ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Blanche คนเฝ้าสุสานปริศนาและอาถรรพ์สีน้ำตา

    ลำดับตอนที่ #1 : บทนำ

    • อัปเดตล่าสุด 5 เม.ย. 58


    บทนำ
     

                ท่ามกลางความมืดยามรัตติกาลของสุสานเคสแตร์ สุสานประจำเมืองเคสแตร์ บรรยากาศภายในนั้นดูเงียบสงบและน่ากลัวมากจนผิดปกติอย่างที่เคยเป็น หลุมศพมากมายที่ตั้งตระหง่านอยู่ภายในสุสานนั้น บ้างก็ใหญ่มากจนกินพื้นที่ไปเยอะมาก บ้างก็เล็กเสียจนไม่น่าเชื่อว่าจะเป็นหลุมฝังศพ บางหลุมก็มีชื่อติดบ้าง บางหลุมก็ไม่มีชื่อติดเอาไว้

                ส่วนที่ตั้งของสุสานเคสแตร์นี้....ตั้งอยู่ใกล้เคียงกับทางผ่านเข้าเมืองเคสแตร์ ฉะนั้นเวลาจะเข้าเมืองส่วนใหญ่ จึงจำเป็นที่จะต้องเดินผ่านสุสานนี้ไป แต่หลังจากนั้นก็ได้มีการสร้างเส้นทางใหม่ขึ้นเพื่อใช้เวลาเข้าตัวเมือง หากแต่จะไกลกว่า ทางผ่านของสุสานนี้จึงมักจะถูกใช้เป็นทางลัดเพื่อให้เข้าเมืองเร็วขึ้นเสียมากกว่า

                วันนี้ก็เช่นกัน....ที่มีคนเลือกที่จะใช้เส้นทางเส้นนี้ทั้งๆที่เส้นทางผ่านทางนั้นน่ากลัวกว่าเส้นทางใหญ่มาก แสงน้อยๆจากตะเกียงน้ำมันส่องสว่างขึ้น แต่ก็ไม่ได้ลดความน่ากลัวในสุสานแห่งนี้ลงเลยแม้แต่น้อย

                จูเลีย....ฉันว่าเราไปทางอื่นกันเถอะนะ.... แอนน์สาวน้อยวัยแรกรุ่นพูดด้วยน้ำเสียงหวานแต่กลับสั่นเครือไปด้วยความกลัว มือบางสะกิดเพื่อนสาวของตนที่กำลังเดินเข้ามาภายในสุสานแห่งนี้ นัยน์ตาสีฟ้ากวาดสายตามองไปรอบบริเวณแห่งนั้นด้วยความกลัวและหวาดระแวง

                แอนน์ เธออย่าคิดมากสิ!! สุสานนี้มันก็แค่ทางผ่าน...มันไม่มีอะไรหรอกน่า!!!”  ‘จูเลีย เพื่อนสาวของแอนน์ตวาดขึ้นด้วยความหัวเสีย และไม่พอใจที่เพื่อนของเธอเซ้าซี้ให้ไปทางอื่นอยู่นั่น นัยน์ตาสีน้ำตาลจ้องมองเพื่อนสาวของเธอด้วยสีหน้าไม่พอใจ ก่อนที่จะหันกลับไปมองเส้นทางต่อ

                แต่ว่า....เธอไม่เชื่อเรื่องนั้นหรอ.... แอนน์พูดขึ้นเบาๆ เรื่องที่ลุงอดัมพูดน่ะ.... เธอพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่เบาลงกว่าเดิม แต่แล้วเธอก็ได้รับคำตอบจากเพื่อนสาวของเธอ คือนัยน์ตาสีน้ำตาลที่จ้องมองมาอย่างไม่พอใจ

                “ฉันก็เคยบอกเธอไปแล้วนี่นา....ว่า ฉัน ไม่ เชื่อ!!!” เสียงของจูเลียดังขึ้นอีกครั้งด้วยความโกรธและเร่งรีบ หญิงสาวผมสีน้ำตาลเข้มยาวสลวยรีบกระชากมือของหญิงสาวผมสั้นสีทองให้เดินตามไปอย่างรวดเร็วและปฏิเสธไม่ได้

