ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Yaoi] Put It Next Door ผมไม่ต้องการมัน!

    ลำดับตอนที่ #3 : ❝ Put It Next Door [ Heaven ] ❞

    • อัปเดตล่าสุด 27 ก.พ. 56


      
    THE? FARRY



    2

    Put It Next Door

    ผมไม่ต้องการมัน!

    Heaven






     

     

     

    “ไม่! ไม่จริง!” เสียงเล็กดังขึ้นกลางดึกทำเอาคนนอนข้างๆสะดุ้งตกใจตื่น ชายนิรนามขมวดคิ้วแน่นหันไปจ้องมองใบหน้าหวานที่ชุ่มเหงื่อไม่วางตา

     

     

     

     

    “หมอ..” ชายนิรนามส่งเสียงเรียกสติพรางเขย่าหัวไหล่ให้หมอหน้าหวานรู้สึกตัว

     

     

     

     

    “หือ?...” ฟรานซิสลืมตาขึ้นช้าๆ.. ท่ามกลางความมืดในห้องทำงานของตัวเอง เขาปูผ้านอนบนพื้นกับคนไข้นิรนาม.. หมอหนุ่มมองเห็นเพียงใบหน้าหล่อภายใต้แผลฟกช้ำเท่านั้น..

     

     

     

     

    “อ่อ.. ขอโทษที ฉันฝันร้าย.. นายนอนไปเถอะ” หมอหนุ่มพลิกตัวนอนตะแคงหันหลังให้คนไข้

     

     

     

     

    “ถ้าผมกอด จะหายฝันร้ายมั้ย?” ชายนิรนามเอ่ยเสียงเบา

     

     

     

     

    “ไม่ต้อง.. ฉันไม่ใช่เด็กๆแล้ว”

     

     

     

     

    “ผมไม่อยากให้หมอฝันร้าย ให้ผมกอดนะ”

     

     

     

     

    “ไม่เอา!” ฟรานซิสหันมาดันไหล่คนไข้เบาๆเชิงปฏิเสธ

     

     

     

     

    “อย่าดื้อ..” ชายนิรนามใช้มือดึงร่างเล็กให้หันมาก่อนจะเข้าโอบกอดอย่างแน่น

     

     

     

     

    “ล้อเลียนฉันเหรอ?”

     

     

     

     

    “ง่วงแล้ว นอนเถอะ” ชายนิรนามกอดหมอหนุ่มแน่นขึ้น.. โดยที่ไม่รู้ว่าอีกคนใต้อ้อมแขนกำลังหน้าขึ้นสี หัวใจเต้นแรงจนไม่อาจจะข่มตานอนได้อีกรอบ..

     

     

     

     

     

     

     

     

    ณ บริษัทอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ที่สุดของประเทศ.. พนักงานนับหมื่นกำลังทำงานกันอย่างแข็งขันเพื่อตัวเลขเงินเดือนในบัญชี..และโบนัสตอบแทนอย่างมหาศาลทุกสิ้นปี  

     

     

     

     

    “คุณซาจิครับ มีเอกสารให้เซ็นครับ” เลขาหนุ่มวัยกลางคนเดินเข้ามาในห้องทำงานขนาดใหญ่ หรูหรา และกว้างขวาง

     

     

     

     

    “เอาวางไว้ตรงนั้นแหละ..” หนุ่มวัยรุ่นทายาทคนที่สองของเจ้าของบริษัทนี้ ซาจินั่งอยู่บนเก้าอี้หนังสีดำสุดหรู ยกขายาวๆขึ้นพาดบนโต๊ะอย่างไม่เกรงใจใคร

     

     

     

     

     

    “เอกสารด่วนนะครับ.. ช่วยเซ็นตอนนี้ด้วยนะครับ” เลขาวัยกลางคนยังยืนถือเอกสารรออีกคนอย่างใจเย็น

     

     

     

     

    “ก็บอกว่าวางไว้ตรงนั้น.. ไม่เข้าใจรึไง? เดี๋ยวค่อยเซ็น จะรีบไปไหนครับ? อ่อ.. หรือว่าอยากโดนไล่ออก? ก็ได้นะ.. ฉันจะใส่ซองขาวให้ตอนนี้เลย” ซาจิจ้องหน้าเลขาเขม็ง ขมวดคิ้วแน่นอย่างหงุดหงิด

     

     

     

     

    “ไอ้ซาจิ!!.. แกมันไอ้ตัวขี้เกียจ จะก่อเรื่องอีกแล้วเหรอ!

