพี่ผู้หญิงในแผนกเหมือนชอบไม่หน้าเธอ
“อิ่มแล้วเหรอ ทำไมคุณทานน้อยจัง” อู๋จุนมองอาหารในจานของเธอ ที่ดูจะไม่พร่องลงไปเลย
“พอดีฉันไม่ค่อยหิวน่ะค่ะ” เอเรียลวางแก้วน้ำลง แล้วยิ้มน้อย ๆ ให้เขา
“เลยเวลาตั้งสองชั่วโมง คุณเลยทานไม่ค่อยลง ขอโทษนะครับ”
“ไม่..คุณไม่ต้องขอโทษหรอกค่ะ ก็ยังคุยกับลูกค้าไม่จบนี่คะ อีกอย่างฉันก็รู้สึกไม่ค่อยอยากทานด้วย แต่ปกติ คุณทานอาหารไม่ตรงเวลาแบบนี้บ่อย ๆ เหรอคะ”
“ก็...ครับ บางทีก็ทำงานเพลินจนลืมเวลาบ่อย ๆ แฮ่ะ ๆๆ” อู๋จุนหัวเราะ “ผมเลยกระเพาะไม่ค่อยดี ถึงเวลาก็ไม่ค่อยได้ทาน แต่บทจะทานขึ้นมา ก็เยอะจนปวดท้อง”
“นั่นไม่ดีต่อสุขภาพเลยนะคะ” เอเรียลยิ้ม คงจะจริงอย่างที่เขาว่า เพราะตอนนี้ เขาหยุดทานเฉพาะเวลาคุยกับเธอเท่านั้น
“ทำไงได้ล่ะครับ ก็ผมไม่มีใครมาคอยเตือนให้ทานนี่ครับ”
เอเรียลทำไมเป็นไม่ได้ยินหันไปมองทางอื่น รู้สึกแปลก ๆ ที่ได้ยินประโยคแบบนี้มาหลายวัน คงดีเสียกว่า ถ้าจะทำเป็นไม่ได้ยิน
“เอเรียล” เขาเรียกแต่ก็ลังเลที่จะพูดต่อ
“อะไรคะ”
“จริง ๆ แล้ว คุณกับโจคบกันอยู่เหรอ ผมหมายถึงแบบแฟน พอดี ผมเห็นพวกคุณมาพร้อมกัน บางวันก็กลับพร้อมกันบ่อย ๆ”
“ไม่ใช่หรอกค่ะ เราสนิทกันมาตั้งแต่เด็ก จนใคร ๆ ก็คิดว่าอย่างนั้น เราเป็นเพื่อนที่รักกันมาก รู้ใจกันแทบทุกเรื่องน่ะค่ะ”
คำตอบของเธอดูเหมือนเขาจะสบายใจเป็นพิเศษ เอเรียลมองเขา แต่จู่ ๆ ก็รู้สึกคัดจมูกจึงรีบปิดด้วยผ้าเช็ดหน้า
“ฮึ๊! ฮัด..ชึ๊ย!” เอเรียลพยายามหยั้งไม่ให้จามออกมาแต่ก็ไม่สำเร็จ
“คุณเป็นหวัดหรือเปล่า วันนี้ผมเห็นคุณจามหลายครั้งแล้ว” อู๋จุนมองเธอด้วยความเป็นห่วง
“แค่นิดหน่อยน่ะค่ะ ช่วงนี้โดนฝนบ่อย ๆ เลยรู้สึกไม่ค่อยสบายตัว กะว่าวันหยุดพรุ่งนี้คงได้พักสักหน่อย”
อู๋จุนเห็นสีหน้าของเธอเริ่มแดงขึ้นมาสักพักแล้ว และช่วงบ่าย เธอยังจามอีกบ่อยครั้ง “ผมขอโทษนะ” พูดจบเขาก็ยื่นมือมาแตะหน้าผากของเธอ “หน้าผากคุณร้อนอย่างนี้ คงมีไข้ด้วย ที่ทานน้อยเพราะเจ็บคอใช่ไหม”
“นิดหน่อยค่ะ”
“หน้าแดงขนาดนั้น คงไม่นิดหน่อยหรอก ผมไม่ควรพาคุณกลับออฟฟิศแล้วล่ะ”
“คะ?” เอเรียลงงกับคำพูดของเขา
