ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [ACC] Art of sports Thailand

    ลำดับตอนที่ #5 : ซุ้มที่ ๓ มวยไทย

    • อัปเดตล่าสุด 30 ก.ค. 58






    [สีเทา]

    "เอาล่ะ เรามาถึงซุ้มหลักซุ้มสุดท้ายกันแล้ว นั่นก็คือมวยไทย"

    สีเทาพูดขึ้นพลางหยิบผ้าเช็ดหน้าของตนขึ้นมาเช็ดหน้าตนเองเบาๆด้วยความเหนื่อยและร้อน แต่ใบหน้าของเทานั้นกลับเต็มไปด้วยความสุข

    "สีเทาเชื่อว่าใครหลายๆคนอาจจะรู้จัก มวยไทย แต่ว่า..."

    สีเทาพูดขึ้นพร้อมกับหยิบโพยกระดาษใบยาวขึ้นมาอีกครั้ง

    "เทาจะมาขอเพิ่มเติมความรู้ส่วนนี้ให้นะคะ..."


     ------------------------------------- 

    ประวัติความเป็นมาของมวยไทย

    มวยไทยเริ่มขึ้นในสมัยไม่ปรากฏ และไม่มีหนังสือเล่มใดเขียนไว้ว่าจะเกิดขึ้นในสมัยใด แต่เท่าที่ได้ปรากฏนั้นมวยไทยได้เกิดขึ้นมานานแล้วและอาจเกิดขึ้นมาพร้อมๆกับชาติไทย เพราะมวยไทยนั้นเป็นศิลปประจำชาติไทยเราจริงๆยากที่ชาติอื่นจะลอกเลียนแบบได้

    มวยไทยในสมัยก่อนเท่าที่ทราบจะมีการฝึกฝนอยู่ในบรรดาหมู่ทหาร เพราะในสมัยก่อนไทยเราได้มีการรบพุ่งและสู้รบกันกับประเทศเพื่อนบ้านบ่อยครั้ง การสู้รบในสมัยนั้นยังไม่มีปืนจะสู้กันแต่ดาบสองมือและมือเดียว เมื่อเป็นเช่นนี้การรบพุ่งก็มีการรบประชิดตัว คนไทยเห็นว่าในสมัยนั้นการรบด้วยดาบเป็นการรบพุ่งที่ประชิดตัวมากเกินไปบางครั้งคู่ต่อสู้อาจเข้ามาฟันเราได้ง่าย คนไทยจึงได้ฝึกหัดการถีบและเตะคู่ต่อสู้เอาไว้เพื่อคู่ต่อสู้จะได้เสียหลักแล้วเราจะได้เลือกฟันง่ายขึ้นทำให้คู่ต่อสู้แพ้ได้

    ต่อมาเมื่อในหมู่ทหารได้มีการฝึกถีบเตะแล้วก็เกิดมีผู้คิดว่าทำอย่างไรจึงจะใช้การถีบเตะนั้นมาเป็นศิลปสำหรับการต่อสู้ด้วยมือได้ จึงต้องให้มีผู้ที่จะคิดจะฝึกหัดการต่อสู้ป้องกันตัวสำหรับการใช้แสดงเวลามีงานเทศกาลต่างๆไว้อวดชาวบ้านและเป็นของแปลกสำหรับชาวบ้าน เมื่อเป็นเช่นนี้นานเข้า ชาวบ้านหรือคนไทยได้เห็นการถีบเตะแพร่หลายและบ่อยครั้งเข้า จึงทำให้ชาวบ้านมีการฝึกหัดมวยไทยกันมากจนถึงกับตั้งเป็นสำนักฝึกกันมากมาย แต่สำหรับที่ฝึกมวยไทยนั้นก็ต้องเป็นสำนักดาบที่มีชื่อดีมาก่อนและมีอาจารย์ดีไว้ฝึกสอน

    ดังนั้นมวยไทยในสมัยนั้นจึงฝึกเพื่อความหมาย ๒ อย่างคือ

    ๑. เพื่อไว้สำหรับสู้รบกับข้าศึก

    ๒. เพื่อไว้ต่อสู้ป้องกันตัว

    ในสมัยนั้นใครมีเพลงดาบดีและเก่งกาจทางรบพุ่งนั้นจะต้องเก่งทางมวยไทยด้วย เพราะเวลารบพุ่งนั้นต้องอาศัยมวยไทยเข้าช่วย ดังนั้นวิชามวยไทยในสมัยนั้นจึงมุ่งหมายที่จะฝึกฝนเพลงดาบและวิชามวยไทยไปพร้อมๆกันเพื่อที่จะรับใช้ประเทศชาติด้วยการเป็นทหารได้เป็นอย่างดี

