คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #14 : 13th Hero
13th Hero
ระยะเวลาปิดเทอมฤดูร้อนสั้นๆ
แค่สามสัปดาห์กว่าที่ผ่านไปไม่ได้ช่วยให้ลืมเรื่องเมื่อวันนั้น ช่วงแรกๆ หากลืมตัวนึกถึงบาคุโกคุงทีไร
ภาพเหตุการณ์ครั้งนั้นก็จะย้อนกลับมาตลอดซะจนฉันเผลอลอยขึ้นไปบนเพดานบ่อยผิดปกติทำให้ต้องคอยบ่ายเบี่ยงเวลาแม่สงสัยอยู่เสมอ
ไม่อยากจะยอมรับเลย… แต่ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นยังคงตราตรึงในความทรงจำจนถึงบัดนี้ชนิดที่ไม่มีทางลืมชั่วชีวิตซะแล้วล่ะ…
“ฮัดชิ่ว~!”
“อุรารากะ”
ฉันเงยหน้าขึ้นจากโต๊ะเรียนพลางยกมือถูจมูก
ตอนแรกนึกว่าที่คามินาริคุงเรียกเพราะครูยามาดะมาแล้วซะอีก “มีอะไรเหรอ?”
“…เอ่อ...ขอโทษที่ปลุกนะ”
ฉันยิ้มบางๆ “ไม่เป็นไร ฉันไม่ได้หลับหรอก”
เขายืนหัวเราะแห้งข้างๆ มิเนตะคุงแล้วว่าต่อ “พวกเรามีเรื่องอยากคุยด้วยหน่อยน่ะ”
“ได้สิ”
ทั้งสองคนที่น่าจะต้องการความเป็นส่วนตัวนิดหน่อยเดินไปหยุดตรงมุมหลังห้องก่อนจะพนมมือ “ขอโทษนะ!”
“เอ๊ะ?”
“ขอโทษ…ที่ปากพล่อยน่ะ”
ฉันโบกมือน้อยๆ แล้วกล่าวไปตามความจริงแม้จะยังรู้สึกอายนิดหน่อย “ไม่เป็นไร ฉันไม่ติดใจโกรธอะไรหรอก”
“เรื่องนั้นพวกเราไม่ได้บอกใครอีกนะ”
แววตาและคำพูดของคามินาริคุงกับมิเนตะคุงทำฉันยกยิ้มได้อย่างสบายใจ
พวกเขาอาจทำอะไรพลาดพลั้งไปบ้าง ทว่าสุดท้ายก็ยังไว้ใจได้อยู่ดี “ขอบคุณทั้งสองคนมากนะ”
คามินาริคุงถอนหายใจโล่งอก “ฉันเครียดตลอดช่วงปิดเทอมเลย
คิดว่าเธอจะโกรธมากซะแล้ว”
“ใช่… แต่เจ้านั่นไม่เชื่อก็ดีแล้วล่ะ”
เจ้านั่นหมายถึงบาคุโกคุงสินะ
คงดีกว่านี้ถ้าฉันไม่เหลือบมองบาคุโกคุงทันทีที่มิเนตะคุงเอ่ยถึง
จะได้ไม่ต้องหลบตาแบบคนมีพิรุธเมื่อเห็นว่าเขากำลังมองพวกเราจากริมหน้าต่างห้องเรียน
“มาแล้วจ้า~!!! คิดถึงนักเรียนสุดที่รักจังเลย วันนี้ครูมีเรื่องสำคัญของพวกเธอจะมาประกาศด้วยแหละ~”
ครูยามาดะเริ่มพูดต่อพอเห็นทุกคนกลับไปนั่งที่เรียบร้อย “…ปิดเทอมฤดูร้อนที่ผ่านมาอาจสั้นไปหน่อย เพราะทางโรงเรียนพยายามจัดตารางของพวกเธอให้ตรงกับโปรฮีโร่มากที่สุดล่ะนะ
ใช่แล้ว~!!! เทอมนี้พวกเธอทุกคนต้องเตรียมตัวไปฝึกงานกับโปรฮีโร่ยังไงล่ะ!!!
เย้~!!!”
