ลำดับตอนที่ #21
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #21 : คำถามของสฟิงค์
  ซากปฏิมากรรมฮิปโปโปเตมัสในน้ำแข็ง  สะท้อนประกายเจือจางของแสงจันทรา  แสงจันทร์ดุจคมมีดเบาบางกรีดหัวใจของคนให้หนาวเหน็บ
เงาของมันทอดยาวลงบนพื้นหิมะซึ่งปกคลุมลงอย่างแผ่วเบาบนผิวน้ำแข็งของผืนธาร  รอยแฉลบไถลเป็นแนวยาว  ทอดไกลออกไปทางทิศเหนือ  ณ  ที่ซึ่งเงาดำอีกเงาแล่นฉวัดเฉวียนด้วยเครื่องทุ่นแรงบนผิวหิมะ
หลังจากที่ผมอาศัยโดยสารฮิปโปเคราะห์ร้ายซึ่งคงทอดร่างแข็งตายอยู่กลางแม่น้ำแล้ว    ผมก็เปลี่ยนมาใช้สกีกระดูกฮิปโป  ซึ่งเลาะจากซี่โครงคู่ที่สามของมัน
เพื่อไปให้ถึงกิซ่าภายในเวลา  ผมต้องเร่งสปีดตนเองขึ้นอีก  อุปกรณ์เสริมถูกติดตั้งที่ปลายของสกี    เปลวเพลิงสีน้ำเงินพวยพุ่งอย่างรุนแรงทำให้มันกลายเป็นเจ็ทสกี
เสียงคมของกระดูกเสียดสีกับน้ำแข็งปาดกรุยทางเป็นเส้นสาย  ถ้าผมจำไม่ผิด  มีหมีโพล่าเคราะห์ร้าย    เสือซีต้าอายุสั้น และช้างแมมมอทงี่เง่า  นอนขวางทางและโดนปาดไส้ไหลไปสองสามราย
      ยามเช้าใกล้เข้ามาเต็มที  ขณะที่ผมต้องซิ่งสปีดนรกแข่งกับเวลา  โอ  ไม่นะ  หิมะและน้ำแข็งเริ่มละลาย    ภูมิประเทศที่เต็มไปด้วยความขาวโพลนกำลังจะถูกแทนที่ด้วยทุ่งหญ้าสะวันน่า
ทันใด  พาหนะผมก็สะดุดม้าลายหนึ่งตัว  มันตื่นขึ้นมาด้วยความงุนงงพร้อมกับสลัดหิมะออกจากแผงคอ  ทว่าไม่สามารถทำได้เพราะคอกับหัวของมันแยกออกจากกันเรียบร้อยแล้ว      ผมล้มกลิ้งโค่โล่และม้วนตัวไปกับฝุ่นหิมะตกลงไปกลางวงม้าลายซึ่งกำลังแตกตื่นจากอาคันตุกะต่างสปีชีส์
      เออ  ได้การหล่ะ  ............  ผมยิ้มอย่างชั่วร้ายท่ามกลางฝูงม้าลายที่วิ่งหัวหกก้นขวิดชนกันไปทั่ว  พวกมันเงียบไปชั่วขณะเมื่อสัมผัสกลิ่นไอปีศาจร้ายจากผม  ผมฉีกยิ้มอย่างมีสเน่ห์ก่อนเดินเข้าไปใกล้ม้าลายตัวที่ใกล้ที่สุด.............
