ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ฝันร้ายแห่งอาร์รันด์คาร์ (รีไรท์จากร้านรับซ่อมในคืน15ค่ำจ้า)

    ลำดับตอนที่ #2 : รัตติกาลที่ 2 : ห้องซ่อม . . . .

    • อัปเดตล่าสุด 11 ก.พ. 51


     

    รัตติกาลที่ 2 : ห้องซ่อม . . . .

     

              คุณหวังครับ

              คะ . . . ครับ  หวังกระพริบตาถี่   พยายามดึงสติตัวเองกลับมา

              วันนี้มีอะไรให้ผมช่วย   กรุณาบอกผมมาเถอะครับ

              คือว่า    คือ  เอ่อ . . . ผม

                เถ้าแก่เงี่ยหูฟัง   พอสังเกตเห็นหวังเงียบไปอีก   เขาส่ายหน้าแล้วจึงตัดสินใจพูดต่อ ทุกคนที่เดินทางมาที่นี่ล้วนแต่เป็นผู้ที่มีปัญหา   ทุกคนล้วนต้องการที่พึ่งและกำลังใจ   ต่างคนต่างวาระ   แต่ละคนย่อมมีเรื่องที่ไม่อาจแก้ไขเองได้   ผมมีหน้าที่คอยรับฟังให้คำปรึกษา   และรับอาสาเป็นธุระจัดการให้โดยไม่มีผิดพลาด   ครั้งก่อนคุณก็รู้นี่ครับ . . . คุณหวัง   แต่หากคุณยังนั่งเงียบอยู่อย่างนี้   ผมก็คงไม่อาจล่วงรู้ความคิดคุณและคงช่วยอะไรคุณไม่ได้เลย   . . . . เชื่อใจผมสิครับ   เถ้าแก่ตัดบทอย่างเบื่อระอา   เวลาแต่ละวินาทีของเขามีค่า   หากปล่อยทิ้งไว้แบบนี้คงไม่ได้การเป็นแน่ 

                หวังพยักหน้ารับเล็กน้อย

              ถะ . . .  เถ้าแก่   แต่ครั้งนี้มันไม่เหมือนกันนะครับ  เขาพูดตะกุกตะกักด้วยความร้อนรน

              ที่ว่าไม่เหมือนกัน   มันคืออะไรครับ   คุณต้องการจะให้ผมช่วยอะไรล่ะ   คุณจะเอาอะไรมาให้ผมซ่อม  ลองบอกมาสิครับ   เผื่อผมจะมีหนทางช่วยคุณได้   เถ้าแก่จ้องหน้าเขาแบบจริงจัง   สายตาอ่อนโยนเมื่อครู่เริ่มเปลี่ยนไป

              ยิ่งได้เห็นแววตาแบบนั้น   อาการประหม่าของหวังก็ยิ่งมีมากขึ้น   ความเข้มข้นของมันรุนแรงจนคนรอบกายรู้สึกได้   

              ผมยะ . . . อยากให้เถ้าแก่ ชะ. . . ช่วยซ่อม ละ. . . ลูกชาย พะ. . . ผมให้ที

              อะไรนะ . . . เมื่อกี้คุณว่าอะไรนะ !!!? ” เถ้าแก่ร้องเสียงหลงด้วยความตกใจอย่างลืมตัว   เขาทะลึ่งพรวดลุกขึ้นยืนจ้องสีหน้าของแขกคืนนี้อย่างชั่งใจเหมือนไม่แน่ใจในหูตัวเองนัก 

              มะ  ไม่ได้หรือครับ  พะ. . . ผมคิดอยู่แล้ว  พะ. . . ผมมันบ้าไปเอง หวังกล่าวโทษตัวเอง

                หลังจากนั้นทุกอย่างกลับสู่ความเงียบอีกครั้ง   ไม่มีเสียงพูดจา   สงบจนดูน่ากลัว   หวังก้มหัวลงพยายามเหลือบสายตามองหน้าของคนที่ยืนจ้องเขาอยู่   ดูเหมือนคราวนี้กลายเป็นเถ้าแก่ที่ต้องใช้ความคิดอย่างหนักแทน  

