ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Yaoi] Put It Next Door ผมไม่ต้องการมัน!

    ลำดับตอนที่ #2 : ❝ Put It Next Door [ Blind? ] ❞

    • อัปเดตล่าสุด 7 ก.พ. 56


    THE★ FARRY
     
     

    1
    Put It Next Door

    ผมไม่ต้องการมัน!

    Blind?



     

     

     

     

    แสงจ้าสอดส่องผ่านม่านตา ..มันช่างน่ารำคาญจนทำให้รู้สึกตัวตื่นขึ้นมา สองตาคมกระพริบถี่ปรับระดับแสงและการมองเห็น.. ที่นี่ที่ไหน? เพดานห้องและบรรยากาศขาวสะอาด.. เราตายรึยัง? คำถามมากมายผุดขึ้นมาจากหัวที่หนักอึ้ง..

     

     





     

     

    “ฟื้นแล้ว.. ฟื้นสักที” ชายชุดขาวยืนยิ้มอยู่ข้างๆเตียงคนไข้ เขาใช้มือขยับแว่นสายตาให้เข้าที่ก่อนจะยื่นมือไปแตะที่หน้าผากของคนไข้

     





     

     

     

     

    “เฮ้ย!!” คนไข้ที่อาการปางตาย ผลักหมอหนุ่มออกห่างรุนแรงจนทำให้ร่างของตัวเองหล่นลงจากเตียงคนไข้ แขนที่หักอยู่ในเฝือกกระแทกพื้นอีกครั้ง.. เขาเหมือนกลัว.. กลัวมากจนคลั่ง..

     

     

     

     




     

     

    “นี่นายจะบ้าเหรอ!” หมอหนุ่มขึ้นเสียงแข็งกร้าวก่อนจะก้าวเท้าเร็วๆ  เพื่อจะไปช่วยคนไข้แสนดื้อที่นอนตัวงออยู่อีกฝั่งของเตียง

     

     





     

     

    “ออกไป!!” เขาตะคอกใส่หมอเสียงดังลั่น สายตาไร้ความอ่อนโยนจ้องใบหน้าหวานเขม็ง ราวกับเกลียดเขามานานแสนนาน..

     

     

     

     




     

     

    “ฉันจะช่วยนายนะ! ไม่เจ็บรึไง!” มือนิ่มกำลังจะเอื้อมไปคว้าแขนแกร่ง แต่ก็ยังโดนปฏิเสธอยู่ดี..

     

     

     




     

     

    “ออกไป!!” คนไข้นอนตัวงออย่างเจ็บปวด พยายามดันตัวเองออกห่างจากหมอหนุ่ม

     

     





     

     

     

    “เหอะ! หลับไปสามวัน ตื่นมาก็ซ่าเลยนะ.. ไม่น่าช่วยเลยจริงๆ” หมอหนุ่มสบถออกมาอย่างหงุดหงิดคนตรงหน้า

     

     

     

     



     

     

    สองมือนิ่มค่อยๆเข้าไปจับแขนแกร่งให้อยู่นิ่ง.. ทั้งๆที่คนไข้ตรงหน้าผลักไสรุนแรง หมอหนุ่มประคองร่างหนาให้ลุกขึ้นเพื่อที่จะให้ขึ้นไปอยู่บนเตียงคนไข้อย่างเดิม แต่เขาต้องหงายหลังล้มลงกับพื้นเพราะอีกคนดิ้นรุนแรงปฏิเสธความช่วยเหลือ..

