เมรัยรัชตะ - นิยาย เมรัยรัชตะ : Dek-D.com - Writer
×

    เมรัยรัชตะ

    เหล้าเบียร์สารเสพติดและผู้ชายมันเป็นของมอมเมาแต่ถ้าคุณรินให้สักแก้วสองแก้ว...ผมว่าก็น่าสนใจ

    ผู้เข้าชมรวม

    63

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    6

    ผู้เข้าชมรวม


    63

    ความคิดเห็น


    0

    คนติดตาม


    0
    หมวด :  นิยายวาย
    จำนวนตอน :  1 ตอน
    อัปเดตล่าสุด :  16 พ.ย. 63 / 23:37 น.
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

    “เหนื่อยชะมัดเลิกงานไปดื่มกันเถอะรัช” รัชตะ ตวัดนัยน์ตาดำวาวมองหน้าคนพูด

    “ขี้เหล้าไปแล้ว” อีวานเพื่อนสมัยมหา’ลัยคนนี้ภายนอกตัวเล็กผมสีน้ำตาลอ่อนที่ย้อมมาต่างกับเขาที่ค่อนข้างจะมีกล้ามเนื้อแม้ไม่มากผมสีดำสนิทเพราะเชื้อชาติไทยและส่วนสูงก็175มากกว่าอีกคนที่สูง168 ภายนอกน่ะนะข้างในมันนิสัยชายแท้สวนทางกับหน้าตาน่ารักชิบหาย

    “ไม่ได้ดื่มตั้งนานแล้วนะ”

    “เมื่อวานพึ่งไปมา” เขาเถียงกลับเสียงนิ่งสายตาจดจ่ออยู่กับงานตรงหน้าขณะมือก็ลากดินสอต่อเนื่อง

    รัชตะกับอีวานอายุ26 ทั้งสองคนเป็นสถาปนิกที่ร่วมกันเปิดบริษัทแต่คนไม่ชอบอยู่นิ่งแบบรัชตะก็ยังคงสรรหางานมาให้ชีวิตตัวเองยุ่งวุ่นวายอยู่ได้

    “โอเคไม่ได้ปฏิเสธแปลว่าตกลง”

    รัชตะถอนหายใจกับความทึกทักเอาเองของเพื่อนรักตัวเล็ก มือข้างนึงขยี้ผมสีน้ำตาลอ่อนจนยุ่ง “ดื่มอยู่ได้ทุกวันเดี๋ยวก็ตายไวเข้าสักวัน”

    อีวานร้องโวยที่อีกคนทำผมเขายุ่ง “เอาน่ายูไม่ตายง่ายๆหรอก”

    “แหงแซะถ้ากูตายมึงก็คงไม่ต่างกันหรอก” ก็มันกินเมื่อไหร่ผมก็กินด้วยตลอดตายก็ตายพร้อมกันนี่แหละ

    “ใช่มั้ย ยังไม่ตายวันนี้หรอกน่า” รัชตะยัดกระดาษกับดินสอใส่มืออีกคนเป็นนัยยะว่า เอาไปทำแล้วเงียบได้แล้ว ส่วนอีวานก็ทำแค่บ่นว่าเขาจะรับงานมาอีกทำไมและเดินกลับที่






    หกโมงเย็นรัชตะกับอีวานเดินลงจากรถแท็กซี่หลังจ่ายค่าโดยสารเสร็จ ถึงจะบ่นอีวานไปแต่สุดท้ายเพราะกะว่าจะมาเมากันให้คุ้มกับลูกค้ามากเรื่องที่เจอมาวันนี้ทั้งสองคนเลยไม่ได้ขับรถมาเอง

    “ไม่เคยมาที่นี่เลยแฮะ” อีวานดูตื่นตาตื่นใจและเค้าว่าอีกคนคงจะโดนเสน่ห์ของสถานที่ตกเข้าให้ moon arena เป็นบาร์มีชื่อไม่ได้ดังกระฉ่อนแบบที่มีคนดังหรือคนสำคัญเดินเข้าออกเป็นบ้านตัวเอง แต่ก็ถือว่าไม่ควรพลาดอย่างจริงจัง

