ลำดับตอนที่ #1
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : ห้อง 302
 
    เหงื่อเม็ดเป้งไหลย้อยลงมาจากไรผมผ่านหน้าผาก  ผมจำต้องเสยเส้นผมกระเซิงซึ่งหล่นลงมาระปิดบังชิ้นงานอันต้องใช้สมาธิสูงในมือ
เศษฟางมุ่นมัดเป็นรูปตุ๊กตามักจะบุ๋มและเปื่อยยุ่ยลงทุกครั้งที่ผมย้ำแท่งโลหะแหลมเล็กชำแรกลงในเนื้อหุ่น
อา.....เสียงครางเบา ๆ  จากความพอใจลึกล้ำ    น่ารังเกียจจริง ๆ
นี่ผมกำลังพอใจกับการทำร้ายผู้อื่นอยู่เหรอ  โดยเฉพาะ  ทำร้ายมัดฟางซึ่งสร้างมันขึ้นมาเองกับมือ
ไม่สิ  ไม่ใช่    ไม่ใช่ผมอย่างแน่นอน  ผมไม่เชื่อว่าผมจะเป็นคนเช่นนี้
ต้องเป็นเพราะมนต์ดำจากนังแม่มด    มันทำให้ผมบ้า  เสียงอันน่ารำคาญจากปากยื่นย้อยเหมือนหมูสามชั้นของนังนั่น  ทำให้ผมเสียสติ  ผมกำลังทำอะไร....ไม่  ผมต้องไม่ทำแบบนี้
ไม่
ต้องจิ้มเข็มลึกกว่านี้
คว้านมันเข้าไป
อย่า
อย่าพลาดไปถูกหัวใจเข้า  ผมจะให้มันทรมานยิ่งกว่าตาย  มือใช่มั้ย  มืออูม ๆ สวมแหวนเพชรแพรวพราว  มือของนังหมูโสโครกที่กล้ายื่นมาตบใบหน้าสูงส่งของผม  ผมจะทำให้มันรู้สำนึก   
ใช่  นั่นล่ะ  ค่อย ๆ กรีดลงไปทีละมิลผ่านเนื้อฟาง    ตอกเล็บมันออก    ขุดค้นความเจ็บปวดจากก้นบึ้งของหัวใจมาทีละนิ้ว...ทีละนิ้ว
ซีดสสส์...ผมครางอีกแล้ว        เสียงครางที่น่ารังเกียจ  เสียงครางหื่นหอบ  ราวกับสุนัขเถื่อนติดสั/ด  ผมบีบเค้นลำคอของตนไม่ให้ส่งเสียงแห่งความพอใจนั้นมาขัดขวางสุนทรียรสจากงานในมือ
แต่มันก็ยังเล็ดลอดออกมา....
มือของนังนั่นคงเละแล้ว    ผมเปลี่ยนเป้าหมายของปลายแหลมสั่นระริกนั้น  ขาอ่อน  ใช่  ขาอ่อน  เนื้อนิ่มนวลไวต่อการสัมผัส  หวังว่าคงไม่ด้านชาแบบเดียวกับหนังหน้าของนังขมูขี
ผมสูดลมหายใจลึกแห่งชัยชนะ  เมื่อเข็มคมกริบนั้นปักลงไปจนมิดด้าม  เจ้าของร่างคงกรีดร้องแทบเป็นแทบตาย  ดิ้นทุรนทุรายหวังจะคลายความเจ็บปวด  แต่ไม่!!!  ไม่มีวันที่ผมจะปล่อยเหยื่อในมือให้กระดิกกระเดี้ยวไปไหนเด็ดขาด
มันต้องทรมาน  ความทรมานอยากตายแต่ไม่สมหวัง  อยากมีชีวิตอยู่ก็ไม่กล้า  เป็นคำตอบเดียวสำหรับคนที่กล้ามาดูถูกผม
ตายซะ!!!  ตายซะ!!!  ตายซะ!!!  ตายซะ!!!  ตายซะ!!!  ตายซะ!!!  ตายซะ!!!  ตายซะ!!!  ตายซะ!!!  ตายซะ!!!  ตายซะ!!!  ตายซะ!!!  ตายซะ!!!  ตายซะ!!!  ตายซะ!!!  ตายซะ!!!  ตายซะ!!!  ตายซะ!!!  ตายซะ!!!  ตายซะ!!!  ตายซะ!!!  ตายซะ!!!  ตายซะ!!!  
