ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    freedom of lives online

    ลำดับตอนที่ #1 : เพื่อน

    • อัปเดตล่าสุด 25 ก.ย. 56


     
      "ในที่สุดก็เสร็จสักที"


       เสียงที่แสดงถึงอาการเบื่อหน่ายเอ่ยขึ้นมาก่อนที่เจ้าตัวจะลุกขึ้นบิดขี้เกียจหลังจากที่ได้ทำการบ้านที่อาจารย์ที่อาจารย์จอมโหดประเคยมาให้มากมายทั้งที่ในอีกไม่กี่อาทิตย์ก็จะสอบปลายภาคอยู่แล้ว
     
       "อาจารย์หนออาจารย์สั่งงานไม่ได้ดูเล้ยว่าเด็กไม่ว่างเนี่ยไหนจะต้องนอไหนจะต้องเล่นเกมแถมยังต้องออกไปเที่ยวอีก เห้อ..นี่ก็เสียเวลาเที่ยวไปหลายชั่วโมงเลยนะเนี่ย"
     
        ว่าแล้วเจ้าตัวก็ทิ้งตัวลงบนเตียงนอนที่อยากให้มันนุ่มแต่มันก็ไม่เคยนุ่มเลย
       
       "เตียงบ้านี้ก็ทำให้รมเสียอีกแล้ว วันนี้มันวันอะไรว่ะเนี่ย"
       
         ตุ้บ!! เสียงของหนังสือที่ปลิวมาจากมุมห้องที่ลอยมาลงเต็มๆหน้าของร่างที่กำลังโวยวายอยู่บนเตียงพอดิบพอดี 
       
        "หนวกหูเว้ยคนกำลังตั้งใจทำการบ้านอยู่นะเนี่ย ถ้าเสร็จแล้วก้หุบปากไม่มีใครมาว่าหรอกนะ"

         เสียงที่ตะโกนกลับมาอย่างเหลืออดพร้อมกับร่างที่เคยอยู่ตรงมุมห้องแต่ตอนนี้มายืนจังก้าอยู่ข้างๆเตียงที่มีร่างอีกร่างหนึ่งกำลังลุกขึ้นมาด้วยอารมฉุนเฉียว
       
        "ให้มันน้อยๆหน่อยนะโว้ยไอ้วิศ นี่มันห้องชั้นนะ ที่แกได้ขึ้นมาทำการบ้านบนห้องนี้ก็นับว่าเป็นบุญวาสนาต่อตัวแกมากมายแค่ไหนแล้วรู้บ้างมั้ย"

          คำพูดที่ดูเหมือนจะโกรธแต่ตามจริงไม่ได้เป็นเช่นนั้นเลยทำให้บุคลที่ชื่อวิศเอือมระอากับเพื่อนที่ชอบพูดอะไรโอเวอร์ตลอดแบบบุคคลที่เป็นเจ้าของห้องตรงหน้า
     
        "นี่ถ้าแกไม่บอกว่าเปนห้องของแกชั้นก็นึกว่าเป็นห้องเก็บขยะของบ้านนี้แล้วนะไอ้อาร์ต"

         วิศเอ่ยออกมาเรียบๆพร้อมกับมองไปรอบๆห้องที่บอกได้เลยว่าคำพูดของเขานั้นไม่ได้เกินจริงเลยแม้แต่น้อย
       
        "ก็เพราะแกนั่นแหละมาห้องชั้นแต่ล่ะรอบแกก็ไม่เคยช่วยเก็บเลย มารยาทอ่ะมีป่าว มาอยู่บ้านท่านอย่านิ่งดูดายปั้นวัวปั้นควายให้ลูกท่านเล่นอ่ะเคยได้ยินมั่งป่าว"

         เจ้าของห้องที่มีนามว่าอาร์ตยังคงโวยวายไม่เลิกจนวิศได้แต่ส่ายหัวอย่างเอือมระอากับบุคคลตรงหน้า
       
