ตอนที่ 3 : คุณอากับวันแย่ ๆ
เช้าตรู่ของวัน บีรดล เผื่อเวลารถติดสองชั่วโมงก่อนเข้างาน ขุดหลานสาวจากเตียงไปส่งที่คอนโดเพื่อนสาว พระพาย งัวเงียตื่นมาฟังและรับรู้ว่าตอนนี้ตนอยู่ที่คอนโดอาพลอยแล้ว ตอนเย็นอาเบลล์ถึงมารับกลับบ้าน คอนโดอาพลอยเป็นสีชมพู มีของเล่นเยอะมากไม่รู้ว่าไปขนมาจากไหน แต่ทั้งหมดนี้เพื่อหลานสาวโดยเฉพาะ ใครจะว่าเว่อร์ก็เชิญเลย เพราะเว่อร์จริง ๆ
พี่เลขาคนเมื่อวานชื่อว่าพี่เกว เขาโทรมาอีกครั้งตอนช่วงหัวค่ำ บอกรายละเอียดของงานอีกเล็กน้อย เข้างานแปดโมงครึ่ง เก้าโมงถือว่าสาย แต่แปดโมงควรสแตนบายเพราะเจ้านายจะมาเวลาประมาณนั้น ซึ่งที่อธิบายมาทั้งหมดคือเขาต้องพร้อมทำงานในเวลาแปดโมงตรง บอกแค่นี้ก็รู้เรื่องแล้วมั้ย ขนาดยังไม่เจอหน้ายังแอบขนลุกเบา ๆ เลย
สู้ ๆ เว้ยไอ้เบลล์
เจ็ดโมงสี่สิบห้ารถ Eco car คันเล็กจอดเข้าที่เรียบร้อย บีรดล ลงจากรถสะพายกระเป๋าใบเก่ง ส่องเงากับแสงสะท้อนประตู การแต่งกายวันนี้คือชุดนักศึกษาถูกระเบียบตั้งแต่หัวจนถึงเท้า เสื้อนักศึกษาขาวจั๊วะสะท้อนแสง รีดเรียบจีบเป็นจีบ ทรงผมก็ไม่ได้เซ็ตอะไรมากมาย เรียบร้อยสุด ๆ
“น้องเบลล์!!!”
“ส..สวัสดีครับ” ใครวะ เบลล์คิดในใจ แต่น้ำเสียงแบบนี้คงไม่พ้น..
“นี่พี่เกวเอง เกวลินจะคนที่คุยกันเมื่อวานไง”
“อ๋อครับ สวัสดีครับพี่เกว” ยกมือไหว้ทักทายคนอายุมากกว่า
“เชิญๆ นี่คือบริษัทของเราเอง บอสยังไม่มาแต่อีกไม่เกินห้านาทีคงจะถึง..เราไปเตรียมพร้อมกันดีกว่าเนอะ”
บีรดลถูกดันหลังให้เดินนำหน้า เกวลิน ชี้ให้ดูคร่าว ๆ ว่าตรงไหนคือแผนกอะไร แนะนำให้รู้จักกับหลายคนที่เดินผ่าน ซึ่งทุกคนก็ดูจะเป็นมิตร แล้วก็ทำมือสู้ ๆ ให้ แปลก ๆ ไงก็ไม่รู้ แค่ทำงานทำไมต้องสู้
กดลิฟต์ชั้นยี่สิบสอง พี่เกวบอกว่านั่นคือชั้นของเรา ไม่นานประตูก็เปิดออกอัตโนมัติ บรรยากาศเย็นยะเยือกตีเข้าที่หน้าแทบหงาย ทุกอย่างแตกต่างจากชั้นล่างโดยสิ้นเชิง ทั้งหมดเป็นห้อง ๆ เหมือนโรงแรมยังไงอย่างงั้น ที่หน้าประตูจะมีชื่อและตำแหน่งปะไว้อยู่ อ่านแล้วมีแต่สูง ๆ ทั้งนั้น รองประทานกรรมการฝ่ายนั้นฝ่ายนี้กระจุกรวมกันที่ชั้นเดียว พี่เกวพาเดินไปจนสุดทาง ก็เจอกับประตูบานใหญ่สุด ตรงหน้าห้องนั้นมีคอกกั้นสองคอก คอกหนึ่งคือแผนกบัญชีซึ่งมีนั่งอยู่ประมาณห้าคน ส่วนอีกคอกมีสองโต๊ะด้านหน้าของพี่เกว และด้านหลังก็คือของเขา
