คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #9 : การจู่โจมที่คาดไม่ถึง
9. การจู่โจมที่คาดไม่ถึง
“เรื่องที่เรียกทุกคนมาประชุมก็คือพวกปีศาจกำลังเคลื่อนไหวอีกแล้ว”คาร์เอ่ยเสียงเครียดทำให้ผู้นำทุกคนทั้งตกใจและแปลกใจ
“เหอะๆ ท่านคาร์รันล้อเล่นใช่ไหม”เอสสิสหัวหน้าเผ่ามิโนทอร์หัวเราะแห้งๆ ออกมา
“ถ้าล้อเล่นก็ดีสิ”โรคลีนกับอบิสพูดออกมาพร้อมกับทำให้เอสสิสเครียดทันที
“ทางเราคงช่วยไม่ได้มากแต่ถ้าจะให้ช่วยเราจะช่วยเต็มที่”เคนเดียเอ่ยขึ้นทำให้ผู้นำทุกคนหันมามองอย่างแปลกใจว่า
“ใครอ่ะ”ผู้นำทุกคนถามทำเอาฟีมัสแทบจะบ้า
“เคนเดียกษัตริย์แห่งเอดาเฟียที่ครองภาคกลางทั้งหมด”ฟีมัสตอบ
“นั่นใครอ่ะ”การ์รันชี้มายังโครเซ่
“โครเซ่ ผู้นำภาคใต้ครึ่งนึง”ฟีมัสตอบอีกครั้ง
“แล้วอีกสองคนนั้นใครอะ”เอ็กโซ กับโคลอนถามแล้วก็ชี้มายังบลาสกับเฟดีมา
“โว้ยถามจังเลย”ฟีมัสตะโกนอย่างเหลืออดเพราะรำคาญ
“แค่นี้ก็ถามไม่ได้ .”พวกผู้นำเผ่ายักษ์บ่นอุบอิบกันสามคน
“ลุงฟีมัส”โรคลีนเรียกฟีมัสแต่ตรงคำว่าลุงทำให้ฟีมัสชักอารมณ์เสีย
“อย่างเรียกลุงเด้”ฟีมัสบอกอีกครั้งทำให้โรคลีนทำหน้าจ๋อย
“คราบๆ”โรคลีนตอบอย่างไม่เต็มใจนัก
“มีอะไรหรอ”ฟีมัสถามโรคลีนอีกครั้ง
“เอ่อคือว่าให้ เทรซพูดเองดีกว่า”โรคลีนบอกพร้อมกับยกหน้าที่ให้เทรซที่นั่งอยู่ข้างๆ โรคลีนซึ่งทั้งสองหน้าตาเหมือนกันมาก
“อ้อเทรซนี่เอง ไม่เจอกันานเลยนะ”ฟีมัสทักทาย
“ครับลุงฟีมัส”เทรซเอ่ยขึ้นทำให้ฟีมัสควันออกหูเพราะคำว่าลุง
“อย่าเรียกว่าลุง”ฟีมัสบอกอีกครั้ง
“จะคุยอะไรไว้ที่หลังนะ”คาร์รันแทรกขึ้นทำให้คนอื่นๆ ที่คุยกันอยู่เหมือนกันเงียบทันที
“จะให้ดูอะไรอย่างนึง”คาร์รันบอกพร้อมกับกดปุ่มบนโต๊ะจนเกิดภาพสามมิติฉายขึ้น มันเป็นภาพประตูสีแดงมีลายสีทองเป็นลวดลายที่ติดอยู่กับผนังถ้ำแห่งหนึ่ง
“บ้าน่านี่มัน”ทุกคนร้องออกมาพร้อมกันแต่คนที่ไม่รู้จักก็เงียบอยู่เฉยๆ
“ประตูอันติเกต”คาร์รันพูดแทรกกลางประโยค