ปีศาจแห่งความพยาบาทกรีดร้องในใจพร้อมกับแรงกระแทกของมือผ่านปลายโลหะสู่ร่างหุ่น  ไร้ปราณี... 
.
น่าเสียดาย  สวรรค์พักเว้นเวลาหายใจให้แก่นังนั่นไปหนึ่งวัน  เมื่อประตูถูกเปิดกว้างพร้อมกับเงาร่างของชายหนุ่มซึ่งผมคุ้นเคย
เพื่อนร่วมห้องของผมเดินเข้ามาพร้อมกับรอยยิ้มกว้าง  ขณะที่ผมรีบเก็บอุปกรณ์เข้าลิ้นชักโต๊ะอย่างรวดเร็ว
เขาเปิดไฟจากสวิตช์ริมผนังห้อง
\"ทำไรมืด ๆ น่ะ  ลัส  ดูดิเหงื่อออกเต็มเลย\"  พูดไม่พูดเปล่า  ผ้าเช็ดหน้าสีขาวสะอาดในมือของเพื่อนรักถูกนำมาเช็ดตามหน้าผากของผมอย่างบรรจง
\"เปล่า ๆ  ไม่มีอะไร  พอดีอยากอยู่มืด ๆ น่ะ  ประหยัดไฟไง  เอ้อ  ประหยัดไฟช่วยชาติ  เลยไม่ได้เปิดทั้งแอร์ทั้งไฟ\"
นายคนนี้ชื่อพันเป็นเพื่อนร่วมห้องของผมเอง  เราซี้กันขนาดกอดคอกันได้  เพราะว่าเรียนอยู่มหาลัยเดียวกันด้วย
เขามีลักษณะขาวสูง  ตาตี่ ๆ แบบลูกหลานคนจีนทั่วไป      ถ้าจะให้ผมกัดฟันพูด  ก็คงต้องบอกว่ามันหล่อกว่าผมอยู่หน่อยนึง
\"ไม่เอาน่า  เหงื่อแตกซกอยู่ในที่อับ ๆ แบบนี้  ถ้าเป็นหวัดขึ้นมาจะเป็นไง  ค่าหมอแพงกว่าค่าไฟเยอะ  กูเป็นห่วงมึงนะเว้ย\"
ผมไม่สน  สายตาผมสแกนลงไปในถุงพะรุงพะรังในมือของพัน    พร้อมกับเลียริมฝีปากกระหาย  เหมือนเขาจะอ่านสายตาของผมได้
\"เออ  กูซื้อของกินมาฝากด้วย    เมิงรู้จักป่ะ  น้ำเต้าหู้น่ะ\"
ผมจ้องถุงน้ำสีขาวขุ่นในมือของพัน  สายตาผมส่งออกไปว่าอยากกิน
\"ได้ได้  เดี๋ยวกูรินให้    คุณชายเชียวนะมึง  ไม่รู้จักหยิบหาเองซะบ้าง\"
ถึงมันจะบ่นกระปอดกระแปด  แต่ผมทราบว่ามันเต็มใจช่วยเหลือผมเสมอ    ดูจากอาการที่ตั้งใจปรนนิบัติผมเป็นอย่างเดียวก็รู้แล้ว
เท้ายาว ๆ ของร่างสูง ๆ  ก้าวเข้าไปในครัวอย่างกระฉับกระเฉง  พร้อมกับเสียงถ้วยเซรามิคกระทบกันเคร้งคร้าง
เพียงชั่วอึดใจเดียว  เขาก็เดินเข้ามาพร้อมกับแก้วควันกรุ่นสองใบ
ผมรับถ้วยหนึ่งใบจากมือของเขา  และซดมันในทันที
อาการร้อนลวกปากเนื่องจากความตะกละเกิน  ทำให้พันมีสีหน้าตกใจ  เขาจะเข้าไปหาน้ำเปล่ามาให้แต่ผมยกมือห้ามไว้
\"เออ  ลัส  วันนี้มึงมีเรื่องกับยัยคุณนายถนำอะไรนั่นอีกหรือเปล่าวะ  เห็นสีหน้าไม่สู้ดี\"
