ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [MHA : Kacchako] The Unexpected

    ลำดับตอนที่ #14 : 13th Hero

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 454
      60
      5 ม.ค. 64

    B
    E
    R
    L
    I
    N
     


    13th Hero

     

     


              ระยะเวลาปิดเทอมฤดูร้อนสั้นๆ แค่สามสัปดาห์กว่าที่ผ่านไปไม่ได้ช่วยให้ลืมเรื่องเมื่อวันนั้น ช่วงแรกๆ หากลืมตัวนึกถึงบาคุโกคุงทีไร ภาพเหตุการณ์ครั้งนั้นก็จะย้อนกลับมาตลอดซะจนฉันเผลอลอยขึ้นไปบนเพดานบ่อยผิดปกติทำให้ต้องคอยบ่ายเบี่ยงเวลาแม่สงสัยอยู่เสมอ

    ไม่อยากจะยอมรับเลย แต่ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นยังคงตราตรึงในความทรงจำจนถึงบัดนี้ชนิดที่ไม่มีทางลืมชั่วชีวิตซะแล้วล่ะ

     

              “ฮัดชิ่ว~!

    “อุรารากะ”

              ฉันเงยหน้าขึ้นจากโต๊ะเรียนพลางยกมือถูจมูก ตอนแรกนึกว่าที่คามินาริคุงเรียกเพราะครูยามาดะมาแล้วซะอีก  “มีอะไรเหรอ?”

              เอ่อ...ขอโทษที่ปลุกนะ”

              ฉันยิ้มบางๆ  “ไม่เป็นไร ฉันไม่ได้หลับหรอก”

              เขายืนหัวเราะแห้งข้างๆ มิเนตะคุงแล้วว่าต่อ  “พวกเรามีเรื่องอยากคุยด้วยหน่อยน่ะ”

              “ได้สิ”

              ทั้งสองคนที่น่าจะต้องการความเป็นส่วนตัวนิดหน่อยเดินไปหยุดตรงมุมหลังห้องก่อนจะพนมมือ  “ขอโทษนะ!

              “เอ๊ะ?”

              “ขอโทษที่ปากพล่อยน่ะ”

              ฉันโบกมือน้อยๆ แล้วกล่าวไปตามความจริงแม้จะยังรู้สึกอายนิดหน่อย  “ไม่เป็นไร ฉันไม่ติดใจโกรธอะไรหรอก” 

              “เรื่องนั้นพวกเราไม่ได้บอกใครอีกนะ”

    แววตาและคำพูดของคามินาริคุงกับมิเนตะคุงทำฉันยกยิ้มได้อย่างสบายใจ พวกเขาอาจทำอะไรพลาดพลั้งไปบ้าง ทว่าสุดท้ายก็ยังไว้ใจได้อยู่ดี  “ขอบคุณทั้งสองคนมากนะ”

              คามินาริคุงถอนหายใจโล่งอก  “ฉันเครียดตลอดช่วงปิดเทอมเลย คิดว่าเธอจะโกรธมากซะแล้ว”

              “ใช่ แต่เจ้านั่นไม่เชื่อก็ดีแล้วล่ะ”

              เจ้านั่นหมายถึงบาคุโกคุงสินะ


              คงดีกว่านี้ถ้าฉันไม่เหลือบมองบาคุโกคุงทันทีที่มิเนตะคุงเอ่ยถึง จะได้ไม่ต้องหลบตาแบบคนมีพิรุธเมื่อเห็นว่าเขากำลังมองพวกเราจากริมหน้าต่างห้องเรียน

              “มาแล้วจ้า~!!! คิดถึงนักเรียนสุดที่รักจังเลย วันนี้ครูมีเรื่องสำคัญของพวกเธอจะมาประกาศด้วยแหละ~”

    ครูยามาดะเริ่มพูดต่อพอเห็นทุกคนกลับไปนั่งที่เรียบร้อย  “ปิดเทอมฤดูร้อนที่ผ่านมาอาจสั้นไปหน่อย เพราะทางโรงเรียนพยายามจัดตารางของพวกเธอให้ตรงกับโปรฮีโร่มากที่สุดล่ะนะ ใช่แล้ว~!!! เทอมนี้พวกเธอทุกคนต้องเตรียมตัวไปฝึกงานกับโปรฮีโร่ยังไงล่ะ!!! เย้~!!!