พี่เกวสั่งให้เด็กใหม่ทำความคุ้นเคยกับคอมพิวเตอร์ตรงหน้า แล้วจัดของให้เข้าที่เข้าทางตามใจเลย ซึ่งเขาก็ทำตามแต่ก็ไม่ได้วุ่นวาย ของส่วนตัวไม่ได้มีอะไรมากนอกจากรูปคู่ของอาเบลล์กับพระพาย ที่ได้มาจากตู้สติกเกอร์เมื่อวานนี้ ไม่ได้มีกรอบสวย ๆ สำหรับตั้งโชว์ แค่ใช้คลิปหนีบมันเข้ากับกระป๋องใส่ปากกาอันเดิมที่วางอยู่ก็พอแล้ว
“ท่านประธานมา”
สิ้นเสียงเตือนจากพี่คนหนึ่งในแผนกบัญชี ทุกคนยืนขึ้นพร้อมเพรียงโดยไม่ได้นัดหมาย เด็กใหม่ก็ทำตามไปอย่างงง ๆ คุณชวินท์ ตัวสูงใหญ่กว่าในรูปที่นั่งค้นหาจากอินเตอร์เน็ตอยู่เยอะพอควร กะด้วยสายตาน่าจะราว ๆ ร้อยแปดสิบห้าถึงร้อยเก้าสิบ แถมไม่ได้ดูเก้งก้างเพราะด้วยร่างที่หนาทำให้ดูสมส่วน ผิวสีน้ำผึ้ง เห็นแค่เพียงเสี้ยวหน้าก็รู้ว่าดูดีโคตร ๆ ถ้าหล่อได้แบบนี้บ้างจะไปเป็นดารา ไม่ทำแล้วงานบริหารน่ะ
“ปะ เดี๋ยวพี่พาไปแนะนำกับท่านประธาน”
“เอาเลยเหรอครับพี่เกว”
“ให้ทำใจก่อนก็ด้ะ”
“ขอบคุ—”
“หมดเวลาจะ ไปกันเถอะ”
‘ชวินท์ ภาษยวาทิน กรรมการผู้จัดการ’
ป้ายหน้าห้องที่ไม่มีอะไรมากมาย แต่ทำให้พนักงานใหม่ร้อน ๆ หนาว ๆ คล้ายจะจับไข้
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
“ขออนุญาตค่ะท่านประธาน”
ไม่มีเสียงอะไรตอบรับ พี่เกวดันประตูเข้าไปก่อนจะผายมือเชิญเด็กฝึกงานใหม่แกะกล่อง บีรดลตัวชาวาบเมื่อสัมผัสได้ถึงรังสีอะไรบางอย่าง ที่กลัวนี่ไม่ได้อะไรนะ โดนไซโคมาเยอะมากว่าโหดงู้นงี้ ในเน็ตยังมิวายมีกระทู้จากพนักงานเก่า ๆ ที่โดนไล่ออกไปมาเขียนเรียกร้องหาความยุติธรรม
ไอ้เบลล์สู้ ๆ
ไม่สู้แล้วได้มั้ยวะ...
“ท่านประธานคะ นี่ค่ะ บีรดล โชธิพัฒน์ เด็กฝึกงานคนใหม่ที่ดิฉันบอก”
“สวัสดีครับ..ท่านประธาน”
สบตาเพียงแว๊บเดียว บีรดล ก็ก้มหน้ามองมือตัวเองอีกครั้ง และสัญญาว่าจะไม่เงยอีกถ้าเขาไม่เรียก สายตาคมยิ่งกว่ามีด ตอนนี้ตามเนื้อตัวโดนบาดไปกี่แผลแล้วก็ไม่รู้
“ไม่รู้อะไรให้ถาม อย่าคิดเอง งานช้าได้ แต่ต้องไม่ผิดพลาด...ถ้าทำแค่นี้ได้ก็ไม่มีอะไรน่ากลัว”
“ครับ..ท่านประธาน”
นี่ถือว่าเป็นคำปลอบได้มั้ยนะ ท่านประธานพูดแค่นั้นก่อนจะพยักหน้าให้ทั้งหมดออกไป หลังจากนั้นพี่เกวก็มาพูดงานคร่าว ๆ ให้ฟัง ซึ่งก็ไม่ได้มีอะไรหนักหนา แค่ตรวจทานเอกสารจากทุกแผนกก่อนจะนำไปให้ท่านประธานเซ็น ย้ำ! ทุก! แผนก!!!
