ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    (Fic Arjoe) First Love...Is Only You

    ลำดับตอนที่ #11 : Chapter 10 : บุพเพ

    • อัปเดตล่าสุด 18 ก.ค. 54


     

    หลังเลิกงาน เอเรียลและเพื่อน ๆ มานั่งรอโจและอีธานที่ด้านล่างของตึกเช่นเคย เวลาที่ไม่มีใครรีบกลับบ้านไปซะก่อน  หลายวันที่ผ่านมา โจและอีธานค่อนข้างลงมาช้า เพราะงานที่พวกเขาฝึกอยู่นั้นยุ่งมาก บางครั้งต้องตามรุ่นพี่ออกไปไซด์งานบ่อย ๆ กว่าจะกลับเข้ามา  ก็หัวค่ำเข้าไปแล้ว

     

    “เอเรียล สิบวันแล้วสินะ พ่อบอดี้การ์ดคนนั้น โทรมาหาเธอบ้างไหม” เรนนี่ถาม ตั้งหน้าตั้งตารอคำตอบเพื่อนที่นั่งตรงข้าม

     

    “ใครเหรอ บอดี้การ์ดน่ะ เรนนี่” เอเรียลขมวดคิ้ว งง ๆ

     

    “โธ่เอ๊ย  ก็คนที่เก็บกระเป๋าสตางค์เธอได้เมื่อคราวก่อนไง”

     

    “เอ๊ะ  แล้วเขาจะโทรหาฉันทำไม อีกอย่าง เขาเป็นบอดี้การ์ดให้ลุงคนนั้นหรือเปล่าก็ไม่รู้ อย่าเพิ่งเดาไปเองซิ”

     

    “แต่ถ้าฟังจากที่เธอเล่า เขาน่าจะสนใจเธออยู่นา  แต่แปลก ทำไมไม่สานต่อนะ ในเมื่อเขามีเบอร์ของเธอแท้ ๆ”

     

    “พอเถอะเรนนี่ ผ่านมาตั้งสิบวันแล้ว เขาไม่โทรมาก็ดี ใครก็ไม่รู้ ถ้าเป็นพวกมาเฟีย เอเรียลก็แย่น่ะสิ ไม่ต้องไปรู้จักน่ะดีแล้ว” เอลล่าพูดจากการสันนิษฐาน

     

    “ว่าแต่วันนี้โจกับอีธานช้าจัง นี่ก็ปาเข้าไปจะสองทุ่มแล้ว หมู่นี้กว่าจะถึงบ้านก็แทบไม่ค่อยได้คุยกัน” เอเรียลสอดส่ายตามองหา แต่ก็ไม่มีวี่แวว

     

    “ยังไม่กลับจากไซด์งานหรือเปล่า แต่ถ้ากลับช้าขนาดนี้ก็น่าจะโทรบอกสักหน่อยนะ เธอจะได้ไม่ต้องมานั่งรอเขานาน ๆ เกือบทุกวัน ความจริง ให้เธอกลับก่อนก็ได้”

     

    “นั่นสิ  อลันยังเลิกเร็วกว่าซะอีกนะ สงสัยงานของบริษัทที่นี่จะเยอะมากเลย” เรนนี่พูด และเหมือนเห็นอลันกับหูเก่อ จึงลุกขึ้นโบกมือให้พวกเขา  อลันลงนั่งข้างเรนนี่ และหูเก่อก็ลงนั่งข้างเอลล่า

     

    “ทำไมถึงมาพร้อมกันได้ล่ะ” เอลล่าถาม

     

    “ผมไปเจออลันพอดี ก็เลยมาด้วยกัน  ว่าแต่ โจกับอีธานยังไม่มาอีกเหรอ” หูเก่อถาม เพราะไม่เห็นสองคนนั้นที่โต๊ะ

     

    “อ้อลืมบอกไป โจกับอีธาน ออกจากไซด์งานมาแล้ว เดี๋ยวก็คงถึง พอดีชั่วโมงก่อนผมโทรไป โจเลยฝากมาบอกเอเรียลด้วย เห็นว่าติดต่อไม่ได้” อลันบอก มองเอเรียล ที่ตอนนี้มีสีหน้า งง ๆ แล้วหยิบโทรศัพท์ออกมาดู

