ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [BeeCris/บีคริส] Deepens But Faraway

    ลำดับตอนที่ #3 : OS I : VALENTINE’S DAY

    • อัปเดตล่าสุด 10 เม.ย. 60


    SPECIAL CHAPTER I : VALENTINE’S DAY.

     

     

    จริงไหม...ที่คำบางคำ สามารถทำให้เรานึกถึงคนบางคนได้...

     

    แค่เพียงได้ยิน...

     

    จริงไหม...ที่สิ่งของบางอย่าง สามารถทำให้เรานึกถึงคนบางคนได้...

     

    แค่เพียงได้เห็น...

     

    ความทรงจำเก่าๆ...ก็กลับมาอีกครั้ง

     

     

              “ดีมากครับ นั่นแหละครับ เอามือลูบหัวแมวนิดนึง”สิ้นเสียงสั่งของช่างภาพก็มีเสียงรัวชัตเตอร์ตามมาเป็นระยะ ร่างบางที่นอนโพสต์ท่าบนโซฟาหนังสีน้ำตาลใช้มือเรียวลูบไล้เจ้าเหมียวที่เป็นพร็อบประกอบฉากพลางส่งสายตาที่ถูกกรีดด้วยอายไลน์เนอร์จนคมกริบให้กับกล้องตามคำสั่ง

              “เรียบร้อยนะ เซ็ทต่อไปถ่ายกับเซเซ่เลยนะครับ”โดย เซเซ่ที่ช่างภาพหนุ่มพูดถึงก็คือเจ้างูเหลือมพม่าที่ลำตัวยาวกว่า 5 เมตรและสิ่งนั้นทำให้ คริสนึกไปถึง คนบางคนที่ชอบแกล้งเธอเรื่องนี้นักหนา...รู้ทั้งรู้ว่าเธอทั้งเกลียดทั้งกลัวสัตว์เลื้อยคลานไร้ขานี่ขนาดไหน ทั้งคอยแหย่ คอยเปิดรูปน่ากลัวนั่นนี่สารพัดให้ดู แต่จู่ๆศิรินก็ฉุกคิดขึ้นมาได้...

     

    จะไปนึกถึงทำไมกัน...

     

              “พี่คริสคะ ได้เวลาถ่ายต่อแล้วนะคะ”ทีมงานคนหนึ่งเดินมาเรียกเมื่อเห็นว่านางแบบสาวยังไม่เดินไปเข้าฉากสักที

              “อ้อ ค่ะๆ”คริสพยักหน้ารับก่อนจะเดินตามเข้าไปทำหน้าที่ของตัวเอง

              วันนี้ช่างภาพใหญ่ทั้งสั่งให้เธอจับ ลูบ เล่นกับเซเซ่อย่างจัดเต็ม เรียกได้ว่า แทบจะแนบเป็นร่างเดียวกัน จนเธอแทบไม่ไหวก็หลายครั้ง แต่ด้วยความเป็นมืออาชีพก็ทำให้คริสยังคงมีสปิริตสู้ต่อได้จนถ่ายเสร็จ

              “สวยครับ เลอค่า...นางพญามากๆ”เขาพูดเพ้อๆพลางจ้องมองกล้องในมือที่มีรูปถ่ายของคริส แต่หารู้ไม่ว่าคำพูดคำนั้นทำให้คนทั้งกองรวมทั้งคริสเองชะงัก...

     

    ใครก็รู้ว่าคำว่า นางพญา เป็นคำต้องห้าม...ของคริส

     

              “คริสขอตัวกลับก่อนนะคะ”น้ำเสียงเรียบๆไม่บ่งบอกอารมณ์ทำให้คนทั้งกองถ่ายขนลุกเกรียวเป็นแถบ ไม่เว้นแม้แต่คนพูดเอง...จนต้องหันไปถามคนข้างๆหลังจากที่เธอเดินออกจากสตูดิโอไปแล้ว

              “พี่ผิดตรงไหนเหรอคะคุณน้อง...”

     

             คริสกลับมาที่คอนโดฯด้วยอาการหงุดหงิด วันนี้มีอะไรหลายอย่างที่น่าหนักใจและน่าโมโหด้วย ไม่รู้ว่าอะไรๆที่ทำให้นึกถึงใครบางคนมีมากกว่าปกติหรืออย่างไร...

     

    หรือว่าเป็นเพราะพรุ่งนี้...เป็นวันวาเลนไทน์

     

              สำหรับคนอื่นๆ วันวาเลนไทน์คือวันแห่งความรักที่มีไว้แสดงความรักต่อคนที่เรารัก เป็นวันแห่งความสุข...แต่สำหรับเธอ มันคือวันที่เธอเกลียดที่สุดในรอบปี

     

    เป็นวันที่มีความทรงจำเกี่ยวกับคนๆนั้นมากที่สุด...