ว่าจบครูก็โปรยกระดาษในมือกระจัดกระจายเต็มพื้นหน้าห้องจนเพื่อนๆ
ต้องนั่งเหงื่อตกในความเล่นใหญ่กันเป็นแถว
“ระยะเวลาฝึกงานรอบนี้อาจนานหน่อยนะ รีบคุยรีบมองหน้ากันเอาไว้ล่ะ!! ไม่แน่ช่วงฝึกงานพวกเธออาจเหงาก็ได้~ ยังไงก็อย่าลืมเก็บกระดาษบนพื้นไปกรอกรายละเอียดแล้วเอามาให้ครูภายในอาทิตย์นี้ด้วยนะ~!!”
“แล้วจะโปรยทำเพื่อ!!!??”
“ที่สำคัญ!! อาทิตย์หน้าทุกคนต้องเริ่มทยอยไปฝึกงานแล้ว
ยกเว้นใครมีเหตุสุดวิสัยขอให้รีบแจ้งล่วงหน้าหรือฝากเพื่อนมาแจ้งนะ ครูจะได้ติดต่อประสานงานกับทางโปรฮีโร่ทัน
ดังนั้นเตรียมตัวให้ดีและอย่าลืมดูแลสุขภาพด้วยล่ะทุกคน~!!!
ถ้าเข้าใจให้เซย์เยส~!!!”
“เยสสส~!!!”
ช่วงนี้เพื่อนๆ เริ่มทยอยออกไปฝึกงานกับโปรฮีโร่เรื่อยๆ
บางคนอาจเริ่มตั้งแต่วันแรกของสัปดาห์ บางคนอาจเริ่มวันถัดๆ มา แล้วแต่โปรฮีโร่ของใครจะกำหนดวันไหน
แต่ฉันยังอยู่ที่หอพัก ไม่ได้ไปฝึกงาน แล้วก็ไม่รู้ด้วยว่าจะไปได้เมื่อไหร่…
แม้ฉันจะจามบ่อยขึ้นตั้งแต่ก่อนเปิดเทอมได้สองสามวัน
แต่ด้วยคิดว่าคงแค่แพ้อากาศจึงไม่สนใจเท่าไหร่ กระทั่งเริ่มปวดหัวตัวร้อนนิดหน่อยก็ยังดื้อด้านไม่ยอมกินยาเพราะคิดว่าเดี๋ยวก็หายอีก
ทั้งๆ ที่ครูยามาดะอุตส่าห์เตือนให้ดูแลสุขภาพทว่ากลับไม่เชื่อเขา
การนอนซมพิษไข้บนเตียงจึงเป็นบทเรียนสำหรับคนประมาทอย่างฉัน
รู้ตัวอีกทีก็แทบลุกไปไหนไม่ไหวแล้วนอกจากเข้าห้องน้ำอย่างเดียว
“โอชาโกะจัง”
ฉันค่อยๆ ลืมตามองสีหน้าเป็นกังวลของทสึยุจังที่เข้าห้องมาเมื่อกี้
รู้สึกผิดจัง ไม่น่าทำให้เธอต้องเป็นห่วงเลย
“ฉันบอกครูยามาดะเรื่องที่โอชาโกะจังป่วยให้แล้วนะ
ทางโปรฮีโร่ของโอชาโกะจังเลยแจ้งว่าถ้าหายดีเมื่อไหร่ค่อยเริ่มฝึกงานได้”
“ขอบคุณมากนะ… แล้วตอนนี้เพื่อนคนอื่นๆ
ไปฝึกงานกันหมดรึยัง?”
“ตอนนี้ทั้งหอพักเหลือแค่ฉัน มิโดริยะจัง
บาคุโกจัง โทโดโรกิจัง กับมิเนตะจังแค่นี้แหละ”
ทสึยุจังคุกเข่าข้างเตียงพร้อมกับวางกระปุกยาไว้บนหัวนอน “ว่าแต่โอชาโกะจังเป็นยังไงบ้าง?
ปวดหัวตัวร้อนแล้วมีอาการอื่นไหม?”
“ปวดท้องน่ะ”
“ปวดท้องเหรอ ท้องเสียรึเปล่า?” เธอถามพลางกระชับผ้าห่มให้
“เปล่าหรอก ก็แค่…”
ฉันเม้มริมฝีปาก “…ไข้ทับระดูน่ะ”
“เอ๊ะ!? งั้น–”
“แต่ไม่ต้องห่วงฉันนะ!
ก่อนหน้านี้เพิ่งกินยาเม็ดสุดท้ายที่เหลือไปด้วย เดี๋ยวยาจากตู้ข้างล่างกระปุกนี้ค่อยเริ่มกินพรุ่งนี้เช้าก็ได้”
“อ..อืม แล้ววัดไข้ได้กี่องศาเหรอ?”
