คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : บทที่ 1 ผู้เฝ้าสุสานคนใหม่....
บทที่ 1 ผู้เฝ้าสุสานคนใหม่....
ท่ามกลางแสงแดดยามเช้าที่ส่องผ่านหน้าต่างบานใหญ่ลงมา สาวน้อยเรือนผมสั้นสีทองได้ลุกขึ้นจากที่นอนของเธอ นัยน์ตาสีฟ้างดงามจ้องมองภายนอกหน้าต่าง เธอมองผู้คนที่กำลังเดินในเมืองอย่างขวักไขว่ แต่เธอว่าเธอกลับรู้สึกสงสัยสิ่งหนึ่ง.....
‘ทำไมฉันถึงมาอยู่ที่บ้านของตัวเองได้ล่ะ....’ ‘แอนน์’ คิดในใจ เธอก้าวลงจากเตียงของเธอ ก่อนจะเดินลงบันไดบ้านของเธอลงไปชั้นล่าง ก่อนที่เธอจะเห็นลุงของเธอนั่งขัดรองเท้าให้ลูกค้าอยู่....ใช่แล้วลุงของเธอมีอาชีพขัดและขายรองเท้า ไม่แปลกที่บางทีตอนเช้าๆจะมีแขกมาให้ขัดรองเท้า เธอเดินไปหาลุงของเธอที่กำลังขมักเขม่นในการขัดรองเท้าอยู่....
“คุณลุงคะ...” แอนน์พูดขึ้นเบาๆ ก่อนที่ ‘ลุงอดัม’ จะเงยหน้าขึ้นมองเธอด้วยสีหน้าเป็นห่วง... “แอนน์!! หลานรักของลุง....ไม่เป็นอะไรมากใช่ไหม!!” เขาพูดขึ้นพร้อมดึงร่างของหลานรักมากอดด้วยความเป็นห่วง... “คือ...หนูมาอยู่ที่นี่ได้ยังไงคะ....หนูจำได้ว่าตอนแรกหนูอยู่ที่...”
“คุณอดัมคะ...ดิฉันเอายามาให้ค่ะ....” ยังไม่ทันที่แอนน์จะพูดจบ ก็ได้มีร่างของเด็กสาวคนหนึ่งที่ตัวเล็กกว่าแอนน์เดินเข้ามาในร้าน เด็กสาวไว้ผมสั้นดูยุ่งนิดๆสีม่วงอมน้ำเงินประมาณต้นคอ แต่มันแปลกตรงที่เธอไว้ผมหน้าม้าของตัวเองจนปิดหน้าและตาของเธอ เธอแต่งตัวด้วยเสื้อเชิ้ตขาวแต่ใส่เสื้อนอกแขนกุดสีม่วงเข้ม กางเกงขาสั้นสีดำ ถุงขาวลายสีดำและขาวสลับกันเป็นแนวนอน รองเท้าบูทแบบสั้นสีดำ ส่วนที่คอของเธอมีผ้าพันคอสีดำที่พันอยู่แล้วถูกปล่อยผ้าที่เหลือลงมาเลยหลังนิดๆ ที่เสื้อนอกของเธอก็ติดเข็มกลัดแปลกๆรูปดอกไม้สีดำสลับขาวดอกเล็กๆอยู่ที่อกขวา เธอเข้ามาในร้านสักพักก่อนจะหันไปเจอแอนน์ที่กำลังคุยกับลุงอดัม “อ้าว…!! คุณหนูแอนน์อาการดีขึ้นแล้วหรอคะ....” เด็กสาวคนนั้นพูดขึ้น เธอวางขวดยาขวดใหญ่ลงกับโต๊ะที่ลุงอดัมไว้ใช้วางอุปกรณ์ ลุงอดัมหยิบขวดยาสีน้ำตาลเข้มนั้นขึ้นมาดู ก่อนที่เด็กสาวคนนั้นจะอธิบายเกี่ยวกับบาดแผลและตัวยา
“คือว่า...พอดีดิฉันลองตรวจสอบร่างกายของคุณหนูแอนน์ดูแล้ว ไม่มีบาดแผลอะไรร้ายแรงมากค่ะ... จะมีก็มีแค่แผลถลอกที่หัวเข่าทั้งสองข้างของคุณหนูค่ะ....” เด็กสาวเริ่มอธิบายเกี่ยวกับบาดแผลของแอนน์ ก่อนที่จะเริ่มอธิบายตัวยาบ้าง...