     

              ตั้งแต่เมื่อสามปีก่อน คือวันที่คนรักทิ้งเธอไป...ไปมีอนาคตที่ดีกว่า พร้อมๆกับช่วงชิงทั้งร่างกายและหัวใจของเธอด้วย

              คริสปาหมอนและข้าวของใกล้ๆอย่างไม่ไยดี เธอไม่สนใจหรอกว่าห้องจะรกหรือเละเทะยังไง ตอนนี้รู้เพียงแค่...

     

    หงุดหงิดเพราะ...โคตรคิดถึง

     

              คริสฟาดงวงฟางาอยู่พักใหญ่ หน้าหมวยๆงุยไปไม่รู้กี่รอบต่อกี่รอบ ก่อนจะเก็บข้าวเก็บของที่ตนเองทำรกอย่างมีสติที่สุด จนข้าวของกลับมาเป็นระเบียบอีกครั้ง

              ร่างเพรียวระหงทิ้งตัวนั่ง แต่ก็อยู่ไม่ติดอยู่ดี ทั้งๆที่ยังไม่เคยคิดถึงมากขนาดนี้ ความรู้สึกนี้...ยังไม่เคยรุนแรงขนาดนี้

              คริสถอนหายใจ หยิบสมาร์ทโฟนขึ้นมาดูก็พบข้อความแจ้งเตือนทางไลน์จากไลน์กรุ๊ปของ สมาคมคนหน้าตาดีมีแฟนแล้วเธอถอนหายใจ เห็นชื่อกลุ่มทีไรเป็นหงุดหงิดทุกที แต่เพราะเหล่านางมารที่เหลือไม่ยอมให้เธอเปลี่ยนชื่อกลุ่ม เลยต้องทนๆเห็นมันต่อไป

     

     เจนสุดสวย : พน.วาเลนไทน์ พวกแกไปไหนกัน

    ววว...วุ้นเส้น : ฉันไปญี่ปุ่น ดูดีมะแกกก

    ไม่ไป : คริสไม่ใช่คูริสไม่ใช่คูก่าคูก้า

    เจนี่ไม่ได้โปรโมทแต่โสดอยู่: ใช่ ฉันมีอิคริสเป็นเพื่อน เนอะแก

    นาหน่าน่านานา : อิคริสฉันได้ข่าวว่าแกเหวี่ยงใส่ช่างภาพที่สตูตอนถ่ายแบบ

    พะออลหล้าน่ารัก : ใช่ฉันก็ได้ยินพวกช่างซุบซิบกัน

    ชั่งแม่ง : คริสไม่ใช่คูริสไม่ใช่คูก่าคูก้า

    แอน...แอ่นแอ๊น : ตกลงยังไง

    ววว...วุ้นเส้น : อิคริสคะตอบบบ

    พะออลหล้าน่ารัก : เงียบอีกก

    แอน...แอ่นแอ๊น : ตกลงยังไง ครั้งที่ 2

    เจนสุดสวย : ก็จะอะไร อิหมวยมันเหวี่ยงได้เรื่องเดียวนั่นแหละ

    นาหน่าน่านานา : แยกเถอะค่ะๆ ท่าทางไม่ดี

     

              “เฮ้อ~~”คริสถอนหายใจยาวเหยียด พวกแก๊งค์เพื่อนรักนี่ก็รู้ดีจริง...รู้จนบางทีก็อึดอัด เรื่องแบบนี้เก็บไว้กลุ้มคนเดียวก็พอ

              สาวหน้าหมวยตัดสินใจลุกไปอาบน้ำ เผื่อว่ามันจะช่วยให้ผ่อนคลายมากขึ้น...แล้วก็ผ่อนคลายขึ้นจริงๆ ความอุ่นของน้ำในอ่างจากุซชี่ทำให้หญิงสาวรู้สึกดีขึ้นมาก จนเธอเผลออยู่ในนั้นกว่าสองชั่วโมง พอออกมาก็แทบจะได้เวลาเข้านอน...แต่ก่อนหน้านั้น เธอจะต้องทำบางอย่างก่อนนอน

     

    บางอย่างที่ทำมาตลอดสามปี...

     

              โหลแก้วใบใหญ่เต็มไปด้วยดาวกระดาษนับพันดวง เคยมีคนบอกคริสว่าการพับดาวสามารถทำให้หายคิดถึงคนบางคนได้ เธอทำตามตลอดมาแม้ว่ามันจะไม่เคยมีวันไหนที่ไม่คิดถึงเขาคนนั้นเลยก็ตาม

              หลังจากพับดาวไปประมาณสิบกว่าดวง ร่างเล็กก็เตรียมปิดไฟเข้านอนตามปกติ โดยไม่ทันสังเกตเห็นอะไรบางอย่างในห้องครัว...