                สาวน้อยทั้งสองคนจับมือกันและรีบก้าวเดินออกไปจากสถานที่แห่งนี้ แต่ว่าวันนี้มันกลับประหลาดกว่าวันอื่นๆก็คือ มันมืดมากและดูสงบมากกว่าปกติ รวมถึงอากาศที่เริ่มหนาวเย็นขึ้นเรื่อยๆ ทำให้บรรยากาศที่น่ากลัวอยู่แล้วน่ากลัวมากขึ้นกว่าเดิมหลายเท่า.... จูเลียกวาดสายตามองบรรยากาศโดยรอบ นัยน์ตาสีน้ำตาลกวาดสายตามองไปทั่ว ฉับพลันบรรยากาศในสุสานก็สงบเงียบลงกว่าเดิม หญิงสาวทั้งสองมองอย่างระหวาดระแวงและรีบเร่งฝีเท้าออกจากสุสานแห่งนี้ แต่... เวลาดูเหมือนจะเริ่มหมุนช้าลงเรื่อยๆ

                “หึๆ....ทันใดนั้นเอง จากความสงบเงียบภายในสุสานก็กลับมีเสียงๆหนึ่งดังขึ้น มันไม่ใช่เสียงอีกาหรือนกฮูก แต่เป็น เสียงหัวเราะ’….?

                ร่างของทั้งสองสาวหันขวับไปเพื่อหาต้นตอของเสียงปริศนานั่น หากแต่เมื่อหันไปก็ต้องพบแต่ ความว่างปล่า แล้วเสียงนั้นมาจากไหนกันล่ะ.... สองสาวได้แต่ยืนมองความว่างเปล่านั้นด้วยความหวาดระแวง ก่อนจะรีบก้าวเท้าเพื่อออกจากสถานที่แห่งนี้ให้เร็วที่สุด....

                “หึๆ.... แต่เสียงหัวเราะนั่นก็ยังไม่หยุด...กลับยังมีเสียงหัวเราะมาอีกครั้ง หึๆ....หึๆ...ฮ่าๆ ฮ่าๆ!!!” และคราวนี้จากเสียงหัวเราะเบาๆ กลับดังขึ้นเรื่อยๆ ดังขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่งเสียงหัวเราะนั้นดังกึกก้องไปทั่วอาณาบริเวณ แอนน์จับแขนของจูเลียแน่นราวกับว่าจะให้เดินต่อไป แต่จูเลียกลับ...

                แกเป็นใคร!!! ออกมาเดี๋ยวนี้นะ....เลิกแกล้งได้แล้วนะ!!!” จูเลียตะโกนขึ้นมา แต่เสียงหัวเราะนั้นยังไม่หยุด หนำซ้ำมันยังดังขึ้น ดังขึ้น ดังขึ้นเรื่อยๆ...... จนกระทั่งจูเลียเริ่มทนไม่ไหว เธอจึงนำตะเกียงไปให้แอนน์ถือก่อนที่จะคว้าท่อนไม้ที่อยู่ใกล้ๆตัวของตน ก่อนจะตะโกนขึ้นมาอีกครั้ง

                “แก!! ออกมาเดี๋ยวนี้นะ…. แน่จริงก็อย่าหลบสิ!!!” เสียงการท้าทายของจูเลียดังขึ้น พร้อมกับจับท่อนไม้ในมือของตนไว้แน่น นัยน์ตาสีน้ำตาลจ้องมองบริเวณโดยรอบไปมาด้วยความหวาดระแวง ส่วนแอนน์เองก็ได้แต่เกาะจูเลียแน่นพลางถือตะเกียงที่จูเลียฝากเอาไว้

                ฮ่าๆฮ่าๆฮ่าๆ!!!” เสียงหัวเราะนั้นดังขึ้นเรื่อยๆ ดังขึ้นเรื่อย ทันใดนั้นเองสุสานที่เคยเงียบสงบกลับกลายเป็นว่ามีแต่เสียงหัวเราะดังอึกทึกไปทั้งสุสาน เสียงกิ่งไม้ของต้นไม้เกี่ยวกระทบดังขึ้น ฉับพลันบรรยากาศที่หนาวเย็นอยู่แล้ว ก็เริ่มหนาวเย็นขึ้นเรื่อยๆ สาวน้อยทั้งสองคนมองไปรอบบริเวณ และทันใดนั้นเองก็เริ่มมีสายลมพัดไปมาภายในสุสาน