     

    “ตายจริง แบตฯหมดน่ะ ตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้เหมือนกัน”

     

    “สงสัยโจคงรีบแย่แล้วมั๊ง ป่านนี้ ฮ่าๆๆ” เอลล่าหัวเราะ แล้วจริงอย่างที่ว่า เพราะตอนนี้โจเดินหน้าตื่นเข้ามา โดยไม่รออีธานด้วยซ้ำ

     

    “เอเรียล ปิดมือถือทำไม โทรมาจะเป็นสิบครั้งแล้วนะ” โจถามเสียงเข้ม

     

    “ขอโทษ..ก็มันไม่รู้จริง ๆ ว่าแบตฯหมด” เอเรียลลุกขึ้นทำตาปริบ ๆ

     

    “เอาเถอะ ๆ เอเรียล คราวหน้าก็เช็คมือถือบ้างแล้วกัน ก็รู้อยู่ว่าโจต้องเป็นห่วง” อลันพูดยิ้ม ๆ

     

    “นี่” เอลล่าลุกขึ้นยืน “ฉันว่าพวกเรากลับกันเถอะนะ มันสองทุ่มแล้ว ฉันหิว”

     

    “อื้ม” เรนนี่พยักหน้า

     

    ทุกคนก็เลยแยกย้ายกันกลับ  โดยหูเก่อและเอลล่า แวะส่งเอเรียลและโจที่บ้านก่อน พอถึงบ้าน เอเรียลก็เดินตามโจเข้าไปโดยไม่กล้าถามอะไร  เพราะดูเหมือนโจกำลังหงุดหงิด

     

    ...............................................................................

     

    หลังอาหารกลางวัน เอเรียลและเพื่อน ๆ กลับมานั่งเอกคะเนกที่โต๊ะทำงาน ซึ่งไม่ค่อยมีใครอยู่ในช่วงเวลาพักแบบนี้ 

     

    “วันนี้เธอต้องกลับบ้านเองคนเดียวเหรอ เอเรียล” เรนนี่วางศอกบนโต๊ะเอเรียล แล้วเท้าคางมอง

     

    “อื้ม ตั้งแต่วันนี้ไปโจกับอีธาน ต้องออกไปไซต์งานแล้วกลับดึกบ่อยขึ้น โจบอกว่าบางวันอาจต้องให้ฉันกลับเอง ให้คอยดูมือถือไว้  คราวที่แล้วพอเข้าบ้านได้ โดนเขาบ่นซะยกใหญ่เลย” เอเรียลยิ้มจ๋อย ๆ

     

    “ฮ่าๆๆๆ ก็สมควรล่ะ เป็นฉัน เธอโดนเข็กไปนานแล้ว” เอลล่าที่เอนหลังอยู่กับผนักพิง ทำท่าชูมะเงกขึ้น

     

    “ช่วงนี้อลันก็ยุ่งเหมือนกัน คงเป็นปกติของพวกจบวิศวะมั๊ง  ฉันสองคนยังกลับด้วยกันได้ แต่เอเรียล เธอต้องกลับมืด ๆ คนเดียวก็ระวังด้วยล่ะ เห็นอยู่ช่วยคุณมาเรียบ่อย ๆ นี่นา” เรนนี่เตือนและชำเลืองมองโต๊ะที่ยังคงว่างอยู่ “อืม..พวกเธอว่าแปลกไหม๊ เรามาฝึกงานที่นี่สองอาทิตย์แล้ว ไม่เคยเห็นใครมานั่งโต๊ะนี้เลย แต่บางวันฉันเห็นกองเอกสาร เดี๋ยวก็เยอะ เดี๋ยวก็น้อย หรือมีใครมานั่งทำงานตอนพวกเรากลับไปแล้วหรือเปล่า”

     

    “ใครคงเห็นว่ามันว่าง ก็เลยใช้เป็นที่วางของล่ะมั๊ง” เอลล่าออกความเห็น

     

    “อืม..ก็อาจเป็นไปได้” เรนนี่พยักหน้า

    .

    .

    .