-คุณอาเบลล์-
เกิดมาไม่เคยล้าขนาดนี้มาก่อน บีรดล วางแฟ้มเอกสารฉบับที่เจ็ดของวันนี้ ยกมือบิดขี้เกียจสะบัดความเมื่อยล้าออกไป มองนาฬิกาเป็นเวลาเที่ยงตรงแล้ว พี่ ๆ แผนกบัญชีก็พากันลงไปพัก เขากำลังจะเอ่ยถามพี่เกวว่าถึงเวลาแล้วหรือยัง เพราะตอนนี้ท้องประท้วงหนักมาก แต่บังเอิญเลขาสาวสวยก็หันมาหาตั้งแต่ยังไม่ได้ถาม
“น้องเบลล์อยากทานอะไรจ๊ะ นี่เมนู”
เล่มเมนูเหมือนในร้านอาหารหรู ๆ สักร้านยื่นมาให้ เขารับไปแบบงง ๆ “ที่บริษัทมีร้านนี้ร้านเดียวเหรอครับ”
“เปล่าหรอกจะ วันไหนท่านประธานมีนัด หรือไปทานข้าวกับลูกค้าเราก็ลงไปทานที่ไหนก็ได้ตามปกติ แต่ถ้าวันไหนท่านประธานอยู่เราก็ต้องอยู่เผื่อท่านต้องการเรียกใช้ สั่งได้เต็มที่เลยนะจ๊ะ ถ้าโอกาสแบบนี้ประธานจ่ายให้”
“อ่อ ครับผม” เป็นอีกหนึ่งข้อที่ต้องจำ เขาอยู่เราต้องอยู่ เขาไม่อยู่เราค่อยร่าเริง
พี่เกวลิน รับหน้าที่โทรสั่งอาหารสำหรับเราทั้งสามคน รวมท่านประธานด้วย ตั้งแต่เที่ยงถึงบ่ายสองเป็นเวลาพักเหนื่อย ซึ่งมันเยอะพอสมควรหากเทียบกับบริษัทอื่น ๆ ชุดนักศึกษาถูกระเบียบเมื่อเช้า ตอนนี้ถูกพับแขนล่นไปถึงศอก นั่งขัดสมาธิอยู่บนเก้าอี้นิ่ม
“ฮัลโหลลลล พระพายของอาเบลล์” กดเข้าเมนูเฟสไทม์ไม่นาน ปลายทางก็รับสาย
[ฮัลโหลลลล อาเบลล์ของพระพายยยยยย]
สดใสจริงน้า
“คิดถึงจังเลย อยู่กับอาพลอยเด็กดีของอาเบลล์ดื้อรึเปล่าน้า”
[พายไม่ดื้อค่ะ ถามอาพลอย] หลานสาวเบนกลองไปหาเพื่อให้อาพลอยการันตีให้ ซึ่งได้การตอบรับเป็นคำชมมากมาย ทำอะไรก็น่ารักไปหมด กินก็น่ารัก เดินก็น่ารัก นั่งเฉย ๆ ยังน่ารัก เชื่อแล้ววว่ายายพลอยน่ะรักเด็ก เชื่อแล้วจริง ๆ
“อยากกอดพระพายจะแย่แล้ว กลางวันนี้อาพลอยทำอะไรให้หนูทานคะ”
[อาพลอยทำกับข้าวเยอะแยะเลยค่ะ มีผัดผัก แกงจืดเต้าหู้ แล้วก็หลายอย่างเลย..อร่อยย] ยกนิ้วโป้งชูให้กล้อง ป่านนี้ พลอยพินท์ ยิ้มแก้มแตกแล้วมั้ง
“พลอย กินกันสองคนหรือแจกทั้งคอนโด”
[เออหน่า หลานกูจะให้กินธรรมดา ๆ ได้ไง เนอะพระพายเนอะ กินผักเยอะ ๆ โตขึ้นจะได้สวยเหมือนอาพลอยเนอะ]
บีรดลทำหน้าเบื่อโลกให้เพื่อนสนิท ก่อนจะปรับเป็นยิ้มหวานเมื่อหน้าจอเปลี่ยนเป็นหลานสาว “ไหนขอยิ้มหวานเป็นกำลังใจให้อาเบลล์หน่อยซิ”
[อาเบลล์สู้ๆๆๆ] แถมจูจู๊บให้ด้วย
“เท่านี้ก่อนนะคะ เดี๋ยวตอนเย็นเจอกันนะ”
-คุณอาเบลล์-
ตอนนี้กำลังกลืนไม่เข้าคายไม่ออก ยืนอมพะนำอยู่ข้าง ๆ กับพี่เกว บีรดล ตรวจเช็คใบสัญญาเรียบร้อยตั้งแต่สามโมงเพราะเย็นนี้ท่านประธานจะมีไปคุยกับลูกค้าที่ร้านอะไรสักร้านเขาก็ไม่แน่ใจ พี่เกวรับปากไว้แล้วว่าจะจัดการทุกอย่างต่อเอง ห้าโมงเลิกงานก็กลับบ้านได้ปกติ แต่ไม่ใช่แล้วไง
“จะทำงานกับผม ถึงจะเป็นเพียงแค่สามเดือนแต่ก็ต้องเรียนรู้งานทั้งหมด ถ้าจำไม่ผิดการฝึกงานคือหนึ่งในวิชาเรียน ถ้าผมเซ็นผ่านให้คุณไปแล้วในอนาคตศักยภาพของคุณไม่พอที่จะทำงานในบริษัทอื่น ก็เท่ากับว่าลายเซ็นของผมการันตีให้คนที่ไม่มีคุณภาพ”
“...”