                ‘ฟิ้ว.....ฟิ้ว..... สายลมที่พัดผ่านไปเริ่มรุนแรงขึ้น...  พรึบ!!!’ แสงดวงไฟจากตะเกียงดวงน้อยดับลงเพราะลมที่พัดรุนแรงขึ้น  ทำให้สาวน้อยทั้งสองตกอยู่ในความมืดมิดของสุสาน บรรยากาศโดยรอบยังไม่สงบลง เสียงหัวเราะนั้นยังดังอยู่ราวกับว่า มันกำลังลังเยาะเย้ย สาวน้อยทั้งสองที่ติดกับของตนเข้าให้อย่างจัง จูเลียไม่รอช้า...เธอคว้ามือของแอนน์ก่อนจะรีบพาวิ่งออกไปจากสถานที่แห่งนี้ แต่กระนั้นดูเหมือนว่าเส้นทางจะยาวขึ้นๆเรื่อยๆ ไม่ว่าสาวน้อยทั้งสองจะรีบวิ่งแค่ไหน...ก็ไม่พบกับ ทางออก อยู่ดี....

                สาวน้อยทั้งสองได้แต่วิ่ง วิ่ง วิ่งและวิ่ง....แต่ก็ยังไม่พบกับทางออกจากสุสานแห่งนี้ สาวน้อยทั้งสองคนที่กำลังวิ่งไปอย่างไร้จุดหมาย ก็กลับหยุดชะงักลง เพราะว่าอยู่ๆพวกเธอทั้งสองก็ไปชนกับอะไรบางอย่างเข้า....

                ...... ข้างหน้าพวกเธอก็คือชายหนุ่มคนหนึ่ง เขามีรูปร่างไม่สูงมาก ผิวสีขาวมากจนซีด เรือนผมยาวปรกคอสีดอกเลา นัยน์ตาสีฟ้าขาวใสดุจแก้ว ใส่เสื้อเชิ้ตสีขาว ใส่กางเกงสีดำและรองเท้าบูทสีดำ  แต่กลับใส่เสื้อคลุมสีดำปกปิดเอาไว้ ชายหนุ่มคนนี้กำลังจ้องมองสาวน้อยทั้งสองด้วยสีหน้าเรียบเฉย...

                เอ่อ...ขอโทษนะคะที่ชน... แอนน์เอ่ยขึ้นเบาๆก่อนที่จะสะกิดจูเลีย จูเลีย...ฉันว่าเรารีบออกไปจากที่นี่กันเถอะนะ... แอนน์พูดขึ้นเบา จูเลียจึงเริ่มที่จะวิ่งเพื่อออกไปจากที่นี่ หากแต่บุรุษตรงหน้าของพวกเธอกลับขวางพวกเธอเอาไว้ไม่ให้ไปไหน

                “นี่!!! ขอโทษก็ขอโทษไปแล้วไง ยังต้องการอะไรอีกห๊ะ!!!” จูเลียตะโกนขึ้นอย่างเหลืออด ก่อนที่จะผลักชายหนุ่มตรงหน้าออกไป แต่ชายหนุ่มก็ไม่ยอมหลบไปง่ายๆ เขากลับยืนจ้องมองสาวน้อยตรงหน้าด้วยสีเรียบนิ่ง แต่แล้วชายหนุ่มคนนั้นก็หยิบสิ่งหนึ่งออกมาจากเสื้อคลุม วัตถุสีเงินที่สะท้อนแสงยามต้องแสงจันทร์ ใช่แล้วสิ่งที่เขานำออกมานั้นคือ มีด...

                สาวน้อยทั้งสองมองมีดสั้นเล่มนั้นด้วยสีหน้าใจคอที่ไม่ดี ชายหนุ่มยืนมองสาวน้อยทั้งสองอยู่เงียบๆ ก่อนจะพูดอะไรบางอย่างขึ้นมา....

                “พวกเธอกำลัง...หาทางออกอยู่สินะ.... เขาพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่เรียบและแหบพร่า... นัยน์ตาสีแก้วมองสายน้อยทั้งสองอย่างต้องการคำตอบ จูเลียและแอนน์เพียงแค่พยักหน้าตอบกลับ....

                ผมสามารถพาพวกคุณออกไปได้นะครับ....เขาพูดก่อนเว้นช่วงคำพูดคำหนึ่ง แต่ว่าต้องมีข้อแลกเปลี่ยน....” เมื่อชายหนุ่มพูดจบ ทั้งสองสาวก็เริ่มมีประกายความหวัง แต่แล้วความสงสัยเรื่องข้อแลกเปลี่ยนนั่นก็ได้เกิดขึ้น....