อาการนิ่งเงียบโดยที่ไม่สบตาเขาเป็นคำตอบ
\"ไม่อยากเล่าก็ไม่เป็นไร  แต่สู้ ๆ นะเว้ยเพื่อน  อย่างน้อยก็ยังมีกูที่อยู้ข้างมึงเสมอ\"
อืม  ..  ผมรับคำเบา ๆ ในลำคอ        บางทีวันนี้ผมอาจจะเคร่งเครียดมากไปกับงานใหม่ล่าสุด  จึงรู้สึกมึนงงพิกล  คล้ายกับจะหลับเสียให้ได้
\"อ้าว  ง่วงเหรอ  ง่วงก็นอนซะสิ  เดี๋ยวพรุ่งนี้ไปเรียนไม่ไหว\"
ผมเดินไปล้มตัวลงบนเตียงอย่างว่าง่าย  เปลือกตาที่เคยอยู่ห่างจากกัน  บัดนี้ถึงเวลาแห่งการพักผ่อน  มันก็เลื่อนเข้าหากันตามครรลองธรรมชาติ  ผมจมสู่ห้วงนิทราโดยที่ไม่รู้เลยว่า...
มีใครบางคนแสยะยิ้มอยู่ในเงามืด!!!
------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
The horror will be continued...
    เหงื่อเม็ดเป้งไหลย้อยลงมาจากไรผมผ่านหน้าผาก  ผมจำต้องเสยเส้นผมกระเซิงซึ่งหล่นลงมาระปิดบังชิ้นงานอันต้องใช้สมาธิสูงในมือ
เศษฟางมุ่นมัดเป็นรูปตุ๊กตามักจะบุ๋มและเปื่อยยุ่ยลงทุกครั้งที่ผมย้ำแท่งโลหะแหลมเล็กชำแรกลงในเนื้อหุ่น
อา.....เสียงครางเบา ๆ  จากความพอใจลึกล้ำ    น่ารังเกียจจริง ๆ
นี่ผมกำลังพอใจกับการทำร้ายผู้อื่นอยู่เหรอ  โดยเฉพาะ  ทำร้ายมัดฟางซึ่งสร้างมันขึ้นมาเองกับมือ
ไม่สิ  ไม่ใช่    ไม่ใช่ผมอย่างแน่นอน  ผมไม่เชื่อว่าผมจะเป็นคนเช่นนี้
ต้องเป็นเพราะมนต์ดำจากนังแม่มด    มันทำให้ผมบ้า  เสียงอันน่ารำคาญจากปากยื่นย้อยเหมือนหมูสามชั้นของนังนั่น  ทำให้ผมเสียสติ  ผมกำลังทำอะไร....ไม่  ผมต้องไม่ทำแบบนี้
ไม่
ต้องจิ้มเข็มลึกกว่านี้
คว้านมันเข้าไป
อย่า
อย่าพลาดไปถูกหัวใจเข้า  ผมจะให้มันทรมานยิ่งกว่าตาย  มือใช่มั้ย  มืออูม ๆ สวมแหวนเพชรแพรวพราว  มือของนังหมูโสโครกที่กล้ายื่นมาตบใบหน้าสูงส่งของผม  ผมจะทำให้มันรู้สำนึก   
ใช่  นั่นล่ะ  ค่อย ๆ กรีดลงไปทีละมิลผ่านเนื้อฟาง    ตอกเล็บมันออก    ขุดค้นความเจ็บปวดจากก้นบึ้งของหัวใจมาทีละนิ้ว...ทีละนิ้ว
ซีดสสส์...ผมครางอีกแล้ว        เสียงครางที่น่ารังเกียจ  เสียงครางหื่นหอบ  ราวกับสุนัขเถื่อนติดสั/ด  ผมบีบเค้นลำคอของตนไม่ให้ส่งเสียงแห่งความพอใจนั้นมาขัดขวางสุนทรียรสจากงานในมือ
แต่มันก็ยังเล็ดลอดออกมา....