“ผมพูดผิดตรงไหนมั้ยครับ คุณบีรดล”
“แต่ตอนดิฉันตกลงกับน้องเขา เราคุยกันว่าจะไม่เบียดเวลาอื่นนอกจากเวลางานค่ะ อนุญาตให้น้องกลับเถอะนะคะท่านประธาน เดี๋ยวที่เหลือดิฉัน—”
“นั่นคุณพูดโดยไม่ปรึกษาผมเกวลิน ตำแหน่งพีเอคืออะไรครับ คุณบีรดล..เรียนมาใช่มั้ย อธิบายให้ผมฟังหน่อยสิ”
“ท่านประธานคะ ไหนว่าจะไม่ใจร้า—”
“ผมไปได้ครับท่านประธาน มันเป็นหน้าที่ของผม..ผมทำได้”
“ดีครับ มีปัญหาอะไรอีกมั้ยครับคุณเกวลิน”
หลังจากออกมาจากห้องเชือด พี่เกวลินขอโทษขอโพย บีรดล ยกใหญ่ เพราะผิดคำพูดตั้งแต่วันแรกที่เริ่มงาน น้องบอกแล้วแท้ ๆ ว่าไม่สะดวกทำงานนอกเวลา แล้วก็พูดเองว่าคงไม่เหมาะกับตำแหน่งนี้ แต่เกวลินก็ให้คำมั่นสัญญาไปจนน้องยอม และสุดท้ายทุกอย่างก็พัง
“ไม่เป็นไรครับพี่เกว อย่าคิดมากเลย” กลายเป็นว่าต้องปลอบกันไป
สีหน้าของเกวลินเหมือนจะร้องไห้ออกมาตอนนี้ “พี่ขอโทษ น้องเบลล์ อยากย้ายกลับไปทำที่แผนกเดิมมั้ยคะ ที่ ๆหนูยื่นใบสมัครมา พี่ทำเรื่องย้ายให้เดี๋ยวนี้เลย”
“พี่เกว ไม่เป็นไรครับ ตอนนี้ผมลงเรือลำเดียวกับพี่แล้วนะ จะปล่อยพี่พายต่อคนเดียวได้ไง” ใช่ เขาเป็นคนไม่ยอมแพ้อะไรง่าย ๆ ถ้าหากว่าเรื่องแค่นี้ทำให้ต้องลาออกหรือย้ายแผนกหนี อย่ามาเรียกว่า บีรดล “ไปเตรียมตัวกันดีกว่าเนอะ ต้องออกตอนห้าโมงไม่ใช่เหรอครับ”
“ฮือ พี่ขอบคุณหนูมาเลยนะลูก ยิ่งเป็นแบบนี้พี่ยิ่งรู้สึกผิด”
“เลิกรู้สึกผิดได้แล้วครับ พี่เกวครับ ถ้านัดเวลานี้จะเสร็จประมาณกี่โมงเหรอครั—”
“แฟนรอเหรอครับ จะกลับเลยก็ได้นะ ถ้าแยกแยะไม่ออกระหว่างเรื่องงานกับเรื่องส่วนตัว”
ยังไม่ทันพูดจบประโยคก็โดนขัดขึ้นก่อน แล้วมันก็เป็นประโยคที่ทำบีรดลเลือดขึ้นหน้า ไอ้ข้อที่บอกว่าไม่ได้ทำอะไรผิดก็ไม่ต้องกลัวเจ้านายคนนี้มันไม่ใช่ ตอนนี้เขายังไม่ทันทำอะไรผิดก็โดนเสียดสีให้ขุ่นใจอยู่ดี “มีคนรอครับ แต่ไม่ใช่แฟน หรือถ้าแฟนแล้วท่านประธานมีปัญหาอะไรเหรอครับ ผมรับปากแล้วว่าจะไปก็คือไป”
“ป..ไป ไปกันเถอะค่ะ เดี๋ยวจะรถติด”
ระหว่างทางเดินไปลานจอดรถ บีรดล ก็รีบต่อสายหาเพื่อนสนิทแล้วบอกว่าต้องรบกวนเกินกว่าเวลาที่ตกลงกันไว้ ไอ้พลอยน่ะไม่มีปัญหาอะไรหรอก แต่กับพระพายนี่สิ
“อาเบลล์ขอโทษนะคะคนดี นัดกินไอศกรีมของเราเลื่อนไปพรุ่งนี้แทนนะคะ” ภายในลิฟต์เงียบกริบ บีรดล ใช้มือป้องปากและพูดให้เสียงเบาที่สุด แต่ถึงยังไงคนที่ยืนอยู่ด้วยกันก็ได้ยินอยู่ดี ทั้งพี่เกว ทั้งคนใจยักษ์ “โถ คนดีของอา ไม่ร้องไห้นะคะ อาเบลล์จะรีบทำงานให้เสร็จแล้วไปรับหนูกลับบ้านของเราน้า” หลานไม่ได้ร้องไห้เพราะเรื่องผิดนัด แต่พระพายโยเยอยากกลับบ้าน ถึงอยู่กับอาพลอยจะสนุกมาก ๆ แต่พอฟ้าเริ่มมืด เด็ก ๆ ก็ต้องอยากกลับที่ของตัวเองเป็นธรรมดา
“พระพาย อาเบลล์ขอโทษนะลูก อาเบลล์รักพระพายนะคะ”