                ข้อแลกเปลี่ยน...จะแลกเปลี่ยนกับอะไรหรอ... จูเลียถามขึ้นด้วยความสงสัย.... เมื่อชายหนุ่มคนนั้นเห็นจูเลียเริ่มสงสัย... ใบหน้าที่เรียบเฉยก็กลับเผยรอยยิ้มขึ้นมา.... มือเรียวเชิดคางของจูเลียเอาไว้ จูเลียสะดุ้งเล็กน้อยและพยายามแกะมือของชายหนุ่มคนนั้นออก ชายหนุ่มมองภาพตรงหน้าด้วยรอยยิ้ม ก่อนจะตอบคำตอบที่จูเลียถาม....

                ข้อแลกเปลี่ยนน่ะหรอ.... เขาเว้นช่วงหนึ่งก่อนจะพูด ก็คือ... วิญญาณ ของเธอยังไงล่ะครับ...คุณผู้หญิง...ฉับพลันเมื่อชายหนุ่มพูดจบ มีดสั้นเล่มงามก็แทงทะลุที่คอของจูเลียไป สาวน้อยกรีดร้องดังลั่นไปทั่วสุสาน เลือดสีแดงสดเริ่มไหลลงจากคอลงมาเปรอะเปื้อนชุดกระโปรงสีชมพูอ่อนจนกลับกลายเป็นชุดกระโปรงสีเลือดแทน....

                ใบหน้าที่งดงามของจูเลียแฝงไปด้วยความเจ็บปวดทรมาณอย่างเห็นได้ชัด.... ชายหนุ่มคนนั้นดึงมีดสั้นออก ก่อนที่จะหันมานำมีดสั้นเล่มนั้นมาไล้ที่แก้มของจูเลียเบาๆ ชายหนุ่มจ้องมองใบหน้าที่ทั้งเจ็บปวดและหวาดกลัวของสาวน้อยด้วยความสุข

                คุณผู้หญิงครับ...ทำไมทำสีหน้าแบบนั้นล่ะครับ... น้ำเสียงเรียบๆแต่แหบพร่าพูดขึ้นพร้อมกับรอยยิ้ม จูเลียได้แต่กรอกตามองภาพตรงหน้าด้วยความหวาดกลัว ชายหนุ่มจึงไม่รอช้าที่จะลงมีดสั้นเล่มนั้นลงไปที่หน้าอกของจูเลีย แอนน์ที่ได้แต่มองภาพตรงหน้าด้วยสีหน้าหวาดกลัว... เธอมองเพื่อนสาวของตนที่กำลังดิ้นด้วยความเจ็บปวดอย่างทรมาณ และตายอย่างช้าๆ... ก่อนที่จะเหลือบมองใบหน้าของชายหนุ่มที่เปรอะเปื้อนไปด้วย เลือด ของเพื่อนเธอ.....

                เอาล่ะต่อไป ก็ถึงตาเธอแล้วนะ....คุณผู้หญิงผมสีทอง....ชายหนุ่มลุกขึ้นมาพร้อมกับมีดเปื้อนเลือดที่ใช้แทงเพื่อนของเธอไป.... เธอจึงไม่รีรอที่จะรีบวิ่งออกไปให้ห่างจากชายหนุ่มที่สุด แต่ไม่ว่าเธอจะรีบวิ่งไปแค่ไหน เธอก็ยังไม่พบทางออกอยู่ดี แต่เมื่อเหลียวหลังไป ชายหนุ่มคนนั้นก็ยังเดินตามเธอมาหน้าตาเฉย แต่สิ่งที่หน้าแปลกกว่านั้นคือ....ไม่ว่าเธอจะรีบวิ่งแค่ไหน เขาก็ยังเดินตามเธอทันเสมอ เธอจึงรีบวิ่งต่อไป จนกระทั่ง....

                อ๊ะ!!! ว๊าย!!!!” แอนน์อุทานขึ้น เพราะเธอดันไปสะดุดกับก้อนหินก้อนใหญ่ที่อยู่บนพื้น เพราะเธอวิ่งไม่มองทาง.... และเมื่อหันหลังไป เธอก็เห็นชายหนุ่มคนนั้นเดินตามเธอมา เธอพยายามที่จะลุกขึ้น...และวิ่งต่อ แต่สัญญาณที่ทำให้เธอทำแบบนั้นไม่ได้ก็คือ มือเรียวที่โน้มลงมาแตะไหล่ของเธออย่างเบามือ....