     

    ช่วงเย็นเอเรียลกลับมานั่งที่โต๊ะทำงาน หลังออกไปเข้าห้องน้ำมา อยู่ ๆ เรนนี่ก็หันมายิ้ม เหมือนมีอะไรจะเล่าให้ฟัง

     

    “เอเรียล ตอนเธอไปเข้าห้องน้ำ คุณโทนี่พาเจ้าของโต๊ะนั่นมาแนะนำให้เราสองคนรู้จักด้วยล่ะ” เรนนี่พยักเพยิดไปที่โต๊ะหลังเอลล่า ซึ่งอยู่แถวเดียวกับเอเรียล “เป็นญาติห่าง ๆ ทางพ่อ มิน่าล่ะ เป็นหลานของผู้จัดการนี่เอง ถึงได้ไม่ต้องเข้าออฟฟิศบ่อย ๆ เห็นว่าพึ่งกลับจากเคลียร์งานที่บูรไนเมื่อเช้า ตอนนี้อยู่ในห้องคุณโทนี่” เรนนี่พูด แล้วขยับเข้าไปใกล้เอเรียล “หล่อมากเลยล่ะ เดี๋ยวเธอเห็นจะต้องตะลึง ฉันกับเอลล่างี้ ยังแทบอ้าปากค้างเลย”

     

    “ใครอ้าปากค้างยะ เรนนี่ พูดเกินไปหรือเปล่า” เอลล่าหันมาค้อน

     

    “ชู่ว์....รีบทำงานเถอะ” เอเรียลยกนิ้วเตือนให้เพื่อน ๆ ที่หันหลังมาคุยด้วยเบา ๆ แล้วกลับไปทำงานต่อ เพราะเห็นประตูห้องของผู้จัดการเปิดออก

     

    ชายหนุ่มออกมาจากห้องผู้จัดการพร้อมเอกสาร กำลังจะเดินไปที่โต๊ะทำงานของตัวเอง เมื่อเห็นเรนนี่ยิ้มให้ เขาจึงยิ้มตอบก่อนเดินผ่านโต๊ะเธอไป แล้วลงนั่งวางเอกสารบนโต๊ะ เขาเหลียวไปมองผู้หญิงที่นั่งก้มหน้าก้มตาทำงานโต๊ะข้าง ๆ และจำผู้หญิงคนนั้นได้ในทันที

     

    “คุณเอเรียลหลิน”

     

    เมื่อเขาพูดชื่อนั้นออกมา ทำให้เอเรียลและเพื่อน ๆ หันไปมอง

     

    “คุณ..” เอเรียลแปลกใจที่ได้พบผู้ชายคนนี้อีกครั้ง

     

    “ผมอู๋จุนไงครับ บังเอิญจังเลยนะครับที่ได้พบคุณอีก”

     

    “อ๋อ ค่ะ” เอเรียลยิ้มเจื่อน

     

    “อ้าว นี่รู้จักกันแล้วเร๊อะ ว่าจะมาแนะนำอีกครั้งพอดี” โทนี่ที่พึ่งเดินตามออกมายิ้มให้ทุกคน ขณะยืนอยู่ทางเดินระหว่างโต๊ะเอลล่าและเรนนี่

     

    “บังเอิญเจอกันสองครั้งแล้วน่ะครับ คุณอา” อู๋จุนตอบ แล้วยิ้มให้เอเรียล

     

    “งั้นอาคงไม่ต้องแนะนำแล้วสินะ” โทนี่ยิ้มให้หลานชาย และเหลียวมองเอเรียล ซึ่งเธอทำหน้าปูเลี่ยน ๆ จนเขานึกขำ “เอาล่ะสาว ๆ ผมขอแนะนำอีกทีก็แล้วกัน จุนเนี้ยะ เขาเป็นญาติห่าง ๆ ของผม มาเรียนรู้งานที่แผนกนี้ก็หลายเดือนแล้ว แต่อาจไม่ค่อยเห็นเขาเท่าไหร่ เพราะเขาต้องเรียนรู้งานหลายอย่าง และยังต้องไปต่าง ๆ ประเทศบ่อย ๆ เวลาเขาเข้ามาทำงานพวกคุณอาจกลับบ้านไปแล้ว แต่ถ้าเจอเขาและมีปัญหาเรื่องงาน นอกเหนือจากคุณมาเรียและพนักงานคนอื่นๆแล้ว ก็สามารถถามเขาได้ เขารู้เรื่องที่นี่ทุกเรื่องแหล่ะ ถึงจะเพิ่งจบโทบริหารการเงินจากออสเตรเลียมาปีเดียวก็ตาม แต่เขาก็เก่งและเรียนรู้งานได้เร็ว ผมเองยังสู้แทบไม่ได้”