ฉันยิ้มกว้างเผื่อทสึยุจังจะคลายกังวลขณะกำปรอทวัดไข้ใต้หมอนแน่น “ไข้ไม่สูงเหมือนตอนแรกแล้วล่ะ สบายใจได้”
เธอใช้นิ้วแตะคางแล้วเงียบไปสักพักเหมือนกำลังใช้ความคิด “โอชาโกะจังอยากให้ฉันโทรบอกพ่อแม่ให้ไหม?”
“เอ๊ะ!? ไม่เอา!
ฉันไม่อยากให้พ่อกับแม่เป็นห่วง”
“แต่ฉันเริ่มฝึกงานพรุ่งนี้นะ แล้วใครจะดูแลโอชาโกะจังล่ะ?”
ฉันชูนิ้วหัวแม่มือ “ฉันแข็งแรงกว่าที่ทสึยุจังคิดนะ! ดูแลตัวเองได้อยู่แล้ว~”
“ต้องลงไปหาข้าวกินอีก จะไหวแน่เหรอ?”
“อื้ม! ไหวสิ! ทสึยุจังไม่ต้องห่วง
ทำใจสบายๆ แล้วไปฝึกงานเถอะ”
“…งั้นก็ได้… ถ้าพรุ่งนี้เช้าก่อนไปฝึกงานฉันพอมีเวลาจะมาหาอีกรอบนะ
โอชาโกะจังนอนเถอะ”
“รับทราบ~”
โดยปกติฉันเป็นคนหลับง่ายชนิดที่หัวถึงหมอนก็หลับปุ๋ยทันที
แต่คืนนี้เป็นคืนที่ทรมานจนแทบข่มตาไม่หลับเลย
ไม่รู้ว่าตอนนี้กี่โมงแล้ว ฉันคดตัวใต้ผ้าห่ม
หลับๆ ตื่นๆ ตลอดคืน พลางกุมท้องที่รู้สึกเหมือนกำลังถูกบีบและบิดเป็นเกลียวซะจนนอนนิ่งๆ
ไม่ได้ ต้องพลิกตัวตลอดแม้จะรู้อยู่แก่ใจว่ายิ่งขยับจะยิ่งปวดก็ตาม มิหนำซ้ำเรี่ยวแรงในตอนนี้แค่จะลุกไปกินยายังไม่มี
อุณหภูมิในห้องที่ปกติดีจู่ๆ กลับร้อนขึ้นมาทำเอาเหงื่อชุ่มหน้าชุ่มตัวไปหมด
ทรมานจัง เมื่อไหร่จะเช้าสักทีนะ…
ก๊อกๆๆ~
ฉันค่อยๆ ลืมตาตื่นเมื่อได้ยินเสียงเคาะประตูก่อนจะเหลือบมองแสงยามเช้าที่ลอดเข้ามาทางม่านหน้าต่าง
ตอนแรกก็จะลุกไปเปิดประตูให้อยู่หรอก แต่คิดว่าเผลอๆ อาจต้องคลานไป
ฉันจึงรวบรวมแรงที่เหลือตะโกนบอกทสึยุจัง
เธอจะได้ไม่เสียเวลาเตรียมตัวไปฝึกงานด้วย
“เข้ามาได้เลย–”
หลังจากตัดสินใจตะโกนบอกไป
ฉันก็ต้องเม้มริมฝีปากแน่นเพราะปวดท้องขึ้นมากะทันหันซะจนน้ำตาเล็ด แต่จะให้ทสึยุจังเข้ามาเห็นฉันสภาพนี้ไม่ได้เด็ดขาด ไม่งั้นต้องไม่มีกะจิตกะใจไปฝึกงานแน่ๆ
“ไหนยัยกบบอกว่าเธอไหวไง”
ฉันถึงกับอ้าปากค้างก่อนจะหันไปมองทางต้นเสียงแล้วร้องลั่นชนิดที่ลืมว่ากำลังปวดท้องอยู่ไปชั่วขณะ
“บาคุโกคุง!!!”
แย่แล้วๆๆ ลืมสนิทเลย!! ฉันบอกทสึยุจังว่าถ้าจะเข้ามาไม่ต้องเคาะประตูนี่นา!!