----------------------------------------------------------------------------------------------------------------
  \"เร็วเข้าอีกเซ่\"  เสียงตะโกนอย่างเมามันส์  ผนวกกับเสียงแส้เพียะ ๆ  ตวัดปลายคม ๆ ของมันลงกลางหลังเสือเขี้ยวดาบที่หิวโหยจำนวนหนึ่ง
  ม้าลายซึ่งถูกผูกลำตัวเข้าไว้ด้วยกันเป็นฝูง  วิ่งหนีตายอย่างไม่คิดชีวิต    ป่าทั้งป่าราบเป็นหน้ากลอง  เพื่อเคลียร์ให้ราชรถ  ของผม
เดินทางได้โดยสะดวก    สารถีเขี้ยวดาบหันกลับมาแยกเขี้ยวด้วยความไม่ชอบใจ  ผมเพียงแค่ลงแส้หนักมืออีกหน่อย  มันก็กลับไปทำหน้าที่ของมัน    การไล่ล่าสู่ความตาย
 
      หิมะตกอีกครั้ง  ผลึกน้ำแข็งเล็ก ๆ ลอยฟูฟ่องจากสวรรค์  เสมือนปีกของเทวทูตอ้อมโอบกล่อมดวงวิญญาณ  ฝูงม้าลาย  ซึ่งตายจากการล่า  ความเหนื่อยอ่อนและบอบช้ำจากการถูกผูกมัดไว้ติดกัน  ทำให้มันตกเป็นเหยื่อสารถีจำเป็นของผมในที่สุด
โครงกระดูก  ซึ่งมีเลือดและเศษเนื้อติดอยู่เล็กน้อย  บัดนี้กลับเย็นชืดและขาวโพลนลงด้วยของขวัญจากสวรรค์ที่ถูกส่งลงมาปกคลุมโลกมนุษย์
ดาวระยิบระยับส่องแสงพราวบนฟากฟ้าดูราวกับหยาดเพชรน้ำหนึ่ง  เสือเขี้ยวดาบแหงนมองฟ้า  มันกำลังมองหาดาวม้าลายอยู่รึป่าวนะ
มันอาจจะจินตนาการอยู่ก็ได้  ว่าดาวม้าลายคงมีแต่อาหารให้มันกินจนอิ่มแปร้  ใครจะไปรู้หล่ะ
แต่ทว่า  ผมเริ่มเหนื่อยแล้ว    คงจะต้องพักสักทีหลังจากเดินทางติดต่อกันมาสองวันสองคืน    เหลืออีกยี่สิบสี่ชั่วโมง  กับระยะทางไม่กี่ร้อยกิโลเมตร    ผมเชื่อว่าผมต้องไปทันแน่  ถ้าหากเจอม้าลายอีกฝูงน่ะนะ
เอาเถอะ  เรื่องของอนาคตไว้คิดพรุ่งนี้หล่ะกัน  ขอเวลาเข้าสู่นิทรารมณ์แสนสราญจะดีกว่า
ดาวตกอีกแล้ว    เสือบางตัวมองตาม  มันคงจะอธิษฐานให้มีกินในวันถัดไป
แต่ผมคงไม่ขออะไรมาก  คงขอแค่เพียง  ประชากรโลกมีจำนวนเพียงพอให้ฆ่าก็พอแล้วหล่ะ
ความมืดและความง่วงงุนที่คลุมสติและดวงตา  ขับไล่ความคิดเพ้อเจ้อ  แล้วส่งผมเข้าสู่การพักผ่อนเพียงชั่วครู่
เก็บแรงและพลัง  สะสมจากจินตนาการ  สะเก็ดไฟแห่งความฝัน  เพื่อสู้ชีวิตต่อไปในยามรุ่งอรุณ.....
-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
        ให้ตายสิ!!!  ด่านตรวจคนเข้าเมืองไม่ยอมให้ผมพาฝูงน้องผู้น่ารักเข้าไปในเขตตัวเมือง  ผมเลยต้องสั่งให้น้อง ๆ จัดการรุมกินโต๊ะ  ซะเกลี้ยงสำนักงาน 
.....ก็คงจะต้องแสดงความเสียใจกับประชาชนที่บังเอิญไปใช้บริการในวันนั้นด้วย  ว่าง ๆ จะทำบุญไปให้นะครับ....