        "ชั้นว่าไม่ได้ปั้นวัวปั้นควายหรอกแต่มาห้องแกเหมือนได้เลี้ยงควายมากกว่านะ แล้วแกอย่าบอกนะว่าตั้งแต่ที่ชั้นมาห้องแกเมื่ออาทิตย์ที่แล้วแกยังไม่ได้ทำความสะอาดห้องเลย"

         วิศพูดพลางเดินไปหยิบซองขนมที่อยู่ตรงใต้เตียงที่ตอนนี้มันเต็มไปด้วยใยแมงมุมแล้ว
       
        "ก็เออดิว่ะห้องตั้งใหญ่ใครมันจาไปทำไหวกันล่ะว่ะไอ้คนอกตัญญู"

         อาร์ตยังคงเถียงไม่เลิกพร้อมกับทิ้งร่างของตัวเองลงบนเตียงนอนที่เต็มไปด้วยสิ่งที่คนที่ถูกกล่าวหาว่าอกตัญญูนิยามไว้ว่ากองขยะที่โสโครกที่สุดที่ในห้องนอนจะมีได้
     
        "เออๆๆ เดี๋ยวชั้นทำให้ก็ได้แต่แกต้องมาทำการบ้านแทนชั้นนะเว้ย"

        วิศยิ้มพลางเดินไปหยิบไม้กวาดที่บัดนี้ก้กลายเปนที่อยู่อาศัยของแมงมุมเรียบร้อยแร้ว

        "นี่ถ้าเกิดมีฝูงหนูกับแมลงสาบออกมาวิ่งเล่นชั้นก็คงจะไม่แปลกใจแล้วล่ะ"

         "เห้ยๆๆแกไม่ต้องพูดเลยนะ แล้วก็การบ้านแก แกก็ทำเองสิว่ะมาโบ้ยให้ชั้นทำได้ไงล่ะ"
     
         อาร์ตเถียงกลับทำให้วิศต้องหยุดมือแล้วเงยหน้าขึ้นมาจ้องหน้าคนพูดทันที

        "แต่แกพึ่งจาใช้ให้ชั้นทำความสะอาดห้องแกนะโว้ย"

         วิศตะโกนออกมาอย่างเหลืออดกับความกวนประสาทของคนตรงหน้า

        "ก็แกมาใช้ห้องชั้นแต่ชั้นไม่เคยจาไปยุ่งกะสมุดของแกเลยนี่หว่า"

         อาร์ตตีหน้ามึนพร้อมกับยักไหล่ทั้งสองข้าง

        "ชั้นไปหาไรกินก่อนนะเดี๋ยวมา แกเองก็รีบๆกวาดนะเว้ยจะได้ทำการบ้านต่อเดี๋ยวพรุ่งนี้ก็ต้องส่งแล้วนะเว้ย ไม่ส่งแกโดนศูนย์แน่ ฮ่า ฮ่า ฮ่า"

         อาร์ตเดินออกจากห้องพร้อมกับเสียงหัวเราะโดยทิ้งให้เพื่อนรักอย่างวิศยืนเอามือกุมหน้าให้อยู่ในห้องคนเดียว
     
        "อยู่กับไอ้บ้านี่มาสิบกว่าปีนิสัยแม่งไม่เคยดีขึ้นเล้ย"

