คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #11 : Chapter 10 : บุพเพ
หลังเลิกงาน เอเรียลและเพื่อน ๆ มานั่งรอโจและอีธานที่ด้านล่างของตึกเช่นเคย เวลาที่ไม่มีใครรีบกลับบ้านไปซะก่อน หลายวันที่ผ่านมา โจและอีธานค่อนข้างลงมาช้า เพราะงานที่พวกเขาฝึกอยู่นั้นยุ่งมาก บางครั้งต้องตามรุ่นพี่ออกไปไซด์งานบ่อย ๆ กว่าจะกลับเข้ามา ก็หัวค่ำเข้าไปแล้ว
“เอเรียล สิบวันแล้วสินะ พ่อบอดี้การ์ดคนนั้น โทรมาหาเธอบ้างไหม” เรนนี่ถาม ตั้งหน้าตั้งตารอคำตอบเพื่อนที่นั่งตรงข้าม
“ใครเหรอ บอดี้การ์ดน่ะ เรนนี่” เอเรียลขมวดคิ้ว งง ๆ
“โธ่เอ๊ย ก็คนที่เก็บกระเป๋าสตางค์เธอได้เมื่อคราวก่อนไง”
“เอ๊ะ แล้วเขาจะโทรหาฉันทำไม อีกอย่าง เขาเป็นบอดี้การ์ดให้ลุงคนนั้นหรือเปล่าก็ไม่รู้ อย่าเพิ่งเดาไปเองซิ”
“แต่ถ้าฟังจากที่เธอเล่า เขาน่าจะสนใจเธออยู่นา แต่แปลก ทำไมไม่สานต่อนะ ในเมื่อเขามีเบอร์ของเธอแท้ ๆ”
“พอเถอะเรนนี่ ผ่านมาตั้งสิบวันแล้ว เขาไม่โทรมาก็ดี ใครก็ไม่รู้ ถ้าเป็นพวกมาเฟีย เอเรียลก็แย่น่ะสิ ไม่ต้องไปรู้จักน่ะดีแล้ว” เอลล่าพูดจากการสันนิษฐาน
“ว่าแต่วันนี้โจกับอีธานช้าจัง นี่ก็ปาเข้าไปจะสองทุ่มแล้ว หมู่นี้กว่าจะถึงบ้านก็แทบไม่ค่อยได้คุยกัน” เอเรียลสอดส่ายตามองหา แต่ก็ไม่มีวี่แวว
“ยังไม่กลับจากไซด์งานหรือเปล่า แต่ถ้ากลับช้าขนาดนี้ก็น่าจะโทรบอกสักหน่อยนะ เธอจะได้ไม่ต้องมานั่งรอเขานาน ๆ เกือบทุกวัน ความจริง ให้เธอกลับก่อนก็ได้”
“นั่นสิ อลันยังเลิกเร็วกว่าซะอีกนะ สงสัยงานของบริษัทที่นี่จะเยอะมากเลย” เรนนี่พูด และเหมือนเห็นอลันกับหูเก่อ จึงลุกขึ้นโบกมือให้พวกเขา อลันลงนั่งข้างเรนนี่ และหูเก่อก็ลงนั่งข้างเอลล่า
“ทำไมถึงมาพร้อมกันได้ล่ะ” เอลล่าถาม
“ผมไปเจออลันพอดี ก็เลยมาด้วยกัน ว่าแต่ โจกับอีธานยังไม่มาอีกเหรอ” หูเก่อถาม เพราะไม่เห็นสองคนนั้นที่โต๊ะ
“อ้อลืมบอกไป โจกับอีธาน ออกจากไซด์งานมาแล้ว เดี๋ยวก็คงถึง พอดีชั่วโมงก่อนผมโทรไป โจเลยฝากมาบอกเอเรียลด้วย เห็นว่าติดต่อไม่ได้” อลันบอก มองเอเรียล ที่ตอนนี้มีสีหน้า งง ๆ แล้วหยิบโทรศัพท์ออกมาดู