“ส่วนตัวยานั้น....เป็นยาบำรุงน่ะค่ะ....” เธอพูดด้วยน้ำเสียงเรียบๆ “เพราะว่าหลังจากที่พาคุณหนูออกจากสุสานแห่งนั้นแล้ว แลดูเธอคงจะช็อคกับเหตุการณ์นิดๆ และด้วยความที่เธอเหนื่อยหอบแปลว่าเธอกำลังหลีกเลี่ยงหรือหนีอะไรบางอย่าง....รวมถึงรอยช้ำบนร่างกายด้วย เลยทำให้มีอาการปวด ดิฉันเลยซื้อยาบำรุงมาให้ทานเผื่อว่าอาการอาจจะดีขึ้นน่ะค่ะ.....” เด็กสาวเริ่มอธิบายเป็นหลักการ ก่อนที่เธอจะหันไปบอกลุงอดัมว่ายาต้องกินตอนไหนบ้าง...
“ยาตัวนี้ต้องทาน 3 เวลานะคะ คือ เช้า กลางวัน และเย็น และก็ทานหลังอาหารค่ะ....” เธอยืนอธิบายอย่างละเอียดให้ลุงอดัม ซึ่งลุงอดัมเองก็พยักหน้าเป็นเชิงว่าตกลง ก่อนะลุกขึ้นจากเก้าอี้เพื่อนำตัวยาไปเก็บในตู้ไม้เก่าๆตู้หนึ่ง
“หืม....อ้อใช่!!” เด็กสาวที่หันมามองหน้าของแอนน์ก่อนจะนึกอะไรขึ้นได้... “สวัสดีค่ะ คุณหนูแอนน์ เครสเตรียน์ ดิฉันขออภัยนะคะ ที่เข้ามาโดยไม่ได้แนะนำตัวหรือขออนุญาต...” เด็กสาวคนนั้นหันมาโค้งขอโทษให้กับแอนน์ ซึ่งตัวแอนน์เองก็ได้แต่ยกมือห้ามไม่ให้เด็กสาวทำแบบนั้น เพราะเด็กสาวเล่นขอโทษมาเป็นทางการแบบนี้ เธอเองก็รู้สึกไม่ค่อยดีสักเท่าไร ที่มีคนมาใช้คำสุภาพและทางการเกินไปกับตน
“นี่!...น้องสาวเองก็ไม่ต้องขอโทษพี่ขนาดนั้นหรอกนะจ๊ะ....” แอนน์พูดขึ้นมา แต่ว่าคำพูดของแอนน์นั้นอยู่ๆก็ทำให้เด็กสาวเผยรอยยิ้มและเสียงหัวเราะออกมา เด็กสาวเงยหน้าขึ้นพลางยิ้มให้กับแอนน์ “นี่...คุณน่ะรู้ตัวหรือเปล่า....” เด็กสาวพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงร่าเริง “เธอมาเรียกดิฉันว่าน้องแบบนี้ก็ไม่ค่อยดีหรอกนะคะ เพราะดีไม่ดีดิฉันอาจจะอายุมากกว่าคุณด้วยซ้ำ แต่ร่างกายของดิฉัน ‘มันถูกหยุดให้อยู่ในวัยนี้’ นี่นา....ไม่แปลกที่คุณจะเรียกฉันว่าน้องสาว”
