ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ชายาวิปลาส

    ลำดับตอนที่ #5 : หนึ่งวิวาห์สะเทือนหกตำหนัก3

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 2.91K
      11
      22 ต.ค. 66

    บนรั้วกำแพงสูงของเรือนจื่อเถิง ได้ปรากฏร่างสง่างามของคนผู้หนึ่ง เจ้าของร่างสง่างามที่โผล่มายืนบนกำแพงเรือนนางอย่างไม่สนธรรมเนียมปฏิบัตินั้นมีรูปโฉมพิลาศลักษณ์ยิ่งนัก ผิวพรรณขาวผ่องผุดผาด ดวงตารีเรียวนั้นสุกสว่างพร่างพราวราวกับดวงดาราเจือไปด้วยความอ่อนโยน จมูกโด่งรั้นนั้นหรือก็รับกับริมฝีปากบางเฉียบสีสดที่ประดับยิ้มเจิดจ้าอยู่เป็นนิจ 

    งาม.... 

    งดงาม สูงส่งล้ำค่า งดงามเสียจนมิอาจเอื้อม 

    อันว่าชายงามเป็นเช่นนี้เองหรือ 

    ผู้คนที่หันมองต่างตะลึงกับใบหน้างามล้ำของผู้มาเยือน บ้างเคลิบเคลิ้มคล้ายจะเป็นลม แม้แต่บ่าวชายบางคนยังอดไม่ได้ที่จะหน้าแดงจนต้องเบือนสายตาหนียามเมื่อสบเข้ากับดวงดางามนั้น เหล่าผู้ไม่รู้ถึงตัวตนของผู้มาใหม่นั้นต่างรำพึงในใจ ลูกหลานบ้านไหนไหนหยอ ไยงามถึงเพียงนี้ ขณะที่ผู้ที่อยู่มานานบางคนนั้นก็อดที่จะลูบอกตนเองไม่ได้ 

    ไม่ชินเอาเสียเลย 

    ไม่ว่ายามใดก็ไม่สามารถทำตัวให้ชินกับใบหน้างามล้ำของ     เยี่ยนเว่ยอ๋องได้เสียที   

    ขณะที่เหล่าบ่าวไพร่และศิษย์น้องต่างละเมอเพ้อพกกับความงามอันเหนือปุถุชนของผู้มาเยือน นายของเรือนกลับถามผู้มาเยือนด้วยความเกรี้ยวกราด 

                “จะโผล่มาทำไมตอนนี้ ! ” 

                “อันเจี๋ย ข้าต้องการเจ้า” ทันทีที่ท่านอ๋องเอ่ยประโยคอันน่าตกใจออกมานั้น นางก็คว้ากาชาเขวี้ยงใส่บุคคลที่ยังอยู่บนกำแพง 

    “ใสหัวไปให้พ้นเลย”

    เคราะห์ดีว่าท่านอ๋องหลบทัน จึงได้หันมามองนายด้วยสายตาที่เจือความขุ่นข้องหมองใจ 

    “สตรีนิสัยเสีย ใยชอบปาข้าวของนัก ” 

    “บอกให้ใสหัวไปให้พ้นเรือนข้า โผล่มายามใดมิเคยจะนำเรื่องดี ๆ มาให้ข้าซักครั้ง ! ” 

    “เจ้ากล้าไล่อ๋องอย่างข้ารึ ! ”  

    ใบหน้างามล้ำงอง้ำและเบี้ยวบิดด้วยความไม่พอใจ หากว่ากลับทำให้รู้สึกน่าเอ็นดูและน่าหลงใหลเสียมากกว่า   

     เยี่ยนเว่ยอ๋องเหินตนลงมายังพื้นดินในเรือนของอันเจี๋ยเดินตามหลังนางไปอย่างสง่างาม...

    อันว่าคนงามเป็นเช่นนี้เอง จะทำอันใด เยื้องย่าง เอ่ยวาจา ก็งามตาน่าดูน่าชมไปเสียหมด

    “มองอันใดกัน การงานที่ข้าสั่งไว้เรียบร้อยดีแล้วรึ! ”

    ขณะที่ใครต่อใครต่างละเมอเพ้อพกในรูปงามของท่านอ๋อง สตรีที่มีอำนาจคับจวนอย่างอันเจี๋ยกลับต่อว่าบ่าวไพร่เสียงเขียวทั้งยังมองท่านอ๋องรูปงามอย่างไม่สบอารมณ์ไม่สนแม้แต่น้อยว่าชายที่ยืนตรงหน้านี้เป็นท่านเชื้อพระวงศ์พระองค์หนึ่งทั้งยังเป็นเชื้อพระวงศ์พระองค์ที่เป็นที่โปรดปรานของฮองเฮาและฮ่องเต้มากเสียด้วย

    ช่างเป็นสตรีที่ไม่กลัวตาย 

    “ส่วนเจ้าก็เอาหน้าอัปลักษณ์ ๆ ของเจ้าหลบไปให้พ้นสายตาข้า น่ารำคาญเสียจริง 

    “สตรีใจหยาบ !”

