คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : บทนำ
บทนำ
ท่ามกลางความมืดยามรัตติกาลของ ‘สุสานเคสแตร์’ สุสานประจำเมืองเคสแตร์ บรรยากาศภายในนั้นดูเงียบสงบและน่ากลัวมากจนผิดปกติอย่างที่เคยเป็น หลุมศพมากมายที่ตั้งตระหง่านอยู่ภายในสุสานนั้น บ้างก็ใหญ่มากจนกินพื้นที่ไปเยอะมาก บ้างก็เล็กเสียจนไม่น่าเชื่อว่าจะเป็นหลุมฝังศพ บางหลุมก็มีชื่อติดบ้าง บางหลุมก็ไม่มีชื่อติดเอาไว้
ส่วนที่ตั้งของสุสานเคสแตร์นี้....ตั้งอยู่ใกล้เคียงกับทางผ่านเข้าเมืองเคสแตร์ ฉะนั้นเวลาจะเข้าเมืองส่วนใหญ่ จึงจำเป็นที่จะต้องเดินผ่านสุสานนี้ไป แต่หลังจากนั้นก็ได้มีการสร้างเส้นทางใหม่ขึ้นเพื่อใช้เวลาเข้าตัวเมือง หากแต่จะไกลกว่า ทางผ่านของสุสานนี้จึงมักจะถูกใช้เป็นทางลัดเพื่อให้เข้าเมืองเร็วขึ้นเสียมากกว่า
วันนี้ก็เช่นกัน....ที่มีคนเลือกที่จะใช้เส้นทางเส้นนี้ทั้งๆที่เส้นทางผ่านทางนั้นน่ากลัวกว่าเส้นทางใหญ่มาก แสงน้อยๆจากตะเกียงน้ำมันส่องสว่างขึ้น แต่ก็ไม่ได้ลดความน่ากลัวในสุสานแห่งนี้ลงเลยแม้แต่น้อย
“จูเลีย....ฉันว่าเราไปทางอื่นกันเถอะนะ....” ‘แอนน์’ สาวน้อยวัยแรกรุ่นพูดด้วยน้ำเสียงหวานแต่กลับสั่นเครือไปด้วยความกลัว มือบางสะกิดเพื่อนสาวของตนที่กำลังเดินเข้ามาภายในสุสานแห่งนี้ นัยน์ตาสีฟ้ากวาดสายตามองไปรอบบริเวณแห่งนั้นด้วยความกลัวและหวาดระแวง
“แอนน์ เธออย่าคิดมากสิ!! สุสานนี้มันก็แค่ทางผ่าน...มันไม่มีอะไรหรอกน่า!!!” ‘จูเลีย’ เพื่อนสาวของแอนน์ตวาดขึ้นด้วยความหัวเสีย และไม่พอใจที่เพื่อนของเธอเซ้าซี้ให้ไปทางอื่นอยู่นั่น นัยน์ตาสีน้ำตาลจ้องมองเพื่อนสาวของเธอด้วยสีหน้าไม่พอใจ ก่อนที่จะหันกลับไปมองเส้นทางต่อ
“แต่ว่า....เธอไม่เชื่อเรื่องนั้นหรอ....” แอนน์พูดขึ้นเบาๆ “เรื่องที่ลุงอดัมพูดน่ะ....” เธอพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่เบาลงกว่าเดิม แต่แล้วเธอก็ได้รับคำตอบจากเพื่อนสาวของเธอ คือนัยน์ตาสีน้ำตาลที่จ้องมองมาอย่างไม่พอใจ
“ฉันก็เคยบอกเธอไปแล้วนี่นา....ว่า ฉัน ไม่ เชื่อ!!!” เสียงของจูเลียดังขึ้นอีกครั้งด้วยความโกรธและเร่งรีบ หญิงสาวผมสีน้ำตาลเข้มยาวสลวยรีบกระชากมือของหญิงสาวผมสั้นสีทองให้เดินตามไปอย่างรวดเร็วและปฏิเสธไม่ได้
สาวน้อยทั้งสองคนจับมือกันและรีบก้าวเดินออกไปจากสถานที่แห่งนี้ แต่ว่าวันนี้มันกลับประหลาดกว่าวันอื่นๆก็คือ มันมืดมากและดูสงบมากกว่าปกติ รวมถึงอากาศที่เริ่มหนาวเย็นขึ้นเรื่อยๆ ทำให้บรรยากาศที่น่ากลัวอยู่แล้วน่ากลัวมากขึ้นกว่าเดิมหลายเท่า.... จูเลียกวาดสายตามองบรรยากาศโดยรอบ นัยน์ตาสีน้ำตาลกวาดสายตามองไปทั่ว ฉับพลันบรรยากาศในสุสานก็สงบเงียบลงกว่าเดิม หญิงสาวทั้งสองมองอย่างระหวาดระแวงและรีบเร่งฝีเท้าออกจากสุสานแห่งนี้ แต่... ‘เวลาดูเหมือนจะเริ่มหมุนช้าลงเรื่อยๆ’
“หึๆ....” ทันใดนั้นเอง จากความสงบเงียบภายในสุสานก็กลับมีเสียงๆหนึ่งดังขึ้น มันไม่ใช่เสียงอีกาหรือนกฮูก แต่เป็น ‘เสียงหัวเราะ’….?