     

    “คุณอายอผมเกินไปแล้ว”

     

    “ฮ่า ๆ ๆ” โทนี่หัวเราะ “จริงสิ อยู่กันพร้อมหน้าแล้วนี่ วันนี้เลิกงานแล้วไปทานอาหารค่ำด้วยกันหน่อยนะ ผมจะได้เลี้ยงต้อนรับเด็กฝึกงานทั้งสี่ด้วย ว่างกันหรือเปล่า หืม..”

     

    โทนี่มองหญิงสาวทั้งสามคน เพื่อขอคำตอบและพวกเธอก็ยอมตกลง “ก็ดี ๆ จุน หลังเลิกงานแล้วพาทั้งสามไปร้านเดิมที่โรงแรมใกล้ ๆ นี่นะ ทุ่มตรง อาจะไปรอที่นั่นกับคุณมาเรีย

     

    “ครับ ได้ครับ” อู๋จุนตกปากรับคำด้วยรอยยิ้ม

     

    .

    .

    .

    ทุ่มตรงอู๋จุนพาทั้งสามคนไปร้านอาหารจีนสุดหรูของโรงแรมแห่งหนึ่ง ซึ่งโทนี่และผู้ช่วยของเขาได้ล่วงหน้ามาสั่งอาหารให้ทุกคนได้ทานอยู่ก่อนแล้ว

     

    “จุน แล้วตกลงงานที่นั่นเรียบร้อยดีแล้วเหรอ” โทนี่ถามหลานชาย ขณะทุกคนกำลังร่วมทานอาหารกัน

     

    “ครับ ผมให้คนที่นั่นจัดการทุกอย่างต่อแล้ว เพราะช่วงนี้ ผมคงต้องอยู่ไต้หวันนานหน่อย” อู๋จุนตอบ เหลือบมองเอเรียล ที่นั่งทานอาหารอยู่ตรงข้ามเขาในโต๊ะอาหารแบบกลม

     

    “แล้วท่านจะอยู่ที่นั่นนานไหม๊ งานที่นี่คงให้หลานจัดการซินะ”

     

    “ครับ ท่านจะอยู่ดูแล จนกว่าอาการหลังผ่าตัดจะดีขึ้น แต่ตอนนี้ก็แข็งแรงขึ้นมากแล้วล่ะครับ คุณอาไม่ต้องเป็นห่วง”

     

    “อื้ม...ว่าแต่หลานเถอะ ต้องรับผิดชอบงานขนาดนี้คงเหนื่อยแย่ แล้วจะมีเวลาตรงไหนไปหาแฟนล่ะ ตอนนี้มีใครถูกใจบ้างหรือยังล่ะ หือ..”

     

    “คิดว่า..มีอยู่คนหนึ่งแล้วล่ะ ตอนนี้ สงสัยคงเป็นบุพเพนะครับ”

     

    เอเรียลเหลือบตาขึ้นมอง และต้องตกใจเมื่อเห็นว่าเขามองตรงมาที่เธอ จึงรีบก้มหน้าก้มตาทานต่อ

    .

    .

    .

    .

     

    “จริงเหรอ? เอเรียล เขาเป็นคนเดียวกับที่เก็บกระเป๋าสตางค์เธอได้” เรนนี่ถาม ขณะที่ทั้งสามคนปลีกตัวมาเข้าห้องน้ำ

     

    “เห็นเธอตกใจตอนเจอเขา ฉันจะถามตั้งแต่แรกแล้ว แต่ไม่สบโอกาสสักที  ในเมื่อเขาเป็นหลานผู้จัดการ งั้นก็ไม่ได้เป็นบอดี้การ์ดของพวกมาเฟียแล้วน่ะสิ แต่มันบังเอิญจริงนะ ที่ยังมาพบกันได้อีก” เอลล่ายืนกอดอกเหมือนกำลังคิดอะไร

     

