ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    รักเกินร้อย

    ลำดับตอนที่ #1 : ตามหาโมนาลิซ่า

    • อัปเดตล่าสุด 19 มิ.ย. 55


    เสียงดนตรีที่คึกคักและบรรยากาศสลัวซึ่งฉายโชนด้วยแสงไฟหลากสี ทำให้นักท่องราตรีทั้งชายและหญิงต่างพากันโยกย้ายตามจังหวะเสียงเพลงอย่างเมามัน ณ ‘ลูซิเฟอร์’ ผับหรูใจกลางย่านทองหล่อซึ่งกำลังเป็นที่นิยมในหมู่นักท่องราตรีเพราะฟลอร์เต้นรำถูกยกขึ้นเป็นสเต็ปสูงต่ำลดหลั่นกัน ซ้ำยังสามารถหมุนให้ช้าหรือเร็วตามจังหวะของดนตรีได้อีกด้วย

    หากแสงสีตระการตาและฟลอร์สุดไฮเทคไม่ได้ทำให้คริสรู้สึกตื่นเต้นเลยแม้แต่น้อย ด้วยเหตุที่เคยไปเที่ยวผับที่เจ๋ง  กว่านี้หลายเท่า ฟลอร์เต้นรำที่หมุนได้นี่ยังธรรมดามากเมื่อเทียบกับผับที่เมือง Limpopo ประเทศแอฟริกาใต้ซึ่งถูกสร้างขึ้นภายในต้นไม้อายุกว่าหกพันปี หรือแม้ผับที่มีบรรยากาศเร่าร้อนที่สุดในโลกอย่าง Espit Chupitos ณ กรุงบาร์เซโลน่า เครื่องดื่มจะถูกเผาด้วยเปลวไฟก่อนเสิร์ฟ ดื่มแล้วความร้อนระอุจะแผ่ซ่านทั่วกาย หากไม่ใช่เพราะพลอยชมพูอ้อนวอนให้พามาเที่ยว คนอย่างคริสจะไม่มีวันยอมเบียดเสียดเป็นปลากระป๋องอยู่ในผับแห่งนี้อย่างแน่นอน

    “ทำไมทำหน้าเซ็งแบบนี้ล่ะคะ เห็นแล้วหมดอารมณ์เที่ยวเลย” พลอยชมพูทำหน้าง้ำอย่างไม่พอใจที่เห็นคริสทำหน้าเบื่อหน่าย

    “ก็ผมเบื่อจริงๆนี่นา...คุณอยากจะไปเต้นก็ไปเสียสิ เดี๋ยวผมจะนั่งดื่มเบียร์รออยู่ที่นี่แหละ” คริสเอ่ยปากไล่แฟนสาวก่อนที่เธอจะหงุดหงิดมากกว่านี้

    “ทำตัวแก่ไปได้น่าคริส จะนั่งจิบเบียร์อยู่คนเดียวทำไม ออกไปเต้นกันดีกว่า เดี๋ยวฉันจะพาคุณไปแนะนำให้รู้จักกับช่างภาพแฟชั่นดังๆในเมืองไทยด้วย คุณต้องหัดรู้จักสร้างคอนเนคชั่นบ้าง ไม่ใช่มัวแต่ปิดตัวเองอยู่แบบนี้”

    “ไม่ล่ะ ตอนนี้ผมขี้เกียจแล้วก็ไม่มีอารมณ์อยากรู้จักใครจริงๆ” คริสปฏิเสธด้วยน้ำเสียงหน่ายๆ

    “งั้นก็ตามใจ” พลอยชมพูพูดด้วยน้ำเสียงสะบัดๆ ก่อนจะเดินกระแทกเท้าหายเข้าไปในฟลอร์เต้นรำ

    พลอยชมพู บราวน์ หรือ พอลลี่ คือนางแบบลูกครึ่งไทย-สวิส  ผู้กำลังมีชื่อเสียงโด่งดัง ไม่ว่าจะมีแฟชั่นวีคที่ไหน ก็จะต้องเห็นพลอยชมพูปรากฏกายที่นั่น ยิ่งเมื่อเร็วๆนี้ พลอยชมพูได้รับเลือกให้เป็นพรีเซ็นเตอร์ของเครื่องสำอางค์ดังยี่ห้อหนึ่งก็ยิ่งทำให้ค่าตัวของหญิงสาวเพิ่มขึ้นกว่าเดิมเป็นหลายเท่าตัว และทำให้กลายเป็นนางแบบคิวทองที่มีห้องเสื้อดังและแบรนด์สินค้าต่างๆจองตัวถ่ายแบบไปจนถึงสิ้นปีหน้า