              คุณหวัง . . . คุณกำลังจะพูดว่า   คุณต้องการขอให้ผมช่วยซ่อมวิญญาณของลูกชายคุณใช่ไหม    เถ้าแก่พูดจบถอนหายใจยาว   หันศีรษะกลับมาจ้องเขม็งไปยังใบหน้าเขาเหมือนตำรวจที่กำลังเค้นคำตอบจากผู้ต้องหา   แววตาของเถ้าแก่แน่วแน่เหมือนพยายามมองทะลุเพื่อหาความจริงที่เก็บซ่อนไว้ในใจจนหวังต้องหลบสายตา

              ชะ. . . ใช่  ละ. . . ลูกชายหัวแก้วหัวแหวนเพียงคนเดียวของผม   อายุเขาได้แค่ห้าปีเท่านั้น   เขากำลังน่ารัก   เมียผมเธอรับไม่ได้   พะ . . . ผมเองก็ทะ. . .ทนไม่ได้เหมือนกันที่จะเสียเขาไป   เขาคือทุกอย่างในชีวิตผม   แต่ . . . แต่ถึงยังไงคุณคงแก้ไขอะไรไม่ได้ใช่ไหม   ในเมื่อเขาตะ . . . ตายไปแล้ว   ผมน่าจะรู้เรื่องนี้ดีที่สุด   ผมมันโง่เอง   ขอโทษด้วยที่มารบกวนให้คุณช่วยอะไรที่มันดูไร้สาระ   พะ . . . ผมกลับก่อนดีกว่า . . .    หวังพูดพลางดึงแว่นสีชาที่สวมอยู่เพียงอันเดียวออก   ยกมืออีกข้างขึ้นปิดหน้า   น้ำตาไหลรินเป็นสาย   มันพรั่งพรูออกมาราวกับเขื่อนแตก   คงเก็บความรู้สึกไว้ในใจมานานจนเกิดเป็นระเบิดลูกใหญ่   หวังแพ้ความอ่อนแอของตัวเองจนระงับไว้ไม่ได้   เขาพยายามจะขยับตัวลุกหนีจากเก้าอี้โซฟาที่นั่งอยู่

              เดี๋ยวก่อนครับ   อย่าเพิ่งไป   เชิญนั่งลงก่อน เถ้าแก่ยกมือปราม   สีหน้ายังคงครุ่นคิด   คำพูดของเถ้าแก่ทำให้หวังรู้สึกประหลาดใจอยู่ไม่น้อย

              คุณหวัง   คุณมั่นใจหรือครับ   ความจริงแล้ว . . . เถ้าแก่หยุดพูด   เขาปล่อยตัวเองให้ไหลลงบนเก้าอี้จนอยู่ในท่ากึ่งนั่งกึ่งนอน   เถ้าแก่เกาหัวแกรกๆ   ผมที่เคยเรียบแปล้ค่อยๆกลายเป็นรังนกจนยุ่งเหยิงไปหมดทั้งหัว   หมดเค้าเดิมที่เคยดูดีไปอย่างถนัดตา   คือ . . . ความจริงแล้วคุณก็รู้ว่าผมรับซ่อมแซมทุกอย่าง   ก่อนหน้าที่คุณจะตกลงอะไรก็ตาม . . . ผมขอย้อนถามคุณสักเรื่องหนึ่งก่อนได้ไหม หวังพยักหน้าลง   ดูเขามีความหวังขึ้นแต่ยังคงซ่อนความกังวลไว้ในใจ   เขายกมือขึ้นปาดน้ำตาทิ้ง   เปลี่ยนท่าทีพร้อมจะฟังเถ้าแก่พูดต่อ

    คุณหวังครับ   อาจจะดูเหมือนผมอายุไม่มาก   แต่ความจริงแล้วผมผ่านอะไรมามากมายเกินกว่าที่คุณคิดไว้   ผมอยากให้คุณรู้ว่าไม่ได้มีเพียงแต่คุณที่เข้ามาขอให้ผมช่วยซ่อมวิญญาณให้  

              แสดงว่านอกจากผมแล้วยังมีคนอื่ . . .