“เราเจอมันที่ถ้ำที่อยู่ในหุบเขาเลื่อนลอยเมื่อเดือนก่อน”เจอร์รันดีนตอบ
“ชิ หุบเขานั้นมันอยู่ดันไม่เป็นที่อีก แล้วจะไปหาได้ยังไงวะ”การ์รันร้องอย่างหัวเสียเพราะหุบเขาเลื่อนลอยไม่เคยอยู่นิ่งมันคเลื่อนที่ตลอดเวลาเพราะขนาดการ์รันที่มีอายุมาเกือบห้าหมื่นปียังเคยเจอหุบเขาเลื่อนลอยแค่สามครั้ง
“นั่นคือปัญหา”บริสจิสเสริม
“แล้วจะทำยังไงดีละ”บลาสถามบ้าง
“ไม่รู้”ทุกคนตอบพร้อมกัน
“อย่างแรกคงต้องหาผู้นำก่อน”อบิสพูดขึ้น
“จะใช้วิธีไหนละ”เอ็กโซถามขึ้นบ้าง
“นี่นายไม่รู้หรอ”โคลอนถามอย่างไม่อยากจะเชื่อ
“เราจะใช้แบบเมื่อก่อนแหละครับ”เทรซบอกกับทุกคน
“แข่งขันงั้นหรอ”เอสสิสร้องถาม
“แล้วเมื่อก่อนเราใช้วิธีอะไรเลือกผู้นำทัพละ”โรคลีนถามแต่ขณะที่ทุกคนกำลังคิดอยู่นั้นจู่ๆ ก็มีทหารของมัลลาเซีย ทหารเอลฟ์ และทหารของเอดาเฟียวิ่งพรวดพลาดเข้ามาในห้องประชุมวึ่งมันผิดมารยาทมาก
“แย่แล้วครับ”ทหารของมัลลาเซียกับเอดาเฟียร้องขึ้น
“อะไร”โครเซ่ถาม แต่ทั้งก็อึกอักที่จะตอบ
“พื้นที่ภาคใต้ครึ่งนึงของเมืองเบลุส โดนยึดหมดแล้วครับโดยการนำทัพของพวกปีศาจครับ”ทเอลฟ์ที่มาด้วยตอบแทนทำให้ผู้นำทุกคนตะใจอย่างยิ่งโดยเฉพาะพวกมนุษย์
“ห๊า ว่าไงนะ!!!”ผู้นำทุกคนร้องขึ้นและลุกพรวดขึ้นมาจากเก้าอี้กันหมดด้วยความตกใจ
“บ้า บ้าแน่ๆ”เฟดีมาร้องอย่างหัวเสีย
“โครเซ่ เคนเดียพวกนายกลับเมืองไปเลยอ้อเฟดีมาตามเคนเดียไปเลยนะ บลาสนายกีบคูสลินตามโครเซ่ไปด้วย”ฟีมัสร้องสั่งทันทีพร้อมกับวิ่งออกจากห้องประชุมไป
“อ้าวแล้วเรื่องที่ฉันจะพูดละ”เทรซถามโรคลีนอย่างงงๆ
“ปล่อยเขาไปเถอะ”โรคลีนหันมาตอบก่อนที่คาร์รันจะยุติการประชุมวันนี้ไว้ก่อนเพราะจะต้องไปส่งสองผู้นำของมนุษย์กลับไป
“งั้นข้าคงต้องกลับไประดมพลดพื่อทำลายหุบเขาเลื่อยลอยแล้ว ลาละ”การ์รันบอกกับผู้นำทุกคนแล้วก็กางปีกบินออกไป แล้วก็คืนร่างพอมังกรตัวอื่นเห็นการ์รันก็คืนร่างกลับแล้วบินตามไปกันหมด
.