    ตัวเขาก็มักจะมานั่งอยู่บ้างแต่ก็ไม่เคยได้มากับเพื่อนสนิทสักทีวันนี้ก็เลยถือโอกาสพามาเสียเลย

    “นั่งที่บาร์กัน” รัชตะสะกิดแขนอีกคนชี้ไปทางเก้าอี้ว่างที่หน้าเค้านท์เตอร์บาร์อีวานพยักหน้ารับ พอก้นแตะเบาะหลังแตะพนักพิงบาร์เทนเดอร์หนุ่มก็เดินเข้ามายื่นเมนูให้

    คนตัวเล็กเห็นเพื่อนดูจะสนใจกับพนักงานมากกว่าเมนูเสียอีกก็คอยนั่งฟังบทสนทนาเพลินๆไปพลาง

    “มาใหม่หรอครับ?” รัชตะเลิกคิ้วถาม

    ร่างสูงยิ้ม “เปล่าครับปกติผมเข้ากะต้นอาทิตย์พึ่งมาแลกกับอีกคนน่ะครับ” คนฟังขานรับ ไม่ทันไรที่นั่งข้างเพื่อนตัวเล็กของเขาก็ถูกจับจองโดยลูกค้าที่อายุน่าจะเท่ากับบาร์เทนเดอร์ตรงหน้าเขาและสูงพอๆกันได้แต่ที่สำคัญ สองคนนี้สูงแล้วยังหล่อชะมัด

    คนมาใหม่เริ่มต้นค่ำคืนนี้ด้วยมาร์ตินี่ค็อกเทลเผื่อแผ่ถึงเราสองคน แก้วมาร์ตินี่ทรงสูงบรรจุเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ใสเสริมด้วยเชอรี่สดหนึ่งลูก

    “แม็ค มอร์แกน ครับ” ร่างสูงฉีกยิ้มแนะนำตัว “นี่เพื่อนผม วิลเลี่ยม วอลเกอร์” เขาพยักเพยิดไปทางบาร์เทนเดอร์หนุ่ม

    “เรียกวิลก็ได้ครับ” วิลเลี่ยมยกแก้วช็อตขึ้นเช็ด

    “รัชตะ คอลลินส์ ครับ”
    “อีวาน ครอส คร้าบ”

    สามคนนั่งดืมนั่งคุยบ่นเรื่องงานบ้างเรื่องสับเพเหระในชีวิตประจำวันบ้าง มีบ้างที่วิลเลี่ยมจะเข้ามาร่วมวงตอนที่ว่างจากออร์เดอร์

    “เฮ้อ ไอคุณเอล็กซ์นี่เรื่องเยอะจริงๆ ตอนแรกก็บอกว่าจะเอาสีน้ำตาลเดี๋ยวๆก็มาเปลี่ยนเป็นสีฟ้าสีเหลือง แบบงี้ดีอยู่แล้วยังให้แก้ไม่รู้จะเยอะไปถึงไหน” คนจิกกัดเก่งแบบรัชตะพอเมาเข้าทีก็เป็นพวกขี้บ่นขี้โวยวายอยู่เหมือนกัน

    “ก็บอกไปแล้วว่ามีบริษัทยังจะรับงานมาอีกทำไม” อีวานเงยหน้าขึ้นมาบ่นเสียงยานคางก่อนจะฟุบลงไปกับแขนเหมือนเดิมส่วนรัชตะก็ยกเบียร์ขึ้นซดอึกๆลดแก้วลงวางกับเค้านท์เตอร์จนส่งเสียงกระทบดังแกร๊ก แล้วทิ้งหัวเลื้อยตัวเบียดแก้มไปกับไม้เนื้อดีปากบ่นพึมพำงึมงำไม่ได้ศัพท์ไม่หยุด

    “เมาแล้วนะครับ” วิลเลี่ยมส่งผ้าเย็นให้คนเมาสองคน

    “ไม่ได้เมายังม่ายมาวสักหน่อย…เอิ๊ก...กลับบ้านอีวาน...” ถึงสติจะเลือนๆก็ยังพอจะควักเงินจ่ายค่าเหล้าได้ไม่ขาดไม่เกิน