ร่างของทั้งสองสาวหันขวับไปเพื่อหาต้นตอของเสียงปริศนานั่น หากแต่เมื่อหันไปก็ต้องพบแต่ ‘ความว่างปล่า’ แล้วเสียงนั้นมาจากไหนกันล่ะ.... สองสาวได้แต่ยืนมองความว่างเปล่านั้นด้วยความหวาดระแวง ก่อนจะรีบก้าวเท้าเพื่อออกจากสถานที่แห่งนี้ให้เร็วที่สุด....
“หึๆ....” แต่เสียงหัวเราะนั่นก็ยังไม่หยุด...กลับยังมีเสียงหัวเราะมาอีกครั้ง “หึๆ....หึๆ...ฮ่าๆ ฮ่าๆ!!!” และคราวนี้จากเสียงหัวเราะเบาๆ กลับดังขึ้นเรื่อยๆ ดังขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่งเสียงหัวเราะนั้นดังกึกก้องไปทั่วอาณาบริเวณ แอนน์จับแขนของจูเลียแน่นราวกับว่าจะให้เดินต่อไป แต่จูเลียกลับ...
“แกเป็นใคร!!! ออกมาเดี๋ยวนี้นะ....เลิกแกล้งได้แล้วนะ!!!” จูเลียตะโกนขึ้นมา แต่เสียงหัวเราะนั้นยังไม่หยุด หนำซ้ำมันยังดังขึ้น ดังขึ้น ดังขึ้นเรื่อยๆ...... จนกระทั่งจูเลียเริ่มทนไม่ไหว เธอจึงนำตะเกียงไปให้แอนน์ถือก่อนที่จะคว้าท่อนไม้ที่อยู่ใกล้ๆตัวของตน ก่อนจะตะโกนขึ้นมาอีกครั้ง
“แก!! ออกมาเดี๋ยวนี้นะ…. แน่จริงก็อย่าหลบสิ!!!” เสียงการท้าทายของจูเลียดังขึ้น พร้อมกับจับท่อนไม้ในมือของตนไว้แน่น นัยน์ตาสีน้ำตาลจ้องมองบริเวณโดยรอบไปมาด้วยความหวาดระแวง ส่วนแอนน์เองก็ได้แต่เกาะจูเลียแน่นพลางถือตะเกียงที่จูเลียฝากเอาไว้
“ฮ่าๆ…ฮ่าๆ…ฮ่าๆ!!!” เสียงหัวเราะนั้นดังขึ้นเรื่อยๆ ดังขึ้นเรื่อย ทันใดนั้นเองสุสานที่เคยเงียบสงบกลับกลายเป็นว่ามีแต่เสียงหัวเราะดังอึกทึกไปทั้งสุสาน เสียงกิ่งไม้ของต้นไม้เกี่ยวกระทบดังขึ้น ฉับพลันบรรยากาศที่หนาวเย็นอยู่แล้ว ก็เริ่มหนาวเย็นขึ้นเรื่อยๆ สาวน้อยทั้งสองคนมองไปรอบบริเวณ และทันใดนั้นเองก็เริ่มมีสายลมพัดไปมาภายในสุสาน
‘ฟิ้ว.....ฟิ้ว.....’ สายลมที่พัดผ่านไปเริ่มรุนแรงขึ้น... ‘พรึบ!!!’ แสงดวงไฟจากตะเกียงดวงน้อยดับลงเพราะลมที่พัดรุนแรงขึ้น ทำให้สาวน้อยทั้งสองตกอยู่ในความมืดมิดของสุสาน บรรยากาศโดยรอบยังไม่สงบลง เสียงหัวเราะนั้นยังดังอยู่ราวกับว่า มันกำลังลัง ‘เยาะเย้ย’ สาวน้อยทั้งสองที่ติดกับของตนเข้าให้อย่างจัง จูเลียไม่รอช้า...เธอคว้ามือของแอนน์ก่อนจะรีบพาวิ่งออกไปจากสถานที่แห่งนี้ แต่กระนั้นดูเหมือนว่าเส้นทางจะยาวขึ้นๆเรื่อยๆ ไม่ว่าสาวน้อยทั้งสองจะรีบวิ่งแค่ไหน...ก็ไม่พบกับ ‘ทางออก’ อยู่ดี....