    แต่เมื่อพ้นจากหน้าสงครามก็จะมีการชกมวยกันเพื่อความสนุกสนาน และมีการพนันขันต่อกันระหว่างนักมวยที่เก่งจากหมู่บ้านหนึ่งกับนักมวยที่เก่งจากอีกหมู่บ้านหนึ่งมาชกกันในหน้าที่มีงานเทศกาล หรือเกิดมีการท้าทายกันขึ้นและมีการพนันขันต่อ มวยในสมัยนั้นชกกันด้วยหมัดเปล่าๆยังไม่มีการคาดเชือก เช่น สมัยอยุธยาตอนต้น ในสมัยนั้นคนไทยที่ทำชื่อเสียงให้กับประเทศในวิชามวยไทยมากที่สุดคือนายขนมต้ม ซึ่งได้ใช้วิชามวยไทยต่อสู้พม่าถึง ๑๐ คนและพม่าก็ได้แพ้นายขนมต้มหมดทุกคน จนถึงกับกษัตริย์พม่าพูดว่า

    "คนไทยถึงแม้ว่าจะไม่มีดาบ แม้แต่มือเปล่าก็ยังมีพิษสงรอบตัว"

    นายขนมต้มจึงเปรียบเสมือนผู้เป็นบิดาของวิชามวยไทยเพราะทำให้คนไทยมีชื่อเสียงเกี่ยวกับวิชามวยไทยเป็นอันมากในสมัยนั้น และชื่อเสียงก็ได้เลื่องลือมาจนถึงกับปัจจุบันนี้

    ในสมัยต่อมามวยไทยก็ยังฝึกฝนคู่กับการฝึกเพลงดาบอยู่และยังฝึกและใช้เพื่อการทำสงครามและฝึกฝนเพื่อการต่อสู้ป้องกันตัว บางทีก็ฝึกเพื่อชกในงานเทศกาลต่างๆ ในสมัยอยุธยาตอนปลายพระมหากษัตริย์ของไทยบางพระองค์มีฝีมือในทางมวยไทยอยู่มาก เช่น พระเจ้าเสือหรือขุนหลวงสรศักดิ์ ซึ่งได้หนีออกจากพระราชวังไปชกมวยกับชาวบ้านและชกชนะด้วย ต่อมาประชาชนทราบและเห็นว่าพระองค์ก็เป็นผู้มีฝีมือในวิชามวยไทยอยู่ในขั้นดีเยี่ยม ในสมัยต่อมา ผู้ที่มีฝีมือในทางมวยไทยก็มีมาก เช่น พระเจ้าตากสิน

    วิชามวยไทยได้ยั่งยืนมาจนถึงสมัยปัจจุบัน และในสมัยอยุธยาตอนปลายนี้ มวยไทยได้ชกกันด้วยการคาดเชือกคือใช้เชือกเป็นผ้าพันมือ บางครั้งการชกก็อาจถึงตายเพราะเชือกที่คาดมือนั้นบางครั้งก็ใช้น้ำมันชุบเศษแก้วละเอียดชกถูกตรงไหนก็เป็นแผลตรงนั้น จะเห็นได้ว่ามวยไทยในสมัยนั้นมีอันตรายเป็นอันมาก

    ต่อมาในปลายสมัยกรุงศรีอยุธยา

    มวยไทยก็มีการฝึกตามสำนักฝึกต่างๆและมีการฝึกกันอย่างกว้างขวาง จนถึงสมัยรัตนโกสินทร์ก็มีเวทีมวยที่จัดให้มีการแข่งขันกันอย่างสนุกสนาน เช่น เวทีสวนเจ้าเชษฐและเวทีสวนกุหลาบ ซึ่งการชกมวยในสมัยนี้ก็ยังมีการคาดเชือกกันอยู่ จนตอนหลังนวมได้เข้ามาแพร่หลายในประเทศไทย การชกกันในสมัยหลังๆจึงได้สวมนวมชก แต่การชกกันก็ยังเหมือนเดิมคือยังใช้การ ถีบ ชก ศอกและเข่า ดังที่เห็นอยู่ในปัจจุบันนี้ฯ

     
     ------------------------------------- 

    "นี่คือเรื่องคร่าวๆเกี่ยวกับมวยไทยค่ะ..."

    สีเทาพูดขึ้นพลางยิ้มแย้ม

    "โดยรวมๆแล้ว มวยไทยนี้ถือว่าเป็นศิลปะป้องกันตัวชนิดหนึ่ง ที่มีคนยอมรับอยู่มากมาย...."