     

     





     

     

     

    “โอ๊ย!!” หมอหนุ่มร้องเสียงหลงเมื่อคนไข้ที่ยังช่วยเหลือตัวเองไม่ได้หล่นลงมาทับเข้าไปอีก.. สีหน้าเยือกเย็น สายตาแข็งกร้าว.. เข้ามาใกล้ใบหน้าหวานของหมอหนุ่ม.. ใกล้จนได้ยินเสียงหายใจของกันและกัน

     

     







     

    “นายหลับไปสามวัน.. อย่าดื้อได้มั้ย?.. ขอร้องล่ะ.. ฉันไม่ทำร้ายนายหรอก.. ขอแค่นายหายดีฉันก็พอใจแล้ว ฉันขอแค่นี้แหละ.. นะ” หมอหนุ่มใช้มือสัมผัสแก้มช้ำของคนตรงหน้าเบาๆเชิงขอร้อง

     

     

     





     

    คนไข้แสนดื้อยอมหมอแต่โดยดี.. เขาค่อยพยุงตัวเองขึ้นแล้วให้หมอจับแขนเขาเอาไว้.. ยอมนอนบนเตียงคนไข้นิ่งๆแต่โดยดี..

     

     





     

     

    “อืม.. ดีมาก”

     

     

     





     

    “ได้เวลาล้างแผลแล้ว จะถอดเสื้อออกแล้วนะ” หมอหนุ่มค่อยๆแกะเสื้อคนไข้สีฟ้าอ่อนแล้วแหวกออก เผยให้เห็นผ้าพันแผลสีขาวพันเต็มไปหมด

     

     





     

     

     

    “ไม่เจ็บหรอก อาจจะแสบนิดเดียว.. เดี๋ยวฉันไปเรียกหมออีกคนให้.. หมอแฟรงค์.. เขาเป็นหมอรักษาคน พี่ชายฉันเอง..นายนอนนิ่งๆรอเดี๋ยวนะ” หมอหนุ่มยิ้มน้อยๆทำท่าจะเดินออกไป.. แต่โดนดึงมือไว้เสียก่อน

     

     





     

     

     

    “หื้ม?” หมอหนุ่มหันกลับมาทำสีหน้างุนงง

     

     

     

     





     

     

    ”  ไร้เสียงใดๆ หมอหนุ่มจ้องใบหน้าฟกช้ำก่อนจะยิ้มให้

     

     

     





     

     

     

    “ไม่ต้องกลัวหรอก.. มันไม่ได้เจ็บมาก”

     

     

     

     




     

     

     

    เวลาไม่นาน ..หมอหนุ่มในชุดเสื้อยืดกางเกงขายาวก็เดินเข้าห้องมาหยุดมองอยู่ที่ข้างๆเตียงคนไข้.. หน้าตาคล้ายคลึงน้องชายมากเพราะคงเป็นพี่ชายแท้ๆ.. แต่ท่าทางแข็งแรงกว่าและดูเป็นผู้ใหญ่กว่ามาก  

     

     

     




     

     

     

    “ไง?.. หนุ่มนิรนามตื่นแล้วเหรอ?.. ตื่นมาก็ทำร้ายคนเลยนิดีแล้วล่ะ.. แสดงว่าอาการนายดีขึ้น” หมอหนุ่มจัดแจงเครื่องมือและน้ำยาสำหรับล้างแผล สวมถุงมือยางอย่างรวดเร็ว..

     

     

     




     

     

    “มาจากไหนล่ะเรา?.. ไม่พูดไม่จา”  มือใหญ่ค่อยๆแกะผ้าพันแผลออก แล้วจัดการชุดน้ำยาบางอย่างแล้วเช็ดลงไปบนแผลใหญ่ที่ท้องเบาๆ

     

     

     




     

     

     

    “นายอย่าดื้อนะ.. หมอฟรานซิสเค้าใจดีมาก ..น้องชายฉันน่ะเป็นคนดีมาก ฉะนั้นอย่าถีบเค้าอีกนะ” หมอแฟรงค์หัวเราะอย่างเป็นกันเอง ชวนอีกคนคุยอย่างไม่ถือตัว

     




     

     

     

     

    “อีกอย่าง.. เค้าเป็นหมอรักษาสัตว์น่ะ.. ไม่น่าเชื่อว่าจะมีคนเอาคนยัดใส่กล่องแล้วส่งมาให้เค้าเลี้ยง.. ฮ่าๆๆ”