              ว่าจบครูก็โปรยกระดาษในมือกระจัดกระจายเต็มพื้นหน้าห้องจนเพื่อนๆ ต้องนั่งเหงื่อตกในความเล่นใหญ่กันเป็นแถว

              “ระยะเวลาฝึกงานรอบนี้อาจนานหน่อยนะ รีบคุยรีบมองหน้ากันเอาไว้ล่ะ!! ไม่แน่ช่วงฝึกงานพวกเธออาจเหงาก็ได้~ ยังไงก็อย่าลืมเก็บกระดาษบนพื้นไปกรอกรายละเอียดแล้วเอามาให้ครูภายในอาทิตย์นี้ด้วยนะ~!!

              “แล้วจะโปรยทำเพื่อ!!!??”

              “ที่สำคัญ!! อาทิตย์หน้าทุกคนต้องเริ่มทยอยไปฝึกงานแล้ว ยกเว้นใครมีเหตุสุดวิสัยขอให้รีบแจ้งล่วงหน้าหรือฝากเพื่อนมาแจ้งนะ ครูจะได้ติดต่อประสานงานกับทางโปรฮีโร่ทัน ดังนั้นเตรียมตัวให้ดีและอย่าลืมดูแลสุขภาพด้วยล่ะทุกคน~!!! ถ้าเข้าใจให้เซย์เยส~!!!

              “เยสสส~!!!

     

     

             

              ช่วงนี้เพื่อนๆ เริ่มทยอยออกไปฝึกงานกับโปรฮีโร่เรื่อยๆ บางคนอาจเริ่มตั้งแต่วันแรกของสัปดาห์ บางคนอาจเริ่มวันถัดๆ มา แล้วแต่โปรฮีโร่ของใครจะกำหนดวันไหน แต่ฉันยังอยู่ที่หอพัก ไม่ได้ไปฝึกงาน แล้วก็ไม่รู้ด้วยว่าจะไปได้เมื่อไหร่


              แม้ฉันจะจามบ่อยขึ้นตั้งแต่ก่อนเปิดเทอมได้สองสามวัน แต่ด้วยคิดว่าคงแค่แพ้อากาศจึงไม่สนใจเท่าไหร่ กระทั่งเริ่มปวดหัวตัวร้อนนิดหน่อยก็ยังดื้อด้านไม่ยอมกินยาเพราะคิดว่าเดี๋ยวก็หายอีก ทั้งๆ ที่ครูยามาดะอุตส่าห์เตือนให้ดูแลสุขภาพทว่ากลับไม่เชื่อเขา การนอนซมพิษไข้บนเตียงจึงเป็นบทเรียนสำหรับคนประมาทอย่างฉัน รู้ตัวอีกทีก็แทบลุกไปไหนไม่ไหวแล้วนอกจากเข้าห้องน้ำอย่างเดียว


              “โอชาโกะจัง”

              ฉันค่อยๆ ลืมตามองสีหน้าเป็นกังวลของทสึยุจังที่เข้าห้องมาเมื่อกี้ รู้สึกผิดจัง ไม่น่าทำให้เธอต้องเป็นห่วงเลย

              “ฉันบอกครูยามาดะเรื่องที่โอชาโกะจังป่วยให้แล้วนะ ทางโปรฮีโร่ของโอชาโกะจังเลยแจ้งว่าถ้าหายดีเมื่อไหร่ค่อยเริ่มฝึกงานได้”

              “ขอบคุณมากนะ แล้วตอนนี้เพื่อนคนอื่นๆ ไปฝึกงานกันหมดรึยัง?”