              “อืมม”เจ้าของใบหน้าหมวยๆครางเบาๆเมื่อถูกรบกวนการนอนจากใครบางคน แถมยังอึดอัดเพราะรู้สึกเหมือนอะไรบางอย่างมารัด

     

    หรือจะเป็นงู!!!!

     

                คิดได้ดังนั้นดวงตาที่ปกติแทบจะเป็นขีดเดียวก็ลืมตาโพลงพร้อมกับอาการดิ้นสุดชีวิตแบบไม่ดูอะไรทั้งสิ้น! เรียกได้ว่าแรงมีเท่าไหร่ใส่ไปให้หมดไม่ต้องยั้ง

                “อุก...คริส”แต่สาวหมวยก็ต้องหยุดชะงักเมื่อได้ยินเสียงที่คุ้นเคยดังมาจากข้างเตียงที่ตัวอะไรใหญ่ๆเมื่อกี้เพิ่งตกลงไป พอชะโงกหน้าไปดูก็ต้องเบิกตาอีกครั้ง

     

    งูนี่คือเนื้อคู่สินะ!!!

     

                “บี!!!”สาวหน้าคมเจ้าของดวงตาทรงเสน่ห์สีน้ำตาลกำลังนอนกุมท้องตัวงอ แต่ไม่ได้ร้องโวยวายมากนัก อาจเป็นเพราะจุกจนร้องไม่ออกก็เป็นได้

                คริสรีบลงไปประคองอีกฝ่ายด้วยท่าทีตกใจ ยิ่งลนลานมากขึ้นไปใหญ่เมื่อเห็นว่าบีมีท่าทีนิ่งๆแถมยังไม่ยอมสบตา

                “บี เป็นอะไรรึเปล่า คริสขอโทษนะ เจ็บมากมั้ย...”และละล่ำละลักถามออกไป มีก็ปัดป่ายไปตามเนื้อตัวของอีกฝ่ายเพื่อดูบาดแผล ทว่าสาวตาคมก็รวบคนขี้ตกใจเข้าไปกอด กระชับอ้อมกอดให้อุ่นยิ่งขึ้นโดยไม่มีคำพูดใดๆ คริสเองก็เหมือนจะรู้ตัวบ้างแล้วจึงตั้งท่าจะขืนตัว

                “เจ็บ...มั้ยคริส”คนถูกถามเลิกคิ้วอย่างงงันกับประโยคกำกวม แม้ว่าบีจะกอดเธออยู่แต่ก็ไม่ได้กอดแรงจนเธอมีทีท่าว่าจะเจ็บ ตรงข้ามแล้วอยากอยู่ในอ้อมกอดนั้นไปนานเท่านานเลยมากกว่า

                “เจ็บอะไร”เสียงแหบๆถามกลับอย่างไม่เข้าใจสิ่งที่อีกฝ่ายจะสื่อ เธอสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อน้ำทิพย์ซุกหน้าไปกับเรือนผมนุ่มหอม

                “บีไม่อยู่...คริสคงเจ็บ คริสคงคิดถึงบี...เหมือนที่บีคิดถึงคริส”น้ำทิพย์ยิ้มเมื่อได้ยินว่าร่างเล็กในอ้อมกอดทำเสียงไม่พอใจในลำคอ มือเรียวเล็กพยายามแกะแงะแซะและแคะ!!! แต่ก็ไม่เป็นผล ร่างสูงกว่ายังคงกอดเธอไว้แน่น

                “หลงตัวเองมากเกินไปรึเปล่าบี คริสสบายดี ไม่ได้เจ็บ...แล้วก็ไม่ได้คิด...”

                “คริส...”ร่างสูงเรียกชื่อเธอด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล ตัดประโยคที่เธอกำลังจะพูดราวกับไม่ต้องการได้ยิน ก่อนจะพูดต่อ

                “ไม่คิดถึงบีจริงเหรอ...บีไม่สำคัญแล้วเหรอคะ”ยิ่งน้ำทิพย์ใกล้เข้ามามากขึ้น ยิ่งลมหายใจอุ่นร้อนสัมผัสกับต้นคอ ยิ่งทำให้เธอไม่มีแรงแม้แต่จะเอ่ยปากบอกว่าไม่ หัวใจทรยศยอมศิโรราบต่อความอบอุ่นของอีกฝ่าย ศิรินยอมรับเลยว่าโหยหาความอบอุ่นแบบนี้มาตลอดสามปีและคงไม่มีวันไม่ต้องการ

                “บีสำคัญ...สำหรับคริสเสมอ”ดวงตาสองคู่สบประสาน สื่อคำรักโดยไม่ต้องเอื้อนเอ่ยออกมาเป็นคำพูด แม้เวลาจะผ่านมานาน...แต่ความรู้สึกที่ฝังลึกยังคงชัดเจนในหัวใจ