     

     

     



     

     

     

     

    ” ชายนิรนามไม่ตอบโต้อะไร นอนนิ่งเงียบเหมือนคนเหม่อลอย จนหมอแฟรงค์พันผ้าสีขาวสะอาดผืนใหม่ให้

     

     

     

     

     



     

     

    “อ่ะเสร็จแล้ว.. ตั้งแต่นายมาสลบอยู่นี่ฉันก็มาล้างแผลและก็ตรวจร่างกายให้นายทุกวัน.. ไม่น่าเชื่อว่าจะรอด” ชายหนุ่มมองหน้าหมอด้วยสายตานิ่งสนิท

     

     

     

     




     

    “ซี่โครงหัก.. แขนหัก.. ปอดบวม.. ข้อเท้าพลิก หัวแตก โดนมีดแทงที่ท้อง.. โดนซ้อมซะอ่วม.. สภาพไม่น่าจะเป็นคนอยู่ได้.. นายมันเจ๋งจริงๆ”  หมอแฟรงค์เก็บเครื่องมือใส่กล่องให้เรียบร้อย

     

     




     

     

     

    “และก็อะไรที่นายคิดว่าคนอื่นไม่รู้.. ฉันรู้นายน่ะมันไม่ธรรมดา อย่าคิดมาซ่ากับคนแถวนี้ล่ะ.. ฟรานซิสไม่ใช่คนของแก.. หึ” หมอหนุ่มพูดตบท้ายอย่างหวงน้องชายพรางยิ้มเย็นให้

     

     

     

     

     

     

    “พรุ่งนี้ฉันจะมาตรวจร่างกายแล้วล้างแผลให้ใหม่.. วันนี้วันอาทิตย์คลินิกน้องชายฉันปิด เค้าคงดูแลนายได้ทั้งวัน.. อย่าลืมคำพูดฉันล่ะ” ขายาวๆค่อยๆก้าวเดินออกไปจากห้องอย่างเงียบๆ..

     

     

     





     

     

    คนไข้นิรนามนอนนิ่งอยู่บนเตียงคนไข้ สีหน้าเหมือนครุ่นคิดอะไรบางอย่าง..  ทั้งที่หัวจะระเบิด.. สิ่งที่สมควรทำตอนนี้คืออะไร?.. จะกลับบ้านยังไง? ติดต่อกับใครก่อนดี?

     

     

     

     

     



     

     

    …3 วันต่อมา

     





     

     

     

     

     

    “หิวรึยัง??” คุณหมอหน้าหวานเดินกลับเข้ามาหาคนตัวสูงพร้อมกับกล่องอาหารที่อัดแน่นไปด้วยโภชนาการ

     

     

     




     

     

    “อ่ะ.. กินข้าวกัน”

     

     





     

     

    ” ห้องสีขาวเงียบไปชั่วครู่.. ก่อนที่หมอฟรานจะตักข้าวพร้อมผักหลากสีขึ้นมาหนึ่งคำ จากกล่องข้าวกลางวันที่เขาเตรียมมาทานตั้งแต่ตอนเช้า

     

     

     





     

     

    “ไม่ได้กินอะไรหลายวัน.. อยู่ได้นายก็คงเป็นซอมบี้”

     

     

     





     

     

    “อ่ะ.. คำนึงก็ยังดี” หมอหน้าสวยยื่นช้อนไปจ่อปากอีกคน  แต่แล้วชายนิรนามก็ใช้มืออีกข้างปัดจนช้อนตกลงไป .. ข้าวกระจายเลอะเทอะไปทั่วเตียง

     

     







     

     