              “ตอนนี้ทั้งหอพักเหลือแค่ฉัน มิโดริยะจัง บาคุโกจัง โทโดโรกิจัง กับมิเนตะจังแค่นี้แหละ”  ทสึยุจังคุกเข่าข้างเตียงพร้อมกับวางกระปุกยาไว้บนหัวนอน  “ว่าแต่โอชาโกะจังเป็นยังไงบ้าง? ปวดหัวตัวร้อนแล้วมีอาการอื่นไหม?”

              “ปวดท้องน่ะ”

              “ปวดท้องเหรอ ท้องเสียรึเปล่า?”  เธอถามพลางกระชับผ้าห่มให้

              “เปล่าหรอก ก็แค่”  ฉันเม้มริมฝีปาก  “ไข้ทับระดูน่ะ”

              “เอ๊ะ!? งั้น–”

              “แต่ไม่ต้องห่วงฉันนะ! ก่อนหน้านี้เพิ่งกินยาเม็ดสุดท้ายที่เหลือไปด้วย เดี๋ยวยาจากตู้ข้างล่างกระปุกนี้ค่อยเริ่มกินพรุ่งนี้เช้าก็ได้”

              “อ..อืม แล้ววัดไข้ได้กี่องศาเหรอ?”

    ฉันยิ้มกว้างเผื่อทสึยุจังจะคลายกังวลขณะกำปรอทวัดไข้ใต้หมอนแน่น  “ไข้ไม่สูงเหมือนตอนแรกแล้วล่ะ สบายใจได้”

              เธอใช้นิ้วแตะคางแล้วเงียบไปสักพักเหมือนกำลังใช้ความคิด  “โอชาโกะจังอยากให้ฉันโทรบอกพ่อแม่ให้ไหม?”

              “เอ๊ะ!? ไม่เอา! ฉันไม่อยากให้พ่อกับแม่เป็นห่วง”

              “แต่ฉันเริ่มฝึกงานพรุ่งนี้นะ แล้วใครจะดูแลโอชาโกะจังล่ะ?”

              ฉันชูนิ้วหัวแม่มือ  “ฉันแข็งแรงกว่าที่ทสึยุจังคิดนะ! ดูแลตัวเองได้อยู่แล้ว~”

              “ต้องลงไปหาข้าวกินอีก จะไหวแน่เหรอ?”

              “อื้ม! ไหวสิ! ทสึยุจังไม่ต้องห่วง ทำใจสบายๆ แล้วไปฝึกงานเถอะ”

              “งั้นก็ได้ถ้าพรุ่งนี้เช้าก่อนไปฝึกงานฉันพอมีเวลาจะมาหาอีกรอบนะ โอชาโกะจังนอนเถอะ”

              “รับทราบ~”

             

     

              โดยปกติฉันเป็นคนหลับง่ายชนิดที่หัวถึงหมอนก็หลับปุ๋ยทันที แต่คืนนี้เป็นคืนที่ทรมานจนแทบข่มตาไม่หลับเลย

              ไม่รู้ว่าตอนนี้กี่โมงแล้ว ฉันคดตัวใต้ผ้าห่ม หลับๆ ตื่นๆ ตลอดคืน พลางกุมท้องที่รู้สึกเหมือนกำลังถูกบีบและบิดเป็นเกลียวซะจนนอนนิ่งๆ ไม่ได้ ต้องพลิกตัวตลอดแม้จะรู้อยู่แก่ใจว่ายิ่งขยับจะยิ่งปวดก็ตาม มิหนำซ้ำเรี่ยวแรงในตอนนี้แค่จะลุกไปกินยายังไม่มี อุณหภูมิในห้องที่ปกติดีจู่ๆ กลับร้อนขึ้นมาทำเอาเหงื่อชุ่มหน้าชุ่มตัวไปหมด