         วิศบ่นออกมาพลางนึกถึงอดีตเมื่อตอนที่เขายังเรียนอยู่ในระดับอนุบาลเท่านั้น วันนั้นเป็นวันที่เขาย้ายมาที่โรงเรียนใหม่เนื่องจากต้องย้ายตามคุณพ่อที่ได้เลื่อนตำแหน่งเข้ามาในกรุงเทพ ซึ่งธรรมเนียมปฏิบัติเมื่อมีนักเรียนย้ายเข้ามาใหม่ก็คือทุกคนต้องเรียงแถวมาแนะนำตัวกับเด็กใหม่ทีล่ะคน การทำความรู้จักก็เปนไปได้ด้วยดีจนถึงคนที่ต้องเข้ามาแนะนำตัวกับเขาเป็นคนสุดท้าย 'นายชื่ออะไรหรอ' วิศในวัยเด็กเอ่ยถามเด็กชายตรงหน้า 'ชั้นชื่ออาร์ตและนายต้องมาเป็นลูกน้องของชั้น'อาร์ตพูดพลางกอดอกแล้วเชิดหน้าด้วยท่าทางหยิ่งยโส จนคุณครูต้องเดินมาเขกหัวตัวแสบประจำห้อง 'พูดกับเพื่อนใหม่แบบนี้ได้ไงคะน้องอาร์ต' ครูคนสวยประจำโรงเรียนซึ่งเปนครูประจำชั้นของพวกเขาในวัยเด็กพูดขึ้นพลางลูบหัวเจ้าตัวแสบประจำห้องซึ่งตอนนี้กำลังทำหน้าไม่พอใจอยู่ 'คนนี้ชื่ออาร์ตนะคะน้องวิศ' เธอหันหน้ามาพูดกับวิศแต่มือก็ยังคงลูบหัวอาร์ตอยู่ ซึ่งนั่นก็คือการพบกันที่น่าประทับใจอย่างมากของอาร์ตและวิศซึ่งทั้งคู่ก็ได้เรียนอยู่โรงเรียนเดียวกันห้องเดียวกันตั้งแต่ตอนนั้นจนถึงตอนนี้พวกเขาก็อยู่ชั้นมัธยมศึกษาปีที่หกแล้ว

        "เห้ยไอ้วิศลงมากินขนมข้างล่างก่อนนะเว้ยลุงชั้นซื้อมาฝาก"


         เสียงอันคุ้นหูดังมาจากด้านล่างซึ่งไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเป็นเสียงของใคร 

          "ทำไมเอ็งไม่เดินไปเรียกเพื่อนลงมาดีๆว่ะไอ้อาร์ต"

         ลุงของอาร์ตซึ่งตอนนี้นั่งอยู่บนเก้าอี้ข้างๆอาร์ตหั้ยมาพูดกับหลานรักของตน
     
        "เอาน่าๆ อย่าบ่นมากนักนะลุงเดี๋ยวหน้าก็แก่หรอกนะ"

          อาร์ตพูดพลางพิจารณาใบหน้าของผู้เป็นลุงซึ่งมีห
    น้าตาที่ยังดูหนุ่มสะอาดเกลี้ยงเกลาซึ่งถ้าบอกว่าเป็นพี่ยังมีคนเชื่อเลย

       "สวัสดีครับคุณลุงนพ"

         วิศเดินลงมานั่งที่เก้าอี้ฝั่งตรงข้ามกับอาร์ตและลุงนพทันทีเพราะนี่เป็นที่นั่งประจำของเขาเวลาลุงแกมาหาซึ่งลุงแกก็หาเวลามาได้บ่อยมากทั้งๆที่เป็นถึงระดับผู้บริหารของบริษัทซอฟแวร์ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย

        "ว่าไงไอ้วิศตอนนี้เรียนเป็นยังไงมั่งเนี่ย"

         ลุงนพถามพลางจิบกาแฟที่ทั้งอาร์ตและวิศสาบานไว้ว่าจะไม่มีวันไปลิ้มรสมันอีกแน่หลังจากที่ทั้งคู่เคยโดนลุงนพบังคับให้ลองชิมกาแฟยี่ห้อโปรดสุดอร่อย(ของลุงนพคนเดียว)ที่ลงทุนไปซื้อมาจากอเมริกาเลยทีเดียว

       "อ้าวลุงทำไมเจอผมไม่เห็นถามอะไรแบบนี้มั่งอ่ะ"

        นายอาร์ตผู้ที่ไม่เคยสงบปากเอ่ยขัดเพื่อนรักที่กำลังจะตอบคำถามของลุงนพด้วยท่าทีเหมือนจะหาเรื่อง

        "ก็พอได้อ่ะคับ ถ้าส่งงานครบก็คงได้เกรดพอตัวอยู่แหละครับ"