“ตายจริง แบตฯหมดน่ะ ตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้เหมือนกัน”
“สงสัยโจคงรีบแย่แล้วมั๊ง ป่านนี้ ฮ่าๆๆ” เอลล่าหัวเราะ แล้วจริงอย่างที่ว่า เพราะตอนนี้โจเดินหน้าตื่นเข้ามา โดยไม่รออีธานด้วยซ้ำ
“เอเรียล ปิดมือถือทำไม โทรมาจะเป็นสิบครั้งแล้วนะ” โจถามเสียงเข้ม
“ขอโทษ..ก็มันไม่รู้จริง ๆ ว่าแบตฯหมด” เอเรียลลุกขึ้นทำตาปริบ ๆ
“เอาเถอะ ๆ เอเรียล คราวหน้าก็เช็คมือถือบ้างแล้วกัน ก็รู้อยู่ว่าโจต้องเป็นห่วง” อลันพูดยิ้ม ๆ
“นี่” เอลล่าลุกขึ้นยืน “ฉันว่าพวกเรากลับกันเถอะนะ มันสองทุ่มแล้ว ฉันหิว”
“อื้ม” เรนนี่พยักหน้า
ทุกคนก็เลยแยกย้ายกันกลับ โดยหูเก่อและเอลล่า แวะส่งเอเรียลและโจที่บ้านก่อน พอถึงบ้าน เอเรียลก็เดินตามโจเข้าไปโดยไม่กล้าถามอะไร เพราะดูเหมือนโจกำลังหงุดหงิด
...............................................................................
หลังอาหารกลางวัน เอเรียลและเพื่อน ๆ กลับมานั่งเอกคะเนกที่โต๊ะทำงาน ซึ่งไม่ค่อยมีใครอยู่ในช่วงเวลาพักแบบนี้
“วันนี้เธอต้องกลับบ้านเองคนเดียวเหรอ เอเรียล” เรนนี่วางศอกบนโต๊ะเอเรียล แล้วเท้าคางมอง
“อื้ม ตั้งแต่วันนี้ไปโจกับอีธาน ต้องออกไปไซต์งานแล้วกลับดึกบ่อยขึ้น โจบอกว่าบางวันอาจต้องให้ฉันกลับเอง ให้คอยดูมือถือไว้ คราวที่แล้วพอเข้าบ้านได้ โดนเขาบ่นซะยกใหญ่เลย” เอเรียลยิ้มจ๋อย ๆ
“ฮ่าๆๆๆ ก็สมควรล่ะ เป็นฉัน เธอโดนเข็กไปนานแล้ว” เอลล่าที่เอนหลังอยู่กับผนักพิง ทำท่าชูมะเงกขึ้น
“ช่วงนี้อลันก็ยุ่งเหมือนกัน คงเป็นปกติของพวกจบวิศวะมั๊ง ฉันสองคนยังกลับด้วยกันได้ แต่เอเรียล เธอต้องกลับมืด ๆ คนเดียวก็ระวังด้วยล่ะ เห็นอยู่ช่วยคุณมาเรียบ่อย ๆ นี่นา” เรนนี่เตือนและชำเลืองมองโต๊ะที่ยังคงว่างอยู่ “อืม..พวกเธอว่าแปลกไหม๊ เรามาฝึกงานที่นี่สองอาทิตย์แล้ว ไม่เคยเห็นใครมานั่งโต๊ะนี้เลย แต่บางวันฉันเห็นกองเอกสาร เดี๋ยวก็เยอะ เดี๋ยวก็น้อย หรือมีใครมานั่งทำงานตอนพวกเรากลับไปแล้วหรือเปล่า”
“ใครคงเห็นว่ามันว่าง ก็เลยใช้เป็นที่วางของล่ะมั๊ง” เอลล่าออกความเห็น
“อืม..ก็อาจเป็นไปได้” เรนนี่พยักหน้า
.
.
.