    ทรมานจัง เมื่อไหร่จะเช้าสักทีนะ

     


              ก๊อกๆๆ~


              ฉันค่อยๆ ลืมตาตื่นเมื่อได้ยินเสียงเคาะประตูก่อนจะเหลือบมองแสงยามเช้าที่ลอดเข้ามาทางม่านหน้าต่าง ตอนแรกก็จะลุกไปเปิดประตูให้อยู่หรอก แต่คิดว่าเผลอๆ อาจต้องคลานไป ฉันจึงรวบรวมแรงที่เหลือตะโกนบอกทสึยุจัง เธอจะได้ไม่เสียเวลาเตรียมตัวไปฝึกงานด้วย

    “เข้ามาได้เลย

    หลังจากตัดสินใจตะโกนบอกไป ฉันก็ต้องเม้มริมฝีปากแน่นเพราะปวดท้องขึ้นมากะทันหันซะจนน้ำตาเล็ด แต่จะให้ทสึยุจังเข้ามาเห็นฉันสภาพนี้ไม่ได้เด็ดขาด ไม่งั้นต้องไม่มีกะจิตกะใจไปฝึกงานแน่ๆ


              “ไหนยัยกบบอกว่าเธอไหวไง”

              ฉันถึงกับอ้าปากค้างก่อนจะหันไปมองทางต้นเสียงแล้วร้องลั่นชนิดที่ลืมว่ากำลังปวดท้องอยู่ไปชั่วขณะ

    “บาคุโกคุง!!!

              แย่แล้วๆๆ ลืมสนิทเลย!! ฉันบอกทสึยุจังว่าถ้าจะเข้ามาไม่ต้องเคาะประตูนี่นา!! แล้วห้องฉันล่ะ–!? ห้องฉันรกรึเปล่า!!?

              “ทำไมถึง–!!”  เสียงของฉันขาดช่วงลงเมื่อความปวดแผ่ซาบซ่านทั่วท้องน้อยอีกครั้ง  “ทำไมถึงเป็นบาคุโกคุงล่ะ?”

              “ยัยกบรีบออกไปตั้งแต่เช้ามืดเลยฝากให้ฉันช่วยดูเธอ”

              “เอ๊ะ?...”  แล้วทำไมต้องเป็นเขาล่ะทสึยุจัง  “ฉ..ฉันไม่เป็นไร”

              บาคุโกคุงขบฟันพร้อมกับตรงมาหาฉันที่เตียง  “นี่น่ะเหรอไม่เป็นไร!? อยากนอนเป็นศพเน่าตายอยู่อย่างนี้รึไงหา!!?”

              “ไม่ ฉันหมายถึงแล้วคนอื่นๆ ล่ะ?”

              “ยัยกบ! เดกุ! ไอ้ครึ่งออกไปพร้อมกัน! ตอนนี้ทั้งหอพักเหลือแค่เธอ! ฉัน! กับไอ้หัวองุ่นเฮงซวยนั่น! หรือเธออยากให้มันมาดูแลแทนหา!!?”

              ฉันส่ายหัวน้อยๆ  “ม..ไม่เป็นไร”

              บาคุโกคุงถอนหายใจหลังจากเห็นฉันยอมจำนน เพราะยังไงคงดีกว่าต้องนอนเน่าตายหรือไม่ก็โดนระเบิดตายคาห้องล่ะเนอะ


              “เป็นยังไงบ้าง?”