     

     

     

     

    “พ่อ!..” ซาจิตะโกนลั่นห้องเมื่อเห็นผู้เป็นพ่อเดินเข้าห้องทำงานมา

     

     

     

     

    “ตอนนี้แกแค่รักษาการท่านประธานแทนพี่ชายแก อย่าวางอำนาจให้มาก” ชายแก่ตะหวาดใส่ลูกชายฉุนเฉียว

     

     

     

     

    “ขอโทษแทนมันด้วยนะ นิสัยมันก็แบบนี้แหละ ถือว่าเป็นลูกเป็นหลานแล้วกัน อย่าถือสามันเลย”

     

     

     

     

    “ไม่เป็นไรครับ.. ผมหวังว่าคุณไคเซนจะกลับมาทำงานกับเราเร็วๆนี้นะครับ” เลขายิ้มบางก่อนจะโค้งลาชายแก่แล้วเดินออกไป

     

     

     

     

    “เหอะ!.. แกมันไม่ได้ครึ่งของพี่แกเลยจริงๆ” ชายแก่ส่ายหัวเบาๆ

     

     

     

     

    “โธ่เอ้ย!! ทำไมพ่อยังจะต้องคิดถึงมันด้วย  ไอ้ไคเซนมันตายไปแล้วนะพ่อ.. รักมันเข้าไป” ซาจิสบทก่อนจะหยิบบุหรี่ที่วางบนโต๊ะขึ้นมาจุดสูบควันฟุ้ง

     

     

     

     

    “ฉันเชื่อว่าไคเซนยังไม่ตาย.. จนกว่าฉันจะเจอศพมันจริงๆฉันถึงจะทำใจ.. จำใส่กะโหลกแกไว้”  ชายแก่เดินออกไปอย่างเอือมระอาในตัวลูกชายคนเล็ก

     

     

     

     

    “หึ.. เอาศพเหรอ? ซาจิจัดให้ครับพ่อ หึหึ” ซาจิยิ้มเย็นก่อนจะหยิบมือถือในกระเป๋ากางเกงออกมากดเบอร์ลูกน้องคนสนิท

     

     

     

     

    “เออ.. มึงไปเอาศพมันกลับมาให้กูหน่อยสิ ..พอดีพ่อกูอยากเห็นหว่ะ..เออ ได้ๆ”  ร่างสูงกดวางหูอย่างรวดเร็วก่อนจะทิ้งก้นบุหรี่ลงพื้นแล้วเหยียบซ้ำ คว้ากุญแจรถแล้วเดินออกจากห้องทำงานไป

     

     

     

     

    ซาจิขับรถคันหรูเข้าไปในโรงจอดรถของบ่อนคาสิโนที่ตนเป็นหุ้นส่วนอยู่ ด้วยอารมณ์หงุดหงิดอีกครั้งเพราะลูกน้องได้โทรมาบอกว่าไม่เจอศพของพี่ชาย ..ไคเซน..

     

     

     

     

    เพี๊ยะ!!  เสียงฝ่ามือหนาของซาจิ ที่ออกแรงฝาดลงบนใบหน้าของลูกน้องคนสนิท ด้วยความหงุดหงิด

     

     

     

     

    “ขอโทษครับท่าน.. ผมทำงานผิดพลาด” ลูกน้องคนสนิทยกมือกุมแก้มข้างที่โดนตบ พรางพูดยอมรับผิด

     

     

     

     

    “มึงเอาศพมันไปไว้ไหน!..