    หมอฟรานซิสยืนนิ่ง.. เขาวางกล่องข้าวลงช้าๆบนโต๊ะ  ค่อยๆก้มหน้าลง..ร่างกายเริ่มสั่นไปด้วยความโกรธปนความเหนื่อย.. น้ำตาอุ่นๆไหลลงมาอาบใบหน้าหวาน.. เหตุการณ์เริ่มทำให้ชายนิรนามอึดอัด.. แต่ความดื้อรั้นยังทำให้เขาไม่พูดอะไร

     

     





     

     

     

    …  นายเป็นอะไร?.. ไม่อยากหายเหรอ?.. หรือไม่หิว?” หมอหนุ่มพูดเสียงสั่น

     

     

     





     

     

    “วางไว้ตรงนี้นะ.. หิวก็กิน”  เขาส่งรอยยิ้มให้คนไข้นิรนามก่อนจะเดินออกจากห้องไป

     

     

     





     

     

    ทิ้งไว้แต่ความว่างเปล่า

     

     





     

     

     

    นาฬิกาบอกเวลาห้าโมงเย็น.. ชายนิรนามยังนอนอยู่บนเตียงไม่ไปไหนเพื่อรอให้หมอกลับมาหาเขา.. แต่นอนรอเท่าไหร่ก็ยังไม่มา.. ตั้งแต่ตอนเที่ยง.. จนตอนนี้.. มันเงียบเหลือเกิน หรือ.. เขาจะโกรธจริงๆ?

     

     





     

     

     

    “ฟรานซิส..” ชายนิรนามพยายามพยุงตัวเองลุกขึ้นจากเตียง ขาที่ใส่เฝือกอยู่พยายามยืนทรงตัวบนพื้นให้ได้.. และเริ่มก้าวออกไปช้าๆด้วยตัวของเขาเอง  มือที่ใช้ได้พยายามเกาะสิ่งรอบข้างเพื่อทรงตัวเดินต่อไปได้.. จนหาหมอฟรานซิสจนเจอ..

     

     





     

     

     

    “ฟรานซิส” ชายนิรนามเอ่ยชื่อเรียกคนตัวเล็กที่นอนหลับอยู่บนโซฟาในห้องทำงาน

     

     






     

     

     

    “หมอ..” 

     

     

     





     

     

    “หืม?”  หมอหนุ่มค่อยๆลืมตาขึ้นมองหาเสียงอีกคน  ทันทีที่เห็นเขาทำหน้าแปลกใจทันที

     

     





     

     

     

    “ออกมาได้ยังไง? อยากเดินเล่นแล้วล่ะสิ.. กินข้าวรึยัง?” คนที่งุนงงยิ่งกว่าคือชายนิรนาม เพราะแทนที่หมอจะโกรธเขา.. แต่เขากลับยิ้มให้แถมยังคุยปกติ  จิตใจอ่อนโยนเสียจริง..

     

     

     





     

     

    “ขอโทษ..” ชายนิรนามเอ่ยปากบอกหมอหน้าหวานเสียงเบา

     





     

     

     

     

    “ไม่เป็นไร..ฉันไม่ได้ว่าอะไรนาย..อย่าเศร้าไปเลย..

     

     

     




     

     

     

    หมอฟรานซิสยิ้มกว้าง  ..ทันใดนั้นคนไข้นิรนามก็ดึงเข้าไปโอบกอดแน่น.. หัวใจเต้นถี่ เสียงลมหายใจอันแผ่วเบาและไออุ่นที่ออกมาจากคนตัวสูงส่งผ่านเข้ามา.. บรรยากาศเงียบสนิท.. ทำให้ใบหน้าใสขึ้นสีแดงก่ำทันที

     

     





     

     

     

    “ฟรานซิส.. ขอบคุณ” เสียงที่บอกนั้น.. เหมือนหัวใจหมอหนุ่มกำลังจะหยุดเต้น.. เขาพูดแล้ว.. น้ำตาแห่งความดีใจเอ่อคลอเบ้า..

     

     





     

     

     

    แบบนี้มันเรียกว่าความหวั่นไหวรึเปล่า?...












     

    “TO BE CONTINUED”





     
     
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×