แล้วห้องฉันล่ะ–!? ห้องฉันรกรึเปล่า!!?
“ทำไมถึง–!!”
เสียงของฉันขาดช่วงลงเมื่อความปวดแผ่ซาบซ่านทั่วท้องน้อยอีกครั้ง “…ทำไมถึงเป็นบาคุโกคุงล่ะ?”
“ยัยกบรีบออกไปตั้งแต่เช้ามืดเลยฝากให้ฉันช่วยดูเธอ”
“เอ๊ะ?...”
แล้วทำไมต้องเป็นเขาล่ะทสึยุจัง… “ฉ..ฉันไม่เป็นไร”
บาคุโกคุงขบฟันพร้อมกับตรงมาหาฉันที่เตียง “นี่น่ะเหรอไม่เป็นไร!? อยากนอนเป็นศพเน่าตายอยู่อย่างนี้รึไงหา!!?”
“ไม่… ฉันหมายถึง…แล้วคนอื่นๆ ล่ะ?”
“ยัยกบ! เดกุ! ไอ้ครึ่งออกไปพร้อมกัน! ตอนนี้ทั้งหอพักเหลือแค่เธอ! ฉัน! กับไอ้หัวองุ่นเฮงซวยนั่น! หรือเธออยากให้มันมาดูแลแทนหา!!?”
ฉันส่ายหัวน้อยๆ “ม..ไม่เป็นไร”
บาคุโกคุงถอนหายใจหลังจากเห็นฉันยอมจำนน เพราะยังไงคงดีกว่าต้องนอนเน่าตายหรือไม่ก็โดนระเบิดตายคาห้องล่ะเนอะ
“เป็นยังไงบ้าง?”
ทั้งๆ ที่ถ้อยคำเมื่อกี้ก็เป็นแค่คำถามธรรมดาทั่วไป แต่น้ำเสียงทุ้มๆ
และไม่กระโชกโฮกฮากเหมือนเคยกลับให้ความรู้สึกอบอุ่นในหัวใจอย่างไม่น่าเชื่อ ฉันเผลอเหม่อมองใบหน้าคมสันของเขาทั้งขอบตาร้อนๆ
เพียงชั่วครู่ พอได้สติกลับคืนจึงหัวเราะกลบเกลื่อน
“ต..ตอนนี้ไม่มีไข้แล้วล่ะ~”
แต่บาคุโกคุงที่เหมือนจับโกหกได้กลับขบฟันแน่นแล้วออกคำสั่ง “ส่งปรอทวัดไข้มา”
“เอ๊ะ...เอ่อ…”
“ส่งปรอทวัดไข้มา!!”
“ด..ได้ๆ” ฉันรีบล้วงปรอทวัดไข้ใต้หมอนให้เขา
“อ้าปาก!” ก่อนจะอ้าปากตามคำสั่งอย่างว่าง่าย
ผ่านไปสักพัก เมื่อปรอทวัดไข้ส่งสัญญาณเขาก็หยิบออกมาดูแล้วแยกเขี้ยวใส่ทำเอาฉันขนลุกซู่ไปหมด
ระหว่างหายป่วยกับหายไปจากโลกนี้อะไรจะเกิดก่อนกันแน่นะ...
“39.2 องศาบ้านเธอเรียกไม่มีไข้เหรอ!!?”
“ขอโทษนะ…”
“แล้วได้กินยาบ้างรึยัง?”
ฉันพยักหน้าช้าๆ
“แต่ยาเก่าหมดไปแล้ว ฉันเลยว่าจะกินยาใหม่ที่ทสึยุจังเอาขึ้นมาให้แทน”
บาคุโกคุงหยิบกระปุกยาบนหัวนอนขึ้นมาอ่านฉลากก่อนจะแว้ดใส่ “ยัยกบจะฆ่าเธอรึไง!?
ยาบ้านี่มันหมดอายุไปตั้งแต่ครึ่งปีก่อนแล้ว!!”
“ง..งั้นเหรอ”
“แล้วนอกจากมีไข้ล่ะ?”
ฉันขบริมฝีปากเบาๆ
ไม่คิดจะบอกตั้งแต่แรกว่ามีอาการปวดท้องร่วมเพราะเป็นไข้ทับระดู “ไม่…ไม่มีแล้วนะ”
“ปวดท้องล่ะ?”
เอ๊ะ…
“ยัยกบบอกฉันว่าเธอเป็นไข้ทับระดู”
ทสึยุจัง!!!