ช่วงเย็นเอเรียลกลับมานั่งที่โต๊ะทำงาน หลังออกไปเข้าห้องน้ำมา อยู่ ๆ เรนนี่ก็หันมายิ้ม เหมือนมีอะไรจะเล่าให้ฟัง
“เอเรียล ตอนเธอไปเข้าห้องน้ำ คุณโทนี่พาเจ้าของโต๊ะนั่นมาแนะนำให้เราสองคนรู้จักด้วยล่ะ” เรนนี่พยักเพยิดไปที่โต๊ะหลังเอลล่า ซึ่งอยู่แถวเดียวกับเอเรียล “เป็นญาติห่าง ๆ ทางพ่อ มิน่าล่ะ เป็นหลานของผู้จัดการนี่เอง ถึงได้ไม่ต้องเข้าออฟฟิศบ่อย ๆ เห็นว่าพึ่งกลับจากเคลียร์งานที่บูรไนเมื่อเช้า ตอนนี้อยู่ในห้องคุณโทนี่” เรนนี่พูด แล้วขยับเข้าไปใกล้เอเรียล “หล่อมากเลยล่ะ เดี๋ยวเธอเห็นจะต้องตะลึง ฉันกับเอลล่างี้ ยังแทบอ้าปากค้างเลย”
“ใครอ้าปากค้างยะ เรนนี่ พูดเกินไปหรือเปล่า” เอลล่าหันมาค้อน
“ชู่ว์....รีบทำงานเถอะ” เอเรียลยกนิ้วเตือนให้เพื่อน ๆ ที่หันหลังมาคุยด้วยเบา ๆ แล้วกลับไปทำงานต่อ เพราะเห็นประตูห้องของผู้จัดการเปิดออก
ชายหนุ่มออกมาจากห้องผู้จัดการพร้อมเอกสาร กำลังจะเดินไปที่โต๊ะทำงานของตัวเอง เมื่อเห็นเรนนี่ยิ้มให้ เขาจึงยิ้มตอบก่อนเดินผ่านโต๊ะเธอไป แล้วลงนั่งวางเอกสารบนโต๊ะ เขาเหลียวไปมองผู้หญิงที่นั่งก้มหน้าก้มตาทำงานโต๊ะข้าง ๆ และจำผู้หญิงคนนั้นได้ในทันที
“คุณเอเรียลหลิน”
เมื่อเขาพูดชื่อนั้นออกมา ทำให้เอเรียลและเพื่อน ๆ หันไปมอง
“คุณ..” เอเรียลแปลกใจที่ได้พบผู้ชายคนนี้อีกครั้ง
“ผมอู๋จุนไงครับ บังเอิญจังเลยนะครับที่ได้พบคุณอีก”
“อ๋อ ค่ะ” เอเรียลยิ้มเจื่อน
“อ้าว นี่รู้จักกันแล้วเร๊อะ ว่าจะมาแนะนำอีกครั้งพอดี” โทนี่ที่พึ่งเดินตามออกมายิ้มให้ทุกคน ขณะยืนอยู่ทางเดินระหว่างโต๊ะเอลล่าและเรนนี่
“บังเอิญเจอกันสองครั้งแล้วน่ะครับ คุณอา” อู๋จุนตอบ แล้วยิ้มให้เอเรียล
“งั้นอาคงไม่ต้องแนะนำแล้วสินะ” โทนี่ยิ้มให้หลานชาย และเหลียวมองเอเรียล ซึ่งเธอทำหน้าปูเลี่ยน ๆ จนเขานึกขำ “เอาล่ะสาว ๆ ผมขอแนะนำอีกทีก็แล้วกัน จุนเนี้ยะ เขาเป็นญาติห่าง ๆ ของผม มาเรียนรู้งานที่แผนกนี้ก็หลายเดือนแล้ว แต่อาจไม่ค่อยเห็นเขาเท่าไหร่ เพราะเขาต้องเรียนรู้งานหลายอย่าง และยังต้องไปต่าง ๆ ประเทศบ่อย ๆ เวลาเขาเข้ามาทำงานพวกคุณอาจกลับบ้านไปแล้ว แต่ถ้าเจอเขาและมีปัญหาเรื่องงาน นอกเหนือจากคุณมาเรียและพนักงานคนอื่นๆแล้ว ก็สามารถถามเขาได้ เขารู้เรื่องที่นี่ทุกเรื่องแหล่ะ ถึงจะเพิ่งจบโทบริหารการเงินจากออสเตรเลียมาปีเดียวก็ตาม แต่เขาก็เก่งและเรียนรู้งานได้เร็ว ผมเองยังสู้แทบไม่ได้”
“คุณอายอผมเกินไปแล้ว”
“ฮ่า ๆ ๆ” โทนี่หัวเราะ “จริงสิ อยู่กันพร้อมหน้าแล้วนี่ วันนี้เลิกงานแล้วไปทานอาหารค่ำด้วยกันหน่อยนะ ผมจะได้เลี้ยงต้อนรับเด็กฝึกงานทั้งสี่ด้วย ว่างกันหรือเปล่า หืม..”