     

     

     

     

    “ผมใช้ไม้ฟาดหัวมันสองสามทีครับเพื่อให้แน่ใจว่ามันตายจริง.. พอดีตำรวจสายตรวจขับรถผ่านมาที่โกดังของบริษัทเรา ผมเลยรีบยัดมันใส่กล่องแล้วก็เอาไปทิ้งข้างถังขยะครับ.. ผมคิดว่าตอนนี้รถเก็บขยะคงเอามันไปทิ้งแล้ว”

     

     

     

     

    “มึงจะแน่ใจได้ยังไงว่ามันถูกเอาไปทิ้งแล้วน่ะห๊ะ!! มึงพากันออกไปหาศพมันมาให้กู ไปสืบมาในเมืองนี้มีเตาเผาหรือที่พักขยะที่ไหนบ้าง.. มึงไม่ได้ศพมันกลับมาให้กู ก็ระวังหัวพวกมึงไว้เถอะ!” ซาจิตะคอกรุนแรง

     

     

     

     

    “ครับๆ.. ผมจะออกหาตอนนี้เลยครับท่าน” ลูกน้องคนสนิทโค้งให้ซาจิก่อนจะพากันวิ่งออกไป

     

     

     

     

    “บัดซบ.. หึ” ซาจิหยิบบุหรี่ขึ้นมาจุดปลายมวนสูบทันที

     

     

     

     

     

     

     

     

    บ้านเดี่ยวสุดหรูของครอบครัวสุขสันต์ของหมอฟรานซิส.. ชายนิรนามค่อยก้าวเท้าเข้ามาในห้องรับแขก กว้างขวางและมีโซฟาสีน้ำตาลอ่อนตั้งอย่างสวยงามกลางห้อง.. ตกแต่งประดับด้วยดอกไม้สีขาว บรรยากาศสะอาดทำให้รู้สึกสดชื่นอย่างบอกไม่ถูก

     

     

     

     

    “นายนั่งรอตรงนี้เดี๋ยวนะ.. เดี๋ยวไปเอาน้ำส้มมาให้ เพิ่งมาถึงคงเหนื่อย” ฟรานซิสยิ้มหวานก่อนจะวางกระเป๋าสัมภาระของชายนิรนามไว้ข้างๆโซฟาตัวยาว ขาเรียวออกเดินไปทางห้องครัว

     

     

     

     

    “นายไว้ใจคนง่ายไปหน่อยนะ..หมอฟรานซิส” ชายนิรนามเอ่ยออกมาเสียงเบา มือหนาพรางถอดเสื้อฮู้ตสีดำออก

     

     

     

     

    “มาแล้วๆ.. อ่ะดื่มซะ” หมอหน้าหวานยื่นแก้วน้ำส้มให้ ชายนิรนามรับมาแล้วดื่มช้าๆ

     

     

     

     

    “ตอนนี้ไม่มีใครอยู่บ้านเลย กว่าจะกลับก็อีกหลายวัน.. พี่แฟรงค์ไปฝรั่งเศส ส่วนพ่อกับแม่ฉันไปฉลองครบรอบวันแต่งงานที่เมืองจีน

     

     

     

     

    “แล้วก็..นายจะต้องอยู่กับฉันจนกว่านายจะหายดี แล้วก็จนกว่าฉันจะรู้ว่านายเป็นใครแล้วมาจากไหนด้วย ..ฉันจะได้ส่งคืนถูก” หมอฟรานซิสใช้มือขยี้หัวอีกคนเบาๆ

     

     

     

     

    “นายพอจะจำใครได้มั้ย?”

     

     

     

     

    “ไม่ได้..” ชายนิรนามตอบเสียงเรียบ

     

     

     

     

    “โอเคๆ ไม่เป็นไรค่อยๆคิดก็ได้ ป่ะ.. ตอนนี้ไปดูห้องนอนกัน” ฟรานซิสรีบคว้ากระเป๋าสัมภาระของชายนิรนามแล้วถือเดินขึ้นไปชั้นบนอย่างสบาย เพราะในกระเป๋านั้นมีเสื้อผ้าเพียงไม่กี่ตัวเท่านั้น

     

     

     

     

    “นี่ห้องนอนของฉันเองนะ นายจะนอนตรงไหนก็ได้ มันคงกว้างพอ.. ส่วนเรื่องเสื้อผ้า นายใส่ของฉันไปก่อนได้ หยิบเลยในตู้เสื้อผ้า.. ห้องน้ำอยู่ทางนั้น อยากดูทีวีก็ทางนี้” ฟรานซิสอธิบายในขณะที่ชายนิรนามเดินไปที่เตียงกว้างแล้วทิ้งตัวลงนอนแผ่อย่างสบาย

     

     

     

     

    “อาบน้ำก่อนสิ เตียงสกปรกหมด ลุกออกมานะ!