เด็กสาวพูดขึ้นพร้อมกับรอยยิ้ม ถึงแม้แอนน์จะทำสีหน้าแบบไม่เข้าใจ แต่เด็กสาวคนนั้นก็ไม่ได้พูดอะไร เธอจึงคิดที่จะออกจากร้านขายรองเท้านี่แล้วไปที่ๆหนึ่ง หากแต่แอนน์ดึงตัวเธอเอาไว้
“เดี๋ยวก่อน....น้องสาวเธอยังไม่ได้บอกชื่อของเธอเลยนะ....” แอนน์พูดขึ้น แต่ถึงอย่างไรเธอก็ยังเรียกเด็กสาวตรงหน้าของเธอว่า ‘น้องสาว’ อยู่ดี เด็กสาวหันมามองเธอพลางคลี่รอยยิ้มอันเป็นเอกลักษณ์ของเธอให้แอนน์ ก่อนจะเอานิ้วจุ๊ปากของแอนน์เบาๆ
“ชื่อของดิฉันหรือคะ....ดิฉันมีชื่อว่า ‘บล๊องช์ คัลเลอร์ฟิลล์’ ค่ะ” เด็กสาวพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงร่าเริง ก่อนที่เธอจะวิ่งออกไปนอกร้านขายรองเท้า เธอหันหลังกลับมายิ้มให้กับแอนน์ครู่หนึ่ง ก่อนที่จะคว้ากระเป๋าสะพายข้างสีดำที่วางไว้ข้างๆประตูหน้าร้าน และวิ่งออกไป
“คุณธีโอดอร์!!...” เด็กสาววิ่งไปหาชายหนุ่มร่างสูงคนหนึ่ง เขามีเรือนผมที่เรียบสีเหลืองทองยาวถึงแค่ต้นคอ นัยน์ตาสีน้ำตาลจ้องมองเด็กสาวที่มากระโดดเกาะตนด้วยสีหน้าเบื่อหน่าย มือใหญ่ที่ใส่ถุงมือสีดำดันหันของเด็กสาวที่ทั่งกอดและซุกที่อกของเขาออกพร้อมกับถอนหายใจ เด็กสาวเมื่อเห็นดังนั้นก็ยังซุกต่อไปโดยไม่ยอมหลุดออกไปง่ายๆ
“บางทีฉันก็สงสัยจริงๆว่าพ่อแม่ของเธอเลี้ยงเธอมายังไงหันแน่....” ‘ธีโอดอร์’ พูดขึ้นด้วยความเบื่อหน่าย เด็กสาวเงยมองหน้าของเขาด้วยสีหน้ายิ้มแย้มก่อนที่จะถอนกอดและออกมายืนข้างๆ “ดิฉันเองก็สงสัยเหมือนกันนะว่า....พ่อแม่เลี้ยงคุณมาแบบคนหรือสุนัขกันนะ....” เด็กสาวพูดขึ้นพร้อมกับเหยียดยิ้ม “ถึงได้ดุจริงๆเลย มิหน้าล่ะ....อายุขนาดนี้ ‘ยังไม่มีผู้หญิงคนไหนชายตามองเลย’ ” เด็กสาวยังคงพูดต่อ ถึงแม้จะเห็นสีหน้าโมโหของชายตรงหน้าแล้วก็เถอะ “เอ๊ะ!...หรือว่าคุณจะชอบพวกไม้ป่าเดียวกัน....”