โทนี่มองหญิงสาวทั้งสามคน เพื่อขอคำตอบและพวกเธอก็ยอมตกลง “ก็ดี ๆ จุน หลังเลิกงานแล้วพาทั้งสามไปร้านเดิมที่โรงแรมใกล้ ๆ นี่นะ ทุ่มตรง อาจะไปรอที่นั่นกับคุณมาเรีย
“ครับ ได้ครับ” อู๋จุนตกปากรับคำด้วยรอยยิ้ม
.
.
.
ทุ่มตรงอู๋จุนพาทั้งสามคนไปร้านอาหารจีนสุดหรูของโรงแรมแห่งหนึ่ง ซึ่งโทนี่และผู้ช่วยของเขาได้ล่วงหน้ามาสั่งอาหารให้ทุกคนได้ทานอยู่ก่อนแล้ว
“จุน แล้วตกลงงานที่นั่นเรียบร้อยดีแล้วเหรอ” โทนี่ถามหลานชาย ขณะทุกคนกำลังร่วมทานอาหารกัน
“ครับ ผมให้คนที่นั่นจัดการทุกอย่างต่อแล้ว เพราะช่วงนี้ ผมคงต้องอยู่ไต้หวันนานหน่อย” อู๋จุนตอบ เหลือบมองเอเรียล ที่นั่งทานอาหารอยู่ตรงข้ามเขาในโต๊ะอาหารแบบกลม
“แล้วท่านจะอยู่ที่นั่นนานไหม๊ งานที่นี่คงให้หลานจัดการซินะ”
“ครับ ท่านจะอยู่ดูแล จนกว่าอาการหลังผ่าตัดจะดีขึ้น แต่ตอนนี้ก็แข็งแรงขึ้นมากแล้วล่ะครับ คุณอาไม่ต้องเป็นห่วง”
“อื้ม...ว่าแต่หลานเถอะ ต้องรับผิดชอบงานขนาดนี้คงเหนื่อยแย่ แล้วจะมีเวลาตรงไหนไปหาแฟนล่ะ ตอนนี้มีใครถูกใจบ้างหรือยังล่ะ หือ..”
“คิดว่า..มีอยู่คนหนึ่งแล้วล่ะ ตอนนี้ สงสัยคงเป็นบุพเพนะครับ”
เอเรียลเหลือบตาขึ้นมอง และต้องตกใจเมื่อเห็นว่าเขามองตรงมาที่เธอ จึงรีบก้มหน้าก้มตาทานต่อ
.
.
.
.