    จิ่วเหมยมองตามนายหญิงของตนที่เดินจ้ำอ้าวไปยังเรือนพักชั้นในทั้งยังปัดป่ายไล่เยี่ยนเว่ยอ๋องราวกับแมลงวันด้วยความท้อใจ

    เรือนพักชั้นในของคุณหนูใหญ่นั้นน้อยคนนักที่จะได้เข้าไป ทว่ากับท่านอ๋องที่ยังไม่ออกเรือนผู้นี้กลับเข้านอกออกได้ราวกับจวนของตนเอง...ผิดประเพณีเสียจนนึกท้อใจเหลือเกิน

    นางสั่งการคนที่เรือนด้านอกกับชับความเรียบร้อยอีกหน่อยจึงเดินตามผู้เป็นนายเข้าไปในเรือน

    เรือนพักชั้นในเรือนจื่อเถิด

    “ไม่มีขนมเลยรึ ” ยังไม่ทันที่จะนั่งลงดีเยี่ยนเว่ยอ๋องก็สอดส่องสายตามองหาอาหารว่างเสียแล้ว อันเจี๋ยที่คร้านจะต่อล้อต่อเถียงกับคนหน้าด้านจึงทำเพียงมองค้อนก่อนส่งสัญญาณเรียกให้สาวใช้ยกขนมและน้ำชาเข้ามา ท่านอ๋องเห็นเช่นนั้นจึงยิ้มกว้าง ทำให้เจ้าของเรือนยิ่งหงุดหงิดกว่าเดิม

    “รีบคุยธุระมาเสีย แล้วก็รีบไสหัวไป การงานข้ามีเยอะแยะ มิได้เป็นอ๋องว่างงาน นั่งกินนอนกิน เที่ยวเล่นไปวัน ๆ เช่นเจ้าหรอกนะ” 

    “ช่างประชด อิจฉารึที่ข้ามีเวลาบำรุงตัวเองจนรูปงามเพียงนี้ ส่วนตนเองได้แต่ทำงานจนหน้ามันอยู่อย่างนั้น” 

    กล่าวจบก็คว้าขนมเข้าปากด้วยท่าทางงดงามเสียจนคนฟังนึกหมั่นไส้จึงดีดก้อนหินขนาดเล็กที่นางมักจะพวกติดตัวอยู่เสมอโดนไปที่หน้าผากของท่านอ๋องอยากจัง  

    แม้ไม่แรงนักสำหรับผู้ที่เป็นยุทธ์แต่ก็แรงพอทำให้ปรากฏรอยแดงขึ้นสีที่กลางหน้าผาก

    “อันเจี๋ย เจ้ามันชักจะสามหาวขึ้นทุกวัน กล้าทำร้ายอ๋องอย่างข้ารึ!”

    “เหอะ! ริใช้อำนาจอ๋องข่มขู่ข้าในเรือนของข้างั้นรึ ใครกันแน่ที่มันกล้าขึ้นน่ะ” 

    “ก็เผื่อเจ้าจะยังนึกได้บ้างว่าข้ามีศักดิ์เป็นอ๋อง ตอนนี้สูงกว่าเจ้านัก ! ”

     เยี่ยนเว่ยอ๋องเชิดหน้าสูงใช้สองมือกอดอกกิริยาแง่งอนแสนน่ารักคล้ายกลั่นแกล้งเจ้าของเรือนเขารู้ดีว่านางนั้นเกลียดใบหน้างามและกิริยาเช่นนั้นของเขามากที่สุดครั้นอันเจี๋ยได้แต่มองด้วยความหงุดหงิด 

    มารยา ! 

    พึ่งได้รับการอวยยศได้ไม่นานก็อวดไปทั่ว หนอยแน่ ! 

    “สูงส่งมากนักก็ไปให้พ้นบ้านข้าเสียสิ ! ไปให้พ้นเลย แล้วเจ้าน่ะช่างกล้านัก เสียสติไปแล้วหรือถึงได้มาปีนเรือนข้ากลางวันแสก ๆ ท้าทายสายข่าวผู้อื่นเช่นนี้ ”

    เอ่ยไปทั้งใส่อารมณ์ไปด้วยหลังจากกล่าววาจายืดยาว พลันคอแห้ง จึงยกชาขึ้นมาจิบอึกใหญ่  

    “อาเจี๋ย เรามาแต่งงานกันเถิด ”

    พรวด !  