“ลุกไปเข้าห้องน้ำไหวไหม?”
ฉันรีบดึงผ้าห่มขึ้นมาคลุมถึงจมูกพร้อมกับพยักหน้าน้อยๆ แยกไม่ออกแล้วว่าใบหน้าที่แดงขึ้นมากะทันหันเป็นเพราะพิษไข้หรือว่าอายกันแน่
“เดี๋ยวฉันมา ไม่เกินสี่สิบนาที”
พูดจบบาคุโกคุงก็ถือกระปุกยาหมดอายุออกนอกห้องไป ฉันถอนหายใจอย่างโล่งอกแล้วรวบรวมเรี่ยวแรงที่มีค่อยๆ
ลุกขึ้นนั่ง เพราะตอนนี้ไม่ใช่แค่ปวดท้องแถมยังปวดตัวด้วย ถึงอย่างนั้นก็ต้องรีบทำธุระส่วนตัวก่อนที่เขาจะกลับมา
ไม่ไหวก็ต้องไหว
พอได้เปลี่ยนเสื้อผ้าล้างหน้าล้างตาก็รู้สึกสดชื่นกว่าเดิมเยอะ อย่างน้อยตัวก็ไม่ชุ่มเหงื่อแบบเมื่อคืนแล้ว
ฉันเดินกุมท้องกลับไปนั่งบนเตียงหลังออกจากห้องน้ำ กระทั่งเสียงเคาะประตูดังขึ้นอีกครั้งและสิ้นเสียงอนุญาตของฉัน
บาคุโกคุงจึงเปิดประตูเข้ามาพร้อมวางถุงยากับชามข้าวต้มกลิ่นหอมฉุยในมือลงบนโต๊ะเตี้ยก่อนจะกล่าวขึ้น
“กินข้าวก่อนค่อยกินยา”
“อ..อื้ม” ฉันคลานลงไปนั่งบนพื้นช้าๆ พลางมองถุงยาสลับกับข้าวต้ม
นี่เขาจัดการซื้อและทำทุกอย่างภายในสี่สิบนาทีงั้นเหรอ…
บาคุโกคุงนั่งลงตรงข้ามฉันแล้วหยิบของออกจากถุงทีละชิ้น “นี่ยาแก้ปวดลดไข้เอาไว้กินหลังอาหาร ส่วนนี่แคลเซียมช่วยลดปวดท้องได้อีก
แล้วนี่ก็แผ่นเจลลดไข้ให้แปะไว้ตลอด แล้วนั่นก็ข้าวต้มกินซะ
ส่วนมื้ออื่นฉันจะทำให้อีกที”
“บาคุโกคุงทำทั้งหมดนี้ให้ฉันเหรอ?”
“…ใช่”
“ใจดีจัง…” ฉันอมยิ้ม “ขอบคุณมากเลยนะ”
เขาจ้องหน้านิ่งเหมือนฉันพูดอะไรแปลกไปก่อนจะกัดฟันขู่ “ถ้าไม่รีบกินสักที ฉันจะเอาข้าวกรอกปากเธอเดี๋ยวนี้แหละ!”