มือของนังนั่นคงเละแล้ว    ผมเปลี่ยนเป้าหมายของปลายแหลมสั่นระริกนั้น  ขาอ่อน  ใช่  ขาอ่อน  เนื้อนิ่มนวลไวต่อการสัมผัส  หวังว่าคงไม่ด้านชาแบบเดียวกับหนังหน้าของนังขมูขี
ผมสูดลมหายใจลึกแห่งชัยชนะ  เมื่อเข็มคมกริบนั้นปักลงไปจนมิดด้าม  เจ้าของร่างคงกรีดร้องแทบเป็นแทบตาย  ดิ้นทุรนทุรายหวังจะคลายความเจ็บปวด  แต่ไม่!!!  ไม่มีวันที่ผมจะปล่อยเหยื่อในมือให้กระดิกกระเดี้ยวไปไหนเด็ดขาด
มันต้องทรมาน  ความทรมานอยากตายแต่ไม่สมหวัง  อยากมีชีวิตอยู่ก็ไม่กล้า  เป็นคำตอบเดียวสำหรับคนที่กล้ามาดูถูกผม
ตายซะ!!!  ตายซะ!!!  ตายซะ!!!  ตายซะ!!!  ตายซะ!!!  ตายซะ!!!  ตายซะ!!!  ตายซะ!!!  ตายซะ!!!  ตายซะ!!!  ตายซะ!!!  ตายซะ!!!  ตายซะ!!!  ตายซะ!!!  ตายซะ!!!  ตายซะ!!!  ตายซะ!!!  ตายซะ!!!  ตายซะ!!!  ตายซะ!!!  ตายซะ!!!  ตายซะ!!!  ตายซะ!!!  
ปีศาจแห่งความพยาบาทกรีดร้องในใจพร้อมกับแรงกระแทกของมือผ่านปลายโลหะสู่ร่างหุ่น  ไร้ปราณี... 
.
น่าเสียดาย  สวรรค์พักเว้นเวลาหายใจให้แก่นังนั่นไปหนึ่งวัน  เมื่อประตูถูกเปิดกว้างพร้อมกับเงาร่างของชายหนุ่มซึ่งผมคุ้นเคย
เพื่อนร่วมห้องของผมเดินเข้ามาพร้อมกับรอยยิ้มกว้าง  ขณะที่ผมรีบเก็บอุปกรณ์เข้าลิ้นชักโต๊ะอย่างรวดเร็ว
เขาเปิดไฟจากสวิตช์ริมผนังห้อง
\"ทำไรมืด ๆ น่ะ  ลัส  ดูดิเหงื่อออกเต็มเลย\"  พูดไม่พูดเปล่า  ผ้าเช็ดหน้าสีขาวสะอาดในมือของเพื่อนรักถูกนำมาเช็ดตามหน้าผากของผมอย่างบรรจง
\"เปล่า ๆ  ไม่มีอะไร  พอดีอยากอยู่มืด ๆ น่ะ  ประหยัดไฟไง  เอ้อ  ประหยัดไฟช่วยชาติ  เลยไม่ได้เปิดทั้งแอร์ทั้งไฟ\"
นายคนนี้ชื่อพันเป็นเพื่อนร่วมห้องของผมเอง  เราซี้กันขนาดกอดคอกันได้  เพราะว่าเรียนอยู่มหาลัยเดียวกันด้วย
เขามีลักษณะขาวสูง  ตาตี่ ๆ แบบลูกหลานคนจีนทั่วไป      ถ้าจะให้ผมกัดฟันพูด  ก็คงต้องบอกว่ามันหล่อกว่าผมอยู่หน่อยนึง