อู๋จุนจัดการจ่ายค่าอาหาร แล้วพาเธอกลับไปขึ้นรถขับออกไป เขาพาเธอมาที่โรงพยาบาลใกล้ ๆ หมอฉีดยาแก้ไข้ให้เธอ และสั่งให้กลับไปพักผ่อนให้มาก ๆ เมื่อรถจอดที่หน้าบ้าน เขารีบกางร่มวิ่งมาเปิดประตูรถให้เธอทันที จนเสื้อผ้าของเขาเอง ก็เริ่มเปียก จากฝนที่กำลังตกหนักขณะนี้
“ส่งฉันตรงนี้ก็ได้ ความจริงฉันยังกลับไปทำงานไหวนะคะ คุณเลยลำบากไปด้วย”
“ผมจะลำบากใจมากกว่า ถ้าปล่อยให้คุณกลับไปทำงาน ทั้งที่ดูแย่ขนาดนี้” อู๋จุนจ้องตาเธอเขม๋ง จนเธอรู้สึกร้อนผ่าวไปทั้งใบหน้า
“เอเรียลเองเหรอ? แม่ได้ยินเสียงรถ เลยเดินมาดูว่าใคร” นางเหม่ยเปิดประตูบ้านชะโงกหน้าออกมา “ฝนกำลังตกเข้ามาในบ้านก่อนสิจ๊ะ” ผู้เป็นแม่เชื้อเชิญ เมื่อเห็นชายหนุ่มที่กำลังยืนกางร่มให้เอเรียล ทั้งสองจึงเดินเข้ามาในบ้าน
“สวัสดีครับ คุณน้า” อู๋จุนโค้งให้นางเหม่ยอย่างนอบโน้ม
“สวัสดีจ๊ะ” นางเหม่ยจ้องมองด้วยรอยยิ้ม พอได้เห็นชายหนุ่มที่มาส่งลูกสาวชัด ๆ เธอรู้สึกว่า เขาเป็นผู้ชายที่สูง รูปร่าง หน้าตาดีมาก ๆ จัดอยู่ในประเภทหล่อมากเลยทีเดียว
“แม่คะ นี่อู๋จุนค่ะ เป็นเพื่อนที่ฝึกงานด้วยกันน่ะค่ะ” เอเรียลแนะนำ “อู๋จุนคะ นี่แม่ของฉันค่ะ”
อู๋จุนโค้งและยิ้มให้นางเหม่ยอีกครั้ง
“เอเรียลไม่ค่อยสบาย ผมเลยพามาส่งน่ะครับ”
“เอ๊ะ?...เป็นอะไรมากหรือเปล่าเอเรียล”
“เป็นหวัดนิดหน่อยน่ะค่ะ อู๋จุน เขาห่วงเกินเหตุ เลยพาไปฉีดยาที่โรงพยาบาลมาแล้วค่ะ” เอเรียลยิ้มน้อย ๆ ท่าทางเพลียอยู่ไม่น้อย
“ขอบใจนะจ๊ะ” นางเหม่ยยิ้มให้เขา “เสื้อผ้าลูกชื้นหมดแล้ว ขึ้นไปเปลี่ยนก่อนเถอะ อู๋จุน น้าจะเอาเสื้อผ้ามาให้เปลี่ยนนะ” นางเหม่ยหันไปบอกอู๋จุนด้วย เพราะเสื้อผ้าเขาดูเปียกกว่าเอเรียลซะอีก
“ไม่เป็นไรครับคุณน้า ผมว่าจะกลับบ้านเลย เอเรียลจะได้พักผ่อน ขอตัวก่อนนะครับ” อู๋จุนยิ้มให้นางเหม่ย “เอเรียล ไม่ต้องเป็นห่วงนะ ผมจะบอกคุณอาและเพื่อน ๆ ของคุณให้เอง” เขายิ้มให้ก่อนเดินออกไป
เอเรียลและแม่ของเธอ เดินมาส่งเขาที่ประตูก่อนขึ้นรถขับออกไป
“หนูไปข้างบนก่อนนะคะ แม่”
“จ๊ะ แล้วนอนพักผ่อนสักหน่อยนะ เดี๋ยวแม่จะทำโจ๊กไปให้” นางเหม่ยเดินมาส่งลูกสาวขึ้นบันได
“ขอบคุณค่ะแม่” เสียงของเอเรียลตอบลงมา ผู้เป็นแม่ยืนมองลูกสาวขึ้นบันไดอยู่ครู่หนึ่ง จึงเดินเข้าครัวเพื่อเตรียมทำอาหาร
.