    ทั้งๆ ที่ถ้อยคำเมื่อกี้ก็เป็นแค่คำถามธรรมดาทั่วไป แต่น้ำเสียงทุ้มๆ และไม่กระโชกโฮกฮากเหมือนเคยกลับให้ความรู้สึกอบอุ่นในหัวใจอย่างไม่น่าเชื่อ ฉันเผลอเหม่อมองใบหน้าคมสันของเขาทั้งขอบตาร้อนๆ เพียงชั่วครู่ พอได้สติกลับคืนจึงหัวเราะกลบเกลื่อน

    “ต..ตอนนี้ไม่มีไข้แล้วล่ะ~”

    แต่บาคุโกคุงที่เหมือนจับโกหกได้กลับขบฟันแน่นแล้วออกคำสั่ง  “ส่งปรอทวัดไข้มา”

    “เอ๊ะ...เอ่อ

    “ส่งปรอทวัดไข้มา!!

    “ด..ได้ๆ”  ฉันรีบล้วงปรอทวัดไข้ใต้หมอนให้เขา

    “อ้าปาก!”  ก่อนจะอ้าปากตามคำสั่งอย่างว่าง่าย ผ่านไปสักพัก เมื่อปรอทวัดไข้ส่งสัญญาณเขาก็หยิบออกมาดูแล้วแยกเขี้ยวใส่ทำเอาฉันขนลุกซู่ไปหมด

    ระหว่างหายป่วยกับหายไปจากโลกนี้อะไรจะเกิดก่อนกันแน่นะ...

    39.2 องศาบ้านเธอเรียกไม่มีไข้เหรอ!!?”

    “ขอโทษนะ

    “แล้วได้กินยาบ้างรึยัง?”

    ฉันพยักหน้าช้าๆ  “แต่ยาเก่าหมดไปแล้ว ฉันเลยว่าจะกินยาใหม่ที่ทสึยุจังเอาขึ้นมาให้แทน”

    บาคุโกคุงหยิบกระปุกยาบนหัวนอนขึ้นมาอ่านฉลากก่อนจะแว้ดใส่  “ยัยกบจะฆ่าเธอรึไง!? ยาบ้านี่มันหมดอายุไปตั้งแต่ครึ่งปีก่อนแล้ว!!

    “ง..งั้นเหรอ”

    “แล้วนอกจากมีไข้ล่ะ?”

    ฉันขบริมฝีปากเบาๆ ไม่คิดจะบอกตั้งแต่แรกว่ามีอาการปวดท้องร่วมเพราะเป็นไข้ทับระดู  “ไม่ไม่มีแล้วนะ”

    “ปวดท้องล่ะ?”

    เอ๊ะ

    “ยัยกบบอกฉันว่าเธอเป็นไข้ทับระดู”

    ทสึยุจัง!!!

    “ลุกไปเข้าห้องน้ำไหวไหม?”

    ฉันรีบดึงผ้าห่มขึ้นมาคลุมถึงจมูกพร้อมกับพยักหน้าน้อยๆ แยกไม่ออกแล้วว่าใบหน้าที่แดงขึ้นมากะทันหันเป็นเพราะพิษไข้หรือว่าอายกันแน่

    “เดี๋ยวฉันมา ไม่เกินสี่สิบนาที”

    พูดจบบาคุโกคุงก็ถือกระปุกยาหมดอายุออกนอกห้องไป ฉันถอนหายใจอย่างโล่งอกแล้วรวบรวมเรี่ยวแรงที่มีค่อยๆ ลุกขึ้นนั่ง เพราะตอนนี้ไม่ใช่แค่ปวดท้องแถมยังปวดตัวด้วย ถึงอย่างนั้นก็ต้องรีบทำธุระส่วนตัวก่อนที่เขาจะกลับมา ไม่ไหวก็ต้องไหว


     

    พอได้เปลี่ยนเสื้อผ้าล้างหน้าล้างตาก็รู้สึกสดชื่นกว่าเดิมเยอะ อย่างน้อยตัวก็ไม่ชุ่มเหงื่อแบบเมื่อคืนแล้ว ฉันเดินกุมท้องกลับไปนั่งบนเตียงหลังออกจากห้องน้ำ กระทั่งเสียงเคาะประตูดังขึ้นอีกครั้งและสิ้นเสียงอนุญาตของฉัน บาคุโกคุงจึงเปิดประตูเข้ามาพร้อมวางถุงยากับชามข้าวต้มกลิ่นหอมฉุยในมือลงบนโต๊ะเตี้ยก่อนจะกล่าวขึ้น

