“เหนื่อยชะมัดเลิกงานไปดื่มกันเถอะรัช” รัชตะ ตวัดนัยน์ตาดำวาวมองหน้าคนพูด
“ขี้เหล้าไปแล้ว” อีวานเพื่อนสมัยมหา’ลัยคนนี้ภายนอกตัวเล็กผมสีน้ำตาลอ่อนที่ย้อมมาต่างกับเขาที่ค่อนข้างจะมีกล้ามเนื้อแม้ไม่มากผมสีดำสนิทเพราะเชื้อชาติไทยและส่วนสูงก็175มากกว่าอีกคนที่สูง168 ภายนอกน่ะนะข้างในมันนิสัยชายแท้สวนทางกับหน้าตาน่ารักชิบหาย
“ไม่ได้ดื่มตั้งนานแล้วนะ”
“เมื่อวานพึ่งไปมา” เขาเถียงกลับเสียงนิ่งสายตาจดจ่ออยู่กับงานตรงหน้าขณะมือก็ลากดินสอต่อเนื่อง
รัชตะกับอีวานอายุ26 ทั้งสองคนเป็นสถาปนิกที่ร่วมกันเปิดบริษัทแต่คนไม่ชอบอยู่นิ่งแบบรัชตะก็ยังคงสรรหางานมาให้ชีวิตตัวเองยุ่งวุ่นวายอยู่ได้
“โอเคไม่ได้ปฏิเสธแปลว่าตกลง”
รัชตะถอนหายใจกับความทึกทักเอาเองของเพื่อนรักตัวเล็ก มือข้างนึงขยี้ผมสีน้ำตาลอ่อนจนยุ่ง “ดื่มอยู่ได้ทุกวันเดี๋ยวก็ตายไวเข้าสักวัน”
อีวานร้องโวยที่อีกคนทำผมเขายุ่ง “เอาน่ายูไม่ตายง่ายๆหรอก”
“แหงแซะถ้ากูตายมึงก็คงไม่ต่างกันหรอก” ก็มันกินเมื่อไหร่ผมก็กินด้วยตลอดตายก็ตายพร้อมกันนี่แหละ
“ใช่มั้ย ยังไม่ตายวันนี้หรอกน่า” รัชตะยัดกระดาษกับดินสอใส่มืออีกคนเป็นนัยยะว่า เอาไปทำแล้วเงียบได้แล้ว ส่วนอีวานก็ทำแค่บ่นว่าเขาจะรับงานมาอีกทำไมและเดินกลับที่
หกโมงเย็นรัชตะกับอีวานเดินลงจากรถแท็กซี่หลังจ่ายค่าโดยสารเสร็จ ถึงจะบ่นอีวานไปแต่สุดท้ายเพราะกะว่าจะมาเมากันให้คุ้มกับลูกค้ามากเรื่องที่เจอมาวันนี้ทั้งสองคนเลยไม่ได้ขับรถมาเอง
“ไม่เคยมาที่นี่เลยแฮะ” อีวานดูตื่นตาตื่นใจและเค้าว่าอีกคนคงจะโดนเสน่ห์ของสถานที่ตกเข้าให้ moon arena เป็นบาร์มีชื่อไม่ได้ดังกระฉ่อนแบบที่มีคนดังหรือคนสำคัญเดินเข้าออกเป็นบ้านตัวเอง แต่ก็ถือว่าไม่ควรพลาดอย่างจริงจัง
ตัวเขาก็มักจะมานั่งอยู่บ้างแต่ก็ไม่เคยได้มากับเพื่อนสนิทสักทีวันนี้ก็เลยถือโอกาสพามาเสียเลย
“นั่งที่บาร์กัน” รัชตะสะกิดแขนอีกคนชี้ไปทางเก้าอี้ว่างที่หน้าเค้านท์เตอร์บาร์อีวานพยักหน้ารับ พอก้นแตะเบาะหลังแตะพนักพิงบาร์เทนเดอร์หนุ่มก็เดินเข้ามายื่นเมนูให้
คนตัวเล็กเห็นเพื่อนดูจะสนใจกับพนักงานมากกว่าเมนูเสียอีกก็คอยนั่งฟังบทสนทนาเพลินๆไปพลาง