    “อืมมมมม” แม็คมองสองคนข้างๆยิ้มๆชวนกันกลับบ้านแต่สภาพแบบนี้เขาก็ไม่เห็นหนทางว่าจะทำอีท่าไหนให้ถึงบ้านกันได้

    “กลับกันยังไงล่ะ” แม็คก็พวกคอแข็งคนนึง ตั้งแต่เลือกนั่งที่เก้าอี้ตรงนี้คนตัวสูงก็ยกไปหลายแก้วแล้วเหมือนกัน

    อีวานหันมาหาคนข้างๆ “กลับแท็กซี่คร้าบ” เขายกมือตะเบ๊ะเหมือนทหารง่อยพอลุกได้เต็มขาก็เซไปมาลำบากรัชตะที่ก็เมาเป็นทุนเดิมอยู่แล้วต้องมาแบกร่างอีกคนไปด้วยอีกไอที่จะไปจนถึงประตูมันก็กลายเป็นว่าเดินไม่กี่ก้าวพากันล้มกองบนพื้นสะเอง

    “อูยยยยย เจ็บเว้ย” มือขาวดันตัวคนข้างบนถึงอีวานจะตัวเล็กกว่าเขาแต่ก็ไม่ใช่เบาๆ เอาเถอะจะปล่อยให้นอนแบบนี้ไปก่อนก็ได้ ง่วงก็ง่วงขอสักงีบไปเลยดีมั้ยเนี่ย

    “แม็คอีกห้านาทีกูเลิกงานเอาไปทิ้งไว้บนรถรอเลยก็ได้” วิลเลี่ยมมองสภาพสองตัวปัญหาแล้วนึกขำ แม็คตอบรับคำเพื่อนก่อนจะจ่ายเงินตามแล้วลุกขึ้นแบกสองร่างพาดไหล่เหมือนกระสอบมันเดินตรงดิ่งไปยังลานจอดรถเหมือนไม่หนักอะไรเลย

    คนโดนแบกหัวทิ่มพื้นสักพักก็เริ่มได้สติเพราะดื่มไปน้อยกว่ารัชตะ “อึก...ทำไมเป็นพื้น?” อีวานนิ่วหน้าขยับตัวไปมา “...อูย อยากอ้วกจัง”

    “เดี๋ยวสิ่” เสียงทุ้มดังจากด้านหลัง ให้ถูกคือข้างๆเพราะคนที่อุ้มเขาอยู่คือคนที่พูดขึ้นพอปล่อยคนตัวเล็กลงเท่านั้นแหละถึงรีบพาตัวเองไปขย้อนเอาของเก่าออกมาหมดที่มุมลานจอดรถแล้วนิ่งไปทั้งๆท่านั้นนะแหละ

    อืม เอาจริงๆมันก็ชักจะนานเกินแล้วล่ะ

    วิลเลี่ยมผลักประตูหลังร้านที่เชื่อมกับลานจอดรถเข้ามาพอเห็นเพื่อนยืนนิ่งก็เข้าไปหาใช้ไหล่ชนไหล่อีกคน “ยืนรอไรวะ”

    “รอเด็กอ้วก” ร่างสูงรับตัวรัชตะมาจากมือเพื่อนส่วนแม็คก็เดินเข้าไปเลียบมองดูเจ้าก้อนกลมๆที่มุมเสา “5555 เอาจริงดิ่มันหลับได้ทั้งๆแบบนี้เลยหรอ”





    สองคนจัดการหามสองร่างเล็กมายัดใส่รถแล้วเดินขึ้นด้านหน้าโดยมีสารถีเป็นบาร์เทนเดอร์หนุ่ม ขับออกมาได้สักพักแม็คก็ต้องเอี้ยวตัวไปด้านหลังห้องโดยสาร

    “อีวาน” ทั้งเขย่าตัวทั้งเรียกเด็กขี้เซาก็ไม่ได้รู้สึกตัวสักนิดแต่กลับกันเป็นรัชตะที่ลืมตาขึ้นมา

    “อืมมมม...ที่ไหนวะ”

    “บอกทางกลับบ้านด้วยนะ”

    “อื้ออออ” ตอบรับเสร็จก็หลับตาแล้วจมสติหายไปอีกรอบทิ้งให้สองคนข้างหน้าต้องถอนหายใจ

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น