                ใบหน้าคมโน้มต่ำ ริมฝีปากสีธรรมชาติไร้การแต่งแต้มเคลื่อนลงมาด้วยความคะนึงหา ศิรินเองก็ไม่ต่างกัน แต่ทว่า...เพียงเสี้ยววินาทีก่อนที่ทั้งสองจะได้สัมผัสกันสมใจ ความรู้สึกผิดชอบชั่วดีของศิรินก็กลับมาทำงานกะทันหัน มือเรียวบางผลักอีกคนออกไปทันที ทำให้น้ำทิพย์มองอย่างไม่เข้าใจ

                “บีกลับมาทำไม...”โทนเสียงที่ใช้ในการเรียกก็เปลี่ยนไป แต่น้ำทิพย์ก็เข้าใจคนตรงหน้า เธอเล่นหายไปตั้งสามปีแบบไม่มีการติดต่อกลับมา...เป็นใคร ใครเขาก็โกรธ

                “คริสคะ บีไปเรียนต่อมา แล้วตอนนี้บีก็กลับมาหาคริสไงคะ...”

                “คริสรู้...ว่าบีไปเรียนต่อ แต่ทำไมบีทำแบบนี้ บีไม่เคยติดต่อหาคริสเลยซักครั้ง บีเห็นคริสเป็นอะไร”ศิรินตั้งท่าจะร้องไห้ขึ้นมาเสียดื้อๆ ทำเอาคนที่ห่างหายจากการรับมือความงอแงไปนานถึงกับตั้งตัวไม่ทัน

                “คริสอย่าร้องไห้สิคะ บีแค่...”ยิ่งเห็นอีกฝ่ายกระอักกระอ่วน คริสก็ยิ่งรู้สึกว่าร่างสูงกำลังคิดหาข้ออ้างมาตอบแน่ๆ จึงปล่อยโฮออกมาจนน้ำทิพย์ต้องรีบเข้าไปปลอบ

                “บีไม่ติดต่อมา...คงเพราะบีแฮปปี้ดีสินะ ลืมคริสไปแล้วสินะ เพิ่งนึกถึงคริส ตอนกลับมาใช่มั้ย...ฮึก”น้ำทิพย์อดที่จะสงสารศิรินไม่ได้ และตัดสินใจว่าคงจะต้องบอกเหตุผลที่ไม่ได้ติดต่อกลับมา แม้ว่าจะขัดกับเจตนารมณ์เดิมของตนก็เถอะ

                “บีกลัว...”

                “บีกลัวว่าจะคิดถึงคริสจนไม่ได้ตั้งใจเรียน บีกลัวว่าจะเรียนไม่จบอีก...บีอยากให้คริสทำงาน...บีตั้งใจเรียนให้จบเร็วที่สุด เราจะได้กลับมาอยู่ด้วยกันไงคะ คนดี”เพราะน้ำทิพย์กับเธอเจอกันที่อเมริกา ตอนที่เธอเรียนจบ...น้ำทิพย์ก็ตามกลับมาอยู่ด้วย ทิ้งการเรียนที่นั่นไปอย่างสิ้นเชิง ทำให้พ่อและแม่ของน้ำทิพย์ไม่พอใจทั้งเธอเองและการกระทำของลูกสาว เมื่อเห็นว่าเวลาผ่านไปนานพอสมควรจึงส่งตัวน้ำทิพย์กลับไปเรียนอีกครั้ง

                “แล้วเรียนจบมั้ย...ป.ตรีเรียนสี่ปีไม่ใช่หรอ อย่าบอกนะว่าหนีกลับมาก่อนอีก”คริสถามด้วยน้ำเสียงกังวล ร่างสูงยิ้มกริ่มโชว์เขี้ยวเล็กๆอย่างเจ้าเล่ห์

                “ถ้าบีหนีกลับมาก่อน...คริสจะว่าไงคะ”

                “บี!”ยิ่งได้เห็นท่าทีตกอกตกใจของสาวหมวย ยิ่งทำให้คนขี้แกล้งรู้สึกชอบใจ แต่ก็คิดเหมือนกันนะว่า...คริสชักจะเป็นคนจริงจังมากไปเสียแล้ว

                “กลับไปเรียนเลยนะ กลับไปเลยบี!