ผมลัดเลาะไปตามแถบพื้นที่เกษตรกรรมของอียิปต์  เพื่อเลี่ยงจากการปะทะกองกำลังปราบจลาจลของรัฐบาล    แต่ว่าพวกเขี้ยวโง้งนี่มานจะแวะบ่อยอะไรนักหนา  เดี๋ยวก็แวะกินวัว  เดี๋ยวก็แวะกินไก่    เฮอะ ดีนะยังไม่กินคนเข้า    สงสัยคงอิ่มจากด่านเมื่อกี้มาแล้ว
\"ตายห่ะ    ในปากแกมีอะไรวะนั่น\"    ผมตกใจมากพอสมควรเมื่อพบซากเสื้อผ้าของผู้เคราะห์ร้ายติดตามเขี้ยวของตัวจ่าฝูง
\"ฆ่าแค่คนเดียวทำแป๊ะอะไร  มันก็มาล้างแค้นอ่ะดิ  ทำไมไม่ล้างหมู่บ้านไปเลยวะ\"  ผมสบัดแส้ด้วยความฉุนเฉียว  เนื่องจากไม่ต้องการตามล้างตามเช็ดเหยื่ออ่อน ๆ แบบนั้น 
ตอนนี้เวลาเหลืออีก  5  ชั่วโมง  ขณะที่ปิรามิดซึ่งผมอุตส่าห์พาฝูงน้อง ๆ  บุกบั่นผ่านทะเลทรายมาซะไกลอยู่ตรงหน้า
เหอเหอ  มาก่อนเวลาซะอีก  ก็ดี  จะได้มีเวลาเตรียมวางแผนบุกจู่โจมไอ้เลวนิรนาม
------------------------------------------------------------------------------------------------
\"ปิ้งป่อง  มิสตี นมาแล้วค่ะ\"    ผมเคาะประตูกลหินขนาดหนาและหนักด้วยบาทาอย่างรุนแรง    ก้อนหินบางส่วนร่วงหล่นลงมาเนื่องด้วยความทรุดโทรมของโบราณสถาน  ทว่าประตูศิลาซึ่งปิดสนิทนั้นยังไม่เปิดต้อนรับแขกพิเศษเลยแม้แต่น้อย
\"จะให้ผมเข้าไปดี ๆ มั้ยครับ    ระเบิดที่ผมเล่นตอนอยู่ไนจีเรียยังเหลืออีกสองสามลูกนะครับ\"  ผมป้องปากตะโกนเข้าไป  หวังให้เสียงผ่านร่องรอยแตกร้าวของปิรามิด  เข้าถึงห้องชั้นในที่นิรนามอยู่      ถ้าจำเป็น  ผมคงต้องฝังทั้งคู่ไว้ในซากหิน    แต่ตอนนี้ยังไม่มีความจำเป็นใด ๆ  เนื่องจากอินเตอร์คอมในดวงตาเห็นจริง**  ได้เผยให้เห็นภาพของผู้เหย้าซึ่งรอต้อนรับอยู่ในห้องเก็บพระศพฟาโรห์
\"สวัสดีครับ  คุณปริศนา  ต่อให้คุณถีบให้ตาย  ก็เข้ามาไม่ได้หรอกครับ  ถึงแม้ว่าคุณจะใช้ขีปนาวุธใด ๆ  ที่นี่ก็ได้ติดตั้งแพทริออตมิสไซล์  ไว้ต้อนรับอย่างเต็มที่แล้ว
คุณเป็นผู้กล่าวจากปากเองว่า  จะดำเนินตามเกมส์ที่ผมตั้งไว้   
ผมจะเล่าอะไรดี ๆ ให้ฟังหล่ะกัน  ก่อนอื่น  คุณคงเห็นรูปปั้นสฟิงค์เบื้องหน้าของปิรามิดแห่งนี้    ตามตำนานเทพปกรณัมของกรีก  สฟิงค์ได้ทำหน้าที่เฝ้าหุบเขาแห่งหนึ่ง  มันจะคอยถามปัญหากับนักเดินทางที่ผ่านมันไปมา    หากว่าผู้นั้นตอบถูก  ย่อมสามารถผ่านไปได้  แต่หากว่าตอบผิดความตายย่อมเป็นหนทางเดียวที่เหมาะสมสำหรับคนโง่เง่า
เรามาลองย้อนประวัติศาสตร์กันเล่น ๆ ดีมั้ยครับ  ผมว่าคุณต้องเห็นด้วยแน่ ๆ  หากว่าผมจะให้สฟิงค์เบื้องหน้าของคุณทดสอบความรู้สักหน่อย\"
ทันใด  รูปปั้นสฟิงค์ก็ขยับราวกับมีชีวิต  เศษหินและทรายที่ทับถมบนร่างของมันหลุดออกจากร่างกาย  เผยให้เห็นข้อต่อโลหะและสายไฟอันประกอบให้เป็นไซบอร์กขนาดใหญ่โตมโหฬาร     