     

     

     

     

    ” ไร้เสียงตอบรับใดๆจากอีกคน

     

     

     

     

    “ง่วงเหรอ?” ฟรานซิสเดินเข้าไปหาอีกคน แล้วยืนมองใกล้ๆ ใบหน้าหล่อที่ไร้รอยฟกช้ำ สองสายตาประสานจ้องมองคนตรงหน้านิ่ง

     

     

     

     

    “น่ารักเหมือนลูกแมวเลยนายน่ะ.. แต่ตัวใหญ่ขนาดนี้ต้องเป็นลูกแมวยักษ์” ฟรานซิสยื่นมือเข้าไปจิ้มแก้มของอีกคน พรางยิ้ม

     

     

     

     

    “ไม่กลัวแมวหรือไง? แมวมีเล็บมีเขี้ยว.. ไม่กลัวเจ็บเหรอ?” ชายนิรนามถามเสียงเรียบตามแบบฉบับ

     

     

     

     

    “แมวของฉัน.. ฉันไม่กลัวหรอก”

     

     

     

     

    “อีกอย่างนายอาจจะเป็นของขวัญจากสวรรค์ก็ได้..”

     

     

     

     

    “อืม..ฉันจะตั้งชื่อนายว่าเฮฟเว่นก็แล้วกัน”

     

     

     


    “ผมมาจากกล่องต่างหาก..”

     

     

     

     


    “อืม.. มาจากกล่อง.. นึกว่านายตายแล้วซะอีก.. เกือบจะเอาไปเผา” หมอหน้าหวานยิ้มกวนๆ

     

     

     

     


    “ทำไมไม่คิดว่าผมยังสามารถหายใจต่อได้ล่ะ.. นายเป็นหมอ.. ยังไงก็ต้องรักษาไม่ใช่หรือไง?

     

     

     

     


    “หมอ.. ใช่ว่าจะทำได้ทุกอย่าง”

     

     

     


    “ไม่จริงหรอก.. ผมเชื่อว่าหมอทำได้”

     

     

     


    “เอาอะไรมาพูด?

     

     

     


    “ก็อย่างที่หมอทำกับผมอยู่นี่ไง..รักษาชีวิตผมไว้อยู่นี่ไง”

     

     

     


    “ฉันไม่เคยดูแลคน..”

     

     

     


    ...? ชายนิรนามทำสีหน้านิ่ง เหมือนรอฟังอีกคนให้พูดต่อ

     

     

     

     


    “ฉันเคยดูแลแต่พวกสัตว์..กระต่าย หมา แมว ..”

     

     

     

     


    “ผมคนแรกงั้นเหรอ?

     

     

     

     


    “ฉันจบสัตวแพทย์นะ.. จะดูแลคนได้ยังไง?

     

     

     

     


    “งั้นก็อย่าไปดูแลใครก็แล้วกัน.. หวง”

     

     

     

     


    “หื้ม?.. หวง?

     

     

     

     


    “เปล่า..”

     

     

     

     


    “สมองเสื่อมแล้วยังคุยไม่รู้เรื่องอีกนะ” หมอหน้าหวานขมวดคิ้วแน่น

     

     

     

     


    “ผมถนัดใช้ร่างกายคุยมากกว่าน่ะ” เฮฟเว่นดึงร่างบางลงไปนอนราบบนเตียง ก่อนจะพลิกตัวคร่อมทับให้ร่างบางอยู่ใต้ร่างนิ่งๆ

     

     

     

     

    เสียงหัวใจของร่างบางเต้นแรงจนคนด้านบนรู้สึกได้.. ความรู้สึกอุ่นๆจากลมหายใจของร่างสูงที่ใกล้เข้ามาหาใบหน้าหวานเรื่อยๆ.. ฟรานซิสหันหน้าแดงก่ำไปอีกทาง หลบสายตาคมนั้น..