        วิศตอบคำถามของลุงโดยไม่ได้สนใจคำพูดของเพื่อนรักเลยแม้แต่น้อย

        "เก่งจริงๆเลยนะเมื่อไหร่หลานของลุงจาเป็นแบบนี้ได้มั่งเนี่ย"

         ลุงนพพูดพลางเหลือบตาไปมองชายหนุ่มข้างตัวซึ่งตอนนี้กำลังนั่นบ่นกับตัวเองอยู่

        "เออ คุยกันเข้าไป ไม่สนใจเราเลย เรามันก็ได้แค่เนี้ยแหละ ไม่ใช่หลานรักนี่ ใครจะไปดีเท่าไอ้วิศมัน บลา บลา บลา"

          อาร์ตพึมพำกับตัวเองเบาๆจนคนที่เหลืออดจะขำกับกริยาของคนตรงหน้าไม่ได้

         "ทำเป็นนอยไปได้ไอ้หลานรัก ลุงรู้อยู่แล้วว่าหลายเอาตัวรอดได้ก็เลยไม่ได้ถาม"

          ผู้เป็นลุงเอ่ยกับหลานรักแล้วตบไปที่หลังจนคนเป็นหลานถึงกับหลังแอ่นเลย

        "ลุงจะบอกว่ามันแถเก่งใช่มั้ยครับ"

        วิศได้ทีก็เลยแขวะคนที่กำลังพยายามเอามือลูบหลังที่โดนลุงตบซะเต็มแรง

        "แกเงียบไปเลยนะไอ้วิศ ลุงก็อีกคนมือหนักหยั่งกะหมีแบบนี้ฟาดลงมาได้ไงเนี่ยถ้าหลังผมหักไปลุงจะรับผิดชอบยังไง" 

        "เอาน่าๆ บ่นเป็นผู้หญิงเรยนะไอ้อาร์ต ที่ลุงมาวันนี้เนี่ยลุงเอาอะไรมาให้ดู"

         ลุงนพบอกทั้งคู่พลางหยิมของบางอย่างออกมาซึ้งไม่ว่าจะมองมุมไหนมันก็คือ 

       "ดิส??"
     
        ทั้งคู่พูดออกมาพร้อมกันจนผู้เป็นลุงยิ้มขึ้นมา

       "ใช่แล้วนี่คือเกมตัวใหม่ล่าสุดที่พึ่งออกมาเมื่อสองสามวันก่อนเองนะเว้ย เป็นเกมแรกที่มีระบบสงครามระหว่างเซิฟเวอร์ซึ่งจะจัดขึ้นในทุกๆเดือนซึ่งตอนนี้ตัวเก็งที่จะชนะก็คือเซิฟของไทย อเมริกาและเยอรมัน และจุดเด่นของเกมนี้ก็คือเป็นเกมที่มีอิสระมากที่สุดตั้งแต่ที่เคยมีเกมในระบบ dream network (เครือข่ายความฝัน)
    ทั้งในเรื่องของสกิล และอาชีพซึ่งสามารถคิดค้นขึ้นมาเองได้ ซึ่งผู้ที่สามารถสร้างอาชีพหรือสกิลใหม่ๆได้ก็จะได้รับรางวัลในเกมด้วยนะ ว่าไงหลานทั้งสองคนสนใจมั้ย"

          ลุงนพลุกขึ้นพลางฉีกยิ้มราวกับคนขายประกันที่กำลังเจอเหยื่อรายใหม่ซึ่งเหยื่อทั้งสองคนก็มีกริยาที่ต่างกันออกไปในรายของวิศนั้นก็ยังคงนั่งนิ่งไม่มีท่าทีอะไรเลยแม้แต่น้อยแต่ในรายของอาร์ตนี่กำลังอ้าปากหวอกับการโฆษณาอย่างมืออาชีพของผู้เปนลุง

        "สะ สนดิลุง ของดีๆอย่างงี้ใครมันจะไม่สนล่ะจริงมั้ยไอ้วิศ"