‘ตุ๊บ!!!’ เสียงเขกกะโหลกเด็กสาวของธีโอดอร์ดังขึ้นด้วยความโมโห เด็กสาวกุมหัวด้วยความเจ็บปวด ก่อนที่เธอจะเอาคืนด้วยการเหยียบเท้าของธีโอดอร์อย่างรุนแรง ก็อย่างที่บอกเห็นเธอตัวเล็กแค่นี้ แรงเธออาจจะเยอะกว่าธีโอดอร์เสียอีก
“โอ๊ย!! ยัยบล๊องช์!! เธอเหยียบเท้าฉันทำไม!!” ชายหนุ่มยกเท้าขึ้นมาจับและบีบด้วยความเจ็บ เด็กสาวได้แต่ส่งสายตาสะใจพร้อมกับหัวเราะคิกคัก “ถ้าบอกว่า....เธอโมโหฉันที่ฉันเขกหัวเธอล่ะก็....ก็เพราะเธอว่าฉันก่อนนะ!!” เด็กสาวไม่สนใจชายหนุ่ม เจ้าตัวหยิบกระเป๋าสะพายข้างสีดำของตนก่อนจะเดินลั้นลานำหน้าธีโอดอร์ไป
“เอาล่ะ เราเลิกเสียเวลาและไปทำงานกันดีกว่าน้า” เด็กพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงร่าเริงแต่.... “ที่มันเสียเวลา ก็เพราะเธอนั่นแหละ!!!!” ธีโอดอร์ตะโกนขึ้นมาพร้อมกับคว้ากระเป๋าสีน้ำตาลของตนขึ้นมาพาดไหล่ ก่อนจะวิ่งตามเด็กสาวไป
“ตายจริง....ดิฉันขอโทษนะเจ้าคะ ฮิๆ” เด็กสาวพูดด้วยความร่าเริง ร่างบางก้าวไปอยู่ข้างๆธีโอดอร์ “แล้วเราจะไปทำงานที่ไหน....? เธอยังไม่ได้บอกฉันเลยนะ....” ธีโอดอร์พูดขึ้น เด็กสาวมองหน้าชายหนุ่มที่กำลังสงสัยอยู่ก่อนจะพูดขึ้น
“หืม....เรื่องนั้นนายยังไม่ต้องรู้หรอกนะ....” เด็กสาวพูดขึ้นก่อนที่เธอจะตรงปรี่ไปที่อาคารสีขาวสะอาดที่ตั้งอยู่ใจกลางเมือง “ฉันมีธุระที่นี่พอดี...นายก็รออยู่ที่นี่ก่อนนะ ถ้าเบื่อ นายก็ไปจีบแม่ค้าแถวนี้เล่นนะ ฮิๆ” เด็กสาวแหย่ชายหนุ่มเล็กน้อยก่อนจะรีบวิ่งเข้าอาคารสีขาวนั้นไป ก่อนที่ชายหนุ่มจะเข้ามาเขกกะโหลกของเธออีกครั้ง
“ออกมาเมื่อไหร่ เดี๋ยวจะจัดการให้น่วมเลยคอยดู....” ชายหนุ่มพูดขึ้นก่อนที่เขาจะหาที่แถวๆนั้นพักแล้วนั่งลง ในหัวเขาคิดอยู่อย่างเดียวก็คือ ‘การจัดการนิสัยอันกวนประสาท’ ของเด็กสาวนั้นให้หมดสิ้นไป นัยน์ตาสีน้ำตาลของเขาจ้องมองบริเวณโดยรอบอย่างเงียบๆ ก่อนที่เขาจะนั่งคิดว่า... ‘ที่ๆเจ้าเด็กนั่นจะไปทำงานมันคือที่ไหน โรงพยาบาล…? ร้านขายยา...? หรือว่า ร้านขายหนังสือ...?’ ในขณะที่เขากำลังนั่งคิดอยู่เพลินๆนั่นเอง บรรยากาศภายในตัวเมืองก็เริ่มเย็นลง บรรยากาศที่น่าสบายๆแบบนี้ ทำให้นัยน์ตาทั้งสองข้างของชายหนุ่มหลับลง ก่อนที่เจ้าตัวจะนั่งหลับไปท่ามกลางบรรยากาศอันเย็นสบายนั่นเอง