    “กินข้าวก่อนค่อยกินยา”

    “อ..อื้ม”  ฉันคลานลงไปนั่งบนพื้นช้าๆ พลางมองถุงยาสลับกับข้าวต้ม

    นี่เขาจัดการซื้อและทำทุกอย่างภายในสี่สิบนาทีงั้นเหรอ


    บาคุโกคุงนั่งลงตรงข้ามฉันแล้วหยิบของออกจากถุงทีละชิ้น  “นี่ยาแก้ปวดลดไข้เอาไว้กินหลังอาหาร ส่วนนี่แคลเซียมช่วยลดปวดท้องได้อีก แล้วนี่ก็แผ่นเจลลดไข้ให้แปะไว้ตลอด แล้วนั่นก็ข้าวต้มกินซะ ส่วนมื้ออื่นฉันจะทำให้อีกที”


    “บาคุโกคุงทำทั้งหมดนี้ให้ฉันเหรอ?”


    ใช่”


    “ใจดีจัง”  ฉันอมยิ้ม  “ขอบคุณมากเลยนะ”

    เขาจ้องหน้านิ่งเหมือนฉันพูดอะไรแปลกไปก่อนจะกัดฟันขู่  “ถ้าไม่รีบกินสักที ฉันจะเอาข้าวกรอกปากเธอเดี๋ยวนี้แหละ!

    ฉันยิ้มเหนียมๆ แล้วเริ่มกินข้าวต้มตรงหน้าเรื่อยๆ ปล่อยให้บาคุโกคุงนั่งเท้าคางมองอยู่อย่างนั้นซะแทบทำตัวไม่ถูกด้วยกลัวใบหน้าจะมีสีระเรื่อขึ้นมาอีก แต่พอฉุกนึกได้ว่าตัวเองกำลังป่วย ดังนั้นหน้าจะแดงคงไม่แปลกอะไร ฉันจึงคลายกังวลตรงจุดนั้นแล้วเปลี่ยนมาบังคับไม่ให้ภายในอกซ้ายส่งเสียงดังเกินไปแทน ยิ่งบรรยากาศเงียบๆ แบบนี้ยิ่งส่งเสียงดังไม่ได้ใหญ่



    บาคุโกคุงส่งน้ำกับยาให้แล้วลุกขึ้นเมื่อเห็นฉันกินข้าวเสร็จ

    “นั่งไปก่อน เดี๋ยวฉันมา”

    “อื้ม”

    เขาเดินออกจากห้องโดยไม่ลืมหยิบชามข้าวต้มไปด้วย ทิ้งให้ฉันนั่งว่างๆ หยิบซองยากับขวดแคลเซียมมาอ่านฉลากเล่นซึ่งมันก็เป็นอะไรที่น่าเบื่อสิ้นดี บาคุโกคุงคงรู้ในจุดนี้ล่ะมั้งถึงได้กลับเข้าห้องมาหลังจากหายไปสักพักหนึ่ง

    “ไปนอนพักได้แล้ว”

    ฉันพยักหน้าพร้อมกับลุกไปนอนบนเตียงช้าๆ เพราะขืนรีบร้อนอาจล้มคะมำได้ จากนั้นบาคุโกคุงจึงย่อตัวลงคุกเข่าข้างเตียงแล้วยื่นกระเป๋าน้ำร้อนให้

    “ประคบไว้”