\"ไม่เอาน่า  เหงื่อแตกซกอยู่ในที่อับ ๆ แบบนี้  ถ้าเป็นหวัดขึ้นมาจะเป็นไง  ค่าหมอแพงกว่าค่าไฟเยอะ  กูเป็นห่วงมึงนะเว้ย\"
ผมไม่สน  สายตาผมสแกนลงไปในถุงพะรุงพะรังในมือของพัน    พร้อมกับเลียริมฝีปากกระหาย  เหมือนเขาจะอ่านสายตาของผมได้
\"เออ  กูซื้อของกินมาฝากด้วย    เมิงรู้จักป่ะ  น้ำเต้าหู้น่ะ\"
ผมจ้องถุงน้ำสีขาวขุ่นในมือของพัน  สายตาผมส่งออกไปว่าอยากกิน
\"ได้ได้  เดี๋ยวกูรินให้    คุณชายเชียวนะมึง  ไม่รู้จักหยิบหาเองซะบ้าง\"
ถึงมันจะบ่นกระปอดกระแปด  แต่ผมทราบว่ามันเต็มใจช่วยเหลือผมเสมอ    ดูจากอาการที่ตั้งใจปรนนิบัติผมเป็นอย่างเดียวก็รู้แล้ว
เท้ายาว ๆ ของร่างสูง ๆ  ก้าวเข้าไปในครัวอย่างกระฉับกระเฉง  พร้อมกับเสียงถ้วยเซรามิคกระทบกันเคร้งคร้าง
เพียงชั่วอึดใจเดียว  เขาก็เดินเข้ามาพร้อมกับแก้วควันกรุ่นสองใบ
ผมรับถ้วยหนึ่งใบจากมือของเขา  และซดมันในทันที
อาการร้อนลวกปากเนื่องจากความตะกละเกิน  ทำให้พันมีสีหน้าตกใจ  เขาจะเข้าไปหาน้ำเปล่ามาให้แต่ผมยกมือห้ามไว้
\"เออ  ลัส  วันนี้มึงมีเรื่องกับยัยคุณนายถนำอะไรนั่นอีกหรือเปล่าวะ  เห็นสีหน้าไม่สู้ดี\"
อาการนิ่งเงียบโดยที่ไม่สบตาเขาเป็นคำตอบ
\"ไม่อยากเล่าก็ไม่เป็นไร  แต่สู้ ๆ นะเว้ยเพื่อน  อย่างน้อยก็ยังมีกูที่อยู้ข้างมึงเสมอ\"
อืม  ..  ผมรับคำเบา ๆ ในลำคอ        บางทีวันนี้ผมอาจจะเคร่งเครียดมากไปกับงานใหม่ล่าสุด  จึงรู้สึกมึนงงพิกล  คล้ายกับจะหลับเสียให้ได้
\"อ้าว  ง่วงเหรอ  ง่วงก็นอนซะสิ  เดี๋ยวพรุ่งนี้ไปเรียนไม่ไหว\"
ผมเดินไปล้มตัวลงบนเตียงอย่างว่าง่าย  เปลือกตาที่เคยอยู่ห่างจากกัน  บัดนี้ถึงเวลาแห่งการพักผ่อน  มันก็เลื่อนเข้าหากันตามครรลองธรรมชาติ  ผมจมสู่ห้วงนิทราโดยที่ไม่รู้เลยว่า...
มีใครบางคนแสยะยิ้มอยู่ในเงามืด!!!
------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
The horror will be continued...
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น