\"สำหรับคำถามแรก  คุณจะรอดไปได้มั้ย\"    ไม่ทันขาดคำของนิรนาม  สฟิงค์เปิดฉากโจมตีทันที  ปีกกว้างใหญ่ของมันพัดเอาฝุ่นทรายคละคลุ้งเป็นพายุทราย  เพื่อบดบังทัศนวิสัย  แล้วโฉบลงจากแท่นเพื่อโจมตีปริศนาด้วยความเร็วปานสายฟ้า
ฝูงเสือเขี้ยวดาบแตกกระเจิง  เมื่อกรงเล็กโลหะของสฟิงค์ปักจิกเข้าไปในซากของพวกมันหนึ่งตัว  ปริศนาหายตัวไปอย่างลึกลับ
ตาอินฟราเรดของสฟิงค์  สแกนจับคลื่นความร้อนของเขา  ทว่า  จำนวนของสมุนปริศนามีมากจนเกินไป  และรบกวนการทำงานของการตรวจจับ
ลำแสงวาบจากเบื้องหลังของสฟิงค์  คลื่นความร้อนพลังสูงของปืนพลาสม่าเฉียดร่างไปเพียงนิดเดียว
\"ว้า  แย่จัง  พลาดไปได้\"    ผมทิ้งปืนพลาสม่ากับพื้นและถอดสลักน้อยหน่า  ไว้ข้าง ๆ ปืนนั้น  พร้อมกับที่กลิ้งตัวหลบการโฉบโจมตีของมันอย่างรวดเร็ว
บึ้ม!!!    ปืนพลาสม่าระเบิดอย่างรุนแรง  พลังงานของมันกระแทกให้สฟิงค์บนอากาศเอียงกระเท่เร่  เสียการทรงตัวแล้วต้องร่อนลงกับพื้น
ผมดีดตัวปราด  และปีนขึ้นไปที่ส่วนหัวของสฟิงค์ซึ่งกำลังเสียหลัก    พร้อมกับเอาบางอย่างยัดปากของมัน
\"รอดครับ  เป็นคำตอบสุดท้าย\"    ผมยักคิ้วเยาะเย้ยนิรนามผู้เฝ้ามองอย่างโกรธแค้นจากภายในอินเตอร์คอมพ์  โดยฉากหลังของผมคือสฟิงค์ซึ่งถูกแรงระเบิดจากภายในฉีกกระชากร่างกายเป็นชิ้น ๆ  เศษซากโลหะสะท้อนกระกายเพลิงสีส้มดูบาดตา
\"คุณตอบถูก  เชิญ\"    นิรนามรักษากฏเป็นอย่างดี      ประตูกลหินเลื่อนขึ้นมาช้า ๆ  ความมืดมิดยากหยั่งถึงภายใน  ยิ่งท้าทายผมเป็นอย่างยิ่ง    เท้าที่ผมก้าวเข้าไป  อาจจะเป็นก้าวแรกแห่งความตาย  หรือเป็นก้าวแรกแห่งการผจญภัยไม่มีที่สิ้นสุดก็เป็นได้  อย่างไรก็ตาม  ผมได้ละทิ้งแสงสว่างเบื้องนอกไปเสียแล้ว  ประตูกลค่อย ๆ เลื่อนลงมาปิดกั้นผมกับความร้อนระอุของทะเลทรายโดยสิ้นเชิง 
---------------------------------------------------------------------------------------------------------------- 
\"ไม่ได้ทำความสะอาดมากี่ปีแล้วครับ\"  ผมเอ่ยปากลอย ๆ ถามภูติผีปีศาจแถว ๆ นั้น  กลิ่นอับชื้น  แสงเรือง ๆ จากฟอสฟอรัสของซากสัตว์บางชนิดดูน่าขยะแขยงจริง ๆ
แสงอาทิตย์บาง ๆ  ถูกสะท้อนจากกระจกกลภายในโครงสร้างเพื่อให้ความสว่างไสวแก่สถานที่  ส าดส่องกระทบอักขระเฮียโรกริฟฟิกค์ตามผนัง  ตามประสาคนอยู่ว่าง ๆ  ผมใช้ความสามารถทางภาษาศาสตร์ลองแปลอักษรหนึ่งประโยคซึ่งแรนดอมจากร้อยพันบรรทัด
ได้ข้อความที่แทบไม่น่าเชื่อ      \"อนูบิส  พ่อทุกสถาบัน\"
แหม  หมดอารมณ์สำรวจต่อเลย  ผมสาวเท้าอย่างรวดเร็วเพื่อผ่านห้องอันละลานตาด้วยตัวอักษรนั้น    ทางเดินแคบ ๆ มืด ๆ ฝั่งตรงกันข้ามดูราวกับจะบีบรัดลมหายใจของโจรขุดสุสานให้ขาดห้วง
บังเอิญผมไม่ใช่โจร........