                “แล้วคริสไม่อยากอยู่กับบี ไม่อยากให้บีกลับมาอยู่ด้วยแล้วเหรอ”เธอถามด้วยน้ำเสียงน้อยใจจนคนฟังถึงกับใจอ่อนยวบ ก่อนที่ศิรินจะตอบเสียงอ่อย

                “อยากสิ...แต่ยังไง คริสก็ห่วงอนาคตบีมากกว่า”

                “แล้วถ้าบีบอกว่า...บีรีบเรียนจนจบแบบเร่งหลักสูตร เพื่อกลับมาหาคริส...คริสว่ายังไงคะ”ร่างสูงพูดอย่างใจเย็น ยิ้มมุมปากให้กับสีหน้าฉงนของอีกฝ่ายก่อนจะเปิดรูปรับปริญญาของตนให้สาวหมวยดู

                “เกียรตินิยมอันดับหนึ่ง...”ศิรินมองเธออย่างเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง เพราะตอนเรียนอยู่ที่อเมริกาด้วยกัน น้ำทิพย์นั้นผลการเรียนตกต่ำขนาดไหนหล่อนก็รู้ดี...บางวิชานั้นถึงกับดรอปแล้วดรอปอีกอย่างน่าสงสาร

                “คิดว่าเป็นไง...พอจะทำให้พ่อกับแม่ยอมรับได้รึเปล่าคะ”ศิรินนิ่งเงียยบ...จนเธอรู้สึกใจคอไม่ดี

                “ความรักของเรา...ไม่มากพอเหรอ ไม่มากพอจะทำให้คนอื่นยอมรับ...ไม่มากพอที่จะทำให้เราได้อยู่ด้วยกันเหรอคะ”น้ำทิพย์ถามอย่างเจ็บปวด

                “สิ่งที่จะทำให้พ่อกับแม่ยอมรับไม่ใช่เรื่องรักมากหรือว่ารักน้อยหรอก...แต่เป็นเพราะเรา...”

    “เราเป็น...ผู้หญิง...สินะ”น้ำทิพย์ต่อคำอย่างเข้าใจ เธอรู้ดีว่าความรู้สึกที่พวกเธอมีต่อกันนั้นมันยากเกินกว่าที่พ่อกับแม่จะเข้าใจ เธอพูดจบก็นิ่งคิดไปครู่หนึ่ง...ก่อนที่จู่ๆ ร่างเพรียวระหงก็ลุกพรวดแล้วฉุดข้อมือเธอให้ลุกตาม

    “ไปไหนบี”ศิรินถามอย่างตระหนก แม้จะไม่แปลกใจเท่าใดนักที่แฟนสาวมีอาการเหมือนโกรธแค้นใครมา

    “ตามมาเหอะคริส”ไม่เปิดโอกาสให้อีกฝ่ายได้เอ่ยปากถามอะไรให้มากความ น้ำทิพย์ก็พาร่างเล็กมาที่คฤหาสน์จงรัชตวิบูลย์ทันทีด้วยสปีดตีนผีที่แอบฝึกขับรถตั้งแต่อยู่ที่อเมริกา

    “บี? กลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่...แล้วนี่ทำไมไม่บอกแม่เลย มันเพิ่งจะสามปีไม่ใช่เหรอลูก”คนเป็นแม่ถามทันทีที่เห็นลูกสาวของตนเดินเข้าบ้านมา แต่ที่ทำให้ยิ่งรู้สึกสงสัยคือผู้หญิงอีกคนที่ตามมาในสภาพไม่น่าดูชมเท่าใดนัก

    “บีเรียนจบแล้วค่ะแม่...ที่บีกลับมาวันนี้ก็เพราะมีเรื่องอยากจะถามแม่...กับพ่อค่ะ”น้ำทิพย์เดาเอาว่าพ่อของเธอคงออกไปไดรฟ์กอล์ฟกับคู่ค้าตามปกติแบบที่ทำเป็นประจำในวันหยุด แต่การมาในช่วงที่พ่อไม่อยู่นั้นถือเป็นเรื่องดี...เพราะเธอรู้ว่า ยังไงแม่ก็ต้องช่วยเธอแน่ๆ

    “แม่คะ...แม่คงจำคริสได้”คริสยกมือไหว้แทบไม่ทันเมื่อบีเริ่มเปิดประเด็นโดยไม่ส่งสัญญาณเลยสักแอะ

    “ลูกสองคนคงยังคบกันอยู่สินะ...”

    “ค่ะ...บียังรักคริสอยู่”และเมื่อถูกบอกรักต่อหน้าผู้ใหญ่ คริสก็ทำตัวไม่ถูกเช่นกัน...

    “แม่รู้ว่าถ้าลูกรักใคร...ยังไงก็ไม่เปลี่ยนใจหรอก”

    “แม่คะ...คือ...”น้ำทิพย์ยังไม่ทันได้พูดอะไรก็โดนขัดขึ้นอย่างรู้ดี โดยน้ำเสียงดุดันแต่แฝงความอ่อนโยนไว้ภายใน

    “จะให้แม่พูดกับพ่อให้ล่ะสิ...ไม่ต้องแล้วล่ะ”เมื่อหันหลังก็พบชายวัยหกสิบกลางๆกำลังยืนมองอยู่ แม้จะไม่รู้ว่าพ่อของเธอเข้ามาตั้งแต่เมื่อไหร่ ทว่าน้ำทิพย์ก็มั่นใจว่า

    “พ่อ...”