หลานสาวสงบลงเพราะเข้าใจในเหตุผล บีรดล นับถือพี่ชายและพี่สะใภ้ที่เลี้ยงลูกออกมาได้เป็นเด็กดี มีความคิดที่ดี หากเป็นเด็กคนอื่นคงจะร้องไห้จนกว่าตัวเองจะได้ในสิ่งที่ต้องการ แต่ประโยคสุดท้ายของ พระพายคือ อาเบลล์เหนื่อยมั้ยคะ อาเบลล์สู้ ๆ เชื่อว่าไม่มีใครสอน ทั้งหมดหลานคิดและพูดออกมาเอง เพราะหลังจากได้คลุกคลีอยู่ด้วยกันเลยทำให้รู้ว่าเด็กหญิงคนนี้มีพลังด้านบวกเปี่ยมล้น เป็น บีรดล เสียเองที่กำลังจะร้องไห้เพราะคิดถึงหลานสาวแทบขาดใจ
-คุณอาเบลล์-
สองทุ่มครึ่ง การเซ็นสัญญาคู่ค้าเรียบร้อยไม่มีอะไรผิดพลาด หลังจากส่งแขกกลับแล้ว บีรดลถึงจะกล้าหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเช็ค เป็นข้อความจากพลอย ที่รายงานสถานการณ์ว่า พระพายงอแงบ้างแต่ไม่มาก แล้วอันล่าสุดทำให้เขาโล่งใจมาก ๆ คือ พระพายอาบน้ำแล้วก็นอนหลับแล้ว เบลล์ไม่ต้องห่วง เขายิ้มก่อนจะส่งข้อความขอบคุณสั้น ๆ ตอบกลับไป
รถของท่านประธานมาจอดรับอยู่ด้านหน้า บีรดลก้าวขึ้นไปนั่งเบาะว่างข้างคนขับ ส่วนด้านหลังเป็นท่านประธานและพี่เกว เขาจอดรถไว้ที่บริษัทตามคำสั่ง นับเป็นเรื่องที่ดี ถึงแม้ว่าจะมีรถใช้ตั้งแต่มหาลัยฯปีหนึ่ง แต่เป็นคนที่ไม่คุ้นชินกับทางเสียเท่าไหร่ ถนนตรงไหนมันก็ดูจะเหมือนกันไปซะหมด ถ้าหากปล่อยให้ขับตามไปร้านอาหาร มีหวังคงถึงตอนเขาคุยกันเสร็จแล้ว
บรรยากาศในรถเงียบสนิท เพราะท่านประธานไม่ชอบเสียงดัง ไม่ว่าจะเพลงหรือข่าวก็ไม่เอาทั้งสิ้น จดจ่ออยู่แต่กับโน๊ตบุ๊คหนึ่งตัว ไม่รู้ว่ามีงานอะไรให้ทำนักหนาเหมือนกัน แต่อย่างว่าแหละ ไม่เคยเป็นผู้บริหารจะไปรู้ได้ไง คิดอะไรเพลิน ๆ ได้แค่แป๊บเดียวเสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น บีรดล กดตัดสายเฟสไทม์ทิ้งเพราะจังหวะนี้คงรับไม่ได้ รีบต่อสายเป็นโทรศัพท์ปกติกลับไป
[มึง งานเสร็จยังวะ ขอโทษที่รบกวนนะเว่ย]
“มีไรพลอย พระพายทำไม”
[เหมือนฝันร้ายอะ อยู่ดี ๆ หลานก็สะดุ้งตื่นขึ้นมาร้องไห้ไม่หยุด เอาแต่หาพ่อแม่ ไม่รู้จะปลอบยังไงแล้วว่ะ นี่ไอ้กรช่วยอุ้มอยู่]
เดือดร้อนไปถึง ปกรณ์ ที่อยู่คอนโดเดียวกับพลอยพินท์ถัดขึ้นไปอีกสองชั้น แต่ดูท่าว่าจะไม่เวิร์คเท่าไหร่ เพราะเสียงร้องไห้ของหลานสาวยังดังรอดออกมาให้ได้ยินอยู่เลย
“กูขอคุยกับพระพาย”
[ฮึก..อาเบลล์..ฮืออ]
“พระพายของอา” แค่เสียงร้องไห้ใจก็แทบจะสลาย “หนูฝันอะไรคะ ฝันร้ายเหรอลูก คนดีเล่าให้อาฟังได้มั้ยคะ” ตอนนี้เขาลืมแล้วว่าบนรถมีใครบ้าง ไม่ได้เบาเสียงเพราะเกรงใจคนด้านหลังเหมือนเมื่อสักครู่ จะถูกด่าถูกว่า หรือไล่ลงจากรถเขาก็ไม่เกี่ยง ขอแค่พระพายคนดีหยุดร้องไห้ก็พอ
[พายคิดถึง..ฮึก..แม่..ย..อยากหาคุณแม่..ฮึก]