.
.
.
“เอเรียล! เป็นยังไงบ้าง?” โจถาม จากหน้าประตูห้องที่เปิดอยู่ และเธอนอนอยู่บนเตียงดูเหมือนยังไม่หลับ เขาจึงเดินไปนั่งลงกับพื้นข้างเตียง มองด้วยความเป็นห่วง
“พอนอนไปได้พักหนึ่ง ก็ดีขึ้นมากแล้วล่ะ” เอเรียลยิ้มให้เขา รอยยิ้มของเธอดูไม่ค่อยสดใสนัก
“ทานอะไรหรือยัง?”
“ทานแล้วล่ะ แม่พึ่งยกชามลงไป ก่อนคุณมาสักครู่นี่เอง คุณล่ะ พึ่งกลับมาเหรอ ทานอะไรหรือยัง”
“ผมพึ่งกลับมา น้าเหม่ยบอกว่าคุณอยู่ข้างบน ผมเลยรีบขึ้นมาดูคุณก่อน” โจเอื้อมมือไปแตะที่หน้าผากเธอ เช็คว่ายังร้อนอยู่หรือเปล่า
“ทำไมมือเย็นจัง?” เอเรียลรู้สึกถึงความเย็นที่สัมผัสถูกหน้าผาก จึงจับมือของเขา และคลำโดนแขนเสื้อที่เปียกชื้นของเขา เพราะแสงไฟสลัวที่หัวเตียงทำให้เห็นไม่ชัดนัก “เสื้อผ้าเปียกนี่นา ตากฝนมาเหรอ”
“นิดหน่อยเอง ไม่เป็นไรหรอก” โจยิ้ม
ใช่! พอเขารู้จากเรนนี่และเอลล่าว่าเอเรียลไม่สบาย ก็รีบกลับทันทีโดยไม่ได้สนใจว่าฝนจะตกหนักหรือไม่ แค่รู้สึกเป็นห่วงเธอเท่านั้น และรู้สึกเสียใจที่ดูแลเธอไม่ดีพอ ทั้งที่เมื่อเช้า เขาเห็นเธอจาม แต่ก็ไม่ได้สังเกตว่าจะเป็นอะไรมากหรือเปล่า
“คุณรีบไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า แล้วทานอะไรก่อนเถอะ เดี๋ยวเป็นหวัดเหมือนฉัน ไม่รู้ด้วยนะ” เอเรียลแกล้งพูดยิ้ม ๆ
“อื้ม คุณก็พักผ่อนนะ เดี๋ยวผมจะกลับมาใหม่เผื่อจะต้องการอะไร”
“ค่ะ” เอเรียลยิ้ม หลับตาลงด้วยความง่วงจากฤทธิ์ยาหลังอาหาร
“ราตรีสวัสดิ์” โจขยับผ้าห่มให้เธอ แล้วเดินออกไป
หลังจากอาบน้ำ ทานมื้อค่ำเรียบร้อย เขาก็เดินเข้ามาดูเอเรียลอีกครั้ง ตอนนี้เธอหลับสนิทไปแล้ว เขามองเธอแล้วนั่งลงกับพื้นข้างเตียง กุมมือเธอไว้ สักครู่ เขาก็ฟุบหลับไปข้างเตียงของเธอด้วยความเหนื่อยจากงานตลอดทั้งวัน
ช่วงดึกนางเหม่ยแวะมาดูอาการของลูกสาว และก็ได้เห็นโจกุมมือของเอเรียลนั่งฟุบหลับไปที่ข้างเตียง นางเหม่ยนั่งลงบนเตียงยกมือลูบหัวเขาเบา ๆ ด้วยความเอ็นดู
“โจ น้าก็พอจะมองออกนะ ว่าเธอชอบเอเรียล แต่ทุกอย่างก็ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของเอเรียลเอง น้าคงเข้าไปเก้าก่ายอะไรไม่ได้ ถึงน้าอยากได้เธอเป็นลูกเขยก็ตาม แต่เรื่องแบบนี้คงต้องแล้วแต่ บุญทำกรรมแต่งล่ะนะ ฮื่อ..” นางเหม่ยถอนหายใจ แล้วจัดแจงหาผ้าห่มให้เขาก่อนเดินออกไป
..