     

     

     

     

     

    “จะทำอะไร..” ฟรานซิสเอ่ยเสียงเบา 

     

     

     

     

     

     

    - - - -  50% - - - -

     

     

     

     

     

    “หมอเป็นของผม” เฮฟเว่นค่อยก้มหน้าลง ประกบปากกับริมฝีปากนิ่มเบาๆ.. ขยับกลีบปากบดขยี้.. ร่างบางตัวเกร็งแข็งทื่อกับการกระทำของอีกคน ดวงตาโตเบิกกว้างด้วยความช็อค..สั่นและเริ่มหายใจไม่เป็นจังหวะ

     

     

    มือเล็กบีบไหล่กว้างแน่นราวกับจะขาดอากาศหายใจ.. เฮฟเว่นขยับริมฝีปากพรมจูบไปทั่วกลีบปากนิ่ม.. ยิ่งได้สัมผัส ยิ่งอยากครอบครอง.. ยิ่งหวานเท่าไหร่ ยิ่งอยากลิ้มลอง

     

     

     

     

    “พ..พอ.. ได้แล้ว..” ฟราสซิสดันใบหน้าหล่อออกก่อนจะลุกขึ้นนั่งนิ่งๆแล้วก้มหน้าลง

     

     

     

     

    “เอ่อ.. นาย..คงหิวแล้วล่ะสิ.. ฉันออกไปซื้ออะไรมาให้นายกินดีกว่านะ” ฟรานซิสพูดติดๆขัดๆ โดยที่ไม่กล้าสบตากับอีกคน.. เอาแต่ก้มหน้าแล้วลุกออกไป

     

     

     

     

    “ฟรานซิส.. นายเผลอใจแล้วล่ะ” ร่างสูงที่นอนแผ่อยู่บนเตียงสบถเสียงเบา

     

     

     

     

     

    …..

     

     

     

     

     

     

    “ฮัลโหล.. ฮิโรกิ..นี่กูเอง..” ร่างสูงกำลังยืนอยู่ในตู้โทรศัพท์สาธารณะ ที่ตั้งอยู่ไม่ไกลจากบ้านของหมอฟรานซิสนัก.. หลังจากที่ฟรานซิสออกไปซื้ออาหารเย็น เฮฟเว่นได้แอบเดินออกมาเงียบๆ..โดยสวมฮู๊ตสีดำตัวใหญ่คลุมหัวไว้..

     

     

     

     

    “ท่านไคเซน.. ท่านยังมีชีวิตอยู่จริงๆด้วย.. ท่านอยู่ไหนผมจะไปรับท่านเดี๋ยวนี้เลยครับ” ลูกน้องคนสนิทของร่างสูงพูดน้ำเสียงดีใจสุดขีด เมื่อได้ยินเสียงเจ้านายของตนอีกครั้ง

     

     

     

     

    “ยัง.. กูอยากอยู่เงียบๆ.. ตอนนี้กูยังไม่หายดี.. น้องชายชาติหมาของกูมันทำกับกูซะเกือบตาย..ตอนนี้มึงแค่ช่วยปิดข่าวเรื่องที่เจอกูแล้วไปก่อน.. ช่วยทำเหมือนยังไม่มีอะไรเกิดขึ้น”

     

     

     

     

    “แต่ท่านครับ.. นายท่านเป็นห่วงท่านมากเลยนะครับ.. ท่านยังกำชับให้ผม ใช้ลูกน้องตามหาท่านให้เจอให้ได้”

     

     

     

     

     

    “พ่อกูน่ะเหรอ.. บอกท่านว่าไม่ต้องเป็นห่วงแค่นั้นก็พอ.. เอาเป็นว่ากูจะติดต่อมึงกลับไปอีกที.. มึงช่วยดูแลครอบครัวของกูแทนกูด้วย.. กูพร้อมเมื่อไหร่กูจะกลับไปแน่นอน” ร่างสูงวางหูโทรศัพท์เบาๆ.. สายตามองทะลุกระจกใสออกไปเห็นหมอฟรานซิสกำลังเดินกลับมา.. เฮฟเว่นยืนนิ่งรออีกคน..