    “เอ...บุพเพที่เขาพูดกับคุณโทนี่ หมายถึงใครนะ” เรนนี่หลี่ตากระแซะเอเรียลที่อยู่ข้าง ๆ

     

    “ไม่ต้องทำแบบนี้เลย เรนนี่ ฉันกับเขาพึ่งเจอกันไม่กี่ครั้ง แล้วจะหมายถึงฉันได้ยังไง” เอเรียลหันไปเปิดก๊อกน้ำก้มหน้าล้างมือ

     

    “ก็อาจจะรักแรกพบไงล่ะ ฉันเห็นนะ เขาแอบมองเธอตลอด” เรนนี่ยังคงยืนกระแซะไม่เลิก

     

    “เรนนี่ เธอไปแซวเอเรียลอยู่ได้ ดูซิ อายจนหน้าแดงแล้ว ฮึ ๆ ๆ” เอลล่าขำเมื่อเห็นสีหน้าแดงกร่ำของเอเรียลในกระจก

     

    “พูดบ้า ๆ ไม่อยากคุยกับพวกเธอแล้ว”

     

    “ฮ่า ๆ ๆ ๆ” เรนนี่และเอลล่าหัวเราะออกมาพร้อมกัน ที่เห็นเอเรียลงอนด้วยความเขิน สะบัดมือใส่แล้วรีบเดินออกไป

    .

    .

    .

    หลังขับรถไปส่งเรนนี่และเอลล่าที่บ้าน  เอเรียลย้ายมานั่งด้านหน้าข้างคนขับเงียบ ๆ  อู๋จุนชำเลืองมองหญิงสาวข้าง ๆ แล้วแอบยิ้ม

     

    “นั่งไม่สบายหรือครับ ดูคุณเกร็ง ๆ เวลาอยู่กับผม หรือว่าผมทำอะไรให้คุณกลัวหรือเปล่า” อู๋จุนหันมายิ้ม ก่อนกลับไปมองทางอีกครั้ง

     

    “ปละ ๆ  ...เปล่าค่ะ ฉันแค่ไม่คิดว่าจะเจอคุณอีก  แถมคุณยังเป็นหลานของผู้จัดการแผนก ฉันเลยรู้สึกเกร็งไปบ้าง” เอเรียลยิ้มเจื่อน จนเหมือนกำลังยิงฟัน

     

    “ฮึ ๆ ๆ ก็ดีกว่าบอกว่ากลัวน่ะนะ ไม่งั้นผมคงไม่สบายใจ” เขาหันมายิ้ม “อย่าไปสนใจเรื่องนั้นดีกว่าครับ เราเป็นเพื่อนกันได้ไม่ใช่เหรอครับ ผมก็แค่หลานห่าง ๆ เท่านั้น อีกอย่าง ต่อให้ผมเป็นเจ้าของบริษัทก็เถอะ คุณก็ยังพูดคุยกับผมได้อย่างปกติทั่วไป คุณเข้าใจนะ”

     

    “คะ..ค่ะ” เอเรียลฝืนยิ้ม จริง ๆ แล้ว เธอไม่ได้เกร็งเรื่องนี้เท่าไหร่นัก แต่เป็นเรื่องที่เพื่อน ๆ แซวต่างหาก

     

    กริ๊งงงงงง!

     

    “ฮัลโหล....ค่ะ....ฉันกำลังจะถึงบ้านแล้ว กำลังจะถึงแล้วเหมือนกันเหรอ.....อืม....ไม่ต้องห่วงนะ....ไม่เกินห้านาทีหรอก....ค่ะ...หวัดดี” เอเรียลวางสายและเก็บโทรศัพท์ลงกระเป๋า

     

    “ห้าทุ่มแล้ว ที่บ้านคงเป็นห่วงสินะครับ” อู๋จุนหันมาถาม

     

    “ค่ะ เขาเป็นห่วงน่ะค่ะ ที่ต้องกลับคนเดียวบ่อย ๆ”

     

    เมื่อรถมาจอดที่หน้าบ้านเอเรียลบอกลาอู๋จุนแล้วเปิดประตูลงจากรถ เธอเห็นใครคนหนึ่งยืนอยู่ที่ประตูรั้วหน้าบ้าน

     

    “โจ? มาถึงแล้วทำไมได้เข้าบ้านล่ะ”

     