“จริงเหรอ? เอเรียล เขาเป็นคนเดียวกับที่เก็บกระเป๋าสตางค์เธอได้” เรนนี่ถาม ขณะที่ทั้งสามคนปลีกตัวมาเข้าห้องน้ำ
“เห็นเธอตกใจตอนเจอเขา ฉันจะถามตั้งแต่แรกแล้ว แต่ไม่สบโอกาสสักที ในเมื่อเขาเป็นหลานผู้จัดการ งั้นก็ไม่ได้เป็นบอดี้การ์ดของพวกมาเฟียแล้วน่ะสิ แต่มันบังเอิญจริงนะ ที่ยังมาพบกันได้อีก” เอลล่ายืนกอดอกเหมือนกำลังคิดอะไร
“เอ...บุพเพที่เขาพูดกับคุณโทนี่ หมายถึงใครนะ” เรนนี่หลี่ตากระแซะเอเรียลที่อยู่ข้าง ๆ
“ไม่ต้องทำแบบนี้เลย เรนนี่ ฉันกับเขาพึ่งเจอกันไม่กี่ครั้ง แล้วจะหมายถึงฉันได้ยังไง” เอเรียลหันไปเปิดก๊อกน้ำก้มหน้าล้างมือ
“ก็อาจจะรักแรกพบไงล่ะ ฉันเห็นนะ เขาแอบมองเธอตลอด” เรนนี่ยังคงยืนกระแซะไม่เลิก
“เรนนี่ เธอไปแซวเอเรียลอยู่ได้ ดูซิ อายจนหน้าแดงแล้ว ฮึ ๆ ๆ” เอลล่าขำเมื่อเห็นสีหน้าแดงกร่ำของเอเรียลในกระจก
“พูดบ้า ๆ ไม่อยากคุยกับพวกเธอแล้ว”
“ฮ่า ๆ ๆ ๆ” เรนนี่และเอลล่าหัวเราะออกมาพร้อมกัน ที่เห็นเอเรียลงอนด้วยความเขิน สะบัดมือใส่แล้วรีบเดินออกไป
.
.
.
หลังขับรถไปส่งเรนนี่และเอลล่าที่บ้าน เอเรียลย้ายมานั่งด้านหน้าข้างคนขับเงียบ ๆ อู๋จุนชำเลืองมองหญิงสาวข้าง ๆ แล้วแอบยิ้ม
“นั่งไม่สบายหรือครับ ดูคุณเกร็ง ๆ เวลาอยู่กับผม หรือว่าผมทำอะไรให้คุณกลัวหรือเปล่า” อู๋จุนหันมายิ้ม ก่อนกลับไปมองทางอีกครั้ง
“ปละ ๆ ...เปล่าค่ะ ฉันแค่ไม่คิดว่าจะเจอคุณอีก แถมคุณยังเป็นหลานของผู้จัดการแผนก ฉันเลยรู้สึกเกร็งไปบ้าง” เอเรียลยิ้มเจื่อน จนเหมือนกำลังยิงฟัน
“ฮึ ๆ ๆ ก็ดีกว่าบอกว่ากลัวน่ะนะ ไม่งั้นผมคงไม่สบายใจ” เขาหันมายิ้ม “อย่าไปสนใจเรื่องนั้นดีกว่าครับ เราเป็นเพื่อนกันได้ไม่ใช่เหรอครับ ผมก็แค่หลานห่าง ๆ เท่านั้น อีกอย่าง ต่อให้ผมเป็นเจ้าของบริษัทก็เถอะ คุณก็ยังพูดคุยกับผมได้อย่างปกติทั่วไป คุณเข้าใจนะ”
“คะ..ค่ะ” เอเรียลฝืนยิ้ม จริง ๆ แล้ว เธอไม่ได้เกร็งเรื่องนี้เท่าไหร่นัก แต่เป็นเรื่องที่เพื่อน ๆ แซวต่างหาก
กริ๊งงงงงง!