ฉันยิ้มเหนียมๆ แล้วเริ่มกินข้าวต้มตรงหน้าเรื่อยๆ ปล่อยให้บาคุโกคุงนั่งเท้าคางมองอยู่อย่างนั้นซะแทบทำตัวไม่ถูกด้วยกลัวใบหน้าจะมีสีระเรื่อขึ้นมาอีก
แต่พอฉุกนึกได้ว่าตัวเองกำลังป่วย ดังนั้นหน้าจะแดงคงไม่แปลกอะไร
ฉันจึงคลายกังวลตรงจุดนั้นแล้วเปลี่ยนมาบังคับไม่ให้ภายในอกซ้ายส่งเสียงดังเกินไปแทน
ยิ่งบรรยากาศเงียบๆ แบบนี้ยิ่งส่งเสียงดังไม่ได้ใหญ่…
บาคุโกคุงส่งน้ำกับยาให้แล้วลุกขึ้นเมื่อเห็นฉันกินข้าวเสร็จ
“นั่งไปก่อน เดี๋ยวฉันมา”
“อื้ม”
เขาเดินออกจากห้องโดยไม่ลืมหยิบชามข้าวต้มไปด้วย ทิ้งให้ฉันนั่งว่างๆ หยิบซองยากับขวดแคลเซียมมาอ่านฉลากเล่นซึ่งมันก็เป็นอะไรที่น่าเบื่อสิ้นดี บาคุโกคุงคงรู้ในจุดนี้ล่ะมั้งถึงได้กลับเข้าห้องมาหลังจากหายไปสักพักหนึ่ง
“ไปนอนพักได้แล้ว”
ฉันพยักหน้าพร้อมกับลุกไปนอนบนเตียงช้าๆ เพราะขืนรีบร้อนอาจล้มคะมำได้ จากนั้นบาคุโกคุงจึงย่อตัวลงคุกเข่าข้างเตียงแล้วยื่นกระเป๋าน้ำร้อนให้
“ประคบไว้”
หัวใจของฉันกลับมาเร่งจังหวะอีกครั้งตอนที่บาคุโกคุงกระชับผ้าห่มให้หลังจากรับกระเป๋าน้ำร้อนมาแล้ว
ความรู้สึกลึกๆ ในใจตอนนี้ไม่ใช่ความอึดอัดหรือความประหม่าอย่างที่เคยเป็น แต่กลับถูกทดแทนด้วยความตื้นตันและความอบอุ่น… เพราะนอกจากพ่อ
ก็ไม่เคยมีผู้ชายคนไหนดูแลฉันดีขนาดนี้มาก่อน
เขาดูแลฉันดียิ่งกว่าฉันดูแลตัวเองซะอีก จนบางครั้ง…ก็อดปฏิเสธไม่ได้ว่าฉันอยากมีบาคุโกคุงที่แม้จะแข็งกระด้างไปบ้างแต่ก็เป็นผู้ชายที่อ่อนโยนคนหนึ่งเหมือนกันมาคอยอยู่เคียงข้างฉันอย่างนี้อีก
และดีใจจริงๆ ที่ในตอนนี้ฉันก็มีเขาอยู่…
ฉันอมยิ้มพลางสบนัยน์ตาสีแดงคมๆ คู่นั้นอย่างไม่รู้สึกขวยเขินอะไร ก่อนจะตัดสินใจพูดสิ่งที่เชื่อจากก้นบึ้งหัวใจออกไป
“ถ้าบาคุโกคุงมีแฟนล่ะก็ต้องดูแลเธอคนนั้นดีมากแน่ๆ เลยเนอะ”
สิ้นเสียงถ้อยคำจากฉัน บาคุโกคุงก็ค่อยๆ เบิกตากว้าง แต่กว่าจะรู้ตัวอีกทีว่าเมื่อกี้เผลอพลั้งปากไป ความอายก็เข้าบังตาแล้ว
“ป่วยแล้วเพี้ยนรึไงหา!!?”
“ขอโทษ...ขอโทษนะ!”
ฉันหลับตาปี๋แล้วดึงผ้าห่มขึ้นมาคลุมถึงจมูกก่อนจะพลิกตัวหันหลังให้เขา
ใบหน้าในตอนนี้ร้อนและแดงเกินไป ขืนปล่อยให้เห็นล่ะก็ต้องถูกจับได้แน่นอน
ถึงจะแก้ตัวหรือโทษว่าเป็นความผิดของพิษไข้ยังไงก็ฟังไม่ขึ้นหรอก
“อุรารากะ”
“…หืม?”