    สีเทาพูดขึ้น พลางน้ำเชือกมาพันที่มือเอาไว้อย่างเตรียมพร้อม

    "ต่อไป น่าจะเป็นสิ่งที่ทุกคนรอคอยนั้นก็คือ...'แม่ไม้มวยไทย' นั่นเองค่ะ"

    สีเทาพูดขึ้น โดยที่เหล่าน้องปีหนึ่งนั้นตั้งหน้าตั้งตารอดูท่าแต่ละท่าจากพี่สีเทา

    "ท่าแม่ไม้มวยไทยต่างๆมีดังนี้"


     ------------------------------------- 

    แม่ไม้มวยไทย  

    หมายถึง ท่าของการใช้ศิลปะมวยไทยที่สำคัญที่สุด อันเป็นพื้นฐานของการใช้ไม้มวยไทย ซึ่งผู้ฝึกมวยไทยต้องเรียนรู้ และปฏิบัติให้ได้ก่อนที่จะฝึกลูกไม้ถือว่าเป็นการใช้ไม้มวยไทยที่ละเอียดขึ้น บูรพาจารย์ผู้ทรงคุณวุฒิได้จัดแบ่งแม่ไม้มวยไทยออกเป็น ๑๕ ไม้ ได้แก่  
    • สลับฟันปลา 
    • ปักษาแหวกรัง 
    • ชวาซัดหอก 
    • อิเหนาแทงกริช 
    • ยอเขาพระสุเมรุ 
    • ตาเถรค้ำฝัก 
    • มอญยันหลัก 
    • ปักลูกทอย 
    • จระเข้ฟาดหาง 
    • หักงวงไอยรา 
    • นาคาบิดหาง 
    • วิรุฬหกกลับ 
    • ดับชวาลา 
    • ขุนยักษ์จับลิง 
    • หักคอเอราวัณ
    ท่าสลับฟันปลา
    ท่าสลับฟันปลา
    ท่าสลับฟันปลา (รับด้านนอก)

    ฝ่ายรุก

    เดินเข้ามาชกด้วยหมัดซ้าย ตรงไปที่ใบหน้าของฝ่ายรับ

    ฝ่ายรับ

    ใช้มือซ้ายปัดหมัดฝ่ายรุกที่ข้อมือ ส่วนมือขวากระแทกไปที่หัวไหล่ด้านนอก ของฝ่ายรุก

     
    ท่าปักษาแหวกรัง (รับด้านใน)

    ฝ่ายรุก

    เดินมวยเข้าชกด้วยหมัดขวาตรงไปที่ใบหน้า มือซ้ายตั้งมั่นพร้อมที่จะชกหมัด

    ฝ่ายรับ

    ก้าวเท้าขวา ทแยงเฉียงด้านขวาสืบเท้าเข้าวงใน ทิ้งน้ำหนักตัวลงบนเท้าขวา ใช้แขนซ้ายปัดหมัดให้พ้นใบหน้า มือขวากระแทกไปที่หัวไหล่ด้านในของฝ่ายรุกทันที
    ท่าปักษาแหวกรัง
    ท่าปักษาแหวกรัง
    ท่าชวาซัดหอก

    ฝ่ายรุก

    เดินมวยชกด้วยหมัดขวาตรงไปที่บริเวณหน้าของฝ่ายรับ  มือขวาตั้งมั่น

    ฝ่ายรับ

    รีบก้าวเท้าซ้ายเฉียงออกวงนอก ทิ้งน้ำหนักตัวลงบนเท้าซ้าย โดยพุ่งตัวเข้าหาคู่ต่อสู้ แขนขวายกขึ้นปัดหมัดฝ่ายรุกให้เบนออกพ้นตัว แขนซ้ายยกศอกกระแทกเข้าชายโครงของฝ่ายรุก
    ท่าอิเหนาแทงกริช
    ท่าอิเหนาแทงกริช

    ท่าอิเหนาแทงกริช

    ฝ่ายรุก

    เดินมวยเข้าชกด้วยหมัดขวาตรงไปที่บริเวณหน้า ของฝ่ายรับ มือซ้ายตั้งมั่น

    ฝ่ายรับ  

    รีบก้าวเท้าขวาทแยงเข้าวงใน ทิ้งน้ำหนักลงบนเท้าขวา ยกแขนซ้ายขึ้นปัดหมัดให้พ้นตัว  แขนขวางอศอก เพื่อส่งศอกกระแทกที่ชายโครงของฝ่ายรุก
    ท่ายกเขาพระสุเมรุ
    ท่ายกเขาพระสุเมรุ
    ท่ายอเขาพระสุเมรุ

    ฝ่ายรุก  

    เดินมวยชกด้วยหมัดขวา ตรงเข้าบริเวณหน้าของฝ่ายรับ  มือซ้ายตั้งมั่น

    ฝ่ายรับ  

    รีบก้มศีรษะให้หมัดผ่านศีรษะไป พร้อมกับสืบเท้าขวาไปข้างหน้าเล็กน้อย ให้ได้จังหวะหมัด  แล้วชกหมัดขวา เข้าสู่ปลายคาง ของฝ่ายรุกทันที
    ท่าตาเถรค้ำฝัก