    “พ่อไม่ว่าอะไรหรอก ลูกอยากจะทำอะไร...อยากรักใคร...มันสิทธิ์ของลูก ขอแค่พ่อกับแม่เห็นลูกมีความสุข...เราก็โอเค”มือที่เริ่มเหี่ยวย่นหย่อนลูบผมนุ่มอย่างเข้าใจ พร้อมๆกับรับลูกสาวที่โผเข้ามากอด

    “และถ้าบี...อยากจริงจังถึงขั้นแต่งงานล่ะคะ”คำถามนั้นทำเอาคนเป็นพ่อถึงกับชะงักไปเล็กน้อย ก่อนที่จะยิ้มให้ด้วยความอบอุ่นที่แผ่มาถึงจนศิรินรู้สึกได้

    “ก็ขอเค้าสิ...”นั่น...ดาเมจรีแอคชั่นก็มาถึงศิริน

    “แต่เมื่อก่อน พ่อกับแม่ไม่อยากให้หนูมีแฟนเป็นผู้หญิงนี่คะ”ก็เป็นธรรมดาที่น้ำทิพย์จะสงสัยซึ่งผู้เป็นพ่อก็ทราบเรื่องนิสัยความละเอียดอ่อนนี้ของลูกสาวตัวดีมาแต่ไหนแต่ไร แต่มันก็เป็นเฉพาะกับเรื่องสำคัญ คนสำคัญเท่านั้นแหละนะ

    “พ่อรู้ตั้งแต่ตอนที่คุยกับเพื่อนลูก ว่าลูกตั้งใจเรียนแค่ไหน...เพื่อจะกลับมาหาแฟน อยากเรียนให้จบเร็วๆ...ใช่มั้ย”

    “...”

    “พ่อมั่นใจในทันทีว่าหนูคริส...จะพาลูกไปในทางที่ดีได้แน่ และจะทำให้ลูกมีความสุขที่สุด พ่อกับแม่จะไม่เลือกสิ่งที่ดีที่สุดให้ลูก แต่พ่อกับแม่...จะเข้าใจและยอมรับในความสุขของลูกนะบี”น้ำทิพย์เข้าสวมกอดคนเป็นพ่ออีกครั้งด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม

    “ขอบคุณพ่อกับแม่จริงๆนะคะ”เป็นภาพครอบครัวที่ศิรินเห็นแล้วอดที่จะยิ้มตามไม่ได้ เธอเชื่อแล้วจริงๆว่าครอบครัวคือสิ่งวิเศษ

    “งั้นบีขออะไรอีกอย่างได้มั้ยคะ...”

    “พูดคะเหรอ?”น้ำทิพย์อ้าปากค้างเมื่อถูกพ่อแซว ปกติเขาไม่ใช่คนที่จะมาเอ่ยแซวอะไรไร้สาระแบบนี้หรอกนะ พ่อของเธอน่ะ!!!

    “พ่อ!! บีเป็นผู้หญิงนะคะ”คนสูงวัยกว่าหัวเราะร่วน เขารู้ว่าน้ำทิพย์ไม่ใช่ทอมบอย แต่ก็ยังอยากจะแหย่เล่น ก่อนจะถามด้วยเสียงจริงจังขึ้น

    “อ่ะๆ เอาจริงละ ไหน...จะขออะไร”พอดีกับที่แป๋ว แม่บ้านประจำคฤหาสน์นำน้ำมาเสิร์ฟ เพราะเห็นว่าทั้งหมดเริ่มย้ายที่นั่งคุยกันมาอยู่ที่ห้องรับแขกกันหมดแล้ว

    “ขอไม่มากเกินความสามารถของพ่ออยู่แว้วว....ขอคริสให้บีหน่อยสิ”

    “แค่กๆ”หญิงสาวอีกคนที่เพิ่งจะจิบน้ำที่สาวใช้ยกมาให้ถึงกับสำลักท่ามกลางรอยยิ้มเอ็นดูจากผู้ใหญ่ทั้งสอง

    “ได้สิ ลูกสาวคนเดียวคนเนี้ย พ่อทำให้ได้อยู่แล้ว...วันเวลา นัดมาเดี๋ยวพ่อจัดให้”น้ำทิพย์ถึงกับต้องร้อง อู้วหู... พร้อมลากเสียงยาวจนศิรินต้องบอกให้พอ