สาวน้อยทั้งสองได้แต่วิ่ง วิ่ง วิ่งและวิ่ง....แต่ก็ยังไม่พบกับทางออกจากสุสานแห่งนี้ สาวน้อยทั้งสองคนที่กำลังวิ่งไปอย่างไร้จุดหมาย ก็กลับหยุดชะงักลง เพราะว่าอยู่ๆพวกเธอทั้งสองก็ไปชนกับอะไรบางอย่างเข้า....
“......” ข้างหน้าพวกเธอก็คือชายหนุ่มคนหนึ่ง เขามีรูปร่างไม่สูงมาก ผิวสีขาวมากจนซีด เรือนผมยาวปรกคอสีดอกเลา นัยน์ตาสีฟ้าขาวใสดุจแก้ว ใส่เสื้อเชิ้ตสีขาว ใส่กางเกงสีดำและรองเท้าบูทสีดำ แต่กลับใส่เสื้อคลุมสีดำปกปิดเอาไว้ ชายหนุ่มคนนี้กำลังจ้องมองสาวน้อยทั้งสองด้วยสีหน้าเรียบเฉย...
“เอ่อ...ขอโทษนะคะที่ชน...” แอนน์เอ่ยขึ้นเบาๆก่อนที่จะสะกิดจูเลีย “จูเลีย...ฉันว่าเรารีบออกไปจากที่นี่กันเถอะนะ...” แอนน์พูดขึ้นเบา จูเลียจึงเริ่มที่จะวิ่งเพื่อออกไปจากที่นี่ หากแต่บุรุษตรงหน้าของพวกเธอกลับขวางพวกเธอเอาไว้ไม่ให้ไปไหน
“นี่!!! ขอโทษก็ขอโทษไปแล้วไง ยังต้องการอะไรอีกห๊ะ!!!” จูเลียตะโกนขึ้นอย่างเหลืออด ก่อนที่จะผลักชายหนุ่มตรงหน้าออกไป แต่ชายหนุ่มก็ไม่ยอมหลบไปง่ายๆ เขากลับยืนจ้องมองสาวน้อยตรงหน้าด้วยสีเรียบนิ่ง แต่แล้วชายหนุ่มคนนั้นก็หยิบสิ่งหนึ่งออกมาจากเสื้อคลุม วัตถุสีเงินที่สะท้อนแสงยามต้องแสงจันทร์ ใช่แล้วสิ่งที่เขานำออกมานั้นคือ มีด...
สาวน้อยทั้งสองมองมีดสั้นเล่มนั้นด้วยสีหน้าใจคอที่ไม่ดี ชายหนุ่มยืนมองสาวน้อยทั้งสองอยู่เงียบๆ ก่อนจะพูดอะไรบางอย่างขึ้นมา....
“พวกเธอกำลัง...หาทางออกอยู่สินะ....” เขาพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่เรียบและแหบพร่า... นัยน์ตาสีแก้วมองสายน้อยทั้งสองอย่างต้องการคำตอบ จูเลียและแอนน์เพียงแค่พยักหน้าตอบกลับ....
“ผมสามารถพาพวกคุณออกไปได้นะครับ....” เขาพูดก่อนเว้นช่วงคำพูดคำหนึ่ง “แต่ว่าต้องมีข้อแลกเปลี่ยน....” เมื่อชายหนุ่มพูดจบ ทั้งสองสาวก็เริ่มมีประกายความหวัง แต่แล้วความสงสัยเรื่องข้อแลกเปลี่ยนนั่นก็ได้เกิดขึ้น....