                จะรีบหนีไปไหนครับ....คุณผู้หญิง.... เสียงของชายหนุ่มพูดขึ้น เธอมองเขาด้วยสีหน้าหวาดกลัว นัยน์ตาสีฟ้างดงามได้แต่จ้องมองคนตรงหน้าด้วยความหวาดกลัว.... ชายหนุ่มเผยรอยยิ้มอันแสนน่ากลัวขึ้นมาก่อนที่จะนำมือของตนลูบใบหน้าที่กำลังกลัวอย่างเบามือ....จนกระทั่งเขานำมีดสั้นของตนมาไล้ที่คอของแอนน์เล่น แอนน์นั่งอยู่นิ่งๆด้วยความหวาดกลัว ในตอนนี้เธอก็ไม่ต่างอะไรกับลูกไก่ในกำมือของคนตรงหน้าที่กำลังสนุกกับการที่นำมีดมาไล้ที่คอของเธอเล่น นัยน์ตาสีฟ้าได้แต่จ้องมองคนตรงหน้า จนกระทั่งเธอรู้สึกว่า.....ใบหน้าของคนตรงหน้าเธอนั้นกลับดูน่าคุ้นเคย และเหมือนเคยเจอเขาคนนี้ที่ไหนสักที่....

                ชายหนุ่มตรงหน้าที่เห็นสาวน้อยที่นั่งนิ่งไปด้วยความกลัว นัยน์ตาสีแก้วเขาจ้องมองสาวน้อยที่นั่งอยู่นิ่งๆ มีดสั้นที่อยู่ในมือของเขาที่กำลังไล้ไปที่คอของเธออย่างแผ่วเบา... แต่แล้วอยู่ๆเขาก็หยุดนิ่งไป สายตาของของเขาจับจ้องไปที่ชายแก่คนหนึ่งกับชาวบ้านกลุ่มหนึ่งที่กำลังเดินเข้ามาในสุสาน นัยน์ตาสีแก้วจ้องมองพวกเขาด้วยสีหน้าเรียบเฉย...ก่อนจะหันกลับมามองแอนน์

                แต่ด้วยความที่ว่าแอนน์เห็นชาวบ้านกลุ่มนั้นพร้อมกับชายหนุ่มคนนั้นพอดี เธอเลยคิดที่จะร้องขอความช่วยเหลือ เธอพยุงร่างของตนให้ลุกขึ้นในตอนที่ชายหนุ่มกำลังมองชาวบ้านกุล่มนั้นอยู่.... แต่ดูเหมือนชายหนุ่มจะรู้ทันความคิดของเธอดี เขาจึงกันเธอไม่ให้ออกไปไหน ก่อนที่จะนำมือของเขาปิดปากของแอนน์เอาไว้แน่น แอนน์ดิ้นและพยายามที่จะหลุดออกจากบริเวณที่เขากันให้ได้ แต่ก็ยากเพราะว่าชายหนุ่มคนนี้มีแรงเยอะกว่าผู้หญิงตัวเล็กๆแบบเธอมาก

                “คราวนี้....อย่าคิดว่าผมจะปล่อยคุณให้หนีไปได้เขาพูดด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง.... มืนเรียบคว้ามีดสั้นของตนมาพร้อมกับจ่อไว้ที่คอของสาวน้อย แอนน์มองเขาด้วยสีหน้าหวาดกลัว เธอภาวนาในใจเบาๆว่า ขอให้มีใครสักคนเข้ามาช่วยเธอ แต่ดูจากเหตุการ์ณนี้แล้ว....ความเป็นไปได้มีน้อยเต็มที ไม่น่าจะมีใครมาช่วยเธอได้ทัน....เธอคิดในใจ

                ลาก่อนนะครับ....สาวน้อย เขาพูดขึ้นพร้อมกลับไล้มีดไปที่คอของสาวน้อยอย่างแผ่วเบา ก่อนจะเงื้อมีดขึ้นสูง แอนน์มองมีดเล่มงามเล่มนั้นก่อนจะเหลือบตามองชายหนุ่มที่กำลังจะฆ่าเธอ เธอจึงเลือกที่จะหลับตาของเธอเอง....อย่างน้อยมันอาจจะไม่ทรมาณมากหรอกนะ แต่ว่าก่อนที่ชายหนุ่มจะได้ลงมือก็ได้มีเสียงปริศนาดังขึ้นมา.....

    หยุดนะ!! แกคิดจะทำอะไรกับสาวน้อยคนนั้นหรอ... เจ้าตุ๊กตาหัวหงอก!!”


    © themy  butter
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×