    หากถามว่าคริสรู้จักและคบหาเป็นคนรักกับหญิงสาวได้อย่างไร คงต้องย้อนกลับไปเมื่อสองปีก่อนที่เขาถูกตามตัวให้ถ่ายแบบแทนช่างภาพคนหนึ่งที่เกิดป่วยเข้าโรงพยาบาลกะทันหัน ตอนนั้นพลอยชมพูเองเพิ่งเข้าวงการนางแบบ และยังไม่ค่อยเป็นที่รู้จัก เพียงครั้งแรกที่เขาได้มีโอกาสถ่ายแบบเธอ คริสก็เห็นแววว่า นางแบบสาวผู้นี้จะกลายเป็นเคท มอส คนใหม่ของวงการแฟชั่น

    แม้หญิงสาวจะสูงเพียงแค่ร้อยหกสิบห้าเซนติเมตร ซึ่งนับว่าเตี้ยมากเมื่อเทียบกับมาตรฐานนางแบบทั่วไป หากสิ่งที่ทำให้พลอยชมพูโดดเด่นกว่าใครก็คือใบหน้าหวานหยาดเยิ้มราวเทพธิดา เขาและเธอมีโอกาสได้ร่วมงานกันบ่อยครั้ง ความใกล้ชิดสนิทสนมทำให้เขาตัดสินใจสานสัมพันธ์กับเธอและคบหาดูใจกันจวบจนทุกวันนี้

    ทว่าหลายครั้ง คริสเคยตั้งคำถามกับตัวเองว่าที่เขารู้สึกพิเศษกับเธอเพียงเพราะถูกใจรูปลักษณ์หน้าตาเท่านั้นหรือเปล่า เนื่องจากที่ผ่านมามีสัญญาณอะไรหลายที่ทำให้เขารู้สึกว่าแท้จริงแล้วนิสัยของเขาและเธอนั้นเข้ากันไม่ได้ แต่คริสก็พยายามบอกตัวเองไม่ให้คิดมาก ในเมื่อเขามีคนรักเป็นถึงนางแบบชื่อดังที่ผู้ชายทั่วโลกต้องอิจฉาขนาดนี้แล้ว จะยังสงสัยความรู้สึกของตัวเองอีกทำไม

    เบียร์ในขวดของเขาหมดพอดีจึงคิดจะเดินไปสั่งเบียร์เพิ่มอีก ในขณะที่กวาดตามองหาบาร์ สายตาก็บังเอิญเหลือบไปเห็นใบหน้าของหญิงสาวผู้หนึ่งลอยเด่นท่ามกลางฝูงชนที่ล้นหลาม

    จากเดิมที่ตั้งใจว่าจะเดินสั่งไปเบียร์ เท้าของเขากลับเดินฝ่าฝูงชนตรงไปยังเวทีที่หญิงสาวผู้นั้นกำลังเต้นรำอยู่ แล้วล้วงมือถือจากกระเป๋ากางเกง เปิดโปรแกรมถ่ายภาพแล้วยกมือถือขึ้นเพื่อเล็งไปยังใบหน้าของเธอ
    หากพิจารณาด้วยสายตาของคนทั่วไป หญิงสาวผู้นี้ไม่ได้จัดว่าสวยถึงขนาดจะสะกดให้ใครสักคนต้องหยุดมอง เธอไม่ได้มีใบหน้าพิมพ์นิยมที่เรียวเล็กอย่างนางแบบหรือนักแสดงทั่วไป โหนกแก้มของหญิงสาวอิ่มอูมอย่างสาวเจ้าเนื้อ จมูกไม่โด่งแต่ก็ไม่ถึงกับบี้แบน ริมฝีปากเผยอนิดๆ ดวงตากลมโตกระพริบพราวถ่ายทอดอารมณ์ให้รู้ว่ากำลังมีความสุขกับการเริงระบำนี้นักหนา ยิ่งแสงไฟฉายกระทบที่โหนกแก้มก็ยิ่งทำให้แลดูโดดเด่นราวกับปติมากรรมชิ้นเอกที่มีชีวิต