    “ป๋าจริงๆเลยนะคะ งั้นเดี๋ยวบีไปขอเองก่อนละกัน เดี๋ยวนัดอีกทีนะคะ ปะคริส"ด้วยความใจร้อนยิ่งกว่าโลก? ของคนตัวสูง ทำให้ศิรินต้องรีบลาพ่อและแม่ (ว่าที่สามี) เพื่อไปคุยกับพ่อและแม่ของตัวเองต่อ

    “จะรีบไปไหน”ศิรินว่าหลังจากออกมาจากบ้านน้ำทิพย์ โชคดีที่ทั้งพ่อและแม่ของร่างสูงที่นั่งเป็นสารถีให้เธออยู่นั้นเข้าใจในความรักของเธอทั้งสอง แต่ว่าครอบครัวหอวังของเธอ...ไม่ใช่คนหัวสมัยใหม่ โดยเฉพาะเมื่อปีก่อน ที่กวางและลิลลี่ น้องสาวทั้งสองของเธอเกิดมาบอกพ่อและแม่ว่าตนเองรักชอบกับผู้หญิงเท่านั้นแหละ

     

    พระเจ้าก็ไม่ช่วยหนีไปทอดกล้วยที่ไหนไม่รู้...

     

                “คิดอะไรอยู่ หืม?”รู้สึกตัวอีกทีรถคันหรูของน้ำทิพย์ก็จอดแน่นิ่งที่ลานจอดรถคอนโดของเธอเอง พร้อมกับใบหน้าคมที่ใกล้มากจนศิรินสะดุ้งกายเบาๆ

                “บีอ่ะ ชอบทำคริสตกใจ...”คนชอบแกล้งเพียงยิ้มกริ่มแล้วจ้องมองใบหน้าหมวยๆอย่างตั้งอกตั้งใจ

                “คริสก็นึกว่าบีจะพาคริสไป...ที่บ้าน”ปลายเสียงแผ่วลงแต่คนตัวสูงก็รู้ว่าทำไม มือเรียวลูบผมนุ่มเบาๆ

                “วันนี้วันวาเลนไทน์น้า...บีอยากอยู่กับคริสมากกว่า เรื่องอื่นนั่นน่ะ...ค่อยว่ากันวันอื่น”เมื่อเห็นว่าน้ำทิพย์ยิ้มกริ่มแบบมีนัยยะ ศิรินก็ออกอาการผวา

                “ไม่ได้คิดจะทำอะไร? ใช่มั้ยบี”ร่างสูงเพียงหัวเราะแล้วชวนลงจากรถ ตรงข้ามกับเธอที่หวั่นใจไปตลอดทาง

               

    ปีก่อนโน้น...ก็เซอร์ไพรซ์ด้วยกระเป๋าหนังงู

     

    จะดีใจมากที่มันไม่ได้มากจากงูเนี่ย...

     

    ปีก่อนไปเรียนต่อ ก็จัดห้องที่ใช้ลูกโป่งงูมาขดเป็นตัวอักษรว่ารักคริสแปะเต็มห้อง

     

    คือ...บีคะ นี่คือรักมากของบีสินะ...

     

                “ไม่แกล้งคริสอีกใช่มั้ยเนี่ย”เจ้าของนัยน์ตาสีน้ำตาลยิ้มกริ่มแต่ก็ยังสงบปากสงบคำไว้กลัวว่าดอกพิกุลจะร่วง? จนเมื่อทั้งคู่เปิดประตูเข้ามาในห้องก็พับกบ....

     

    ...

     

                “ปีนี้...บีไม่มีอะไรพิเศษจะให้คริสเลย”แหม แล้วกี่ปีๆมันเคยโรแมนติกเหมือนคู่อื่นๆเค้ามั้ยล่ะ...

                “คริส...”เสียงที่เรียกชื่อเธอเหมือนจะอ่อนโยนกว่าทุกครั้ง จ้องมองไปในดวงตาสีเข้มของอีกฝ่ายก็พบแต่ความรักที่สื่อออกมาจนแทบจะล้นห้อง

                “แต่งงานกันนะ...”แม้ว่าน้ำทิพย์จะบอกพ่อให้ไปขอเธอเรียบร้อยต่อหน้าต่อตาแล้วก็เถอะ แต่คนตัวสูงนั้นรู้ดีกว่าใคร...ว่าศิรินเป็นคนชอบความโรแมนติกมากขนาดไหน

                “ขอเค้าแต่งงานทั้งที...ไหนล่ะแหวน”ศิรินถามแก้เขิน ที่จริงก็รู้อยู่แล้วว่าน้ำทิพย์คงเตรียมมาด้วย...

                “ลืมซื้อน่ะโทษที”คนตัวเล็กหน้าหมวยหุบยิ้มแทบไม่ทันกับประโยคหลัง...