“มาใหม่หรอครับ?” รัชตะเลิกคิ้วถาม
ร่างสูงยิ้ม “เปล่าครับปกติผมเข้ากะต้นอาทิตย์พึ่งมาแลกกับอีกคนน่ะครับ” คนฟังขานรับ ไม่ทันไรที่นั่งข้างเพื่อนตัวเล็กของเขาก็ถูกจับจองโดยลูกค้าที่อายุน่าจะเท่ากับบาร์เทนเดอร์ตรงหน้าเขาและสูงพอๆกันได้แต่ที่สำคัญ สองคนนี้สูงแล้วยังหล่อชะมัด
คนมาใหม่เริ่มต้นค่ำคืนนี้ด้วยมาร์ตินี่ค็อกเทลเผื่อแผ่ถึงเราสองคน แก้วมาร์ตินี่ทรงสูงบรรจุเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ใสเสริมด้วยเชอรี่สดหนึ่งลูก
“แม็ค มอร์แกน ครับ” ร่างสูงฉีกยิ้มแนะนำตัว “นี่เพื่อนผม วิลเลี่ยม วอลเกอร์” เขาพยักเพยิดไปทางบาร์เทนเดอร์หนุ่ม
“เรียกวิลก็ได้ครับ” วิลเลี่ยมยกแก้วช็อตขึ้นเช็ด
“รัชตะ คอลลินส์ ครับ”
“อีวาน ครอส คร้าบ”
สามคนนั่งดืมนั่งคุยบ่นเรื่องงานบ้างเรื่องสับเพเหระในชีวิตประจำวันบ้าง มีบ้างที่วิลเลี่ยมจะเข้ามาร่วมวงตอนที่ว่างจากออร์เดอร์
“เฮ้อ ไอคุณเอล็กซ์นี่เรื่องเยอะจริงๆ ตอนแรกก็บอกว่าจะเอาสีน้ำตาลเดี๋ยวๆก็มาเปลี่ยนเป็นสีฟ้าสีเหลือง แบบงี้ดีอยู่แล้วยังให้แก้ไม่รู้จะเยอะไปถึงไหน” คนจิกกัดเก่งแบบรัชตะพอเมาเข้าทีก็เป็นพวกขี้บ่นขี้โวยวายอยู่เหมือนกัน
“ก็บอกไปแล้วว่ามีบริษัทยังจะรับงานมาอีกทำไม” อีวานเงยหน้าขึ้นมาบ่นเสียงยานคางก่อนจะฟุบลงไปกับแขนเหมือนเดิมส่วนรัชตะก็ยกเบียร์ขึ้นซดอึกๆลดแก้วลงวางกับเค้านท์เตอร์จนส่งเสียงกระทบดังแกร๊ก แล้วทิ้งหัวเลื้อยตัวเบียดแก้มไปกับไม้เนื้อดีปากบ่นพึมพำงึมงำไม่ได้ศัพท์ไม่หยุด
“เมาแล้วนะครับ” วิลเลี่ยมส่งผ้าเย็นให้คนเมาสองคน
“ไม่ได้เมายังม่ายมาวสักหน่อย…เอิ๊ก...กลับบ้านอีวาน...” ถึงสติจะเลือนๆก็ยังพอจะควักเงินจ่ายค่าเหล้าได้ไม่ขาดไม่เกิน
“อืมมมมม” แม็คมองสองคนข้างๆยิ้มๆชวนกันกลับบ้านแต่สภาพแบบนี้เขาก็ไม่เห็นหนทางว่าจะทำอีท่าไหนให้ถึงบ้านกันได้
“กลับกันยังไงล่ะ” แม็คก็พวกคอแข็งคนนึง ตั้งแต่เลือกนั่งที่เก้าอี้ตรงนี้คนตัวสูงก็ยกไปหลายแก้วแล้วเหมือนกัน