“ข้อแลกเปลี่ยน...จะแลกเปลี่ยนกับอะไรหรอ...” จูเลียถามขึ้นด้วยความสงสัย.... เมื่อชายหนุ่มคนนั้นเห็นจูเลียเริ่มสงสัย... ใบหน้าที่เรียบเฉยก็กลับเผยรอยยิ้มขึ้นมา.... มือเรียวเชิดคางของจูเลียเอาไว้ จูเลียสะดุ้งเล็กน้อยและพยายามแกะมือของชายหนุ่มคนนั้นออก ชายหนุ่มมองภาพตรงหน้าด้วยรอยยิ้ม ก่อนจะตอบคำตอบที่จูเลียถาม....
“ข้อแลกเปลี่ยนน่ะหรอ....” เขาเว้นช่วงหนึ่งก่อนจะพูด “ก็คือ... ‘วิญญาณ’ ของเธอยังไงล่ะครับ...คุณผู้หญิง...” ฉับพลันเมื่อชายหนุ่มพูดจบ มีดสั้นเล่มงามก็แทงทะลุที่คอของจูเลียไป สาวน้อยกรีดร้องดังลั่นไปทั่วสุสาน เลือดสีแดงสดเริ่มไหลลงจากคอลงมาเปรอะเปื้อนชุดกระโปรงสีชมพูอ่อนจนกลับกลายเป็นชุดกระโปรงสีเลือดแทน....
ใบหน้าที่งดงามของจูเลียแฝงไปด้วยความเจ็บปวดทรมาณอย่างเห็นได้ชัด.... ชายหนุ่มคนนั้นดึงมีดสั้นออก ก่อนที่จะหันมานำมีดสั้นเล่มนั้นมาไล้ที่แก้มของจูเลียเบาๆ ชายหนุ่มจ้องมองใบหน้าที่ทั้งเจ็บปวดและหวาดกลัวของสาวน้อยด้วยความสุข
“คุณผู้หญิงครับ...ทำไมทำสีหน้าแบบนั้นล่ะครับ...” น้ำเสียงเรียบๆแต่แหบพร่าพูดขึ้นพร้อมกับรอยยิ้ม จูเลียได้แต่กรอกตามองภาพตรงหน้าด้วยความหวาดกลัว ชายหนุ่มจึงไม่รอช้าที่จะลงมีดสั้นเล่มนั้นลงไปที่หน้าอกของจูเลีย แอนน์ที่ได้แต่มองภาพตรงหน้าด้วยสีหน้าหวาดกลัว... เธอมองเพื่อนสาวของตนที่กำลังดิ้นด้วยความเจ็บปวดอย่างทรมาณ และตายอย่างช้าๆ... ก่อนที่จะเหลือบมองใบหน้าของชายหนุ่มที่เปรอะเปื้อนไปด้วย ‘เลือด’ ของเพื่อนเธอ.....
“เอาล่ะต่อไป ก็ถึงตาเธอแล้วนะ....คุณผู้หญิงผมสีทอง....” ชายหนุ่มลุกขึ้นมาพร้อมกับมีดเปื้อนเลือดที่ใช้แทงเพื่อนของเธอไป.... เธอจึงไม่รีรอที่จะรีบวิ่งออกไปให้ห่างจากชายหนุ่มที่สุด แต่ไม่ว่าเธอจะรีบวิ่งไปแค่ไหน เธอก็ยังไม่พบทางออกอยู่ดี แต่เมื่อเหลียวหลังไป ชายหนุ่มคนนั้นก็ยังเดินตามเธอมาหน้าตาเฉย แต่สิ่งที่หน้าแปลกกว่านั้นคือ....ไม่ว่าเธอจะรีบวิ่งแค่ไหน เขาก็ยังเดินตามเธอทันเสมอ เธอจึงรีบวิ่งต่อไป จนกระทั่ง....
“อ๊ะ!!! ว๊าย!!!!” แอนน์อุทานขึ้น เพราะเธอดันไปสะดุดกับก้อนหินก้อนใหญ่ที่อยู่บนพื้น เพราะเธอวิ่งไม่มองทาง.... และเมื่อหันหลังไป เธอก็เห็นชายหนุ่มคนนั้นเดินตามเธอมา เธอพยายามที่จะลุกขึ้น...และวิ่งต่อ แต่สัญญาณที่ทำให้เธอทำแบบนั้นไม่ได้ก็คือ มือเรียวที่โน้มลงมาแตะไหล่ของเธออย่างเบามือ....