                เถ้าแก่ยกมือปรามอีกครั้ง  ใช่ . . . สำเร็จด้วยครับ   แต่ฟังผมพูดให้จบก่อนนะ   แล้วคุณค่อยถามหรือตัดสินใจอีกที   คืออย่างนี้ . . . คุณหวังเคยซ่อมอะไรที่พังไปแล้วบ้างไหมครับ เถ้าแก่รอดูปฏิกิริยาเห็นเขาพยักหน้าจึงพูดต่อ แล้วของที่ซ่อมแซมไปก็กลับมาใช้ได้อีกครั้งหนึ่งใช่ไหม   ผมอยากให้คุณเข้าใจอะไรบางอย่างก่อน   ว่าถึงจะแก้ไขให้ดียังไงมันก็เป็นของที่ถูกซ่อมแซมใหม่อยู่ดี   คุณหวังครับ . . . ของที่พังไปแล้ว   ถึงซ่อมให้ตายก็ไม่มีวันเหมือนเดิมหรอกนะครับ   ในชีวิตนี้คุณอาจจะเคยซ่อมโต๊ะหรือเก้าอี้ที่คุณรักหรือหวงแหนมาบ้าง   หากขาของมันหักไปสักข้าง   คุณจะทำยังไงให้มันกลับมาใช้งานได้อีกครั้งล่ะครับ   คุณอาจกำลังเถียงผมอยู่ในใจว่าจะยากตรงไหน   ก็แค่ออกไปหาไม้สักท่อนที่ดูเหมาะๆมาเปลี่ยนเสีย   ตอกตะปูเข้าไปใหม่   หรืออาจหาเชือกมาผูกยึดติดมันไว้ให้แน่นก็ใช้ได้แล้ว   แล้วยังไงครับ . . . ทุกอย่างยังเหมือนเดิมหรือเปล่า   คุณเคยคิดบ้างไหมว่ามันจะกลับมาใช้งานได้อีกนานเท่าไหร่   เพราะความจริงสภาพของมันคือของเสีย   เป็นของที่เคยชำรุดมาแล้วครั้งหนึ่ง   การคงอยู่ของมันหายไปนับจากวันที่มันพังลง   เมื่อซ่อมแซมแล้ว . . . มันจึงเป็นแค่สิ่งที่ใช้งานได้เพียงชั่วคราวเท่านั้นเช่นเดียวกันครับ   หากวิญญาณของลูกชายคุณได้สูญเสียไปแล้ว   การคงอยู่ก็จะไม่มีอีก   และเมื่อมีการซ่อมแซมก็ไม่ได้หมายความว่าเขายังมีชีวิตอยู่กับคุณ เถ้าแก่จ้องหน้าหวังแล้วพูดต่อ  อธิบายง่ายๆใหม่ดีกว่า   ลูกชายคุณจะยังมีชีวิตอยู่เฉกเช่นเดียวกับโต๊ะหรือเก้าอี้ที่ซ่อมแซมใหม่   วิญญาณของเขาจะถูกเปลี่ยน   คุณจะได้ลูกชายคนเดียวกลับไป   แต่ผมตอบไม่ได้ว่าเขาจะอยู่กับคุณไปได้นานเท่าไหร่   เข้าใจไหมครับ ? “

                หวังพยักหน้าเหมือนคนเข้าใจ   เขาตั้งใจฟังสิ่งที่เถ้าแก่จะพูดต่อ   สีหน้าดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด   ความเหนื่อยล้าและความเครียดเมื่อครู่เริ่มเลือนหายไปจากใบหน้ากลายเป็นรอยยิ้มเล็กๆ   ม่านตาขยายขึ้น   ดวงตาเบิกโตอย่างไม่ตั้งใจ

               แต่ก็อีกนั่นแหละ   ในกรณีนี้มันค่อนข้างยากเอาการทีเดียวครับ   กับการแลกเปลี่ยนอะไรบางอย่างเป็นค่าซ่อมแซมวิญญาณของลูกชายคุณ    . . . และนี่เป็นเงื่อนไขของร้านเราครับ . . . . การแลกเปลี่ยนสิ่งที่คุณคิดว่าเท่าเทียมกัน