“คุณคะ....คุณคะ....” แต่แล้วหลังจากหลับไปได้ไม่นานในโสตประสาทของชายหนุ่มกลับมือเสียงของหญิงสาวคนหนึ่งดังเข้ามาภายในหัวของเขา เขาค่อยๆลืมตาขึ้นก่อนจะพบกับหญิงสาวหน้าตาสะสวย เรือนผมที่ยาวสีบลอนด์ทองของเธอเปร่งประกายยามต้องแสงตะวัน นัยน์ตาสีฟ้าสดใสจ้องมองชายหนุ่มอย่างมีทุกข์ ธีโอดอร์จ้องเธอตาไม่กระพริบ ส่วนหนึ่งคือความสวยและกิริยามารยาทของเธอที่ทำให้เขา ‘ตกหลุมรัก’ เข้าให้เสียแล้ว
“คุณคะ ช่วยดิฉันด้วยค่ะ....” เธอพูดขึ้น ใบหน้าของเธอนั้นก็เปรอะเปื้อนไปด้วยน้ำตา ชายหนุ่มเมื่อเห็นดังนั้นก็ลุกขึ้นไปเช็ดน้ำตาให้หญิงสาว ก่อนจะถามเหตุผล “ม...มีอะไรให้ผมช่วยครับ คุณผู้หญิง....” เขาพูดขึ้น หญิงสาวเงยมองหน้าเขาก่อนจะโผเข้ากอดชายหนุ่มพร้อมร้องไห้เสียงดัง “ช่วยหยุดเขาที....ช่วยหยุดเขาคนนั้นให้ทีค่ะ!!” ชายหนุ่มทำหน้าไม่เข้าใจในสิ่งที่หญิงสาวคนนั้นพูด หญิงสาวคนนั้นจิกแขนเสื้อของธีโอดอร์แน่น ก่อนที่จะพูดขึ้นต่อ
“ช่วยหยุดเขาคนนั้นทีเถอะค่ะ...ดิฉันไม่อยากเห็นเขาต้องฆ่าใครเพื่อฉันอีกแล้ว!!!” หญิงสาวตะโกนขึ้นมาอีกครั้ง คราวนี้ชายหนุ่มถึงกลับผงะและนิ่งไป ก่อนจะถามขึ้นมา “เขาคนนั้น...เขาคือใคร ชื่ออะไรหรอครับ...” ชายหนุ่มพูดขึ้น แต่ในขณะที่หญิงสาวกำลังจะตอบนั่นเอง ก็ได้มีเงาสีดำอันแสนน่ากลัวปรากฎขึ้นมา ก่อนที่จะฉุดกระชากหญิงสาวออกไปจากเขา ธีโอดอร์ตกใจมาก มือของเขาพยายามคว้ามือของหญิงสาวเอาไว้ แต่ทำไม่ได้ เขาลุกขึ้นเพื่อที่จะวิ่งตามไปเพื่อช่วยหญิงสาว แต่ร่างกายกลับขยับไม่ได้ และสิ่งสุดท้ายที่เขาได้เห็นก็คือ ‘หญิงสาวคนนั้นถูกจับไปผูกไว้กับเสาไม้กางเขนพร้อมกับชายหนุ่มอีกคนหนึ่ง ก่อนจะถูกเผาทั้งเป็นต่อหน้าเขา’
“ค...คุณผู้หญิง!!!” ชายหนุ่มสะดุ้งตัวตื่นขึ้นมา ก่อนจะพบว่าสิ่งที่ตนเจอทั้งหมดนั้น....‘มันเป็นแค่ความฝัน.....’ ชายหนุ่งหันมองไปรอบๆ ก่อนจะพบกับบล๊องช์ยืนมองหน้าของตนอยู่อย่างน่าสงสัย เขามองหน้าเด็กสาวสักพักก่อนที่เด็กสาวจะยิ้มออกมา....