“จะรีบหนีไปไหนครับ....คุณผู้หญิง....” เสียงของชายหนุ่มพูดขึ้น เธอมองเขาด้วยสีหน้าหวาดกลัว นัยน์ตาสีฟ้างดงามได้แต่จ้องมองคนตรงหน้าด้วยความหวาดกลัว.... ชายหนุ่มเผยรอยยิ้มอันแสนน่ากลัวขึ้นมาก่อนที่จะนำมือของตนลูบใบหน้าที่กำลังกลัวอย่างเบามือ....จนกระทั่งเขานำมีดสั้นของตนมาไล้ที่คอของแอนน์เล่น แอนน์นั่งอยู่นิ่งๆด้วยความหวาดกลัว ในตอนนี้เธอก็ไม่ต่างอะไรกับลูกไก่ในกำมือของคนตรงหน้าที่กำลังสนุกกับการที่นำมีดมาไล้ที่คอของเธอเล่น นัยน์ตาสีฟ้าได้แต่จ้องมองคนตรงหน้า จนกระทั่งเธอรู้สึกว่า.....‘ใบหน้าของคนตรงหน้าเธอนั้นกลับดูน่าคุ้นเคย และเหมือนเคยเจอเขาคนนี้ที่ไหนสักที่....’
ชายหนุ่มตรงหน้าที่เห็นสาวน้อยที่นั่งนิ่งไปด้วยความกลัว นัยน์ตาสีแก้วเขาจ้องมองสาวน้อยที่นั่งอยู่นิ่งๆ มีดสั้นที่อยู่ในมือของเขาที่กำลังไล้ไปที่คอของเธออย่างแผ่วเบา... แต่แล้วอยู่ๆเขาก็หยุดนิ่งไป สายตาของของเขาจับจ้องไปที่ชายแก่คนหนึ่งกับชาวบ้านกลุ่มหนึ่งที่กำลังเดินเข้ามาในสุสาน นัยน์ตาสีแก้วจ้องมองพวกเขาด้วยสีหน้าเรียบเฉย...ก่อนจะหันกลับมามองแอนน์
แต่ด้วยความที่ว่าแอนน์เห็นชาวบ้านกลุ่มนั้นพร้อมกับชายหนุ่มคนนั้นพอดี เธอเลยคิดที่จะร้องขอความช่วยเหลือ เธอพยุงร่างของตนให้ลุกขึ้นในตอนที่ชายหนุ่มกำลังมองชาวบ้านกุล่มนั้นอยู่.... แต่ดูเหมือนชายหนุ่มจะรู้ทันความคิดของเธอดี เขาจึงกันเธอไม่ให้ออกไปไหน ก่อนที่จะนำมือของเขาปิดปากของแอนน์เอาไว้แน่น แอนน์ดิ้นและพยายามที่จะหลุดออกจากบริเวณที่เขากันให้ได้ แต่ก็ยากเพราะว่าชายหนุ่มคนนี้มีแรงเยอะกว่าผู้หญิงตัวเล็กๆแบบเธอมาก
“คราวนี้....อย่าคิดว่าผมจะปล่อยคุณให้หนีไปได้” เขาพูดด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง.... มืนเรียบคว้ามีดสั้นของตนมาพร้อมกับจ่อไว้ที่คอของสาวน้อย แอนน์มองเขาด้วยสีหน้าหวาดกลัว เธอภาวนาในใจเบาๆว่า ขอให้มีใครสักคนเข้ามาช่วยเธอ แต่ดูจากเหตุการ์ณนี้แล้ว....ความเป็นไปได้มีน้อยเต็มที ไม่น่าจะมีใครมาช่วยเธอได้ทัน....เธอคิดในใจ
“ลาก่อนนะครับ....สาวน้อย” เขาพูดขึ้นพร้อมกลับไล้มีดไปที่คอของสาวน้อยอย่างแผ่วเบา ก่อนจะเงื้อมีดขึ้นสูง แอนน์มองมีดเล่มงามเล่มนั้นก่อนจะเหลือบตามองชายหนุ่มที่กำลังจะฆ่าเธอ เธอจึงเลือกที่จะหลับตาของเธอเอง....อย่างน้อยมันอาจจะไม่ทรมาณมากหรอกนะ แต่ว่าก่อนที่ชายหนุ่มจะได้ลงมือก็ได้มีเสียงปริศนาดังขึ้นมา.....
“หยุดนะ!! แกคิดจะทำอะไรกับสาวน้อยคนนั้นหรอ... เจ้าตุ๊กตาหัวหงอก!!”
ความคิดเห็น