                หวังยกมือขึ้นกุมขมับ   เขาต้องปรับจูนสมองใหม่และใช้ความคิดอย่างหนักอีกครั้ง   เพราะรู้ดีว่าการซ่อมแซมครั้งนี้ต้องแลกเปลี่ยนกับอะไรบางอย่างที่มันมีค่าพอ   เมื่อ 2 ปีก่อนในคืน 15 ค่ำเป็นครั้งแรกที่เขาก้าวมาที่นี่   ตอนนั้นเขาเดินทางมาเพื่อจะซ่อมแซมร่างกายตัวเอง   ร่างกายที่มีแต่โรคร้ายรวมอยู่เต็มไปหมด   หวังผ่านโรงพยาบาลมาอย่างนับไม่ถ้วน   เข้าออกที่นั่นที่นี่เป็นว่าเล่น   เรียกได้ว่าโชกโชนในการไปหาหมออยู่ทีเดียว   หวังไปรักษาตัวหลายที่ตามคำแนะนำของเพื่อนๆและคนรู้จัก   สุดท้ายทุกคนก็ออกความเห็นไม่ต่างกัน   บอกให้เขาพยายามทำใจและใช้ชีวิตที่เหลืออย่างสงบ   เขาเคยคิดที่จะฆ่าตัวตายให้พ้นจากความทรมาน   เพราะต่อให้มีทรัพย์สมบัติมหาศาลก็ไม่สามารถฉุดเขาออกมาจากนรกนี้ได้   หากเขาตายไปลูกเมียก็ยังสามารถมีชีวิตอยู่อย่างสบายจากมรดกที่เขาเหลือทิ้งไว้   แม้ใช้ทั้งชีวิตก็ไม่มีวันหมดสิ้น   ก่อนหน้าที่เขาตัดสินใจจะปลิดชีวิตตัวเองพลันมีผู้ชายคนหนึ่งเดินผ่านมาบอกเขาเกี่ยวกับสถานที่แห่งนี้ . . . ร้านรับซ่อมในคืน 15 ค่ำ   ร้านที่รับซ่อมแซมทุกอย่างแม้กระทั่งชีวิต   สถานที่นั้นไม่แน่นอน   หากแต่บุคคลใดที่มีความปรารถนาอย่างแรงกล้าแล้ว   ร้านนี้จะมาปรากฏอยู่เบื้องหน้าให้เห็นเอง   เรื่องนี้ใครได้ฟังก็คงไม่เชื่อ   คงมีแต่คนคิดว่าเป็นนิยายเป็นเรื่องโกหกที่แต่งขึ้นมาเพื่อใช้แกล้งหลอกกันเท่านั้น   น่าแปลกเหลือเกิน . . . ที่เขาอยากลองเสี่ยงดวงดูสักครั้ง   ไม่ว่ายังไง . . . ไฟชีวิตของเขาก็แทบไม่เหลืออยู่แล้ว   ไม่เห็นต้องคิดอะไรให้มันมากมาย   มีแต่ได้กับเสมอตัว   ไม่ได้เสียหายอะไร   แค่ลองไปดู   ถ้าไม่สำเร็จก็แค่กลับมานั่งคิดเรื่องตายใหม่เท่านั้นเอง . . . . 

                15 ค่ำถัดมาความปรารถนาของเขาก็เป็นจริง   ทุกสิ่งดูเหมือนวันนี้   ขณะที่เคลิ้มหลับไปเกือบยามสอง   เหมือนมีเสียงเชื้อเชิญปลุกให้เขาต้องลุกขึ้นปลีกตัวจากที่นอนอันนุ่มสบายเดินออกมาสู่หนทางที่เงียบสงัด   สายลมคล้ายจะเป็นใจ   อากาศแลดูพลิ้วไหว   ใบไม้แกว่งไกวเป็นทางคล้ายสัญญาณให้เดินตามไป   เขาออกจากบ้านพร้อมกับความหวังริบหรี่   ค่ำคืนมืดมิดมีเพียงเงาของแสงจันทร์ฉายส่องนำทาง   เดินอยู่ได้ไม่นานประตูร้านหรือคฤหาสน์นี้ก็ตั้งอยู่ตรงหน้า   ตอนที่มาถึงครั้งแรกขาเขาสั่นเล็กน้อย   เอาน่า . . . ลองดูสักครั้งจะเป็นไรไป   ในเมื่อเขาก็ไม่เหลือวิธีไหนอีกแล้วนี่   เขาคิดพลางเคาะประตูบานใหญ่นั้น   สักพักเถ้าแก่ก็ออกมาเปิดประตูให้และนำพาเขาเข้ามาสู่ห้องซ่อมแห่งนี้   ตอนนั้นเขายังจำได้ลางๆว่าเถ้าแก่ซ่อมชีวิตให้เขาใหม่โดยไม่มีโรคร้ายอีก   แต่เขาลืมไปเสียแล้วว่าต้องแลกเปลี่ยนหรือสูญเสียอะไรไป   รู้เพียงแต่ว่าสิ่งนั้นมันยิ่งใหญ่เหลือเกิน