หลังการฝึกงานผ่านไปจนเกือบครบสามเดือนที่มหาวิทยาลัยกำหนด เอเรียลและอู๋จุนดูสนิทกันมากขึ้น เพราะต้องออกไปไหนมาไหนด้วยกันบ่อย ๆ ในช่วงเวลางาน บางครั้ง เอเรียลและเพื่อนทั้งสองยังออกไปทานมื้อค่ำกับอู๋จุนบ้าง วันที่โจไม่สามารถมารับได้ จนระยะหลัง ๆ มักจะพบจดหมายต่อว่าเสีย ๆ หาย ๆ วางอยู่บนโต๊ะทำงานของเธอบ่อยครั้ง ซึ่งไม่มีใครรู้ นอกจากเพื่อนทั้งสองของเธอ สายตาของพนักงานสาว ๆ ในออฟฟิศ มักจ้องมองทุกครั้งที่เธอออกไปกับเขา
เอเรียลเดินออกจากห้องน้ำกำลังจะกลับเข้าออฟฟิศ แต่ก็ต้องหยุดเมื่อพบว่า พนักงานหญิงในแผนกสามคนยืนขวางหน้าเธออยู่ และไม่ว่าจะเลี่ยงไปทางไหน พวกเธอก็ขยับไปขวางไว้ตลอด
“นี่เธอ คงคิดจะจับคุณอู๋จุนเพราะเห็นว่าเขารวยมากสินะ คงจะประจบคุณโทนี่และคุณมาเรียล่ะสิ ถึงได้ไปช่วยงานเขาบ่อย ๆ แทนที่จะเป็นพวกฉัน” หญิงสาวรุ่นพี่ชื่อ เพ่ยจื่อ ยืนกอดอกมองด้วยสายตาเหยียด ๆ
“พวกคุณพูดเรื่องอะไร” เอเรียลถาม รู้หวาด ๆ เมื่อต้องอยู่คนเดียวในสถานการณ์แบบนี้
“ไม่ต้องมาตีหน้าซื่อไม่รู้เรื่อง พวกเธอรู้แก่ใจว่าเขารวยมากแค่ไหน ฉันล่ะหมันไส้นัก ที่เธอกับเพื่อน ๆ ของเธอ ทำเป็นสนิทสนมกับเขา ทั้ง ๆ ที่เป็นแค่นักศึกษาฝึกงาน” หญิงสาวรุ่นพี่อีกคนพูดขึ้น
“แรก ๆ พวกเราเห็นพวกเธอเป็นรุ่นน้องที่ดูซื่อ ๆ แต่ที่ไหนได้ ร้ายเหมือนกันนะยะ ไม่รู้เหรอว่า เพ่ยจื่อ เพื่อนของเราเล็งเขามาตั้งนานแล้ว เธอพึ่งมาไม่นาน มีสิทธิ์อะไรมาชุบมือเปิบ!” หญิงสาวรุ่นพี่อีกคนพลักเอเรียลอย่างแรกจนหลังกระแทกกำแพง
“ฉันไม่ได้ทำอย่างที่พวกคุณกล่าวหาสักหน่อย” เอเรียลพูดเสียงดัง
“หึ! มันก็เห็น ๆ กันอยู่ ว่าพวกเธอทำตีสนิทถึงขนาดเรียกเขาว่า จุน เฉย ๆ นั่งชูคออยู่ในรถหรู ๆ ของเขา ถ้าไม่ถูกตบ คงไม่ยอมรับสินะ” เพ่ยจื่อพูด ตรงเข้าไปทันที
เพี้ยะ! หน้าของเอเรียลหันไปตามแรงตบ เธอยกมือกุมแก้มที่เจ็บ และหันมาจ้องเพ่ยจื่อด้วยความโกรธ ดวงตาเต็มไปด้วยน้ำ ที่เริ่มเอ่อขึ้นมา
“ทำไม? อยากโต้ตอบสินะ หรือว่า จะร้องไห้วิ่งไปให้เขาเห็นใจดีล่ะ” เพ่ยจื่อยิ้มเยาะ “แต่ฉันยังไม่ปล่อยเธอไปหรอกนะ” เพ่ยจื่อยกมือขึ้นหวังจะตบอีกครั้ง
“หยุดนะ!”
เสียงผู้ชายด้านหลัง ทำให้พวกเธอหันกลับไปมอง และตกใจกลัว รีบถอยห่างจากเอเรียลทันที
“คุณอู๋จุน” เพ่ยจื่อและเพื่อนทั้งสองมองเขา ที่มายืนอยู่ด้านหน้าเอเรียล มองดูพวกเธอด้วยความโกรธ
“พวกคุณกำลังทำอะไรกัน?”