“คุณแม่ก็มองพระพายอยู่บนฟ้าไงคะ คอยมองหนูอยู่กับคุณพ่อข้างบนไง แต่ว่าตอนนี้หนูร้องไห้แบบนี้ คุณพ่อคุณแม่ต้องโกรธอาเบลล์มากแน่ ๆ เลยที่เลี้ยงหนูได้ไม่ดี”
[ฮึก..ไปหาคุณแม่..อึก..ไม่ได้เหรอคะ]
“คนดีขา ตอนนี้พระพายอยู่กับอาเบลล์มีความสุขมั้ยคะ” เขาไม่ได้รอให้หลานสาวตอบกลับมา “...แต่อาเบลล์มีความสุขมาก ๆ เลยน้า ตอนที่ไม่มีพระพาย อาเบลล์อยู่คนเดียวตลอด เหงามาก ๆ เลย ถ้าพระพายจะไปอยู่กับคุณแม่ อาเบลล์ก็ต้องอยู่คนเดียวอีก..พระพายจะทิ้งอาเบลล์เหรอคะ”
[ไม่ค่ะ..อึก หนูไม่ทิ้งอาเบลล์]
“พระพายรักอาเบลล์มั้ยคะ”
[ร..ฮึก..รัก]
“ถ้าอาเบลล์ร้องไห้พระพายจะเสียใจมั้ยคะ”
[เสียใจค่ะ]
“แต่ว่าตอนนี้พระพายกำลังร้องไห้..อาเบลล์ก็เสียใจเหมือนกันนะ แสดงว่าอาเบลล์ไม่เก่งเลย เลี้ยงพระพายยังไงให้ร้องไห้ขนาดนี้”
[ม..ไม่ร้องแล้วค่ะ]
“เก่งมากที่สุดเลยค่ะ ถ้าพระพายร้องไห้เยอะกว่านี้อาเบลล์จะร้องด้วยแล้วนะ..หนูคะ หนูเดินไปขอน้ำอาพลอยดื่มก่อนนะคะ แล้วเดี๋ยวอาเบลล์เล่านิทานกล่อมหนูนอนดีมั้ยเอ่ย”
[ค..คิดถึงอาเบลล์ อยากกอดอาเบลล์]
“อาเบลล์กำลังกลับไปแล้วค่ะ ไม่ต้องห่วงนะคะ ถ้าหนูหลับไปแล้วยังไงอาเบลล์ก็จะอุ้มหนูกลับคอนโดนะคะ เดี๋ยวเรากลับบ้านกันนะ”
หลานสาวทำตามคำขอทุกอย่างไม่ผิดเพี้ยน พระพายหยุดร้องไห้ วางโทรศัพท์อาพลอยเอาไว้ที่เตียง ออกไปขอน้ำดื่ม แล้วกลับเข้ามาอีกครั้ง นอนฟังนิทานจากคุณอาสุดที่รักจนเสียงโต้ตอบเริ่มเงียบไป
“คนดีของอาหลับแล้วสินะ อาขอโทษนะลูกที่เลี้ยงหนูได้ไม่ดีเท่าไหร่ แต่อารักหนูนะคะพระพาย หลับฝันดีค่ะคนดีของอาเบลล์”
ยิ่งทีก็ยิ่งหลงรักเด็กคนนี้ รักแบบไม่มีข้อแม้ รักจริง ๆ ไม่ใช่เพราะถูกบังคับโดยหน้าที่ และถ้าหากเป็นแบบนี้ต่อไปคงไม่เวิร์ค ถ้าต้องกลับดึกดื่นแล้วหลานสาวร้องไห้ทุกคืน เขาอาจจะต้องยอมละทิ้งศักดิ์ศรี ทิ้งคำพูด แล้วขอย้ายแผนกอย่างที่พี่เกวเคยบอกไว้
เพื่อดวงใจของอาแล้ว ทำได้ทุกอย่างนั่นแหละ
-คุณอาเบลล์-
นักศึกษาฝึกงานชิงบอกลาตั้งแต่รถยังไม่ทันจอดสนิท ไม่รอให้ระบบปลดล็อคอัตโนมัติทำงาน ระบบอัตโนมือนี่แหละดันแกนมันซะเลยเร็วดี แค่เพียงพริบตาเดียว Eco car คันเล็กก็พุ่งทยานความเร็วเหมือนเครื่องบินกำลังจะขึ้น จากที่ได้ฟัง ๆ ก็พอรู้ว่าต้องรีบไปทำหน้าที่คุณอาแสนดี ได้ยินชัดทุกคำพูด ตอนนี้เลยเริ่มรู้สึกผิดหน่อย ๆ
“ท่านประธานคะ เกวจะให้น้องเบลล์ย้ายไปฝึกงานแผนกเดิมที่น้องยื่นสมัครนะคะ เกวสงสารน้อง แล้วก็ไม่อยากผิดคำพูดด้วย เกวไม่รู้ว่าน้องมีภาระอะไร แต่เขาอุตส่าห์บอกข้อแม้กับเกวแล้ว ซึ่งเกวรับปากว่าทำได้ แต่ถ้าไม่ได้แบบนี้เกวก็คงต้องยอม” หมดเวลางานแล้ว คำแทนตัวว่าดิฉันก็จบลงไปด้วย ตอนนี้ไม่มีท่านประธาน ไม่มีคุณเลขา มีแค่เพื่อนร่วมงานเท่านั้น
“ทำไมคุณดูแคร์เขาจัง ผมเป็นเจ้านายคุณนะเกวลิน”
“ตอนนี้หมดเวลางานแล้วค่ะ คุณชวินท์!”