    ฝ่ายรุก

    เดินมวยชกด้วยหมัดขวาตรงเข้าบริเวณหน้าของฝ่ายรับ มือซ้ายตั้งมั่น

    ฝ่ายรับ

    รีบสืบเท้าขวาไปข้างหน้าเข้าวงในของฝ่ายรุก ทิ้งน้ำหนักตัวลงบนเท้าขวา พร้อมกับงอแขนซ้ายยกขึ้นตรงหน้า ปัดกระแทกขึ้น ให้หมัดฝ่ายรุกพ้นศีรษะไป มือขวาชกเข้าสู่ปลายคางของฝ่ายรุกทันที
    ท่าตาเถรค้ำฝัก
    ท่าตาเถรค้ำฝัก
    ท่ามอญยันหลัก

    ฝ่ายรุก

    เดินมวยชกด้วยหมัดซ้ายตรงเข้าบริเวณหน้าของฝ่ายรับ

    ฝ่ายรับ

    รีบยกแขนทั้งสองขึ้นป้องกันหน้า พร้อมกับยกเท้าขวาถีบเข้าที่ยอดอกหรือท้องของฝ่ายรุก ให้กระเด็นไป
    ท่ามอญยันหลัก
    ท่ามอญยันหลัก
    ท่าปัดลูกทอย
    ท่าปัดลูกทอย
    ท่าปักลูกทอย

    ฝ่ายรุก   

    เดินมวยเข้าเตะเหวี่ยงด้วยเท้าซ้ายเป้าหมายคือ ศีรษะฝ่ายรับ  มือทั้งสองตั้งมั่น

    ฝ่ายรับ  

    รีบสืบเท้าเข้าหาครึ่งก้าว พร้อมกับหมุนตัว เอาเท้าขวาเป็นแกน  หันหน้าเข้าหาทิศทางที่เท้าเตะมา  ยกศอกขวาตั้งขึ้นระดับหน้าแข้ง  มือซ้ายตั้งการ์ดปิดระดับต้นคอให้มั่น  เพื่อป้องกันพลาดถูกใบหน้า
    ท่าจระเข้ฟาดหาง
    ท่าจระเข้ฟาดหาง
    ท่าจระเข้ฟาดหาง

    ฝ่ายรุก

    เดินมวยเข้าชกด้วยหมัดขวาตรงสุดแรง  จนตัวเสียหลักถลันเข้าไปข้างหน้า

    ฝ่ายรับ

    ก้าวเท้าซ้ายทแยงออกวงนอก เอี้ยวตัวให้หมัดผ่านทางไหล่ขวา ในระยะ ๑ คืบ  แล้วใช้เท้าซ้ายเป็นหลัก หมุนให้ส้นเท้ากระแทกที่ศีรษะ ของฝ่ายรุก
    ท่านาคาบิดหาง
    ท่านาคาบิดหาง
    ท่านาคาบิดหาง

    ฝ่ายรุก

    เดินมวยเข้าหา พร้อมเตะเหวี่ยงด้วยเท้าขวา มือทั้งสองตั้งมั่น

    ฝ่ายรับ

    รีบพลิกตัวหันหน้าไปทางเท้าที่กำลังเตะมา น้ำหนักตัวทิ้งบนเท้าซ้าย เท้าขวาอยู่ในหลักยืนมวย แบบสิงหยาตร มือขวาตั้งฝ่ามือปะทะปลายเท้า มือซ้ายแบหงาย ตะปบส้นเท้า แล้วใช้มือที่จับปลายเท้า พลิกบิดออกด้านนอก มือซ้ายจับส้นเท้าฝ่ายรุก ดึงเข้าหาตัว พร้อมกับใช้เข่ากระแทกไปที่น่อง
    ท่าหักงวงไอยรา

    ฝ่ายรุก

    เดินมวยเข้าหาพร้อมยกเท้าเข้าเตะกราดบริเวณชายโครง มือทั้งสองตั้งมั่น

    ฝ่ายรับ

    ก้าวเท้าซ้ายเข้าหาฝ่ายรุกในระยะเกือบชิดตัวอย่างรวดเร็ว  หันหน้าเข้าหาทิศทาง ที่ฝ่ายรุกเตะมา กระแทกศอกขวาสู่บริเวณโคนขาฝ่ายรุก พร้อมแขนซ้ายโอบจับตรงบริเวณน่อง ยกขาให้สูง เพื่อให้เสียหลัก ป้องกันฝ่ายรุกใช้ศอกถองที่ศีรษะ
    ท่าหักงวงไอยรา
    ท่าหักงวงไอยรา
    ท่าวิรุฬหกกลับ

    ฝ่ายรุก

    เดินมวยเข้าหา พร้อมทั้งยกเท้าเตะกราดตรงบริเวณชายโครง

    ฝ่ายรับ

    รีบพลิกตัวทแยงหันหน้าสู่ทิศทางที่เท้าเตะมา ใช้เท้าซ้ายเป็นหลักยืนให้มั่น ยกเท้าขวากระแทกด้วยส้นเท้าที่ต้นขาให้สะท้อนกลับไป มือทั้งสองตั้งให้มั่น เพื่อป้องกันพลาดถูกชายโครง      
    ท่าวิรุฬหกกลับ
    ท่าวิรุฬหกกลับ
    ท่าหักคอเอราวัณ