อู๋จุนมองหญิงสาวทั้งสามคน แต่ไม่มีใครตอบ เขาหันไปมองเอเรียล เห็นเธอยืนน้ำตาคลอกุมหน้าเอาไว้มองไปทางอื่น เขาดึงมือของเธอออก และพบว่าใบหน้าของเธอมีรอยช้ำจากนิ้วมือจนเห็นได้ชัด
“นี่พวกคุณทำร้ายเธอเหรอ มันเรื่องอะไรกัน?” อู๋จุนจ้องทั้งสามด้วยความโกรธอีกครั้ง “พวกคุณไม่รู้หรือว่า เธอเป็นคนรักของผม ไม่กลัวถูกไล่ออกหรือไง!?”
ทุกคนจ้องมองที่เขาอย่างตกใจ ถึงแม้แต่เอเรียลเองก็ตาม ทั้งสามคนรีบขอโทษ และท่าทางเขา ก็ดูเหมือนจะไม่ยอมยกโทษให้ง่าย ๆ
“คุณอู๋จุนคะ มันแค่เรื่องเข้าใจผิดน่ะค่ะ อย่าต้องถึงขนาดไล่ออกกันเลย”
“แต่เอเรียล” อู๋จุนหันไปจะค้าน แต่เธอมองเหมือนอยากให้เขาตกลง “ได้คราวนี้ผมจะยกโทษให้พวกคุณกับเรื่องนี้ แต่ถ้าพวกคุณยังหาเรื่องเธออีก ผมจะเอาเรื่องพวกคุณให้ถึงที่สุดจำไว้”
“ค่ะ” หญิงสาวทั้งสามก้มหัวประหงก ๆ ตกปากรับคำ
“ไปกันเถอะเอเรียล” อู๋จุนโอบไหล่เธอ แล้วพาเดินออกไป
เอลล่าและเรนนี่ที่มาตามเอเรียลเพื่อกลับบ้าน ก็เห็นเหตุการณ์ที่อู๋จุนพูดกับพนักงานหญิงรุ่นพี่ทั้งสามคนพอดี จึงหันมองเลิ่กลั่ก แล้ววิ่งตามทั้งสองคนไป
อู๋จุนขับรถมาส่งเอเรียลที่บ้าน โดยไม่มีโอกาสได้พูดอะไร เพราะมีเอลล่าและเรนนี่นั่งมาเป็นเพื่อนด้วย เขาได้แต่มองกระจกไปที่นั่งด้านหลังด้วยความเป็นห่วง ซึ่งเอเรียลนั่งอยู่พิงกับเรนนี่เงียบ ๆ เธอคงรู้สึกช็อคน่าดูกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
.
.
.
แป๊ก!..
“เอเรียล!” โจตกใจเมื่อเปิดไฟ และพบว่าเอเรียลนั่งอยู่ในครัวมืด ๆ กลางดึก “ทำไมยังไม่นอนอีกล่ะ ตีหนึ่งแล้วนะ”
“ฉันลงมาดื่มน้ำน่ะ” เอเรียลลุกขึ้นเดินเอาแก้วไปเก็บ “แล้วโจล่ะ ลงมาทำไม”
“ผมหิวน้ำเหมือนกัน” เขาหยิบเหยือกน้ำจากตู้เย็นเทใส่แก้วแล้วยกขึ้นดื่ม แต่ก็ชำเลืองมองรู้สึกผิดสังเกต
“งั้นเหรอ” เอเรียลพยักหน้า กำลังจากเดินกลับขึ้นมานอน
โจรู้สึกเหมือนเอเรียลพยายามหลบหน้า จึงรีบวางของแล้วตามมาดูเธอใกล้ ๆ
“เป็นไร ไม่สบายเหรอ” และสายตาของเขาก็พบความผิดปกตินั้น “นี่แก้มไปโดนอะไรมาถึงช้ำขนาดนี้ ใครทำร้ายคุณ?”
“ไม่มี ฉันแค่ล้มไปโดนขอบประตู”
“ขอบประตูอะไร นี่มันรอยนิ้วชัด ๆ เกิดอะไรขึ้น?”