         อาร์ตฉีกยิ้มกว้างพลางหันไปถามเพื่อนรักอย่างวิศเพื่อที่จะยืนยันคำที่เขาพูดไป

        "อ่า... ขอโทษนะครับคุณลุงแต่ผมไม่สนใจหรอกครับ"

         วิศพูดออกมาช้าก่อนที่จะลุกขึ้นยืน

       "ผมขอตัวกลับก่อนนะครับสวัสดีครับ อาร์ตพรุ่งนี้ฝากเอาสมุดไปให้ด้วยนะ ไปล่ะ"

        พูดจบวิศก็เดินออกจาห้องไปทิ้งให้คนที่เหลือนั่งงุนงงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

        "เพื่อนเองมันเปนอะไรไปว่ะ"

         ลุงนพหันมาถามไอ้หลานตัวแสบที่บัดนี้ก็มีอาการงุนงงไม่แพ้กัน

        "ชั่งมันเหอะลุง ว่าแต่ไอ้เกมนี่น่ะให้ฟรีใช่ป่ะ"

        อาร์ตลุกขึ้นถามลุงด้วยแววตาเป็นประกาย

        "ของฟรีไม่มีในโลกหรอกเว้ย" 

        "ขี้งก"

        "เรื่องไรข้าต้องให้เอ็งฟรีๆด้วยล่ะ"

        "ก็ว่าแล้วคนที่มีแต่ผลประโยชน์อย่างลุงไม่มีวันให้อะไรใครง่ายๆหรอก"

         อาร์ตทิ้งตัวลงบนเก้าอี้ตามเดิมพร้อมกับทำหน้าแบบเซงๆที่อดได้เกมฟรี

        "เอาน่า เรื่องที่ลุงจะขอมันก็ไม่ได้ยากเกินไปหรอกน่า ลุงก็แค่อยากให้แกเข้าไปเล่นเกมนี้และไปหาคนๆนึงแค่นั้นเอง"

       "แค่นั้นเองหรอ"

       "ใช่แค่นั้นแหละ"

        อาร์ตยิ้มพลางลุกขึ้นมาแบมือไปตรงหน้า

       "ให้หาใครว่ามาเลย"
     
       "คนคนนั้นมีชื่อในเกมว่าลาส"
       
        ลุงนพเอ่ยออกมาสั้นๆพร้อมกับมองใบหน้าของอาร์ตที่กำลังตั้งใจฟังอย่างสุดๆ
       
        "แค่เนี้ย"

         อาร์ตตาโตพร้อมกับจ้องเขม็งไปที่ลุงซึ่งคนโดนจ้องอยู่ได้แต่ยิ้มร่า

        "ข้อมูลมีแค่นี้แหละนะ"

         ผู้เปนลุงยักไหล่พลางวางดิสไว้บนมือของหลานชาย

       "ที่เหลือก็เป็นหน้าที่ของแกล่ะนะ"

       "เห้ยลุงจะให้ไปหาคนทั้งทีรู้แค่ชื่อเนี่ยนะ แล้วลุงจะให้ผมไปหาไอ้หมอนี่ทำไมกันเนี่ย"

         อาร์ตโวยวายกับผู้เป็นลุงจนลุงนพเริ่มจะเอือมกับนิสัยขี้โวยวายของหลาน

        "เอาน่าๆ นี่ค่าตอบแทนล่วงหน้าซึ่งถ้าแกหาเจอแกจะได้เพิ่มอีก"

         ลุงนพพูดพลางยื่นซองสีขาวไปให้ซึ่งคนเป็นหลานก็รีบคว้าไปก่อนที่จะแง้มดูซึ่งจำนวนเงินในนั้นทำให้อาร์ตตาโตขึ้นมาทันที

        "โอเคเลยลุงงั้นผมไปลองเล่นเลยล่ะกันนะ"

        พูดจบอาร์ตก็วิ่งขึ้นไปบนห้องทิ้งผู้เป็นลุงยืนยิ้มอย่างผู้ชนะอยู่คนเดียว

        "ติดเบ็ดแล้วไอ้อาร์ต ฮ่า ฮ่า ฮ่า"
       
        


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×