    ฝ่ายรุก

    เดินมวยเข้าหา ชกด้วยหมัดขวาตรงบริเวณหน้าของฝ่ายรับ

    ฝ่ายรับ

    ก้าวเท้าซ้ายไปข้างหน้า ใช้หมัดทั้งสองจับที่ต้นคอฝ่ายรุก จากนั้นก็กระแทกเข่าขวาไปที่หน้า ของฝ่ายรุก
    ท่าหักคอเอราวัณ
    ท่าหักคอเอราวัณ
    ท่าดับชวาลา
    ท่าดับชวาลา
    ท่าดับชวาลา

    ฝ่ายรุก

    เดินมวยเข้าชกหมัดขวาตรงไปที่ใบหน้าของฝ่ายรับ

    ฝ่ายรับ

    ก้าวเท้าซ้ายทแยงเฉียงออกวงนอก ทิ้งน้ำหนักตัวบนเท้าซ้าย ใช้มือซ้ายกดแขนขวา ของฝ่ายรุกให้เบนและลงต่ำ รีบชกด้วยหมัดขวาตรงไปที่ใบหน้า ให้เป็นจังหวะเดียวกับมือซ้ายที่กดลงนั้นอย่างรวดเร็ว
    ท่าขุนยักษ์จับลิง
    ท่าขุนยักษ์จับลิง
    ท่าขุนยักษ์จับลิง

    ฝ่ายรุก

    เดินมวยเข้าชกหมัดซ้ายตรงเข้าที่บริเวณหน้าของฝ่ายรับ พร้อมกับเตะเท้าขวา ตรงบริเวณชายโครง ตามด้วยศอกขวาอย่างรวดเร็ว

    ฝ่ายรับ

    รีบก้าวเท้าซ้ายสืบเข้าหาตัว ก้าวเท้าขวา ยกแขนทั้งสองข้างปัดการเตะที่แข้งขวาของฝ่ายรุก พร้อมยกแขนซ้ายป้องกันศอกขวาของฝ่ายรุก แม่ไม้นี้เป็นการหลบหมัด หลบเตะ หลบศอก ในเวลาเดียวกัน


     ------------------------------------- 

    "นอกจากแม่ไม้มวยไทยแล้ว ยังมีลูกไม้มวยไทยและกลมวยอีกต่างหาก ประกอบด้วยท่าทางดังนี้"

    ❦ ------------------------------------- ❦ 

    ลูกไม้มวยไทย  

    หมายถึง ท่าของการใช้ศิลปะมวยไทยที่แยกย่อยออกไปจากแม่ไม้ มีลักษณะที่ละเอียดอ่อนมากมายหลายอย่าง ซึ่งผู้ฝึกจะต้องผ่านการฝึกหัดแม่ไม้มวยไทยก่อน จึงจะฝึกลูกไม้ให้ได้ดี บูรพาจารย์ผู้ทรงคุณวุฒิได้จัดแบ่งลูกไม้มวยไทยออกเป็น ๑๕ ไม้ ได้แก่  
    • เอราวัณเสยงา 
    • บาทาลูบพักตร์ 
    • ขุนยักษ์พานาง 
    • พระรามน้าวศร 
    • ไกรสรข้ามห้วย 
    • กวางเหลียวหลัง 
    • หิรัญม้วนแผ่นดิน
    • นาคมุดบาดาล 
    • หนุมานถวายแหวน 
    • ญวนทอดแห 
    • ทะแยค้ำเสา 
    • หงส์ปีกหัก 
    • สักพวงมาลัย
    • เถรกวาดลาน 
    • ฝานลูกบวบ
    ท่าเอราวัณเสยงา
    ท่าเอราวัณเสยงา
    ท่าเอราวัณเสยงา

    ฝ่ายรุก

    ชกหมัดขวาตรงไปยังหน้าของฝ่ายรับ

    ฝ่ายรับ

    เอี้ยวตัวหลบหมัดซ้ายไปทางซ้าย ใช้หมัดขวาปัดหมัดซ้ายของฝ่ายรุก  พร้อมชกหมัดซ้ายเข้าที่คางของฝ่ายรุกอย่างรวดเร็ว
    ท่าบาทาลูบพักตร์

    ฝ่ายรุก

    เดินมวยเข้าชกฝ่ายรับ

    ฝ่ายรับ

    รีบใช้เท้าขวาถีบไปที่บริเวณหน้าของฝ่ายรุกอย่างรวดเร็ว
    ลูกไม้นี้ชิงจังหวะทำก่อน
    ท่าบาทาลูบพักตร์
    ท่าบาทาลูบพักตร์
    ท่าขุนยักษ์พานาง