“เนียร์ นี่มันอะไรกัน”ฟีมัสวิ่งเข้ามายังห้องพักทันทีแต่ภาพที่เห็นคือ เนีร์นำสภาพสะบักสะบอมโชกเลือด
“ไม่ไหวมันเยอะมากมากันเป็นล้าน”เนียร์เอ่ยอย่างอยากลำบากเพราะความเจ็บ
“ฮีลซิ่ง”ฟีมัสใช้เวทรักษาทันที่เมื่อหยดน้ำกระทบร่างของเนียร์บาดแผลทั้งหมดก็หายไปทันที
“เนียร์บอกมามในเกิดอะไรขึ้น”ฟีมัสถามอย่างรีบร้อน
“ก็ฉันไปตามที่นายสั่งไง ไปขวางทัพปีศาจ ..มันมากันเป็นล้านๆ เลย”เนียร์ตอบ
“ไอ้บ้าใครให้ไปลุยตรงๆ ละ”ฟีมัสต่อว่าทันที
“รู้ไหมใครนำทัพมา”เนียร์ถามฟีมัสซึ่งฟีมัสก็สั่นหัวดิกๆ
“ลอร์ดโอเวน”เนียร์พูดจบฟีมัสก็แทบล้มทั้งยืนทันที
“อืมแบบนี้แย่แน่”ฟีมัสพูดจบก็ใช้เวทเคลื่อนย้ายหายไป
“ทำไมกัน การล้างแค้นของพวกมันต้องมาลงที่มนุษย์ด้วย”เนียร์พูดลอยๆ ขึ้นพลางนึกถึงการต่อสู้ที่เขาสู้เมื่อครู่
และในที่สุดมนุษย์ก็ออกเดินทางกันไปบางส่วน และก็มีการประชุมต่อโดยที่ฟีมัสพา พวกสี่องค์รักษ์วีเดลเข้าไปประชุมแทนและในที่สุดทั้งหมดก็มีมติว่าให้แข่งขันเลือกผู้นำ หลังจากที่มีการเตรียมตัวแข่งขันนั้นข่าวร้ายที่น่าสะพรึงก็มาถึงด้วยข่าวที่ว่า ‘ภาคกลางครึ่งหนึ่งที่ปกครองโดยเอดาเฟียโดนบุกยึดไว้หมดแล้ว’ และทางภาคเหนือไม่ต้องพูดโดนยึดไปเกือบหมดล้วเหลือพื้นที่แค่สิบเปอร์เซ็นต์เท่านั้นทาง แต่ข่าวหนักกว่านั้นได้มาถึงในวันรุ่งขึ้นด้วยการมีหุบเขาเลื่อนลอยปรากฏตรงหน้าหุบเขาเกลียวคลื่นพร้อมกับกองทัพปีศาจนับแสนมาล้อมเอาไว้จนพวกผู้นำประสาทเสียตามๆ กัน
..
และแล้วในที่สุดพวกปีศาจก็บุกเข้ามาทำให้ทั้งหมดต้องเริ่มปะทะกันเนื่องจากพื้นที่ส่วนใหญ่เป็นป่าหกเผ่าใหญ่จึงได้เปรียบเพราะการดัซุ่มโดยเฉพาะพวกเอลฟ์ และทุกคนก็ให้ฟีมัสเป็นคนบัญชาการรบครั้งนี้(เพราะเชื่อมือ)
“ต้านเอาไว้อย่าให้มันเข้าหุบเขามาได้”เสียงของพวกแทมเมอร์หลายคนดังขึ้นบังคับให้พวกสัตว์อสูรพุ่งเข้าไปจัดการปีศาจ
“คืนร่างจัดการมัน”สามหัวหน้าเผ่ายักษ์ร้องสั่งพร้อมกับยักษ์นับพันคืนร่างจนตัวใหญ่บุกเขาไปตรงตามที่ฟีมัสบอก
ด้วยกำลังและขนาดที่พวกยักษ์มีทำให้เกิดการปะทะกันอย่างรุนแรงในที่สุดพวกยักษ์ก็เริ่มทำตามแผนการ โดยรบจนเกือบตกเข้าวง้ลอมแล้วก็หนีออกมาให้พวกมันแบ่งกำลังตามมาจำนวนหนึ่งพวกถึงจุดนัดพวกตระกูลวีเดลก็พุ่งออกมาสาดกระสุนที่ไม่ใช่กระสุนธรรมดาทั้งกระสุนพิษกระสุนติดหัวระเบิดยิงใส่พวกมันจนพวกมันจะหนีหรือบุกไม่ได้เพราะติดพวกยักษ์ความเอาไว้ กว่าจะรู้ตัวพวกมันจากที่ตามาร่วมหมื่นเหลือไม่ถึงร้อยแล้ว
ปังๆๆ ..