“ฮัลโหล....ค่ะ....ฉันกำลังจะถึงบ้านแล้ว กำลังจะถึงแล้วเหมือนกันเหรอ.....อืม....ไม่ต้องห่วงนะ....ไม่เกินห้านาทีหรอก....ค่ะ...หวัดดี” เอเรียลวางสายและเก็บโทรศัพท์ลงกระเป๋า
“ห้าทุ่มแล้ว ที่บ้านคงเป็นห่วงสินะครับ” อู๋จุนหันมาถาม
“ค่ะ เขาเป็นห่วงน่ะค่ะ ที่ต้องกลับคนเดียวบ่อย ๆ”
เมื่อรถมาจอดที่หน้าบ้านเอเรียลบอกลาอู๋จุนแล้วเปิดประตูลงจากรถ เธอเห็นใครคนหนึ่งยืนอยู่ที่ประตูรั้วหน้าบ้าน
“โจ? มาถึงแล้วทำไมได้เข้าบ้านล่ะ”
“เห็นบอกว่าไม่เกินห้านาที ก็เลยยืนคอยก่อน” โจตอบ สายตามองผู้ชายที่นั่งอยู่ในรถ และอยู่ ๆ ผู้ชายคนนั้นก็ลงจากรถ และเดินมาที่พวกเขายืนอยู่
“ขอโทษนะครับ ที่ผมมาส่งคุณเอเรียลดึกไปหน่อย คุณคงเป็นพี่ชายสินะครับ สวัสดีครับ ผมอู๋จุน”
“ไม่ใช่หรอกค่ะ” เอเรียลยิ้ม ๆ นึกขำที่อู๋จุนเข้าใจว่าโจเป็นพี่ชายของเธอ “นี่โจ เพื่อนรักของฉันตั้งแต่เด็กน่ะค่ะ”
“จริงเหรอครับ อ้อ ขอโทษนะครับ ที่เข้าใจผิด”
“ไม่เป็นไรหรอกครับ” โจเพียงยิ้มให้เล็กน้อย
“คุณอู๋จุน เขาเป็น...เอ่อ...หลานผู้จัดการแผนก เอ่อ...” เอเรียลอึกอัก ไม่ค่อยแน่ใจว่าจะแนะนำว่าอะไรดี
“เพื่อนที่ทำงานน่ะครับ” อู๋จุนรีบตอบ แล้วหันไปยิ้มให้เธอ
“ค่ะ คงอย่างนั้น”
โจเห็นเอเรียลตอบอู๋จุนและยิ้มอาย ๆ ซึ่งปกติเขาไม่ค่อยได้เห็นเธอยิ้มแบบนี้กับผู้ชายคนอื่นนัก นอกจากไมค์ และนั่นเป็นการสูญเสียครั้งใหญ่สำหรับเขา ที่เธอกลายเป็นแฟนเพื่อนของเขา เมื่อไม่นานมานี้ เธอเอ่ยปากจะลืมไมค์และเริ่มต้นใหม่อีกครั้ง จะแปลกอะไรที่เธอจะเปิดใจ ให้ผู้ชายคนนี้เข้ามาเติมเต็มหัวใจอีกครั้งล่ะ ก็อู๋จุนคนนี้ ดูดีมาก ๆ และท่าทางสนใจเอเรียลมากด้วยเช่นกัน โจได้แต่คิดแล้วยืนมองเงียบ ๆ ด้วยความหวั่นใจ
......................................................................................
วันถัดมาอู๋จุนแอบมองเอเรียลทำงานเงียบ ๆ นึกถึงเพื่อนชายที่พบหน้าบ้านของเธอเมื่อคืน มันทำให้รู้สึกแคลงใจถึงความสัมพันธ์ของทั้งคู่ และดูเหมือนชายที่เขาคิดว่าเป็นพี่ชายของเธอ จึงรีบลงไปทักนั้น กลับเป็นเพื่อนที่พักอยู่บ้านเดียวกับเธอ ที่แน่ใจ เพราะเขามองจากกระจกตอนขับรถออกมา เห็นทั้งคู่เดินเข้าบ้านพร้อมกัน