    ‘แม่เจ้า...เขาได้พบเพชรเม็ดงามแห่งแฟชั่นเข้าให้แล้ว...หากเธอได้รับการจาระไนเสียหน่อยจะต้องแจ้งเกิดอย่างแน่นอน’ แต่ยิ่งพิศใบหน้าของเธอ คริสก็ยิ่งฉงน...ใบหน้าของหญิงสาวผู้นี้มีส่วนละม้ายกับใครสักคนที่เขาคุ้นหน้าคุ้นตาเสียเหลือเกิน แต่นึกเท่าไหร่ก็นึกไม่ออก...เรื่องนั้นค่อยว่ากันทีหลัง วันนี้เขาจะต้องหาทางทำความรู้จักเธอให้ได้และจะไม่มีวันยอมให้เพชรเม็ดงามนี้หลุดมือเป็นอันขาด

    ในวงการแฟชั่น คริส วัฒนเวธิน ช่างภาพหนุ่มสุดหล่อวัยสามสิบปีเศษเชื้อสายไทย-อเมริกัน ได้รับฉายาว่า ‘Eagle eyed photography’หรือ ‘ช่างภาพตาเหยี่ยว’ เนื่องจากเขามีสายตาแหลมคมสามารถดึงจุดเด่นของใบหน้าของนางแบบแต่ละคนถ่ายทอดลงบนแผ่นฟิล์มได้อย่างน่าอัศจรรย์ นางแบบคนใดที่ผ่านการถ่ายภาพของเขา รับประกันได้ว่าจะต้องแจ้งเกิดมีชื่อเสียงและส่วนใหญ่ก็มักจะไม่พลาดเสียด้วย เพราะพลอยชมพูเองก็เป็นนางแบบที่เขาปั้นมากับมือด้วยเช่นกัน

    เมื่อเดือนก่อน สถาบันการศึกษาที่คริสสำเร็จการศึกษาด้านการถ่ายภาพได้ทาบทามเขาให้แสดงนิทรรศการภาพถ่าย portrait  ร่วมกับช่างภาพศิษย์เก่าคนอื่นๆในโอกาสครบรอบห้าสิบปีของการก่อตั้งสถาบัน ณ แกลอรี่ใหญ่แห่งหนึ่งใจกลางมหานครนิวยอร์ก

    งานนิทรรศการภาพถ่ายครั้งนี้ถือได้ว่าเป็นงานใหญ่ที่รวมคนในวงการถ่ายภาพแฟชั่นรวมทั้งสื่อมวลชนแขนงต่างๆ ทำให้คริสคาดหวังกับการนำเสนอผลงานครั้งนี้มาก และปรารถนาให้ภาพถ่ายของเขาเป็นผลงานชั้นเยี่ยมที่ทุกคนจะต้องร้องว้าวด้วยความทึ่ง

    คริสไม่ได้กังวลเรื่องฝีมือในการถ่ายภาพของเขาเลย แต่กลับคิดหนักเรื่องหานางแบบเพราะเขาไม่ได้ต้องการนางแบบที่มีใบหน้าสวยหยดย้อยไร้ที่ติอย่างพลอยชมพูซึ่งมีอยู่ดาษดื่น หากนางแบบที่เขามองหาคือ หญิงสาวผู้มีใบหน้าเป็นเอกลักษณ์และแสดงออกอารมณ์ทางใบหน้าได้อย่างธรรมชาติ และผู้หญิงแบบนั้นก็ใช่ว่าจะหาได้ง่ายๆเสียเมื่อไหร่

    ร่วมเดือนแล้วที่เขานอนก่ายหน้าผากคิดจินตนาการใบหน้าของนางแบบในจินตนาการว่าลักษณะดวงหน้าแบบไหนถึงจะดึงดูดสายตาผู้ชมได้หนอ ในขณะที่เขานอนพลิกกายเข้าหาผนังด้านหนึ่งของห้องก็เหลือบไปเห็นรูปภาพโมนาลิซ่าที่แขวนประดับไว้

     ‘บิงโก้...ใช่แล้ว นางแบบที่มีใบหน้าอวบอิ่มเย้ายวนและรอยยิ้มปริศนาแบบโมนาลิซ่านี่เองที่เขาอยากได้...แต่คำถามก็คือเขาจะหานางแบบผู้มีใบหน้าเอิบอิ่มอย่างโมนาลิซ่าในศตวรรษที่สิบห้านี่ได้ยังไง คงจะดีไม่น้อยหากมีเครื่องไทม์แมชชีนแบบโดราเอม่อน จะได้ทะลุมิติเวลากลับไปเพื่อคุกเข่าอ้อนวอนให้หญิงงามในยุคนั้นเป็นนางแบบให้’