“แล้วนี่ไม่รีบกลับบ้านหรือไง เดี๋ยวสามีคุณก็มาโวยวายที่บริษัทอีก”
“กลับแน่ค่ะ เกวขอพูดในฐานะที่เคยเป็นเลขาของคุณชานน นะคะ คุณชวินท์เป็นคนเก่ง ทำงานได้ดีเหมือนกับพ่อ บริษัทก้าวหน้าเร็วมาก แต่เหมือนคุณชวินท์วิ่งนำไปอยู่คนเดียว สมัยคุณชานนทุกอย่างเป็นไปช้า ๆ ค่อย ๆ เปลี่ยนแปลง เดินไปพร้อมกับพวกเรา จูงมือกันไป ใครล้มก็หยุดช่วย แต่ตอนนี้คุณรู้มั้ยคะว่าคุณไม่เคยหยุดช่วยใคร ใครล้ม ใครขวางทางคุณก็เขี่ยทิ้ง” เกวลิน ไม่ได้กล้าเกินตัว แต่เพราะเขารู้ว่าคุณชวินท์ เคารพเขาไม่น้อยไปกว่าท่านประธานคนเดิม ที่กล้าพูดก็เพราะว่าเด็กหนุ่มคนนี้ก็กล้ารับฟังเช่นกัน
ตั้งแต่วันแรกที่ก้าวขึ้นมายืนบนจุดสูงสุด คำเดียวที่เขาบอกและขอให้ช่วยคือ ‘ถ้าผมทำอะไรไม่ดี หรือว่าผิดไป ขอให้คุณเกวลินช่วยตักเตือนผมด้วยนะครับ ผมพร้อมจะปรับเปลี่ยนเพื่อให้ตัวเองเหมาะสมกับตำแหน่งผู้บริหารมากที่สุด’ และเกวลินกำลังทำตามคำขอทุกประการ
“ผมดูแย่ขนาดนั้นเลยเหรอครับ”
“ให้พูดตรง ๆ เลยมั้ยคะ”
“ไม่ต้องตอบก็พอรู้แล้วครับ เอาเป็นว่าผมขอโทษ จะพยายามคิดให้มาก ๆ ใส่ใจความรู้สึกคนอื่นให้เยอะ ๆ”
“ดีค่ะ ขอตัวนะคะป่านนี้สามีดิฉันคงสาปแช่งคุณอยู่ พรุ่งนี้เจอกันนะคะท่านประธาน”
“เดี๋ยวครับ”
“...”
“อย่าเพิ่งย้ายบีรดลเลยนะครับ ผมจะลองเปลี่ยนตัวเอง”
“...”