‘เธอบอกว่าเป็นเพื่อน เพื่อนแบบไหนนะ จะถามตรง ๆ เธอคงไม่บอกแน่ ๆ จะทำยังไงถึงจะมั่นใจได้ว่าเป็นเพื่อนธรรมดานะ เพราะถ้าเกิดทั้งคู่เป็นแฟนกัน เราคงเข้าไปแทรกไม่ได้ โธ่เอ๊ย! รีบเคลียร์งานเพื่อกลับมาตามหาเธอแท้ ๆ พอบุพเพได้ช่วยให้บังเอิญเจอกันอีกครั้ง เธออาจมีแฟนแล้วอีก’
“จุน!? จุน! จุนเป็นอะไรไป”
เสียงของโทนี่ผู้เป็นอา ฉุดให้อู๋จุนหลุดออกจากความคิดนั้น เขาเงยหน้าขึ้นมองโทนี่ที่ยืนอยู่ตรงโต๊ะทำงานของเขา โทนี่มองหลานชายและหันไปมองเอเรียลที่อยู่โต๊ะข้าง ๆ ซึ่งหลานชายได้นั่งมองอยู่ก่อนหน้า
“คิดอะไรอยู่เหรอจุน อาเรียกตั้งนาน แล้วหน้าเอเรียลมีอะไรเหรอ เห็นจ้องใหญ่เชียว”
เอเรียลชำเรืองมองและทำเป็นไม่ได้ยิน เพราะเพื่อนของเธอทั้งสองเหลียวมามอง แล้วแอบหัวเราะกัน
“ปล่ะ..เปล่าครับไม่มีอะไร ผมกำลังนึกถึงเรื่องงานน่ะครับ”
“งั้นเหรอ แน่นะ”
“ครับ ว่าแต่คุณอามีอะไรเหรอครับ”
“อ้อ พอดีอาจะขอตัวเลขประมาณการของโปรเจคโรงแรมในบูรไนหน่อย ภายในวันนี้พอสรุปทันไหม๊ พรุ่งนี้อาจะได้โทรคุยกับท่านประธานก่อน”
“ได้สิครับ ผมจะรีบทำให้เลย”
“โอเค แต่ถ้าต้องการผู้ช่วยรองขอเอเรียลดูดีไหม” โทนี่ถามยิ้ม ๆ คิดว่าหลานชายน่าจะสนใจเอเรียลอยู่ เพราะไม่เคยเห็นหลานชายมีท่าทีมองผู้หญิงคนไหนแบบนี้มาก่อน ไม่ว่าจะเคยแนะนำใครให้ก็ตาม ก็จะแค่ยิ้ม ๆ แล้วไม่สนใจมองอะไรมากนัก “เอเรียล ช่วยจุนหน่อยนะ ท่าทางทำงานคนเดียวคงไม่มีสมาธิ”
“คุณอา”
อู๋จุนมองอาของเขาพูดกับเอเรียล แล้วก็เดินกลับห้องไปท่าทางพึงพอใจเป็นอย่างมาก เมื่อเขาหันไปมองเอเรียล เธอก็ก้มหน้าดูอาย ๆ ไม่หันมามองเขา ส่วนเพื่อน ๆ ของเธอ ก็หัวเราะดูคิกคักเป็นพิเศษ
.
.
.
“เอเรียล ทำไมเธอไม่ไปทานข้าวกับอู๋จุนล่ะ เขาอุตส่าห์จะเลี้ยงตอบแทน ที่ช่วยทำงานจนเสร็จ ถึงฉันกับเอลล่าจะไปไม่ได้ เธอก็ไปกับเขาสองคนได้นี่ ไม่เห็นเหรอ ตอนถูกเธอปฏิเสธว่านัดกับโจไว้ หน้าเขางี้ เศร้าไปเลย” เรนนี่ถาม เมื่อพวกเธอทั้งสามอยู่ในลิฟท์กันตามลำพังหลังเลิกงาน
“ฉันไม่กล้าไปกับเขาสองคนหรอก อีกอย่าง โจโทรมาบอกว่าวันนี้เลิกเร็ว จะรออยู่ข้างล่าง”
“โจน่ะนะ เลิกเร็ว? นี่มันเป็นประวัติการณ์เลยนะตั้งแต่มาฝึกงานที่นี่” เรนนี่ทำหน้างง
“โจคงเป็นห่วงล่ะมั๊ง ก็ฝนตกหนักตั้งแต่บ่ายแล้วนิ โชคดีนะที่เริ่มซาแล้ว” เอลล่ามองไปนอกอาคารเมื่อเดินออกจากลิฟท์มา ในตอนนี้ฝนยังคงตกปอย ๆ อยู่
“เอเรียล!”