    นับเป็นโชคที่เขาไม่ต้องดิ้นรนย้อนเวลากลับสู่อดีต เนื่องจากบัดนี้ หญิงสาวผู้มีใบหน้างดงามเทียบเทียมโมนาลิซ่าได้ปรากฏอยู่เบื้องหน้าเขาแล้ว คริสอยากจะเห็นตัวเธอให้ชัดกว่านี้จึงแทรกตัวเข้าไปจนถึงด้านหน้าเวที และทันใดนั้นเองก็มีเสียงชายผู้หนึ่งร้องลั่นออกมาด้วยความตกใจสุดขีด

    “เฮ้ย...หลบเร็ว ช้างล้ม”ชายหนุ่มหญิงสาวที่เต้นอออยู่หน้าเวทีพากันแตกฮือ ตามด้วยมาเสียงโครม ร่างของเขาถูกบางสิ่งที่หนักน้องๆกระสอบข้าวทับจนขยับเขยื้อนกายไม่ได้
     
    “ช่วยกันพยุงยายช้างพังนี่ขึ้นมาเร็ว...เดี๋ยวผู้ชายคนนั้นจะขาดใจตายเสียก่อน” ใครบางคนกำลังช่วยกู้ชีวิตของเขา

    คริสค่อยๆลืมตามองวัตถุที่ทับตัวเขาอยู่เวลานี้ด้วยดวงตาพร่ามัว คงเป็นเพราะศีรษะของเขากระแทกกับพื้นจึงทำให้จับภาพเบื้องหน้าได้อย่างรางเลือน หากความรู้สึกบอกเขาว่าสิ่งที่ทับตัวเขาอยู่ในเวลานี้แม้จะหนัก แต่กลับให้ความรู้สึกอ่อนนุ่มอย่างประหลาดเหมือนมีอะไรบางที่เต้นสะท้อนกับอกของเขา ขยับเขยื้อนได้  ซ้ำยังมีลมอุ่นที่พ่นออกมารดต้นคอพร้อมเสียงหายใจฟืดฟาดทำให้คริสแน่ใจว่าเจ้าสิ่งนี้จะต้องเป็นสิ่งมีชีวิต!

    จะใช่ ‘ช้าง’ หรือเปล่าหนอ เมื่อกี้เหมือนเขาได้ยินใครสักคนเอ่ยขึ้นมาว่า ‘ช้างล้ม’  แต่เมื่อใช้มือคลำๆดูก็ไม่เห็นมีงวงหรืองายื่นมองมา นอกจากบางอย่างที่นิ่มๆหยุ่นๆ จับแล้วเพลินดีพิลึก หากความรู้สึกเมามันทางอารมณ์นั้น ถูกเรียกสติให้คืนกลับมาพร้อมแรงปะทะของฝ่ามือที่ทำให้ใบหน้าของเขาทั้งแสบและชา

    “ไอ้ลามก ไอ้โรคจิต ขอสั่งสอนแกสักทีเถอะ จะได้รู้สำนึกว่าไม่ควรลวนลามผู้หญิงแบบนี้อีก”

     เสียงแหลมกราดเกรี้ยวของหญิงสาวที่ดังขึ้น ทำให้คริสรู้ตัวว่าเขากำลังเข้าใจอะไรบางอย่างผิด และเผลอไปจับอะไรที่ไม่ควรจะจับเข้าให้เสียแล้ว ก่อนที่น้องชายของเขาจะถูกลงทัณฑ์จากแม่สาวช้างพังก็มีหน่วยกล้าตายดึงร่างยักษ์ตกมันออกจากตัวเขาได้ทันเวลา คริสจึงถอนใจยาวอย่างโล่งอก แต่กลับผวาอีกครั้งเมื่อเห็นแม่ช้างยักษ์ยกขาหมายกระทืบจุดยุทธศาสตร์ของเขา

    “ปล่อยนะ...ฉันจะจัดการกับไอ้โรคจิตนี่ก่อน” สาวช้างพังยังคงฟาดงวงฟาดงาใส่เขาไม่เลิก เมื่อคริสได้เห็นใบหน้าโกรธเกรี้ยวนั้นเต็มตาจึงรู้ว่าแม่ช้างตกมันที่ยืนตระหง่านอยู่เบื้องหน้าคือหญิงสาวที่เขาเพิ่งถ่ายภาพเธอไปเมื่อครู่นี่เอง