              คุณต้องการจะนำอะไรมาแลกกับค่าซ่อมครั้งนี้หรือครับ   คุณหวัง ? “ เถ้าแก่ถามย้ำอีกครั้ง

              เถ้าแก่ . . . คุณต้องการเงินสักเท่าไหร่ ?

              คุณหวัง . . . คราวก่อนคุณคงจำไม่ได้ว่าคุณเคยเสนอผมอย่างนี้มาแล้ว   และผมบอกปฏิเสธไปเนื่องจากทางร้านไม่ได้มีความต้องการเงินของลูกค้าเลย   หากแต่มันต้องเป็นสิ่งที่เท่าเทียมกับค่าซ่อมของเขาเท่านั้น   ที่คุณจำไม่ได้ไม่แปลกหรอก   ใช่ . . . ใช่ . . .  เพราะเมื่อใดก็ตามที่ลูกค้าสำเร็จความปรารถนาและเดินออกจากร้านนี้ไป   ทุกคนจะตื่นขึ้นมาในอีกรุ่งอรุณของวันใหม่   พวกเขาจะพบว่าตัวเองอยู่ที่บ้าน   ทุกอย่างจะเป็นเหมือนดั่งความฝัน   ความทรงจำบางส่วนจะถูกลบออกไป   ครั้งนี้ก็เช่นกัน   เมื่อคุณบรรลุข้อตกลงกับทางร้าน   คุณจะลืมบางอย่างไปจนกว่าความเรียกร้องในใจคุณจะมีมาก   มากพอที่ร้านจะเปิดและเชื้อเชิญคุณกลับมาอีกครั้ง   คุณคงจำไม่ได้ว่าก่อนหน้านั้นคุณได้ใช้อะไรแลกเปลี่ยนกับชีวิตใหม่ของคุณ   ผมจะบอกให้ฟังอีกครั้งไหมครับ ?

              เถ้าแก่ . . . ครั้งนั้นผมแลกด้วยอะไร ? “ หวังตื่นเต้นกับคำตอบของเถ้าแก่   ให้ตายเถอะ   เขาลืมไปแล้วจริงๆนี่   สิ่งนั้นคงสำคัญกับเถ้าแก่มาก   แต่สำหรับเขาคงไม่เท่าไหร่หรอก   ไม่อย่างนั้น . . .  เขาน่าจะกังวลและจดจำมันได้บ้าง

              อืม . . . นั่นสินะ   สิ่งที่คุณใช้แลกวันนั้นคือ . . . ชีวิตแม่ของคุณไงครับ

              อะไรนะ !!!   มะ . . . ไม่จริง   คุณโกหก !!!  แม่ผมเสียไปนานแล้วนี่  หวังผงะถอยตัวไปข้างหลังจนตัวติดโซฟา  

              อย่ากล่าวหาผมแบบนั้นสิครับ   ผมไม่ได้กล่าวเท็จกับคุณเลย   เมื่อครู่คุณถามผมเอง   ส่วนผมก็ทำหน้าที่แค่ตอบคำถามนั้นให้   ที่คุณคิดไปว่าแม่คุณเสียมานานแล้วนั้นเพราะความทรงจำเกี่ยวกับแม่คุณหายไป    ไม่ใช่เฉพาะคุณ   นั่นรวมถึงทุกคนที่คุณรู้จักด้วย   ไม่แปลกอะไรหรอกครับคุณหวัง   ที่ผมต้องทำแบบนี้เพราะไม่อยากให้ทุกอย่างดูวุ่นวาย   เมื่อคุณได้ขาย   เอ้อ . . . ขอโทษครับ   เมื่อคุณได้ซ่อมชีวิตตัวเองโดยแลกเปลี่ยนกับแม่ของคุณ    ระบบประมวลผลในสมองของทุกคนรวมทั้งคุณจึงถูกเปลี่ยนแปลงใหม่   ทุกคนถูกเข้าใจว่าแม่คุณเสียไปตั้งนานแล้ว   แต่ความเป็นจริงคือคุณได้แลกเปลี่ยนตัวท่านเมื่อสองปีก่อน   คุณเป็นคนเลือกเองและผมก็ซ่อมแซมชีวิตคุณจนดีขึ้น   เพราะฉะนั้นมันเป็นอะไรที่สมเหตุสมผลอยู่แล้วนี่ครับ