     

     

     

     

     

    “อ้าว.. มาทำอะไรตรงนี้??” ฟรานซิสหยุดมองคนในตู้โทรศัพท์ด้วยสีหน้างุนงง

     

     

     

     

    “เดินเล่น” ร่างสูงตอบห้วนๆ

     

     

     

     

    “เดินเล่นแล้วใส่เสื้อฮู๊ตทำไม?.. นี่มันเสื้อที่ฉันใส่ตอนเรียนอยู่อเมริกานิ.. นายไม่ร้อนเหรอ? ตอนนี้มันน่าร้อนนะ” ฟรานซิสใช้มือนิ่มจับๆดูเสื้อที่อยู่บนตัวอีกคน

     

     

     

     

    “พูดมาก..” ร่างสูงเดินออกจากตู้โทรศัพท์ก่อนจะมุ่งหน้ากลับบ้านที่อยู่ไม่ไกล

     

     

     

     

    “ก็นายไม่ยอมพูดฉันก็ต้องชวนคุยสิ.. นี่ๆ.. ฉันซื้ออาหารเย็นมาเยอะเลย” ฟรานซิสเดินตามมาติดๆยกถุงพลาสติกใบใหญ่ที่ภายในใส่กับข้าวอยู่เต็มไปหมด

     

     

     

     

    “อืม” เฮฟเว่นมองถุงใบใหญ่ด้วยหางตาก่อนจะเปิดประตูบ้านแล้วเดินเข้าไปหน้าตาเฉย

     

     

     

     

     

     

    ณ คฤหาสน์หรูของเจ้าพ่ออสังหาริมทรัพย์อย่าง โยชิหรือพ่อของไคเซนและซาจิ           อาหารนับสิบอย่างของมื้อเย็นถูกเตรียมไว้อย่างเรียบร้อยบนโต๊ะเป็นประจำทุกวัน  โยชิได้แต่มองเก้าอี้ว่างๆข้างซาจิซึ่งเป็นที่ๆไคเซนเคยนั่งทานอาหารด้วยกันเมื่อก่อน.. โยชิถอนหายใจก่อนจะยกแก้วไวน์ในมือจิบช้าๆ ปล่อยให้ลูกชายคนเล็กและลูกสะใภ้นั่งกินไปก่อน

     

    “พ่อ.. กินข้าวบ้างเถอะครับ ดื่มแต่ไวน์มันไม่ดีต่อสุขภาพนะ” ซาจิลงมือรับประทานอาหารด้วยสีหน้าสบายใจ

     

     

     

     

    “ไม่ต้องห่วงพ่อหรอก.. จะตายวันตายพรุ่ง มรดกก็ไม่ใช่ของแกอยู่ดี” หลังจบประโยคซาจิถึงกับปรี๊ดแตก วางช้อนส้อมเสียงดังพร้อมลุกขึ้นด้วยอารมณ์ฉุนเฉียว

     

     

     

     

    “ถ้าพ่อจะรักมันขนาดนี้ พ่อไม่ตายตามมันไปเลยล่ะ?” ซาจิยืนตะคอกใส่ผู้เป็นพ่อ

     

     

     

     

    “ซาจิ!! นี่พ่อนะ!” พี่สะใภ้ลุกขึ้นต่อว่าซาจิ พยายามดึงแขนให้ซาจินั่งลง

     

     

     

     

    “คนนอกครอบครัวอย่าเสือก! เป็นแค่สะใภ้.. อย่าคิดว่าจะสั่งกูได้!!” ซาจิสะบัดแขนออกก่อนจะผลักพี่สะใภ้

     

     

     

     

     

    “ไอ้ซาจิ!” โยชิสาดไวน์ใส่หน้าลูกชายคนเล็กก่อนจะเดินออกไปจากห้องอาหาร

     

     

     

     

    “โธ่เอ้ย!” ซาจิสบทเสียงดังก่อนจะนั่งลงกับเก้าอี้เพื่อสงบอารมณ์








    ...จำไว้นะไอ้ไคเซน อีกไม่นานทุกสิ่งทุกอย่างที่เคยเป็นของมึง... มันจะต้องเป็นของกูทั้งหมด!...

     

     

     

     

     

     “TO BE CONTINUED”

     


      
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×