    “พอได้แล้ว คะน้า อย่ากระทืบเขาเลย เมื่อกี้แกก็ตบเขาจนหน้าหันแล้วนะ ไปเถอะ แค่นี้ก็อายคนเค้าจะแย่อยู่แล้ว” หญิงสาวร่างเล็กผู้หนึ่ง คาดว่าน่าจะเป็นเพื่อนของยายช้างพังร้องปราม ทำให้อาการตกมันของหญิงสาวทุเลาลง แต่สายตาของเจ้าหล่อนก็ยังจ้องมองเขาอย่างกินเนื้อกินเลือดอยู่ดี

    “ฝากไว้ก่อนเถอะ อย่าให้เจอหน้าอีกนะ แกตายแน่” สาวร่างยักษ์ไม่เพียงพูดเปล่าแต่ยังทำท่าปาดคอเขาเป็นเชิงขู่อีกด้วย

    คริสรู้สึกสยองสาวยักษ์ตกมันผู้นี้ไม่น้อย ผู้หญิงอะไรน่ากลัว แถมยังชอบใช้กำลังอีกต่างหาก เมื่อครู่ไม่รู้อะไรเข้าสิงเขาถึงมองเห็นความงามของเจ้าหล่อน

    “ทำไมยังไม่ไปอีกคะน้า กำลังหาอะไรอยู่เหรอ”

    “แนน ฉันทำกระเป๋าหนีบหายไปไหนก็ไม่รู้ ไหนจะบัตรเดรดิต แล้วมือถือเครื่องใหม่ก็หล่นหายไปด้วย” สาวร่างยักษ์พูดด้วยน้ำเสียงวิตก

    “ฉันเก็บให้หล่อนแล้วย่ะ ไปได้แล้ว” หญิงสาวชื่อแนนพูดพลางฉุดแขนของแม่ช้างตกมันให้เดินออกไป
    เธอชื่อ ‘คะน้า’ อย่างนั้นเหรอ คริสอดนึกขันไม่ได้ รูปร่างอุดมด้วยไขมันแบบนี้น่าจะชื่อ ‘คากิ’มากกว่า เพราะหากประเมินด้วยสายตาแล้วเธอน่าจะหนักร่วมร้อยกิโล ด้วยความรู้สึกหวาดกลัวว่ายายคะน้าชุปแป้งทอดจะเปลี่ยนใจกลับมาทำร้าย เขาจึงมองตามร่างของเธอจนลับสายตาเพื่อให้แน่ใจว่าปลอดภัยจริงๆ จึงค่อยๆยันร่างที่ปวดหนึบลุกขึ้นมา

     “ตายจริง คริส เป็นอะไรมากหรือเปล่า พอลลี่ว่าคุณไปตรวจ MRI สมอง กับเอกซเรย์กระดูกหน่อยดีไหมคะ” พลอยชมพูที่หายไปนานรีบวิ่งมาช่วยประคองเขาด้วยท่าทางตื่นตระหนก

    “ผมไม่เป็นไรหรอก แค่ฟกช้ำนิดหน่อย ว่าแต่...เราจะกลับกันได้หรือยังล่ะ ถ้าคุณยังอยากอยู่ที่นี่ต่อ ผมจะขอตัวกลับก่อน”คริสไม่อยากจะอยู่ที่ผับแห่งนี้ต่ออีกเพียงแม้แต่วินาทีเดียว เพราะอายสายตาของผู้คนที่จ้องมองและซุบซิบ ยิ่งเขายืนอยู่กับนางแบบชื่อดังอย่างพลอยชมพูก็ยิ่งทำให้กลายเป็นเป้าสายตาเข้าไปใหญ่

    “กลับก็กลับค่ะ...พอลลี่เองก็ปวดขาแล้วเหมือนกัน ถ้ารู้ว่าจะมาแดนซ์แบบนี้คงไม่ใส่ส้นสูงสี่นิ้วนี้มาหรอก” พลอยชมพูไม่ได้สนใจอาการเจ็บปวดของเขาอีกเลยแม้แต่น้อย แต่กลับบ่นงึมงำเกี่ยวกับอาการปวดเมื่อยของตัวเอง