    ฝ่ายรุก

    เดินมวยเข้าชกด้วยหมัดตรงไปที่บริเวณหน้าของฝ่ายรับ

    ฝ่ายรับ

    ก้าวเท้าเฉียงออกวงนอก หลบหมัดที่ชกมา แล้วก้าวเท้าขวาประชิดตัว มือขวาโอบลำตัวฝ่ายรุกจับทุ่มด้วยสะโพก
    ท่าพระรามน้าวศร
    ท่าพระรามน้าวศร
    ท่าพระรามน้าวศร

    ฝ่ายรุก

    เดินมวยเข้าประชิดตัว ยกศอกคู่หรือศอกเดี่ยวขึ้น กระแทกลงที่แสกหน้าหรือกระหม่อม ของฝ่ายรับ

    ฝ่ายรับ

    งอเข่าก้มหัวลงเล็กน้อย เพื่อชะลอแรงกระแทก ยกแขนซ้ายขึ้นปกหน้าปะทะศอก ที่กระแทกลงมา พร้อมชกสวนออกไปด้วยหมัดขวา
    ท่าไกรสรข้ามห้วย
    ท่าไกรสรข้ามห้วย
    ท่าไกรสรข้ามห้วย

    ฝ่ายรุก

    เดินมวยเข้าเตะด้วยเท้าสู่ปลายคางของฝ่ายรับ  มือทั้งสองตั้งมั่น

    ฝ่ายรับ

    พลิกตัวหันหลังจากเท้าที่เตะมา พร้อมกับสอดเท้าซ้ายถีบเข้าที่หน้าตักของขาที่ยืนเป็นหลักของฝ่ายรุกทันที
    ท่ากวางเหลียวหลัง

    ฝ่ายรุก

    เดินมวยเข้าหา มือทั้งสองตั้งมั่น

    ฝ่ายรับ

    พุ่งตัวเข้าถีบเท้าขวาในลักษณะถีบข้างจนฝ่ายรุกเอียงเสียหลัก แล้วลดขาที่ถีบลงไปข้างหน้า ยืนเป็นหลัก พลิกตัวตาม เตะด้วยส้นเท้าที่ยอดอก หรือปลายคาง
    ท่ากวางเหลียวหลัง
    ท่ากวางเหลียวหลัง
    ท่าหิรัญม้วนแผ่นดิน

    ฝ่ายรุก

    เตะเหวี่ยงขาขวาหมายที่ซอกคอฝ่ายรับ  มือทั้งสองตั้งมั่น

    ฝ่ายรับ

    เท้าขวาประชิดเข้าหาเท้าที่เตะมา รีบยกแขนขวาท่อนล่างขึ้นรับการเตะของฝ่ายรุก พร้อมกลับหลังหันใช้ศอกกลับตีคางหรือบริเวณใบหน้าของฝ่ายรุกทันที
    ท่าหิรัญม้วนแผ่นดิน
    ท่าหิรัญม้วนแผ่นดิน
    ท่านาคมุดบาดาล
    ท่านาคมุดบาดาล
    ท่านาคมุดบาดาล

    ฝ่ายรุก

    เดินมวยเข้าเตะด้วยเท้าขวาหมายซอกคอฝ่ายรับ มือทั้งสองตั้งมั่น

    ฝ่ายรับ

    ก้มตัวหลบลอดใต้เท้าขวาของฝ่ายรุกที่เตะมา แล้วรีบสอดเท้าขวา ถีบขาพับซ้ายของฝ่ายรุก ทันที
    ท่าหนุมานถวายแหวน
    ท่าหนุมานถวายแหวน
    ท่าหนุมานถวายแหวน

    ฝ่ายรุก

    เดินมวยชกด้วยหมัดขวาตรงไปที่หน้าของฝ่ายรับ

    ฝ่ายรับ

    ก้าวเท้าขวามาด้านข้าง พร้อมกับใช้หมัดซ้ายปัดหมัดขวาของฝ่ายรุก  ย่อตัวลงหลบหมัดตรงฝ่ายรุก  สวนกลับด้วยหมัดทั้งสอง  เสยเข้าที่คางของฝ่ายรุก
    ท่าญวนทอดแห
    ท่าญวนทอดแห
    ท่าญวนทอดแห

    ฝ่ายรุก

    เดินมวยเข้าถีบด้วยเท้าขวาไปที่หน้าของฝ่ายรับ มือทั้งสองตั้งมั่น

    ฝ่ายรับ

    ก้าวเท้าขวาทแยงเฉียงออกวงนอก ใช้แขนขวาปัดขาเบนแรงถีบ แล้วใช้เท้าขวาเป็นหลัก พลิกตัวเตะสวนขึ้นด้วยเท้าซ้ายเข้าที่พับในของฝ่ายรุกทันที
    ท่าทะแยค้ำเสา