              ละ. . . แล้ว   คุณแม่ผมตอนนี้ท่าน . . .

              จะถามว่าอยู่ที่ไหนใช่ไหม   อืม!  จะให้ผมพูดอย่างไรดีล่ะ   เอาเป็นว่าไม่ต้องห่วงหรอกครับ   ผมส่งเขาไปแล้ว

              ไปไหน ? . . .

              ไปที่เดียวกับ . . . ที่คุณเลือกเดินออกมา   นรกของคุณไงครับ   คุณแม่คุณตอนนี้คงต้องชดใช้กรรมแทนคุณไปเรื่อยๆจนกว่าจะหมด   แต่มันไม่ง่ายหรอก   ชีวิตของคุณตอนนั้นยังเหลืออีกประมาณสามเดือนถึงจะสิ้นบุญ   ของแม่คุณเหลืออีกเป็นสิบปี   แต่เมื่อคุณมาแลกเปลี่ยนอะไรบางอย่างที่นี่ . . .  ผมเคยบอกคุณแล้วว่าเมื่อสิ้นสุดการตกลง   รัตติกาลจะกลืนกินทุกสิ่งที่นำมาแลกเปลี่ยน   คืนนั้นขณะที่เราตกลงกันแล้ว   รัตติกาลก็กลืนกินชีวิตของแม่คุณไป   เขาต้องชดใช้กรรมแทนคุณไปจนกว่าอายุขัยรวมสิ้นสุดลง   คงอีกนานมากจนไม่อาจนับได้ทีเดียวครับ   โกรธผมไม่ได้นะครับ . . . ในเมื่อคุณเป็นคนเลือกเอง . . . เถ้าแก่พูดย้ำอีกครั้ง

                หวังยกมือขึ้นมากัดเล็บอย่างไม่รู้ตัว   สายตาลอกแลก   ความคิดเขาแตกซ่าน   ความกลัวความรู้สึกผิดบาปกำลังกัดกินหัวใจอยู่    ทำไมถึงเป็นแบบนี้?   ทำไม?   เขาทำกับผู้มีพระคุณได้อย่างไรกัน   หวังเฝ้าแต่โทษตัวเองว่าทำไมตนถึงเลวได้มากถึงเพียงนี้

              ไม่เอาน่าคุณหวัง   เรื่องมันผ่านมาตั้งสองปีแล้ว   ประเดี๋ยวคุณออกจากร้านนี้ไปคุณก็จะลืมมันอีก   อย่าไปคิดมากเลยครับ   เฮ้อ . . . แย่จริงๆ   ผมไม่น่าเอาเรื่องในอดีตมาเล่าให้คุณฟังเลย   แต่ถึงยังไงมันก็เป็นกฎที่ผมต้องบอกกับลูกค้าเดิมก่อนเสมอ   เนื่องจากไม่อยากให้พวกเขาต้องนำสิ่งที่เคยแลกเปลี่ยนไปครั้งหนึ่งแล้วมาพูดถึงอีก   ถึงเวลาแล้วกระมังครับคุณหวัง   คุณจะแลกเปลี่ยนอะไรกับความปรารถนาใหม่นี้ดีครับ?   อะไรที่คุณคิดว่ามันเท่าเทียมกับลูกชาย?   อะไรที่คุณคิดว่าเท่าเทียมกับค่าซ่อมครั้งนี้ครับ? “  เถ้าแก่จ้องใบหน้าที่กลัวอย่างสุดขีดของเขาแล้วยิ้มที่มุมปากอย่างมีเลศนัย

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×