    “เดี๋ยวก่อน...มือถือผมหาย” คริสตกใจเมื่อล้วงในกระเป๋ากางเกงแล้วไม่พบมือถือ คริสพยายามนึกย้อนถึงเหตุการณ์ก่อนที่เขาจะถูกล้มทับแล้วนึกขึ้นได้ว่าครั้งสุดท้ายที่เขาใช้มือถือก็คือตอนที่เขาถ่ายรูปยายคากินั่น สงสัยมันจะหลุดจากมือกระเด็นหล่นที่ไหนสักแห่ง พลอยชมพูช่วยเขาก้มลงหามือถือ แล้วก็เจอมันหล่นอยู่ไม่ไกลนัก

    “เจอแล้ว...นี่ไงคะ” หญิงสาวพูดพลางยื่นมือถือให้ “กลับกันดีกว่าค่ะ เดี๋ยวดึกๆรถจะติด” คริสจึงเดินตามนางแบบสาวออกจากผับไปอย่างปวดเหมื่อยไปทั้งกาย

    ++++++++++++++++

    จุ๊บจิ๊บ โอเล่ กุ๊กกิ๊ก รายชื่อเจ้าของเบอร์โทรศัพท์เหล่านี้ไม่ใช่เบอร์ที่บันทึกไว้ในมือถือของเขา แสดงว่าพลอยชมพูจะต้องหยิบโทรศัพท์มือถือของใครสักคนที่บังเอิญทำหล่นสลับมาแน่ๆ จะโทษหญิงสาวก็ไม่ได้ เพราะมือถือที่หยิบผิดมาเหมือนกับมือถือของเขาอย่างไม่ผิดเพี้ยน

    ‘ถ้าไม่เรียกว่า ซวย ก็ไม่รู้ว่าจะเรียกว่าอะไรแล้ว...ว่าแต่ ใครกันหนอที่เป็นเจ้าของโทรศัพท์มือถือเครื่องนี้...อย่าบอกนะว่าเป็นของยายคะน้าชุปแป้งทอดนั่น’

    ด้วยความสงสัย คริสจึงเปิดมือถือเพื่อดูรูปภาพที่บันทึกไว้ เพราะอย่างน้อยในมือถือจะต้องมีรูปเจ้าของภาพอยู่บ้าง เมื่อกดแฟ้มอัลบั้มรูปดูก็เห็นว่ามีภาพที่บันทึกไว้หลายร้อยภาพ ส่วนใหญ่จะเป็นรูปอาหารงานเลี้ยงที่ออกแบบหน้าตาอาหารไว้อย่างเก๋ไก๋น่ารับประทาน อาทิ คานาเป้  คัพเค้กชิ้นเล็กๆซึ่งตกแต่งให้มีรูปทรงสอดคล้องกับแบรนด์สินค้า รวมทั้งภาพงานอีเว้นต์และงานเปิดตัวสินค้าต่างๆ ทำให้สันนิษฐานได้ว่าเจ้าของมือถือนี้จะต้องทำงานเกี่ยวกับการรับจัดงานอีเว้นต์ หรือไม่ก็ต้องทำบริษัทเคเทอริ่งแน่ๆ หากความสนใจเรื่องอาชีพของหญิงสาวก็เปลี่ยนไปเมื่อสายตาของเขาเกิดสะดุดกับภาพถ่ายของหญิงสาวรูปร่างผอมบางนางหนึ่ง คริสขยายภาพนั้นดูแล้วแทบจะร้องอุทานออกมาอย่างไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเอง

    ‘นี่มัน โมน่า นางแบบชื่อดังที่หายตัวไปอย่างลึกลับเมื่อสองปีก่อนนี่นา’

    ต่อให้เขาอยู่ในสภาพมึนงงหรือเลอะเลือนแค่ไหน  ก็ไม่มีทางลืมใบหน้าของนางแบบเชื้อสายไทยผู้ที่อยู่ในตำนานนี้ได้

    ก่อนที่พลอยชมพูจะก้าวขึ้นมาเป็นซูเปอร์โมเดลอย่างทุกวันนี้ โมน่า หรือ เมยาวี นางแบบไทยหน้าเก๋เคยมีชื่อเสียงโด่งดังมาก่อน เมยาวีเป็นสาวไทยแท้ ตาคม ผมดำสนิท ใบหน้าเรียว โหนกแก้มสูง ริมฝีปากอิ่ม จมูกโด่งได้รูปสวยกว่าสาวไทยทั่วไป และมีผิวสีน้ำผึ้งอย่างที่ชาวตะวันตกนิยม แต่สิ่งที่สำคัญกว่านั้นคือ โมน่ามีทักษะของความเป็นนางแบบที่ดีเพราะสามารถปรับเปลี่ยนสีหน้า ท่าทาง และบุคลิกได้ตามสั่ง จนใครต่อใครกล่าวยกย่องว่าเธอเป็น ‘นางแบบสาวพันหน้า’