    ฝ่ายรุก

    เดินมวยเข้าเตะด้วยเท้าขวาที่ซอกคอฝ่ายรับ มือทั้งสองตั้งมั่น

    ฝ่ายรับ

    ก้าวขาเฉียงไปทางขวาเล็กน้อย ตั้งแขนซ้ายกันเท้าที่เตะมา ย่อตัวลงพลิกตัวเล็กน้อย  ถีบด้วยเท้าซ้ายไปที่ขาซ้ายที่ยืนเป็นหลัก ของฝ่ายรุกให้หงายหลังล้มลง
    ท่าทะแยค้ำเสา
    ท่าทะแยค้ำเสา
    ท่าหงส์ปีกหัก

    ฝ่ายรุก

    เดินมวยเข้าชกด้วยหมัดขวาตรงไปที่ใบหน้าของฝ่ายรับ มือซ้ายตั้งมั่น

    ฝ่ายรับ

    ก้าวเท้าซ้ายเข้าประชิดตัว แล้วใช้แขนซ้ายปัดหมัดให้เบนออก  กระแทกศอกขวาเข้าที่หัวไหล่ขวาของคู่ต่อสู้
    ท่าฟงส์ปีกหัก
    ท่าหงส์ปีกหัก
    ท่าฝานลูกบวบ

    ฝ่ายรุก

    เดินมวยเข้าชกด้วยหมัดขวาตรงไปที่ใบหน้าฝ่ายรับ  มือซ้ายตั้งมั่น

    ฝ่ายรับ

    ก้าวเท้าขวาทแยงเข้าวงใน ใช้แขนซ้ายปัดหมัดให้เบนออก พร้อมกับใช้ศอกเสยเข้าที่ปลายคางของฝ่ายรุกทันที
    ท่าฝานลูกบวบ
    ท่าฝานลูกบวบ
    ท่าสักพวงมาลัย
    ท่าสักพวงมาลัย
    ท่าสักพวงมาลัย

    ฝ่ายรุก

    เดินมวยเข้าชกด้วยหมัดขวาตรงไปที่ใบหน้าของฝ่ายรับ มือซ้ายตั้งมั่น

    ฝ่ายรับ

    ก้าวเท้าขวาประชิดตัว ใช้แขนซ้ายปัดหมัดให้เบนออก กระแทกศอกขวาเข้าที่ยอดอกของคู่ต่อสู้

    ท่าเถรกวาดลาน
    ท่าเถรกวาดลาน

    ฝ่ายรุก

    เดินมวยเตะสูง หรือยืนในลักษณะเท้ายืนคู่

    ฝ่ายรับ

    เดินมวยเข้าหาในระยะที่เตะกวาดได้พร้อมกับก้มตัวลง ให้เท้าของฝ่ายรุกเตะผ่านศีรษะไป แล้วเตะกวาดไปที่เท้าซ้ายที่ยืนอยู่ของฝ่ายรุกอย่างสุดแรง ถ้ายืนจดมวย ให้เตะกวาดขาที่อยู่ข้างหน้า

    ❦ ------------------------------------- ❦ 

     ------------------------------------- 
    กลมวย

    หมายถึง เทคนิคเฉพาะตัวของนักมวย ซึ่งนักมวยแต่ละคนจะมีเทคนิคเฉพาะตัวแตกต่างกันไปเพื่อพิชิตคู่ต่อสู้ให้เด็ดขาด
    ท่าฤาษีบดยา
    ท่าฤาษีบดยา
    ท่าฤๅษีบดยา

    ฝ่ายรุก

    วิ่งเข้าหาฝ่ายรับ เท้าซ้ายเหยียบที่ต้นขาขวาของฝ่ายรับ เท้าขวาเหยียบที่หัวไหล่ ใช้หมัดซ้ายจับต้นคอฝ่ายรับ พร้อมกับกระแทกศอกขวา ที่กลางกระหม่อมของฝ่ายรับ

    ฝ่ายรับ  

    เตรียมพร้อมยืนในลักษณะที่เท้านำเท้าตามในท่าจดมวย
    ท่าพระรามเดินดง

    ฝ่ายรุก

    เดินมวยเข้าเตะด้วยเท้าขวาระดับชายโครง มือทั้งสองตั้งมั่น

    ฝ่ายรับ

    พุ่งตัวยกเท้าซ้ายขึ้นเหยียบระดับหน้าตักของเท้าที่เตะมา พร้อมกับส่งแรงพุ่งเข่าขวา ให้ผสมกับแรงที่คู่ต่อสู้เตะมาผ่านทางเท้าซ้ายที่เหยียบ ในลักษณะแรงส่งเข้าสู่ลูกคาง หรือยอดอก ตัวก็ลอยโด่งขึ้น เพราะแรงส่งของเท้าที่เตะมาเต็มแรง
    ท่าพระรามเดินดง
    ท่าพระรามเดินดง
    ท่าพระรามเหยียบลงกา
    ท่าพระรามเหยียบลงกา
    ท่าพระรามเหยียบลงกา