                “บี!!!

                “โอ๋ๆ ล้อเล่นน่า...ใครจะลืม”หัวเราะไปพลางล้วงแหวนในกระเป๋ากางเกงยีนส์ขาดๆที่โชว์เรียวขาขาวออกมา

                “เอาจริงแล้วนะ...แต่งงานกับบีนะคะ”กล่องแหวนสีดำเรียบหรูถูกเปิดออก แหวนของเธอไม่ใช่แหวนเพ็ชรเม็ดโตราคาหลายล้าน แต่เป็นแหวนทองคำขาวเกลี้ยงๆธรรมดา ที่แทบจะไม่มีอะไรประดับอยู่เลยด้วยซ้ำ หากแต่ศิรินเข้าใจความหมายที่อีกฝ่ายต้องการจะสื่อ...

                “ค่ะ...คริสจะแต่งงานกับบี”คนตัวสูงบรรจงสวมแหวนที่ขนาดพอดีกับนิ้วของศิรินเป๊ะๆก่อนจะประทับริมฝีปากอย่างแผ่วเบา...

     

    ไม่ใช่ที่แหวนหรือหลังมือนิ่มๆนั้น...

     

    แต่เป็นส่วนเดียวกันของอีกฝ่าย...

     

                “คริสรู้ไหมคะ ทำไมบีถึงซื้อแหวนวงนี้ทั้งที่มันไม่มีอะไรเลย”น้ำทิพย์ยิ้มกริ่มหลังจากถอนจูบ กำลังลุ้นว่าคนตัวเล็กจะรู้ความหมายที่เธอจะสื่อหรือไม่

                “ถ้ามันไม่มีอะไร...บีไม่ซื้อหรอก”ศิรินว่าแล้วบีบจมูกคนรักอย่างมันเขี้ยว

                “เก่งจัง...บีจะทำให้ดู ว่ามันมีอะไร”น้ำทิพย์จับมือข้างที่สวมแหวนของศิรินขึ้นมา ค่อยๆประทับจูบ...

                ตัวแหวนเริ่มเปลี่ยนสีจากสีของทองคำขาวเป็นสีดำ...แล้วตัวอักษรที่จงใจสลักไว้ก็ปรากฏขึ้นเป็นสีทองล้ำค่า...

     

    You’re Everything For Me Everytime. Bee ❤ Cris.  

     

                “คริสชอบมั้ยคะ”ศิรินพยักหน้ารัวๆอย่างตื้นตันจนพูดไม่ออก น้ำทิพย์รู้ว่าคนรักชอบอะไรที่พิเศษและมีหนึ่งเดียว และนี่เป็นสิ่งที่เธอเลือก

                “แล้วรักมั้ยคะ”

                “ฮื่อ..ก็บอกไปแล้วไง”แล้วคนตัวเล็กก็ออกอาการเริ่มเขิน ใครจะใจกล้าบอกรักหลายๆครั้งติดกัน...

     

    อ้อ...ก็บี น้ำทิพย์ ไง

     

                “อยากฟังอีกน้าๆๆๆ”อ้อนด้วยสเต็ปลูกแมวแล้วอ้อยด้วยความนางพญา...นี่แหละคือบี น้ำทิพย์ จงรัชตวิบูลย์

                “รักบีค่ะ”

                “บีก็รักคริส รักมาก รักคนเดียว รักทุกวัน รักจนหมดลมหายใจเลยนะ”นี่ไง...แล้วอ้อนบอกรักเบอร์นี้จะไม่ให้รักได้ยังไง

                “อ้ออีกอย่าง...”

                “อะไรคะบี”

                “แหวนคู่นี้...เป็นแหวนของเรา...แหวนที่บีใช้เงินของบีเองซื้อ เป็นเงินที่ได้มาด้วยน้ำพักน้ำแรง มันอาจจะไม่ได้ดูหรูหรา มีระดับ...แต่มันจะไม่มีวันหมดแสง วันไหนที่บีไม่อยู่ บีอาจจะไปที่ไหนไกลๆ ถ้าคริสคิดถึงบี...คริสก็ลองให้ความอบอุ่นกับมัน...บีจะอยู่ข้างๆคริสเสมอ”

                “ขอบคุณบีนะ ที่รักคริส”

                “ขอบคุณคริสนะ...ที่ทำให้บีรู้จักความรัก”

     



    27/02/59

    Q: ไรท์ไปไหนทำไมไม่อัพ

    A: ติดสอบหนักมากจ้า

    Q: ทำไมเขียนนานจัง

    A: อ๋อไฟล์บินด้วยไวรัสจ้า TT

    Q: จะอัพอีกมั้ย

    A: อัพแน่นอนจ้า อัพจนจบเลยจ้า 

     


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×