    หากโมน่าไม่หายตัวไปจากวงการ เขาก็ไม่แน่ใจว่าพลอยชมพูจะมีโอกาสได้ขึ้นมาเป็นซูเปอร์โมเดลอันดับต้นๆของวงการแฟชั่นหรือเปล่า ไม่มีใครรู้ว่าโมน่าหายตัวไปไหน เสียชีวิตแล้วหรือยังมีชีวิตอยู่ มีข่าวลือหลายกระแสเกี่ยวกับการหายตัวไปของหญิงสาว บ้างก็ว่าหญิงสาวอกหักผิดหวังจากความรักจึงกินยานอนหลับฆ่าตัวตาย บ้างก็ลือว่าโมเดลลิ่งและญาติพี่น้องของเธอปิดข่าวจึงไม่มีใครรู้เรื่องนี้ ส่วนข่าวลือที่คนเชื่อกันมากที่สุดก็คงเป็นข่าวที่โมน่าออกจากวงการเพื่อไปเป็นชายาคนที่สี่ของสุลต่านองค์หนึ่งแถบประเทศตะวันออกกลาง แต่ข่าวลือเหล่านั้นก็หาได้เป็นความจริงไม่ เมื่อไม่มีใครสามารถสืบเสาะหาสาเหตุการหายตัวไปของโมน่าได้ ในที่สุดเรื่องของหญิงสาวก็ไม่อยู่ในความสนใจของมหาชนอีกต่อไป

    แล้วคำถามหนึ่งก็ผุดขึ้นมาในใจของคริสว่า ถ้าโมน่าทำมือถือหล่นหายแสดงว่าเมื่อคืนเธอจะต้องมาเที่ยวที่ผับแห่งนี้แน่ๆ แต่ไม่น่าเป็นไปได้ที่จะไม่มีใครสังเกตเห็นนางแบบสาว หรือว่าเธอจะปลอมตัวเป็นผู้ชาย ติดหนวดติดเคราเหมือนในหนังหรือละครที่เขาเคยดูถึงไม่มีใครจำเธอได้เลย

    คริสหัวเราะเบาๆกับความคิดเพ้อเจ้อของตัวเอง มันไม่มีทางเป็นไปได้หรอก โมน่าจะต้องปลอมตัวแบบนั้นทำไม ถ้าเธอกลัวคนเห็นหรือจับได้ ก็คงไม่ออกมาเที่ยวในสถานที่สาธารณะแบบนี้หรอก ในขณะกำลังครุ่นคิด มือของเขาก็เลื่อนดูรูปภาพบนหน้าจอมือถือระบบสัมผัส ก่อนจะหยุดนิ่งที่รูปภาพของสาวร่างยักษ์ในอิริยาบถต่างๆ โดยเฉพาะรูปถ่ายซึ่งซูมตรงบริเวณใบหน้า

    ‘หรือนี่จะเป็นมือถือของยายคะน้าคากิ’ คริสเริ่มสับสน

    ต้องมีอะไรบางอย่างที่ไม่ชอบมาพลเกิดขึ้นเสียแล้ว ด้วยความสงสัยเขาจึงนำมือถือนี้ไปต่อเข้ากับเครื่องคอมพิวเตอร์เพื่อดึงภาพถ่ายของโมน่าและหญิงสาวชื่อคะน้ามาเทียบกัน คริสลองใช้โปรแกรมแต่งรูปภาพปรับใบหน้าของสาวร่างยักษ์บีบให้กลายเป็นคนผอม แล้วทันใดนั้นเองความอัศจรรย์บางอย่างก็เกิดขึ้นโดยไม่ได้คาดคิดว่าเขาจะได้ล่วงรู้ความลับที่สื่อมวลชนทั่วโลกจะต้องตะลึง