    หัวใจของฉันกลับมาเร่งจังหวะอีกครั้งตอนที่บาคุโกคุงกระชับผ้าห่มให้หลังจากรับกระเป๋าน้ำร้อนมาแล้ว ความรู้สึกลึกๆ ในใจตอนนี้ไม่ใช่ความอึดอัดหรือความประหม่าอย่างที่เคยเป็น แต่กลับถูกทดแทนด้วยความตื้นตันและความอบอุ่น เพราะนอกจากพ่อ ก็ไม่เคยมีผู้ชายคนไหนดูแลฉันดีขนาดนี้มาก่อน เขาดูแลฉันดียิ่งกว่าฉันดูแลตัวเองซะอีก จนบางครั้งก็อดปฏิเสธไม่ได้ว่าฉันอยากมีบาคุโกคุงที่แม้จะแข็งกระด้างไปบ้างแต่ก็เป็นผู้ชายที่อ่อนโยนคนหนึ่งเหมือนกันมาคอยอยู่เคียงข้างฉันอย่างนี้อีก


    และดีใจจริงๆ ที่ในตอนนี้ฉันก็มีเขาอยู่


    ฉันอมยิ้มพลางสบนัยน์ตาสีแดงคมๆ คู่นั้นอย่างไม่รู้สึกขวยเขินอะไร ก่อนจะตัดสินใจพูดสิ่งที่เชื่อจากก้นบึ้งหัวใจออกไป


    “ถ้าบาคุโกคุงมีแฟนล่ะก็ต้องดูแลเธอคนนั้นดีมากแน่ๆ เลยเนอะ”


    สิ้นเสียงถ้อยคำจากฉัน บาคุโกคุงก็ค่อยๆ เบิกตากว้าง แต่กว่าจะรู้ตัวอีกทีว่าเมื่อกี้เผลอพลั้งปากไป ความอายก็เข้าบังตาแล้ว

    “ป่วยแล้วเพี้ยนรึไงหา!!?”

    “ขอโทษ...ขอโทษนะ!

    ฉันหลับตาปี๋แล้วดึงผ้าห่มขึ้นมาคลุมถึงจมูกก่อนจะพลิกตัวหันหลังให้เขา ใบหน้าในตอนนี้ร้อนและแดงเกินไป ขืนปล่อยให้เห็นล่ะก็ต้องถูกจับได้แน่นอน ถึงจะแก้ตัวหรือโทษว่าเป็นความผิดของพิษไข้ยังไงก็ฟังไม่ขึ้นหรอก


    “อุรารากะ”


    หืม?”


    “หันหน้ามานี่”


    ไม่ได้นะ! ฉันไม่มีทางหันไปทั้งหน้าแบบนี้แน่  “ม..มีอะไรก็พูดเลย”


    “หันมาเถอะน่า”


    ฉันกะพริบตาปริบๆ ก่อนจะหันไปอย่างกล้าๆ กลัวๆ เพื่อให้บาคุโกคุงเขี่ยผมหน้าม้าออกเล็กน้อยแล้วแปะแผ่นเจลลดไข้เย็นๆ ไว้บนหน้าผาก... ณ วินาทีนั้น ฉันจึงได้มีโอกาสเห็นใบหน้าของเขาใกล้ๆ อีกครั้งหลังจากไม่ได้เห็นมาระยะหนึ่ง


    บาคุโกคุงยังทำหน้านิ่วคิ้วขมวดเป็นนิสัย ทว่าสิ่งที่ต่างจากเดิมคือสีระเรื่อบนแก้มซึ่งแม้จะไม่ได้เห็นชัดเจนเท่าไหร่ แต่ระยะใกล้ประมาณนี้ก็เพียงพอจะตอกย้ำให้มั่นใจว่าฉันไม่ได้ตาฝาด และยังตอกย้ำให้ยอมรับว่าหัวใจของตัวเองในตอนนี้กำลังเต้นอย่างรุนแรงชนิดที่ไร้วี่แววว่าจะสงบลง


    เป็นเหมือนวันนั้นอีกแล้วหัวใจมัน


    “นอนซะ”

    ฉันหลุดจากห้วงภวังค์แล้วยกมือแตะแผ่นเจลบนหน้าผากเบาๆ  “ขอบคุณนะ”