“แหม....ตะโกนออกมาขนาดนี้ ฝันถึงสาวที่ไหนอยู่จ๊ะ....” เด็กสาวพูดติดตลก แต่ชายหนุ่มไม่ตลกด้วย เขาลุกขึ้นยืนพร้อมกับกระเป๋าสีน้ำตาลของตนก่อนจะบีบไหล่ของเด็กสาว อย่างแรง.... “สาวบ้าอะไรล่ะ นี่มันเรื่องจริงจังนะ!!” ชายหนุ่มพูดขึ้นด้วยสีหน้าจริงจัง เด็กสาวจับมือขงชายหนุ่มที่กำลังบีบไหล่ของตนอยู่ออกไป ก่อนที่จะมองชายหนุ่มด้วยสีหน้าเรียบๆ
“แหม....ฝันถึงเรื่องผู้หญิงแล้วบอกเรื่องจริงจัง....” เธอพูดขึ้นก่อนที่จะก้าวเดินออกไปจากที่ตรงนั้น ชายหนุ่มพยายามจะวิ่งเข้าไปอธิบายความฝันของตน แต่ก็ถูกเด็กสาวพูดขัดขึ้นมาจนได้... “ไว้ถึงที่ทำงานแล้ว ค่อยเล่าก็ได้นะ....”
ชายหนุ่มที่ได้ฟังก็ถึงกับนิ่งไปชั่วครู่ ในหัวของเขายังมิอาจลืมเลือนภาพหญิงสาวคนนั้นที่ร้องไห้ขอร้องเขาให้ช่วย แต่ว่าเขายังไม่รู้เลยว่าเธอชื่ออะไร เด็กสาวมองหน้าของชายหนุ่มที่ดูนิ่งและสลดไปสักพัก มือบางตบหลังของเขาเบาๆเพื่อเป็นการปลอบใจ
“ฉันรู้ว่านายน่ะเครียดนะ....แต่เครียดมากไปมันก็ไม่ดีนะ” เธอพูดขึ้นเบาๆ ใบหน้าของชายหนุ่มที่หันมามองเธอด้วยความเครียดปนเศร้าก่อนจะหันกลับไป แต่แล้วในหัวของเขาก็กลับนึกอะไรขึ้นมาได้ เขาหันไปมองหน้าเด็กสาวสักพักก่อนจะถามสิ่งที่เขาสงสัยมานานขึ้นมา
“นี่พูดถึงที่ทำงานของพวกเรา....พวกเราไปทำงานกันที่ไหน....” เขาถาม เด็กสาวมองหน้าของเขาก่อนที่จะพูดขึ้นมาพร้อมกับเหยียดยิ้ม “นายคิดว่าที่ไหนกันล่ะ....” เด็กสาวพูดขึ้น
“โรงพยาบาลหรอ หรือร้านขายยา เอ...หรือว่าร้านขายของธรรมดา....” เขาพูดขึ้นมา แต่เด็กสาวได้แต่ส่ายหน้าให้ชายหนุ่ม ประมาณว่าเขาเดาผิดทั้งหมด ชายหนุ่มจึงได้แต่นั่งครุ่นคิดว่า....ที่ทำงานของพวกเราคือที่ไหนกันแน่....
“เอาล่ะนายคงอยากรู้มากเลยสินะ....” เด็กสาวพูดขึ้น เธอคลี่รอยยิ้มอันเป็นเอกลักษณ์ออกมา ก่อนที่เธอจะรีบบอกให้ธีโอดอร์รีบตามเธอมา เขาจึงต้องยอมทำตามที่เธอบอก แต่แล้วเขากลับรู้สึกคุ้นเคยกับเส้นทางนี้มาก แต่กลับนึกไม่ออกว่ามันเป็นทางไปที่ไหนกันแน่
“เดี๋ยวพอถึงนายก็จะรู้เองนั่นแหละนะ....” เธอพูดขึ้นพลางรีบวิ่งไปตามเส้นทาง ธีโอดอร์รีบวิ่งตามบล๊องช์ไปเรื่อยๆ แต่แล้ว....เขาก็เริ่มนึกอะไรขึ้นได้....ทางนี้มันทางไปที่….
‘สุสานประจำเมืองเคสแตร์’
“ใช่แล้วล่ะ งานของเราคือ....ต้องเฝ้าสุสานเคสแตร์นี่ยังไงล่ะ!!!”
ความคิดเห็น