    ‘มีความเป็นไปได้สูงถึงเก้าสิบเก้าจุดเก้าเก้าเปอร์เซ็นต์ว่า ยายคะน้ากับโมน่า อดีตซูเปอร์โมเดล จะต้องเป็นคนเดียวกัน บางทีสาเหตุที่หญิงสาวหายตัวไปอย่างลึกลับ อาจจะเพราะป่วยจนอ้วนผิดรูปร่างเดิมจึงทำให้อับอายไม่อยากอธิบายเรื่องนี้ให้ใครรู้’

    คริสค่อนข้างมั่นใจข้อสันนิษฐานของตัวเอง ความลับสุดยอดนี้อยู่ในกำมือเขา หากสื่อมวลชนได้รู้ถึงสาเหตุการหายตัวไปของโมน่าจะต้องให้ความสนใจและแห่มาทำข่าวอย่างแน่นอน แล้วสมองอันชาญฉลาดของเขาก็คิดแผนการดีๆบางอย่างขึ้นมาได้ หากเขาได้ยายช้างพังเป็นนางแบบภาพถ่าย portrait ที่กำลังจะจัดขึ้นที่นิวยอร์กอีกหกเดือนข้างหน้านี้ เขาจะต้องกลายเป็นช่างภาพแฟชั่นที่มีคนทั่วโลกรู้จักและแน่นอนว่าสิ่งที่ตามมาก็คืองานดีๆที่มีรายได้งามไม่ขาดมือ ไม่ใช่เพียงแค่เขาคนเดียวที่ได้ประโยชน์ หญิงสาวเองก็จะได้กลับมาแจ้งเกิดอีกครั้งในวงการแฟชั่น และอาจจะฮือฮากว่าในอดีตเสียด้วยซ้ำ เรียกได้ว่าวินๆกันทั้งสองฝ่าย

    ทว่าเขาจะต้องปิดเรื่องนี้ให้เป็นความลับสุดยอดให้ใครรู้ไม่ได้ แม้แต่พลอยชมพูซึ่งเป็นคนรัก เพราะหญิงสาวจะต้องไม่พอใจแน่ๆหากได้รู้ว่านางแบบ portrait ที่เขาหมายตาไว้คือ โมน่า อดีตซูเปอร์โมเดลที่หายตัวไป การกลับมาของโมน่าคงจะทำให้พลอยชมพูเดือดร้อนด้วยความหวั่นเกรงว่าโมน่าจะหวนคืนสู่บัลลังก์ซูเปอร์โมเดล แต่คริสมั่นใจว่าแผนการของเขาจะไม่มีวันทำลายเส้นทางนางแบบอันรุ่งโรจน์ของพลอยชมพูอย่างแน่นอน เพราะอย่างไรเสีย ห้องเสื้อชั้นนำของโลกและผลิตภัณฑ์ความงามส่วนใหญ่ก็ต้องเลือกพลอยชมพู ซึ่งมีรูปร่างผอมบางมากกว่านางแบบโอเวอร์ไซส์ โมน่าอาจจะกลับมาดังเปรี้ยงปร้างเพียงชั่วครู่ จากนั้นก็จะซาลงตามกระแสที่วูบวาบ

    เมื่อคิดถี่ถ้วนแล้ว คริสจึงลองโทรไปหาหญิงสาวเพื่อนัดแลกโทรศัพท์คืนด้วยใจระทึก เขาไม่รู้ว่าเรื่องเมื่อคืนจะยังทำให้หญิงสาวโกรธเขาอยู่หรือเปล่า ตอนนี้ในความคิดของเธอ เขาคงเป็นไอ้บ้าหื่นกามไปเสียแล้ว หวังว่าถ้าได้พบกัน เธอจะเปิดโอกาสให้เขาอธิบายเรื่องที่เข้าใจผิดและยอมรับข้อเสนอเป็นนางแบบให้ แม้โอกาสที่หญิงสาวจะปฏิเสธมีมากกว่าครึ่ง แต่ คริสก็มุ่งมั่นว่าเขาจะต้องหว่านล้อมให้เธอยอมใจอ่อนให้จงได้
     
    ‘ไม่ลองก็ไม่รู้ ในเมื่อโอกาสอยู่ในมือแล้ว หากไม่คว้าเอาไว้ก็คงน่าเสียดาย บางทีข้อเสนอของเขาอาจทำให้เธอสนใจ’คริสสูดหายใจลึกๆเพื่อรวบรวมกำลังใจ ก่อนจะกดหมายเลขโทรศัพท์มือถือของเขาแล้วรอให้ปลายสายรับด้วยใจระทึก

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×