“ไม่มีอะไรจริง ๆ โจ ฉันจะขึ้นไปนอนแล้ว”
เอเรียลพยายามหลบ แต่ก็ถูกเขารั้งแขนเอาไว้
“บอกมาว่าใครทำร้ายคุณ”
“มันแค่เรื่องเข้าใจผิดน่ะโจ ไม่มีอะไรหรอก”
“เข้าใจผิด? เรื่องอะไร?”
โจจ้องไปในดวงตาของเธอ ที่ตอนนี้เริ่มแดง น้ำตาเอ่อจนแทบจะไหลออกมาแล้ว
“อะไรเอเรียล เราคุยกันได้ทุกเรื่องไม่ใช่เหรอ หือ..?”
“มันเป็นเรื่องเข้าใจผิดจริง ๆ.... ฮือ ๆ ๆ”
ในที่สุดเอเรียลก็กลั้นน้ำตาเอาไว้ไม่อยู่อีกต่อ โจโอบกอดเธอไว้หลับตาด้วยความเจ็บปวด ถึงแม้ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่การเห็นเธอร้องไห้ มันทำให้รู้สึกเหมือนบาดแผลลึก ๆ ในใจของเขาค่อย ๆ ปริออก ด้วยปลายมีดเล็ก ๆ ที่ทิ่มแทงอยู่ตลอดเวลา
“ไม่เป็นไร เอเรียล ไม่ต้องพูดอะไรอีกแล้ว” เขากระซิบและกอดเธอแน่นขึ้น
...............................................
เช้าวันถัดมา เพ่ยจื่อและเพื่อนอีกสองคนเดินมาหยุดยืนที่โต๊ะของเอเรียล ยื่นกล่องช็อคโกแลตมาให้
“พวกเราขอโทษนะเอเรียล ที่รุนแรงไปหน่อย หวังว่าจะยกโทษให้พวกเรานะ” เพ่ยจื่อยิ้มเจื่อน ๆ
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ มันเป็นเรื่องเข้าใจผิดกัน ฉันไม่ได้ติดใจอะไรแล้ว”
“งั้นก็...ช่วยรับนี่ไว้ มันจะช่วยให้สบายใจขึ้นนะ”
เพ่ยจื่อยิ้ม ยังคงยื่นกล่องช็อคโกแลตมาให้ ท่าทางของพวกเธอเหมือนสำนึกผิดแล้วจริง ๆ เอเรียลหันมองอู๋จุน และเห็นเขายิ้มให้ เธอจึงตัดสินใจรับไว้ด้วยรอยยิ้ม ถึงแม้จะรู้ว่า ทั้งหมดนี่อาจเป็นเพราะอู๋จุนให้พวกเธอมาก็ตาม
“ขอบคุณค่ะ”
“ขอบใจนะ เอเรียล ที่ไม่โกรธ พวกเราสัญญาว่าจะไม่ทำแบบนี้อีก” เพ่ยจื่อและเพื่อนทั้งสองยิ้มให้ ก่อนเดินกลับไปทำงาน
“เอเรียล แล้วเธอยังเจ็บอยู่หรือเปล่า” เรนนี่ถาม เมื่อพวกเพ่ยจื่อเดินออกไปแล้ว “ไหนดูซิ แต่จางไปเยอะแล้วนะ”
“มันน่าเอาคืนสักทีนะ” เอลล่าพูดอย่างโกรธ ๆ หันไปค้อนทางที่เพ่ยจื่อเดินไป
“ไม่เอาน่าเอลล่า ให้มันจบกันไปเถอะนะ พวกเค้าก็มาขอโทษแล้วนี่นา”
“เอเรียล แต่ไม่เคยมีใครมาทำกลับเธอแบบนี้เลยนะ นี่ถ้าจุนไม่ขู่ไป พวกนั้นจะมาขอโทษเธอเหรอ” เอลล่าเริ่มพาลใส่อู๋จุน ที่เป็นต้นเหตุให้เพื่อนรักต้องเจ็บตัว
“ขอโทษนะเอเรียล ที่ผมเป็นต้นเหตุให้เป็นแบบนี้ แต่พวกเขาต้องได้รับโทษตามระเบียบแน่ ผมสัญญา”
“ไม่ต้องหรอกค่ะ แค่นี้ก็พอแล้ว”
“ดีจุน จัดการไปเลย ฉันสนับสนุน” เอลล่าหันไปยิ้มอย่างพึ่งพอใจ เพราะถ้าเขาปล่อยให้เรื่องนี้ผ่านไปง่าย ๆ เธอจะไม่มีวันอภัยให้เขาแน่