    “เห็นบอกว่าไม่เกินห้านาที ก็เลยยืนคอยก่อน” โจตอบ สายตามองผู้ชายที่นั่งอยู่ในรถ และอยู่ ๆ ผู้ชายคนนั้นก็ลงจากรถ และเดินมาที่พวกเขายืนอยู่

     

    “ขอโทษนะครับ ที่ผมมาส่งคุณเอเรียลดึกไปหน่อย คุณคงเป็นพี่ชายสินะครับ สวัสดีครับ ผมอู๋จุน”

     

    “ไม่ใช่หรอกค่ะ” เอเรียลยิ้ม ๆ นึกขำที่อู๋จุนเข้าใจว่าโจเป็นพี่ชายของเธอ “นี่โจ เพื่อนรักของฉันตั้งแต่เด็กน่ะค่ะ”

     

    “จริงเหรอครับ อ้อ ขอโทษนะครับ ที่เข้าใจผิด”

     

    “ไม่เป็นไรหรอกครับ” โจเพียงยิ้มให้เล็กน้อย

     

    “คุณอู๋จุน เขาเป็น...เอ่อ...หลานผู้จัดการแผนก เอ่อ...” เอเรียลอึกอัก ไม่ค่อยแน่ใจว่าจะแนะนำว่าอะไรดี

     

    “เพื่อนที่ทำงานน่ะครับ” อู๋จุนรีบตอบ แล้วหันไปยิ้มให้เธอ

     

    “ค่ะ คงอย่างนั้น”

     

    โจเห็นเอเรียลตอบอู๋จุนและยิ้มอาย ๆ  ซึ่งปกติเขาไม่ค่อยได้เห็นเธอยิ้มแบบนี้กับผู้ชายคนอื่นนัก นอกจากไมค์ และนั่นเป็นการสูญเสียครั้งใหญ่สำหรับเขา ที่เธอกลายเป็นแฟนเพื่อนของเขา  เมื่อไม่นานมานี้ เธอเอ่ยปากจะลืมไมค์และเริ่มต้นใหม่อีกครั้ง จะแปลกอะไรที่เธอจะเปิดใจ ให้ผู้ชายคนนี้เข้ามาเติมเต็มหัวใจอีกครั้งล่ะ  ก็อู๋จุนคนนี้ ดูดีมาก ๆ  และท่าทางสนใจเอเรียลมากด้วยเช่นกัน  โจได้แต่คิดแล้วยืนมองเงียบ ๆ ด้วยความหวั่นใจ

     

    ......................................................................................

     

    วันถัดมาอู๋จุนแอบมองเอเรียลทำงานเงียบ ๆ นึกถึงเพื่อนชายที่พบหน้าบ้านของเธอเมื่อคืน มันทำให้รู้สึกแคลงใจถึงความสัมพันธ์ของทั้งคู่ และดูเหมือนชายที่เขาคิดว่าเป็นพี่ชายของเธอ จึงรีบลงไปทักนั้น กลับเป็นเพื่อนที่พักอยู่บ้านเดียวกับเธอ ที่แน่ใจ เพราะเขามองจากกระจกตอนขับรถออกมา เห็นทั้งคู่เดินเข้าบ้านพร้อมกัน

     

    เธอบอกว่าเป็นเพื่อน เพื่อนแบบไหนนะ จะถามตรง ๆ เธอคงไม่บอกแน่ ๆ จะทำยังไงถึงจะมั่นใจได้ว่าเป็นเพื่อนธรรมดานะ เพราะถ้าเกิดทั้งคู่เป็นแฟนกัน เราคงเข้าไปแทรกไม่ได้  โธ่เอ๊ย! รีบเคลียร์งานเพื่อกลับมาตามหาเธอแท้ ๆ พอบุพเพได้ช่วยให้บังเอิญเจอกันอีกครั้ง เธออาจมีแฟนแล้วอีก

     

    “จุน!? จุน! จุนเป็นอะไรไป”

     

    เสียงของโทนี่ผู้เป็นอา ฉุดให้อู๋จุนหลุดออกจากความคิดนั้น เขาเงยหน้าขึ้นมองโทนี่ที่ยืนอยู่ตรงโต๊ะทำงานของเขา  โทนี่มองหลานชายและหันไปมองเอเรียลที่อยู่โต๊ะข้าง ๆ ซึ่งหลานชายได้นั่งมองอยู่ก่อนหน้า