“หันหน้ามานี่”
ไม่ได้นะ! ฉันไม่มีทางหันไปทั้งหน้าแบบนี้แน่
“ม..มีอะไรก็พูดเลย”
“หันมาเถอะน่า”
ฉันกะพริบตาปริบๆ ก่อนจะหันไปอย่างกล้าๆ กลัวๆ เพื่อให้บาคุโกคุงเขี่ยผมหน้าม้าออกเล็กน้อยแล้วแปะแผ่นเจลลดไข้เย็นๆ
ไว้บนหน้าผาก... ณ วินาทีนั้น ฉันจึงได้มีโอกาสเห็นใบหน้าของเขาใกล้ๆ อีกครั้งหลังจากไม่ได้เห็นมาระยะหนึ่ง…
บาคุโกคุงยังทำหน้านิ่วคิ้วขมวดเป็นนิสัย ทว่าสิ่งที่ต่างจากเดิมคือสีระเรื่อบนแก้มซึ่งแม้จะไม่ได้เห็นชัดเจนเท่าไหร่
แต่ระยะใกล้ประมาณนี้ก็เพียงพอจะตอกย้ำให้มั่นใจว่าฉันไม่ได้ตาฝาด และยังตอกย้ำให้ยอมรับว่าหัวใจของตัวเองในตอนนี้กำลังเต้นอย่างรุนแรงชนิดที่ไร้วี่แววว่าจะสงบลง…
เป็นเหมือนวันนั้นอีกแล้ว… หัวใจมัน…
“นอนซะ”
ฉันหลุดจากห้วงภวังค์แล้วยกมือแตะแผ่นเจลบนหน้าผากเบาๆ “…ขอบคุณนะ”
เขาไม่พูดอะไรพร้อมกับลุกไปหยิบรีโมทเครื่องปรับอากาศเพื่อปรับองศานิดหน่อย
จากนั้นจึงหันมากล่าวกับฉันก่อนจะออกนอกห้องไปเงียบๆ
“ตอนกลางวันจะมาใหม่”
ตลอดทั้งวันนี้ฉันมีบาคุโกคุงคอยดูแลครบสามเวลาจนรู้สึกดีขึ้นบ้างแล้ว อย่างน้อยก็ไม่ปวดท้องรุนแรงแบบตอนแรกถึงจะยังมีอาการอยู่
แถมอาหารฝีมือเขาก็ยังอร่อยทำเอาฉันแทบจะนับถอยหลังเวลาอาหารแต่ละมื้อเลยด้วยซ้ำ แม้ดูเผินๆ
จะเป็นแค่อาหารคนป่วยก็ตาม
“ขอบคุณสำหรับวันนี้นะ”
ฉันรับกระเป๋าน้ำร้อนจากเขาที่เพิ่งไปเปลี่ยนน้ำให้ใหม่ก่อนจะนั่งลงบนเตียงเมื่อกินยาหลังมื้อเย็นเรียบร้อยแล้ว “บาคุโกคุงต้องไปฝึกงานวันไหนเหรอ?”
“มะรืนนี้”
“อ๋อ”
“เพราะฉะนั้นเธอต้องรีบหายก่อนที่ฉันจะไปเข้าใจไหม?”
ฉันฉีกยิ้ม “อื้ม!”
“นอนได้แล้ว ถ้ามีอะไรก็โทรหา”
“อื้ม!
ฝันดีนะ!”
บทสนทนาของพวกเราจบลงตรงที่บาคุโกคุงพ่นลมออกจมูกเหมือนรำคาญแล้วออกนอกห้องไป
หลังจากนั้นวันต่อมา เขาก็ดูแลฉันดีเหมือนเดิมทุกอย่าง จนกระทั่งฉันกลับมาหายป่วยอย่างที่รับปากไว้จริงๆ
แม้กว่าจะรู้ตัวว่าหายดีก็เป็นวันที่บาคุโกคุงออกไปฝึกงานแล้วก็ตาม
ฉันลุกจากเตียงพลางยืดเส้นยืดสายแล้วเดินไปเปิดม่านรับแสงข้างนอก
คิดว่าพรุ่งนี้ก็ออกไปฝึกงานได้แล้วล่ะ อาจจะเริ่มช้ากว่าเพื่อนหน่อย แต่ก็เชื่อว่าตอนนี้ตัวเองมีประสิทธิภาพพร้อมฝึกงานไม่แพ้ใครแน่นอน!
สายตาฉันไปสะดุดเข้ากับกระดาษโน้ตแผ่นเล็กๆ ที่แปะไว้หน้าประตูตอนที่กำลังออกจากห้องลงไปหาอะไรกิน พอยิ่งได้อ่านข้อความบนนั้น ฉันก็แทบหุบยิ้มไม่ได้เลยตลอดวัน…
ทั้งๆ ที่วันนี้เริ่มฝึกงานวันแรก แต่เขายังอุตส่าห์ทำอาหารไว้ให้
ความใจดีและความอ่อนโยนของบาคุโกคุง… ฉันสัมผัสได้แล้วนะ…
Chit-Chat : อย่างกะch.แห่งการเดบิวต์เป็นไอ้ต้าวคุณแฟนเยย เขียนแล้วอยากจะดึงเจ้าคัตออกจากคอมมากค่ะแง แล้วก็ HNY2021 นะคะ ขอให้ปีนี้เป็นปีที่ใจดีกับรีดเดอร์ทุกคน มีความสุขมากๆ นะคับบ
ความคิดเห็น