“เอลล่า” เอเรียลไม่รู้จะห้ามยังไง และอู๋จุนเองก็ลุกขึ้นเดินไปทางห้องของคุณโทนี่ “จุน” ถึงเรียกยังไง แต่เขาก็ไม่หยุด “เอลล่า...ฉันไม่อยากให้มันเป็นเรื่องใหญ่หรอกนะ”
“ก็ไม่ถึงไล่ออกหรอกน่า” เอลล่าพูดอย่างเฉยเมย “อาจจะแค่..ถูกลดเงินเดือน หรือพักงาน อะไรแบบนี้”
“ฉันก็ว่าพวกนั้นควรโดนอะไรบ้างนะ เอลล่าพูดถูกแล้วล่ะ ก่อนจะทำอะไร จะได้คิดหน้าคิดหลังซะก่อน”
เอเรียลนั่งถอนหายใจ เมื่อได้ยินเพื่อนทั้งสองพูดแบบนั้น
“ว่าแต่ เธอไปเป็นคนรักของจุนตั้งแต่เมื่อไหร่? ไม่เห็นบอกกันบ้างเลย” เรนนี่หลี่ตามอง
“อะ...อะไร? ไม่ใช่สักหน่อย เขาก็แค่...ไม่อยากให้ฉันถูกทำร้ายอีกเท่านั้น”
“แล้วทำไมต้องอึกอักด้วยล่ะ หรือเธอเองก็ตกใจที่ได้ยินเขาพูดแบบนั้น”
“ก็ใช่สิเอลล่า ฉันไม่คิดว่าเขาจะพูดเรื่องไม่เป็นเรื่องออกมาได้”
“เรื่องไม่เป็นเรื่องของเธอ อาจเป็นเรื่องของเขามากกว่านะ ฮ่า ๆ ๆ ๆ” เรนนี่พูด แล้วพากันหัวเราะคิกคัก
“พวกเธอหยุดพูดแล้วทำงานซะทีเถอะ หมดอาทิตย์นี้เราก็ฝึกงานจบแล้ว ทุกอย่างก็จะจบไปด้วย”
“ฮึ!..หวังว่าจะเป็นแบบนั้นนะ” เรนนี่ยิ้ม แล้วทั้งคู่ก็หลังกลับไปทำงานต่อ
เอเรียลนั่งคิดถึงเรื่องเมื่อวาน เธอรู้สึกเสียใจมากที่ถูกหาว่าไปสนิทสนมกับอู๋จุน เพราะเขารวย ตลอดเวลาสองเดือนที่รู้จักเขามา ในสมองเธอไม่เคยคิดเรื่องนั้นสักครั้ง แม้เขาจะไม่ได้เป็นหลานของคุณโทนี่ เธอก็ยังอยากรู้จักคนดี ๆ แบบเขา ถึงมันเป็นเวลาไม่นานนัก ก็ยังรู้สึกดี ๆ ที่ได้เป็นเพื่อนกับเขา และตอนที่เขาพูดปกป้องเธอด้วยสีหน้าจริงจังแบบนั้น วูบหนึ่ง เธอกลับรู้สึกอุ่นใจอย่างประหลาดเมื่อได้ยินอย่างนั้น แต่เธอก็ไม่สามารถหาเหตุผลได้ว่า ทำไมเมื่อคืนถึงร้องไห้กับโจหนักขนาดนั้น หรือเพราะเวลาที่จะอยู่ที่นี่ เหลืออีกไม่ถึงสามวันเสียแล้วนะ
‘นี่เราคิดอะไรอยู่กันแน่ เฮ้อ....’ เอเรียลถอนหายใจ ส่ายหน้าแรง ๆ พยายามสลัดความคิดนั้นออกไป
.
.
.
“เอเรียล ทำไมเงียบไปล่ะ วันนี้ผมเห็นคุณซึม ๆ ทั้งวัน ยังคิดมากเรื่องเมื่อวานอยู่เหรอ” อู๋จุนถาม ขณะขับรถไปส่งเธอที่บ้าน เพราะช่วงเย็นเขามีนัดทานอาหารกับลูกค้าเพื่อคุยเรื่องงาน และเธอต้องออกมาด้วย ตามที่อาของเขาขอ เมื่อเห็นว่าเลยเวลาเลิกงานแล้ว เขาจึงตัดสินใจไม่เข้าออฟฟิศอีก
“เปล่าไม่มีอะไร จริงสิ ฉันว่าจะถาม เรื่องที่คุณเข้าไปคุยกับคุณโทนี่ เกี่ยวกับรุ่นพี่สามคนนั้น”
“ทำไมเหรอครับ?”