    อยู่ ๆ ท่านอ๋องคนงามก็เอ่ยขึ้นมาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย น้ำชาพุ่งพรวดออกมาจากปากมุ่งไปทางท่างอ๋อง ดีที่ว่าเยี่ยนเว่ยอ๋องกางพัดป้องกันได้ทันใบหน้างามจึงมิได้เปรอะเปื้อน

     กระนั้นก็ยังหันมาตำหนิอันเจี๋ยด้วยท่าทางรังเกียจรังงอน มิสนใจท่าทีตกใจของนางซักนิด  

    “น่าเกลียดจริง ๆ ”  

    “แค่ก ๆ เยี่ยนเว่ย  เจ้าพูดอะไรน่ะ !” นางไอโขลกเสียจนหน้าแดง จิ่วเหมยที่หลบมุมอยู่ด้านนอกจึงเข้ามาด้านในลูบหลังให้ผู้เป็นนายด้วยความเป็นห่วงทั้งยังพยายามเก็บอาการตกใจแทบสิ้นสติหลังจากได้ยินประโยคอันน่าขนลุกของเว่ยอ๋อง

    “เจ้ามิมีทางเลือกแล้ว ข้าก็เช่นกัน ” 

    “สตรีมีเต็มใต้หล้า ผู้ที่อยากได้เจ้าเป็นสามีนั้นเยอะเสียยิ่งกว่าอะไร เจ้าก็ไปหยิบ ๆ เลือก ๆ มาซักคนหนึ่งก็สิ้นเรื่องจะมายุ่งกับข้าทำไมเล่า ”  

    “ก็ข้ามิได้อยากแต่งกับพวกนางนี่ ! ”

     “แล้วอยากแต่งกับข้ารึอย่างไร !” 

    เว่ยอ๋องมิตอบแต่ก้มหน้ามองจอกชา ใช้นิ้วเรียวงามขาวดั่งหยกลูบขอบจอกชา ผู้เป็นสหายกันมานานย่อมมองออกว่าเขาแสดงความดื้อดึง ไม่ยินยอมออกมา เห็นกิริยาเช่นนั้นอันเจี๋ยยิ่งมีโทสะจนพลั้งเผลอปล่อยแรงกดดันออกมา  

    “ยังมีการใหญ่อีกมากมายที่ข้ายังทำไม่สำเร็จ เจ้าไปรบกับพวกขุนนางเฒ่าพวกนั้นเอาเองก่อนได้หรือไม่ ” 

    “จะไม่เห็นแก่ความเป็นสหายกันจริง ๆ หรือ ครานี้ข้ายากจะหาทางบ่ายเบี่ยงแล้ว เสด็จย่ากดดันข้าเรื่องนี้มานานแล้ว และครานี้ยังลงแรงรวบรวมขุนนางเตรียมกดดันเสด็จพ่อเรื่องนี้ด้วยน่าจะวันนี้กระมัง ก่อนออกมาจากวังข้าไม่ทันคิดเลยพลั้งปากบอกเสด็จย่าว่าจะแต่งกับเจ้า  

    “อาเว่ยนี่เจ้า ! ”  นางตกตะลึงเสียจนกล่าวอันใดต่อไม่ออก 

    “ก็มันจวนตัว หากครั้งนี้แค่เป็นการเอาภาพวาดบุตรีขุนนางเป็นสิบ ๆ มาให้ดูก็แล้วไปเถิด แต่ครานี้ส่งเทียบเชิญไปยังจวนขุนนางมากมายให้ฮูหยินและบุตรีที่ยังไม่ออกเรือนเข้าเฝ้าในวังให้ข้าดูตัว ทั้งยังเอ่ยถึงพระพลานามัยอีกด้วย ข้าคิดไม่ออกเลยพลั้งปากบอกว่าเดี๋ยวจะแต่งกับเจ้า ไม่เกินรุ่งสางพรุ่งนี้คงมีข่าวลือไปทั่วว่าข้าจะแต่งกับเจ้า ”

     ใครบ้างมิทราบว่าเว่ยอ๋องไม่ประสงค์ออกเรือน แล้วใครบ้างที่ไม่ทราบว่าคุณหนูใหญ่ตระกูลอันออกจะเกินเยียวยาเกินไปสำหรับหน้าที่ภรรยา  สำหรับคนทั้งสองการแต่งงานไม่ต่างอันใดกับนรกบนดินนัก

    “สหายชั่ว! จะลงนรกใยมิลงไปคนเดียว ใยต้องลากข้าไปด้วย !”นางตื่นตะลึงแทบสิ้นสติ เว่ยอ๋องแย้มยิ้มน้อย ๆ 

    “ไหนว่าเป็นสหาย มีสุขร่วมเสพ มีทุกข์ร่วมต้านอย่างไร  ” 

    ครานี้นางโกรธจนไร้คำกล่าว ด้วยความจจนปัญญาจึงขว้างปาสิ่งของมากย ครั้งเมื่อทำอันใดไม่ได้จึงคว้าดาบที่วางอยู่มุมหนึ่งของห้องไล่แทงเว่ยอ๋องพลันวัน ! 

    ………………………………………………………………………….

    มาต่อพรุ่งนี้เช้าค่ะ 

    ชอบไม่ชอบคอมเม้นต์ได้นะคะ 

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×