“กับเขาเป็นคนแรก”
-คุณอาเบลล์-
บีรดล มาถึงคอนโดของเพื่อนในเวลาสามทุ่มครึ่ง หลานสาวคนดีหลับสนิทอยู่บนเตียงในห้องนอน เขารีบล้างมือล้างไม้ให้สะอาด ถือกระเป๋าของหลานแล้วอุ้มแกขึ้นพาดบ่า กระซิบเบา ๆ ว่าอาเบลล์มารับหนูกลับบ้านแล้ว พารวี ขยับตัวเล็กน้อยแต่ไม่ได้ตื่นขึ้นมา เพราะนี่ก็เลยเวลานอนมามากคงจะหลับสนิทแล้วจริง ๆ
“ขอบคุณพลอย กรด้วย กูไม่เอาแบบนี้แล้วว่ะ”
“วันแรกก็โดนเลยเหรอมึง”
“เออ ถ้ายังเป็นแบบนี้อีกกูคงต้องทำเรื่องขอย้ายแผนก ถ้าไม่ได้ก็หาที่ฝึกงานใหม่”
“ใจเย็นดิวะมึง ค่อย ๆ ปรับกันไป”
“ถ้ากูเองมันไม่มีปัญหาหรอก แต่กูไม่อยากให้พระพายร้องไห้ รบกวนมึงพวกอีก เกรงใจว่ะ”
“คิดมากมึง กูเต็มใจ กลับได้แล้วหลานจะได้นอนสบาย ๆ”
“เออ ๆ ขอบคุณมึงนะเว่ย”
“พระพายขา ถึงบ้านของเราแล้วนะลูก อาเบลล์เช็ดตัวเปลี่ยนเสื้อผ้าให้น้า” บีรดล ยังไม่ได้เปิดเครื่องปรับอากาศในทันที เขาถอดเสื้อผ้าของหลานสาวออก ใช้ผ้าขนหนูบิดหมาดซับไปตามใบหน้า และร่างกายเล็ก ๆ ปะแป้งเด็กหอม ๆ ให้แล้วก็เปลี่ยนเป็นชุดนอนผ้านิ่มเพื่อให้สบายตัวขึ้น
“อาเบลล์ ̴ ”
“อาทำหนูตื่นเหรอลูก..ขอโทษนะคะ”
“ขอแก้มอาเบลล์” ยกมือขึ้นขยำ ๆ เหมือนจับปูนา เอาเป็นว่ารู้กัน
บีรดล ต้องสละเวลาครึ่งชั่วโมงนอนให้หลานสาวบีบแก้มจนเคลิ้มหลับไปอีกครั้ง แล้วจึงพาตัวเองออกไปอาบน้ำบ้าง เขากลับเข้ามาพร้อมผ้าขนหนูผืนเล็กโปะอยู่บนหัว วันนี้ทั้งวันเหมือนร่างจะแหลก คงไม่มีอารมณ์เช็ดผมให้แห้ง จะไดร์ก็กลัวเสียงดังรบกวนหลานสาวจนตื่น นอนมันทั้งเปียก ๆ แบบนี้คืนเดียว ดอกเห็ดคงไม่งอกขึ้นหัวหรอกมั้ง คิดเข้าข้างตัวเองใช้ผ้าขยุ้มผมแรง ๆ สามที ก่อนจะทิ้งตัวนอนข้างหลานสาว
ครืด!
แสงสว่างวาบจากหน้าจอโทรศัพท์ ทำเอาตาเขาแทบบอด เลยต้องเอื้อมมือไปเปิดโคมไปหัวเตียงอีกครั้ง ใครส่งข้อความอะไรมาตอนนี้ คนจะหลับจะนอน ไร้มารยาท!
ด่าไปก่อนแล้วทั้งที่ยังไม่รู้ว่าเป็นใคร
‘โอกาสหน้าต่อไปถ้ามีงานนอกเวลาจะแจ้งก่อนล่วงหน้าครับ’
“ชา— ชาวิน..ชวินท์!! ท่านประธาน!” ไปได้ไลน์มาจากไหนเนี่ย!!
ครืด!
‘ถ้าหากวันนี้ทำให้คุณเดือดร้อน ผมต้องขอโทษด้วยครับ’
คนอะไรใช้โปรแกรมแชทธรรมดาให้เหมือนกับแผ่นจารึกจากสมัยกรุงศรี ภาษาโคตรจะทางการ ขนาดนี้แล้วเขาต้องใช้คำราชาศัพท์ตอบกลับไปมั้ยเนี่ย
ได้แค่คิดเท่านั้นแหละ เพราะก็กล้าพิมพ์ตอบกลับไปแค่ ‘ขอบคุณที่เข้าใจครับ’ ไม่ได้ประชดประชัน แต่ขอบคุณจริง ๆ ถ้าหากท่านประธานรู้สึกผิดจริงอย่างที่พูด ไม่ใช่ว่ามาหลอกให้ตายใจ แล้วพรุ่งนี้ก็โขกสับต่อ สาบานว่านอกจากจะเอาคำขอบคุณคืนแล้ว จะสาปแช่งแถมไปให้ด้วย
ครืด!
‘ขอโทษที่ตอนแรกไม่เข้าใจครับ’
ครืด!
‘พรุ่งนี้เจอกันครับคุณเบลล์’
มีมุมอ่อนโยนแบบนี้เหมือนกันเหรอวะเนี่ย ท่านประธานขี้เต๊ะ!!
#คุณอาเบลล์
ฝากด้วยค้าบบ
สู้ๆอาเบลล์ คนเขียนด้วยสู้ๆ
@nareeneeranan
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

ท่านประธานยังดีที่ฟังคุณเกวลิน
กลับตัวเร็ว ไม่โดนด่าค่ะท่านประธาน 5555