“ก็คุณบอกว่าจะ...”
“อ๋อ...ใช่ ๆๆ ผมแค่ให้คุณอาลงโทษนิดหน่อย ก็แค่...ไล่ออก”
“ห๊ะ ไล่ออก! มันนิดหน่อยเหรอคะ?” เอเรียลเอียงหน้ามองอย่างแปลกใจ
“ผมล้อเล่นนะ ฮึ ๆ ๆ”
“คุณขำทำไม แล้วตกลงมันยังไงคะ”
“ก็แค่ให้ทำโอทีวันละสามชั่วโมง เป็นเวลาหนึ่งเดือน โดยไม่ได้รับค่าโอทีเท่านั้น”
“โห? โหดจัง ตั้งสามชั่วโมงเลยเหรอ ค่าโอทีก็ไม่ได้ แต่...อย่างหลังนี่แผนกได้ผลประโยชน์เต็ม ๆ เลยนะคะ”
“ก็แค่สถานเบานะ ถ้าเทียบกับสิ่งที่พวกเธอทำกับผู้หญิงที่ไม่ควรยุ่ง”
“คะ?” เอเรียลสงสัยกับท้ายประโยคของเขา เธอพยายามคิดว่าเขากำลังล้อเธอเล่นอีก “ทำไมล่ะ ฉันดูน่ากลัวขนาดที่ ไม่มีใครกล้ายุ่งขนาดนั้นเลยเหรอ ฮึ ๆ ๆ”
เขาเฉยไป เมื่อรู้ว่าเอเรียลชอบกลบเกลื่อนทำเป็นไม่ได้ยิน และไม่เข้าใจเสมอ เวลาเขาพูดอะไร เมื่อรถจอดที่หน้าบ้านของเธอ เขาดับเครื่องและหันมองมองเธอ
“เอเรียล สิ่งที่ผมพูดกับทั้งสามคนเมื่อวาน ผมคิดอย่างนั้นจริง ๆ นะ”
“จุน?.. ฉันไม่รู้ว่าคุณพูดเรื่องอะไร แต่ขอบคุณนะที่มาส่ง” เอเรียลฝืนยิ้ม รีบเปิดประตูทันทีแต่ถูกเขาคว้ามือเอาไว้ยังไม่ให้ลงจากรถ
“ผมรู้ว่าคุณเข้าใจสิ่งที่ผมพูด เอเรียล อีกไม่กี่วันคุณก็จะฝึกงานจบ ผมขอแค่คำตอบจากคุณเท่านั้น เพราะผมอยากคบกับคุณ...แบบคนรัก ถ้าคุณตอบไม่ ผมจะได้ทำใจ แล้วคงไม่มาเจอคุณอีก”
“ทำไมล่ะคะ เราก็ยังเป็นเพื่อนกันได้ไม่ใช่เหรอ” เอเรียลหันมาถามด้วยรอยยิ้มเจื่อน ๆ
“ผมอาจไม่มีเวลามากนัก แม้แต่เพื่อน เอเรียล เพราะผมคงใช้เวลาอยู่กับงานซะส่วนใหญ่ คุณคงพอรู้ ถ้าผมมีคนรักที่อยากเห็นหน้า อยากนั่งทานอาหารด้วย ไม่ว่ายุ่งแค่ไหนผมจะก็สละเวลามาจนได้เพื่อเธอ” อู๋จุนจ้องมองเข้าไปในดวงตาของเธอ แต่เธอหันหลบ
“ฉันขอตัวเข้าบ้านก่อนนะคะ”
เมื่อได้ยินอย่างนั้น เขาจึงปล่อยมือให้เธอได้ลงจากรถ
“ขอโทษนะ เอเรียล ที่ต้องพูดแบบนี้ ไม่อย่างนั้น คุณคงจะทำเป็นไม่สนใจผมต่อไป ผมแค่ไม่อยากปล่อยคุณไปโดยไม่รู้ความรู้สึกของคุณ นี่ดีที่สุดแล้ว ที่ผมจะตัดสินใจ ว่าจะอยู่ไต้หวันต่อไปหรือไม่” เขามองเธอเข้าบ้านไปด้วยสีหน้าเศร้า ๆ
.........................................................
ความคิดเห็น