     

    “คิดอะไรอยู่เหรอจุน อาเรียกตั้งนาน แล้วหน้าเอเรียลมีอะไรเหรอ เห็นจ้องใหญ่เชียว”

     

    เอเรียลชำเรืองมองและทำเป็นไม่ได้ยิน เพราะเพื่อนของเธอทั้งสองเหลียวมามอง แล้วแอบหัวเราะกัน

     

    “ปล่ะ..เปล่าครับไม่มีอะไร ผมกำลังนึกถึงเรื่องงานน่ะครับ”

     

    “งั้นเหรอ แน่นะ”

     

    “ครับ ว่าแต่คุณอามีอะไรเหรอครับ”

     

    “อ้อ พอดีอาจะขอตัวเลขประมาณการของโปรเจคโรงแรมในบูรไนหน่อย ภายในวันนี้พอสรุปทันไหม๊ พรุ่งนี้อาจะได้โทรคุยกับท่านประธานก่อน”

     

    “ได้สิครับ ผมจะรีบทำให้เลย”

     

    “โอเค แต่ถ้าต้องการผู้ช่วยรองขอเอเรียลดูดีไหม” โทนี่ถามยิ้ม ๆ คิดว่าหลานชายน่าจะสนใจเอเรียลอยู่ เพราะไม่เคยเห็นหลานชายมีท่าทีมองผู้หญิงคนไหนแบบนี้มาก่อน ไม่ว่าจะเคยแนะนำใครให้ก็ตาม ก็จะแค่ยิ้ม ๆ แล้วไม่สนใจมองอะไรมากนัก “เอเรียล ช่วยจุนหน่อยนะ ท่าทางทำงานคนเดียวคงไม่มีสมาธิ”

     

    “คุณอา”

     

    อู๋จุนมองอาของเขาพูดกับเอเรียล แล้วก็เดินกลับห้องไปท่าทางพึงพอใจเป็นอย่างมาก เมื่อเขาหันไปมองเอเรียล เธอก็ก้มหน้าดูอาย ๆ ไม่หันมามองเขา ส่วนเพื่อน ๆ ของเธอ ก็หัวเราะดูคิกคักเป็นพิเศษ

     

    .

    .

    .

    “เอเรียล ทำไมเธอไม่ไปทานข้าวกับอู๋จุนล่ะ เขาอุตส่าห์จะเลี้ยงตอบแทน ที่ช่วยทำงานจนเสร็จ ถึงฉันกับเอลล่าจะไปไม่ได้ เธอก็ไปกับเขาสองคนได้นี่ ไม่เห็นเหรอ ตอนถูกเธอปฏิเสธว่านัดกับโจไว้ หน้าเขางี้ เศร้าไปเลย” เรนนี่ถาม เมื่อพวกเธอทั้งสามอยู่ในลิฟท์กันตามลำพังหลังเลิกงาน

     

    “ฉันไม่กล้าไปกับเขาสองคนหรอก อีกอย่าง โจโทรมาบอกว่าวันนี้เลิกเร็ว จะรออยู่ข้างล่าง”

     

    “โจน่ะนะ เลิกเร็ว? นี่มันเป็นประวัติการณ์เลยนะตั้งแต่มาฝึกงานที่นี่” เรนนี่ทำหน้างง

     

    “โจคงเป็นห่วงล่ะมั๊ง ก็ฝนตกหนักตั้งแต่บ่ายแล้วนิ โชคดีนะที่เริ่มซาแล้ว” เอลล่ามองไปนอกอาคารเมื่อเดินออกจากลิฟท์มา ในตอนนี้ฝนยังคงตกปอย ๆ อยู่

     

    “เอเรียล!