“โจ! มารอนานแล้วเหรอ” เอเรียลถาม เมื่อเขาเดินมาหาพวกเธอ
“สักยี่สิบนาทีได้แล้วล่ะ”
“แล้วอีธานล่ะ กลับไปแล้วเหรอ” เอลล่าพยายามมองหาอีธานแต่ก็ไม่เจอ
“เขายังอยู่ไซด์งาน พอดีผมมีธุระที่บริษัท ก็เลยกลับมาก่อน”
“อ๋อ...” เอลล่าพยักหน้าพอจะเข้าใจ
“เราจะกลับกันเลยไหม๊ ฝนกำลังซา เห็นว่าวันนี้มีพายุ ถ้าเกิดตกหนักลงมาอีกจะกลับลำบาก” โจถามทุกคน
“พวกเธอกลับก่อนเถอะนะ พอดีวันนี้หูเก่อจะมารับ ฉันกับเรนนี่จะรอกลับพร้อมกัน เดี๋ยวก็คงมาถึงแล้ว” เอลล่ายิ้ม
“งั้น ฉันกับโจไปก่อนนะ พรุ่งนี้เจอกัน บาย...”
เอเรียลบอกลาเพื่อน ๆ และเดินออกไปพร้อมโจ เอลล่าและเรนนี่ยืนมองทั้งสองคนเดินออกไปนอกอาคารด้วยกัน โจหยิบร่มใสคันใหญ่ที่ถือมาขึ้นกาง แล้วพาเอเรียลเดินออกไปพร้อมกับเขา
“เธอคิดเหมือนฉันไหม๊ เรนนี่ ว่าวันนี้โจไม่ได้บังเอิญกลับมาทำธุระที่บริษัทหรอก คงเพราะเจอกับอู๋จุนเมื่อคืนมากกว่า แต่จะทำแบบนี้ได้บ่อย ๆ หรือไง ถ้าโจยังไม่ยอมเปิดใจกับเอเรียลตอนนี้ ฉันเกรงว่า...เขาอาจไม่มีโอกาสนั้นอีกนะ”
“เอ๊ะ! ทำไมเหรอ?”
“เธอก็เห็น ว่าอู๋จุนไม่ปกปิดสักนิดว่าสนใจเอเรียล ดูท่าทางอะไร ๆ ก็จะเป็นใจให้อีกด้วย ช่วงนี้อู๋จุนมีโอกาสใกล้ชิดเอเรียลได้มากกว่าโจ ที่อยู่บ้านเดียวกันซะอีก เธอก็เห็น ว่างานที่โจต้องทำกลับดึกแค่ไหน ส่วนอู๋จุน จากที่คุณโทนี่บอกว่าอาจไม่มีเวลาเข้าออฟฟิศ แต่ก็เข้าตลอดทั้งวัน ฉันไม่แปลกใจเลยว่าทำไม”
“อู๋จุนชอบเอเรียล นั่นฉันรู้ จริง ๆ ฉันก็สงสารโจอยู่นะ แต่เรื่องหัวใจมันบังคับกันไม่ได้ ถ้าเอเรียลชอบโจมากกว่าเพื่อนจริง ก็คงคบกันไปนานแล้ว แต่ถ้าเอเรียลอยากเริ่มต้นใหม่กับอู๋จุน ฉันก็ว่าดีนะ ฉันอยากให้เอเรียลเลิกร้องไห้เสียที”
“ฉันก็ไม่ได้ไม่เห็นด้วยหรอกนะ เรนนี่ แต่เรายังไม่รู้จักเขาดีพอเลย แล้วเธอว่า คนหน้าตาดี การศึกษาสูงอย่างเขา จะยังไม่มีคนรักงั้นเหรอ ฉันไม่อยากให้เอเรียลต้องผิดหวัง”
“แต่ได้ยินคุณโทนี่ให้เขาหาแฟนนะ เขาอาจยังไม่มีก็ได้นะ เอลล่า”
“อื้ม..ก็หวังว่าจะเป็นแบบนั้น ดังนั้น ถ้าเอเรียลจะชอบใคร ฉันก็จะไม่ขัด ถ้าคน ๆ นั้นเป็นคนดี แต่ถ้าทำให้เอเรียลผิดหวัง ฉันจะเอาเรื่องเขาแน่” เอลล่าชูกำปั้นขึ้นอย่างมุ่งมั่น
“รับรอง ว่าฉันจะช่วยเธอจัดการเหมือนกัน” เรนนี่ยิ้ม
ความคิดเห็น