    ฝ่ายรุก

    พุ่งเข้าหาฝ่ายรับ ก้าวเท้าซ้ายขึ้นเหยียบต้นขาซ้ายของฝ่ายรับ พลิกตัวไปทางซ้าย ใช้เท้าขวาเตะศีรษะด้านข้างของฝ่ายรับ

    ฝ่ายรับ

    ยืนในท่าจดมวยในลักษณะเท้านำ เท้าตาม จดมวยตั้งมั่น
    ท่าบั่นเศียรทศกัณฐ์
    ท่าบั่นเศียรทศกัณฐ์
    ท่าบั่นเศียรทศกัณฐ์

    ฝ่ายรุก

    พุ่งเข้าหาฝ่ายรับ ยกเข่าขึ้นตั้งพุ่งใส่บ่าทั้งสองข้างของฝ่ายรับ พร้อมกับกระแทกศอกทั้งสองข้างลงที่ศีรษะของฝ่ายรับ

    ฝ่ายรับ

    ยืนอยู่ในลักษณะพร้อมที่จะต่อสู้จดมวยตั้งมั่น

    ท่านกคุ้มเข้ารัง

    ฝ่ายรุก

    เดินมวยเข้าหาโดยเปิดช่องว่างส่วนอกไว้

    ฝ่ายรับ    

    กระโดดพุ่งตัวพร้อมกับคู้ตัวในลักษณะหมัดทั้งสองป้องปิดจากอกตลอดศีรษะ เข่างอขึ้นปิดท้องคล้ายนกคุ้มพุ่งเข้ากระแทกคู่ต่อสู้ โดยหมัดกระแทกที่คาง ศอกกระแทกที่ลิ้นปี่ ขากระแทกที่ท้องอย่างแรง
    ท่านกคุ้มเข้ารัง
    ท่านกคุ้มเข้ารัง
    ท่าม้าดีดกะโหลก

    ฝ่ายรุก

    ยืนหันข้างให้ฝ่ายรับ เหวี่ยงแขนทั้งสองข้างไปทางซ้ายคล้ายตีลังกา และใช้เท้าเตะที่หน้าของฝ่ายรับ

    ฝ่ายรับ

    ยืนจดมวยในท่าเตรียมพร้อมออกอาวุธ 
    ท่าม้าดีดกระโหลก
    ท่าม้าดีดกระโหลก
    การฝึกมวยไทยของค่ายมวยแต่ละค่ายจะมีจุดเด่นแตกต่างกันไป เช่น ค่ายมวยลูกพระบาท มีชื่อเสียงในเรื่องการใช้เข่า ค่ายแฟร์เท็กซ์มีการประยุกต์วิทยาศาสตร์การกีฬามาใช้กับการฝึกมวย หรือค่ายศิษย์ยอดธง ของครูยอดธง เสนานันท์ (ยอดธง ศรีวราลักษณ์) ก็เป็นค่ายมวยมาตรฐานที่มีชาวต่างชาติมาฝึกชกมวยกันมาก

     ------------------------------------- 

    "เอาล่ะ...น่าจะจบแค่นี้เสียแล้ว"

    สีเทาพูดขึ้นพลางเช็ดเหงื่อตนเอง

    "เทาๆ อยากให้น้องๆ ลองหัดแม้ไม้มวยไทย ลูกไม้มวยไทย หรือ กลมวย ท่าใดท่าหนึ่งที่สนใจค่ะ..."

    สีเทาพูดพลางมองน้อง ก่อนจะชี้ไปที่กระสอบมวยที่แขวนอยู่ด้านหลังของสีเทามากมาย

    "และตอนฝึก ให้ไปฝึกกับกระสอบมวยพวกนั้นนะคะ อย่าไปเตะต่อยกันเองนะ เดี๋ยวเจ็บตัวนะคะ"

    สีเทาพูดขึ้นก่อนที่รุ่นน้องทั้งหมดจะลุกขึ้นไปประจำที่กระสอบมวยของตน....

    "และถ้าซ้อมกันเสร็จแล้ว ก็สามารถแวะไปทานน้ำทานขนมกันได้นะคะ"

    สีเทาพูดเบาๆ

    "น่าเสียดายจังเลยน้าา เวลามันผ่านไปเร็วเหมือนกันนะ"

    --------------------------------------------------------


    สิ่งที่ทุกคนต้องทำ!!!

    ให้โรลเพลย์เกี่ยวกับการฝึก แม้ไม้มวยไทย ลูกไม้มวยไทย และ กลมวย อย่างน้อย ชนิดละ ๑ ท่า คือ

    แม่ไม้มวยไทย ๑ ท่า   ลูกไม้มวยไทย ๑ ท่า    กลมวย ๑ ท่า



    .


    .


    .


    .

    [ซุ้มอื่นๆ]

     
    © themy  butter
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×