     

    “โจ! มารอนานแล้วเหรอ” เอเรียลถาม เมื่อเขาเดินมาหาพวกเธอ

     

    “สักยี่สิบนาทีได้แล้วล่ะ”

     

    “แล้วอีธานล่ะ กลับไปแล้วเหรอ” เอลล่าพยายามมองหาอีธานแต่ก็ไม่เจอ

     

    “เขายังอยู่ไซด์งาน พอดีผมมีธุระที่บริษัท ก็เลยกลับมาก่อน”

     

    “อ๋อ...” เอลล่าพยักหน้าพอจะเข้าใจ

     

    “เราจะกลับกันเลยไหม๊ ฝนกำลังซา เห็นว่าวันนี้มีพายุ ถ้าเกิดตกหนักลงมาอีกจะกลับลำบาก” โจถามทุกคน

     

    “พวกเธอกลับก่อนเถอะนะ พอดีวันนี้หูเก่อจะมารับ ฉันกับเรนนี่จะรอกลับพร้อมกัน เดี๋ยวก็คงมาถึงแล้ว” เอลล่ายิ้ม

     

    “งั้น ฉันกับโจไปก่อนนะ พรุ่งนี้เจอกัน  บาย...”

     

    เอเรียลบอกลาเพื่อน ๆ และเดินออกไปพร้อมโจ  เอลล่าและเรนนี่ยืนมองทั้งสองคนเดินออกไปนอกอาคารด้วยกัน โจหยิบร่มใสคันใหญ่ที่ถือมาขึ้นกาง แล้วพาเอเรียลเดินออกไปพร้อมกับเขา

     

    “เธอคิดเหมือนฉันไหม๊ เรนนี่ ว่าวันนี้โจไม่ได้บังเอิญกลับมาทำธุระที่บริษัทหรอก คงเพราะเจอกับอู๋จุนเมื่อคืนมากกว่า  แต่จะทำแบบนี้ได้บ่อย ๆ หรือไง  ถ้าโจยังไม่ยอมเปิดใจกับเอเรียลตอนนี้ ฉันเกรงว่า...เขาอาจไม่มีโอกาสนั้นอีกนะ”

     

    “เอ๊ะ! ทำไมเหรอ?”

     

    “เธอก็เห็น ว่าอู๋จุนไม่ปกปิดสักนิดว่าสนใจเอเรียล ดูท่าทางอะไร ๆ ก็จะเป็นใจให้อีกด้วย ช่วงนี้อู๋จุนมีโอกาสใกล้ชิดเอเรียลได้มากกว่าโจ ที่อยู่บ้านเดียวกันซะอีก เธอก็เห็น ว่างานที่โจต้องทำกลับดึกแค่ไหน ส่วนอู๋จุน จากที่คุณโทนี่บอกว่าอาจไม่มีเวลาเข้าออฟฟิศ แต่ก็เข้าตลอดทั้งวัน ฉันไม่แปลกใจเลยว่าทำไม”

     

    “อู๋จุนชอบเอเรียล นั่นฉันรู้ จริง ๆ ฉันก็สงสารโจอยู่นะ แต่เรื่องหัวใจมันบังคับกันไม่ได้ ถ้าเอเรียลชอบโจมากกว่าเพื่อนจริง ก็คงคบกันไปนานแล้ว แต่ถ้าเอเรียลอยากเริ่มต้นใหม่กับอู๋จุน ฉันก็ว่าดีนะ ฉันอยากให้เอเรียลเลิกร้องไห้เสียที”

     

    “ฉันก็ไม่ได้ไม่เห็นด้วยหรอกนะ เรนนี่ แต่เรายังไม่รู้จักเขาดีพอเลย แล้วเธอว่า คนหน้าตาดี การศึกษาสูงอย่างเขา จะยังไม่มีคนรักงั้นเหรอ ฉันไม่อยากให้เอเรียลต้องผิดหวัง”

     

    “แต่ได้ยินคุณโทนี่ให้เขาหาแฟนนะ เขาอาจยังไม่มีก็ได้นะ เอลล่า”

     

    “อื้ม..ก็หวังว่าจะเป็นแบบนั้น ดังนั้น ถ้าเอเรียลจะชอบใคร ฉันก็จะไม่ขัด ถ้าคน ๆ นั้นเป็นคนดี แต่ถ้าทำให้เอเรียลผิดหวัง ฉันจะเอาเรื่องเขาแน่” เอลล่าชูกำปั้นขึ้นอย่างมุ่งมั่น

     

    “รับรอง ว่าฉันจะช่วยเธอจัดการเหมือนกัน” เรนนี่ยิ้ม

     

    .......................................................................
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×