ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ผู้หญิงเพื่อผู้หญิง

    ลำดับตอนที่ #1 : บุกช่วยหญิงจากประเทศลาวจากโรงงานถุงมือนรก

    • อัปเดตล่าสุด 16 ม.ค. 50



    บุกช่วยเด็กและหญิงจากประเทศลาวจากโรงงานถุงมือนรก
    มูลนิธิผู้หญิงได้ประสานงานกับสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองสัมภาษณ์เด็กลาวที่หลบหนีออกมาจากโรงงานผลิตถุงมือย่านบางมด ซึ่งได้แจ้งว่าที่โรงงานดังกล่าวยังมีเพื่อนถูกขังและใช้แรงงานอยู่อีกกว่าสิบคน เมื่อวันที่ 20 กรกฎาคม ทางมูลนิธิผู้หญิงจึงได้ประสานงานกับเจ้าหน้าที่จากบ้านเกร็ดตระการ และขอกำลังจากกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดต่อเด็ก เยาวชน และสตรี (ปดส)   นำหมายศาลบุกค้นโรงงานที่ซอยพุทธบูชา แขวงบางมด และสามารถช่วยเหลือหญิงและเด็กจากประเทศลาวอีก 17 คน ซึ่งมีอายุระหว่าง 12 – 21 ปี  ส่วนใหญ่เป็นเด็กหญิง อายุ 14-15 ปี    ที่อายุน้อยสุด 12 ปี มีหนึ่งคน   และมีผู้ชายหนึ่งคน อายุ 23 ปี  


                  "หนูอยากกลับบ้าน" ...... คือคำพูดอันแผ่วเบาของส้ม (นามสมมุติ) เด็กหญิงชาวลาว อายุ 15 ปี ที่เพิ่งได้รับการปลดปล่อยจากสภาพถูกใช้งานเยี่ยงทาสในโรงงานแห่งนั้น ก่อนหน้านี้เพื่อนของส้มได้หลบหนีออกมาจากโรงงานแห่งนี้หลายคนแล้ว   ล่าสุดหนึ่งในสามคนที่หลบหนีออกมาในขณะที่นายจ้างเปิดประตูทิ้งไว้ เป็นผู้ให้ข้อมูลกับทางมูลนิธิผู้หญิง

                สภาพโรงงานแออัดไปด้วยเครื่องจักรและถุงมือกองสูงท่วมหัว อยู่เต็มห้องจนแทบจะไม่มีที่เดิน   แต่นั้นยังไม่อนาถใจเท่ากับสภาพของเด็ก ๆ ที่มีใบหน้าอิดโรยบ่งบอกถึงความอ่อนล้า  เนื้อตัวมอมแมม  เพราะต้องลุกขึ้นมาทำงานตั้งแต่ตีห้าจนถึงสี่ทุ่ม  นายจ้างกำหนดในแต่ละวันคนหนึ่งจะต้องทำถุงมือให้ได้ 200 โหล ถ้าทำไม่ได้ก็จะถูกหักเงินรายสัปดาห์ 

               "มีอยู่ครั้งหนึ่งช่วงกะ 8 โมงถึงเที่ยง ซึ่งนายจ้างให้ทำถุงมือให้ได้ 55 โหล แต่ทำได้เพียง 40 โหล ขาดไป 15 โหล เลยถูกนายจ้างเอาไม้ไผ่ตีที่หลังและขา 15 ที บางทีนั่งหลับในก็ถูกด้ามไขควงเคาะหัว" 

                ส้มและเพื่อนๆ ทำงานแต่ละวันมากกว่า 8 ชั่วโมงเป็นเวลานานกว่า 3 ปี   ทำงานสองอาทิตย์จึงจะได้พักผ่อนหนึ่งวัน    นายจ้างให้ค่าตอบแทนเพียงอาทิตย์ละ 300 บาท   ไม่มีโอกาสออกไปข้างนอก   อยากกลับบ้านก็กลับไม่ได้   ผ่านไปปีแล้วปีเล่าพ่อแม่รอการกลับมาของลูก   นายจ้างบอกเพียงว่า  เอเยนต์ยังไม่มารับจึงกลับไม่ได้ 

               เบื้องต้นเจ้าหน้าที่แจ้งข้อหานายจ้างทั้งหมด ร่วมกันให้เข้าพักอาศัย ซ่อนเร้นหรือช่วยเหลือด้วยประการใดๆ เพื่อให้คนต่างด้าวซึ่งรู้ว่าเข้ามาในราชอาณาจักรโดยผิดกฎหมาย เพื่อให้พ้นจากการจับกุม ร่วมกันหน่วงเหนี่ยวกักขังซึ่งเด็กเพื่อแสวงหาประโยชน์อันมิควรได้โดยชอบสำหรับตนเองหรือผู้อื่น ไม่ว่าเด็กนั้นจะยินยอมหรือไม่ก็ตาม ร่วมกันเป็นนายจ้างใช้แรงงานเด็กอายุต่ำกว่า 15 ปี เป็นลูกจ้าง และทำร้ายร่างกาย ตาม พ.ร.บ.มาตรการในการป้องกันปราบปรามการค้าหญิงและเด็ก พ.ศ.2540 พ.ร.บ.คนเข้าเมือง พ.ศ.2522 และพ.ร.บ.คุ้มครองแรงงาน พ.ศ.2541 ก่อนจะส่งตัวให้พนักงานสอบสวนดำเนินคดีต่อไป 

                เจ้าหน้าที่มูลนิธิผู้หญิงได้ชี้แจงให้ส้มและเพื่อนๆได้เข้าใจถึงสถานภาพของตนว่าจะได้รับความช่วยเหลืออย่างไรบ้าง   ในฐานะของผู้เสียหายที่ถูกละเมิดจากการถูกกักขังหน่วงเหนี่ยว  และถูกใช้แรงงานเยี่ยงทาส  หลังจากนั้นส้มและเพื่อน ๆ ได้รับการคุ้มครองพักพิงที่สถานคุ้มครองและพัฒนาอาชีพบ้านเกร็ดตระการ โดยทางมูลนิธิผู้หญิงและบ้านเกร็ดตระการจะช่วยประสานเพื่อดำเนินการคุ้มครองสิทธิ ให้แรงงานเหล่านี้ได้รับการชดใช้ค่าเสียหายจากการถูกบังคับใช้แรงงานก่อนส่งกลับประเทศต่อไป

    (ติดต่อข้อมูลเพิ่มเติมจาก จิราพร เอื้อเฟื้อ  ผู้ประสานงานโครงการป้องกันและแก้ไขปัญหาการค้ามนุษย์)

     
     
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×