ถ้าดูไม่ผิด  นัยตาเห็นจริงเหนือคานประตูขยิบตาให้ผมชั่วแวบหนึ่ง  ราวกับจะเป็นกำลังใจให้ผมขับไล่(ฆ่าทิ้ง)ผู้ซึ่งยึดครองอาณาจักรหวงแหนของสมมุติเทพโดยมิได้รับอนุญาต
 
เสียงน่าตื๊บของนิรนามดังจากช่องระบายอากาศข้าง ๆ ทางเดินอีกครั้ง 
\"มันจะดูเสียมารยาทมากทีเดียว  หากว่าผมไม่ได้ให้การต้อนรับผู้มาเยือนอย่างถึงใจเสียก่อน  หากว่าคุณก้าวเท้าต่อไปอีกหนึ่งก้าว  ย่อมได้รับเกียรติเชิญเข้าเป็นส่วนหนึ่งของคานิวาลแห่งความตายซึ่ผงมภูมิใจที่จำนำเสนอมันเป็นอย่างยิ่ง    แต่ว่า...\"  มันลากเสียงยานได้กวนอวัยวะเบื้องล่างมากเลย
\"ถ้าคุณมีความกล้าไม่เพียงพอ  ก้สามารถออกไปตั้งหลักได้นะครับ  ผมไม่ใจร้ายถึงขนาดฆ่าทิ้งโดยไม่เตือนหรอก\"
หึหึ  อย่ามาขู่ให้ยาก  ผมตัดสินใจเรียบร้อยแล้ว  ก้าวต่อไปของผมเหยียบหยัดลงบนพื้นอย่างไม่ลังเล  พร้อม ๆ กับเสียงกลไกโบราณขับเคลื่อนเสียดสีกันฟังแสบแก้วหู
แสงไฟจากเบื้องบนพลันส่องสว่างมากขึ้น  คงจะเป็นเพราะการปรับมุมองศากระจกรับแสง  ให้รวมมายังจุดนี้
\"5555+  ถ้าจะดูโชว์  จะดูมืด ๆ ได้ไง  คุณเข้าใจคิดดีนี่นิรนาม\"
\"หัวเราะไปเถิด  รอสักครู่  แม้แต่ร้องไห้คุณคงยังไม่มีโอกาส  ถ้าหากว่า....\"
กำแพงหินสองข้างบีบตัวเข้าหากันอย่างรวดเร็ว    ผมพยายามพุ่งปะทะไปด้านหน้าเพื่อให้พ้นจากทางออกให้เร็วที่สุด  แต่ว่าประตูหินหนัก ๆ ได้เลื่อนลงมาปิดทางทั้งสองสายเรียบร้อยแล้ว
ผมเหงื่อแตกซิก  เมื่อผนังสองด้านเบียดอัดเข้ามาใกล้กันทุกทีและพร้อมที่จะบดขยี้สิ่งใด ๆ ก็ตามที่ขวางระหว่างมันให้เป็นผุยผง
-------------------------------------------------------------------------------------------------------------
to be continued
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น