    เขาไม่พูดอะไรพร้อมกับลุกไปหยิบรีโมทเครื่องปรับอากาศเพื่อปรับองศานิดหน่อย จากนั้นจึงหันมากล่าวกับฉันก่อนจะออกนอกห้องไปเงียบๆ

    “ตอนกลางวันจะมาใหม่”

     

     

    ตลอดทั้งวันนี้ฉันมีบาคุโกคุงคอยดูแลครบสามเวลาจนรู้สึกดีขึ้นบ้างแล้ว อย่างน้อยก็ไม่ปวดท้องรุนแรงแบบตอนแรกถึงจะยังมีอาการอยู่ แถมอาหารฝีมือเขาก็ยังอร่อยทำเอาฉันแทบจะนับถอยหลังเวลาอาหารแต่ละมื้อเลยด้วยซ้ำ แม้ดูเผินๆ จะเป็นแค่อาหารคนป่วยก็ตาม


    “ขอบคุณสำหรับวันนี้นะ”  ฉันรับกระเป๋าน้ำร้อนจากเขาที่เพิ่งไปเปลี่ยนน้ำให้ใหม่ก่อนจะนั่งลงบนเตียงเมื่อกินยาหลังมื้อเย็นเรียบร้อยแล้ว  “บาคุโกคุงต้องไปฝึกงานวันไหนเหรอ?”

    “มะรืนนี้”

    “อ๋อ”

    “เพราะฉะนั้นเธอต้องรีบหายก่อนที่ฉันจะไปเข้าใจไหม?”

    ฉันฉีกยิ้ม  “อื้ม!

    “นอนได้แล้ว ถ้ามีอะไรก็โทรหา”

    “อื้ม! ฝันดีนะ!


    บทสนทนาของพวกเราจบลงตรงที่บาคุโกคุงพ่นลมออกจมูกเหมือนรำคาญแล้วออกนอกห้องไป หลังจากนั้นวันต่อมา เขาก็ดูแลฉันดีเหมือนเดิมทุกอย่าง จนกระทั่งฉันกลับมาหายป่วยอย่างที่รับปากไว้จริงๆ แม้กว่าจะรู้ตัวว่าหายดีก็เป็นวันที่บาคุโกคุงออกไปฝึกงานแล้วก็ตาม


    ฉันลุกจากเตียงพลางยืดเส้นยืดสายแล้วเดินไปเปิดม่านรับแสงข้างนอก คิดว่าพรุ่งนี้ก็ออกไปฝึกงานได้แล้วล่ะ อาจจะเริ่มช้ากว่าเพื่อนหน่อย แต่ก็เชื่อว่าตอนนี้ตัวเองมีประสิทธิภาพพร้อมฝึกงานไม่แพ้ใครแน่นอน!

     

    สายตาฉันไปสะดุดเข้ากับกระดาษโน้ตแผ่นเล็กๆ ที่แปะไว้หน้าประตูตอนที่กำลังออกจากห้องลงไปหาอะไรกิน พอยิ่งได้อ่านข้อความบนนั้น ฉันก็แทบหุบยิ้มไม่ได้เลยตลอดวัน

    ทั้งๆ ที่วันนี้เริ่มฝึกงานวันแรก แต่เขายังอุตส่าห์ทำอาหารไว้ให้

    ความใจดีและความอ่อนโยนของบาคุโกคุง ฉันสัมผัสได้แล้วนะ




    Chit-Chat : อย่างกะch.แห่งการเดบิวต์เป็นไอ้ต้าวคุณแฟนเยย เขียนแล้วอยากจะดึงเจ้าคัตออกจากคอมมากค่ะแง แล้วก็ HNY2021 นะคะ ขอให้ปีนี้เป็นปีที่ใจดีกับรีดเดอร์ทุกคน มีความสุขมากๆ นะคับบ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×