อีวานหันมาหาคนข้างๆ “กลับแท็กซี่คร้าบ” เขายกมือตะเบ๊ะเหมือนทหารง่อยพอลุกได้เต็มขาก็เซไปมาลำบากรัชตะที่ก็เมาเป็นทุนเดิมอยู่แล้วต้องมาแบกร่างอีกคนไปด้วยอีกไอที่จะไปจนถึงประตูมันก็กลายเป็นว่าเดินไม่กี่ก้าวพากันล้มกองบนพื้นสะเอง
“อูยยยยย เจ็บเว้ย” มือขาวดันตัวคนข้างบนถึงอีวานจะตัวเล็กกว่าเขาแต่ก็ไม่ใช่เบาๆ เอาเถอะจะปล่อยให้นอนแบบนี้ไปก่อนก็ได้ ง่วงก็ง่วงขอสักงีบไปเลยดีมั้ยเนี่ย
“แม็คอีกห้านาทีกูเลิกงานเอาไปทิ้งไว้บนรถรอเลยก็ได้” วิลเลี่ยมมองสภาพสองตัวปัญหาแล้วนึกขำ แม็คตอบรับคำเพื่อนก่อนจะจ่ายเงินตามแล้วลุกขึ้นแบกสองร่างพาดไหล่เหมือนกระสอบมันเดินตรงดิ่งไปยังลานจอดรถเหมือนไม่หนักอะไรเลย
คนโดนแบกหัวทิ่มพื้นสักพักก็เริ่มได้สติเพราะดื่มไปน้อยกว่ารัชตะ “อึก...ทำไมเป็นพื้น?” อีวานนิ่วหน้าขยับตัวไปมา “...อูย อยากอ้วกจัง”
“เดี๋ยวสิ่” เสียงทุ้มดังจากด้านหลัง ให้ถูกคือข้างๆเพราะคนที่อุ้มเขาอยู่คือคนที่พูดขึ้นพอปล่อยคนตัวเล็กลงเท่านั้นแหละถึงรีบพาตัวเองไปขย้อนเอาของเก่าออกมาหมดที่มุมลานจอดรถแล้วนิ่งไปทั้งๆท่านั้นนะแหละ
อืม เอาจริงๆมันก็ชักจะนานเกินแล้วล่ะ
วิลเลี่ยมผลักประตูหลังร้านที่เชื่อมกับลานจอดรถเข้ามาพอเห็นเพื่อนยืนนิ่งก็เข้าไปหาใช้ไหล่ชนไหล่อีกคน “ยืนรอไรวะ”
“รอเด็กอ้วก” ร่างสูงรับตัวรัชตะมาจากมือเพื่อนส่วนแม็คก็เดินเข้าไปเลียบมองดูเจ้าก้อนกลมๆที่มุมเสา “5555 เอาจริงดิ่มันหลับได้ทั้งๆแบบนี้เลยหรอ”
สองคนจัดการหามสองร่างเล็กมายัดใส่รถแล้วเดินขึ้นด้านหน้าโดยมีสารถีเป็นบาร์เทนเดอร์หนุ่ม ขับออกมาได้สักพักแม็คก็ต้องเอี้ยวตัวไปด้านหลังห้องโดยสาร
“อีวาน” ทั้งเขย่าตัวทั้งเรียกเด็กขี้เซาก็ไม่ได้รู้สึกตัวสักนิดแต่กลับกันเป็นรัชตะที่ลืมตาขึ้นมา
“อืมมมม...ที่ไหนวะ”
“บอกทางกลับบ้านด้วยนะ”
“อื้ออออ” ตอบรับเสร็จก็หลับตาแล้วจมสติหายไปอีกรอบทิ้งให้สองคนข้างหน้าต้องถอนหายใจ
ข้อความที่โพสจะต้องไม่น้อยกว่า {{min_t_comment}} ตัวอักษรและไม่เกิน {{max_t_comment}} ตัวอักษร
กรอกชื่อด้วยนะ
_________
กรอกข้อมูลในช่องต่อไปนี้ไม่ครบ
หรือข้อมูลผิดพลาดครับ :
_____________________________
ช่วยกรอกอีกครั้งนะครับ
กรุณากรอกรหัสความปลอดภัย
ความคิดเห็น