ในที่สุดเสียงกระสุนก็เงียบลงพร้อมกับซากปีศาจเกือบหมื่นนอนตายเกลื่อนต่างจากพวกยักษ์และมนุษย์ที่ตายไม่ถึงร้อยคนแต่ข่าวร้ายก็มาอีกครั้งด้วยแทมเมอร์ไม่อาจต้านปีศาจไว้ได้จนพวกมันทะลวงเข้ามาในป่าแต่ก็ต้องติดกับเพราะฟีมัสสั่งคาร์รันเตรียมพลแม่นปืนและเอลฟ์ที่ใช้เวทเป็นสุ่มตัวอยู่ในป่าพอตัวไหนวิ่งเข้ามาก็โดนยิงตายเป็นใบไม้ร่วงแต่สำหรับที่รอดเข้าไปได้ก็โดนมิโนทอร์ทั้งหลายซัดค้อนยักษ์ใส่จนเละตัวขาดสองท่อนกันเต็มไปหมด
แต่พวกปีศาจก็ไม่ได้โง่พวกมันรู้ถึงการวางแผนที่ดีแต่มันก็ได้เปรียบที่จำนวนจึงแอบนำกองกำลังไปตีด้านตะวันตกแต่ฟีมัสก็รู้ทันเพราะมันเป็นแผนพื้นๆ จึงสั่งให้โรคลีนไปกันด้านตะวันออกไว้ส่วน เทรซให้ไปกันด้านตะวันตก
“แน่ใจนะว่าแผนนี้จะใช้ได้”ปีศาจหลายตัวถามกันแต่ก็ยังไม่ทันจะได้คำตอบกองทัพออคก็กระหน่ำมาใส่พวกมันจนรับมือแทบไม่ทัน แต่ออคก็ไม่ต่างจากมนุษย์นักถึงจะมีกำลังมากกว่าและแถมพวกออคจะใช้ดาบกับขวานจนเกิดการสูญเสียอย่างหนักขึ้นจนตอนหลังเนียร์จึงพุ่งไปช่วยเองและด้วยเวทและความสามารถของเขาจัดการพวกปีศาจจนได้
แต่ก็ไม่ใช่ข่าวดีเสมอไปพวกมันลวงให้ออคมาติดกับอยู่แต่แรกแล้วตั้งแต่สู้แล้วถอยทัพใหญ่ของพวกมันจึงมาจริงๆ ทัพใหญ่ที่นำโดยลอร์ดโอเวน ตอนนี้จึงรู้ทันทีว่ากองทัพหลายแสนที่มาล้อมก่อนนั้นแค่ทัพหลอก ตอนนี้กองทัพหลายสิบล้านตัวได้เคลื่อนพลมาถึงแล้ว
พวกมันพุ่งทะลวงจนออคล้มตายกับมหาศาลเนียร์ก็ไม่อาจต้านเอาไว้ได้จึงต้องถอยออกมาและในที่สุดป่าตะวันตกก็ตกเป็นของพวกมันแต่พอโรคลีนรู้ว่าทางเทรซเป็นยังไงก็รีบยกทัพมาช่วยแต่ก็โดนอัดตายจนถอยมาไม่เป็นท่าแต่อย่างน้อยก็ช่วยเทรซไว้ได้แต่พอกลับมายังป่าตะวันออกก็โดนยึดไว้หมดแล้วตอนนี้พวกออคจากมีถึงแปดพันตนตอนนี้เหลือไม่ถึงสองพันแล้ว
ส่วนทางยักษ์พอรู้ข่าวก็มาช่วยออคแต่โดนล้อมเอาไว้จึงต้องฝ่ากันออกไปและแล้วพวกตระกูลวีเดลก็ไม่อาจช่วยไเต่อไปเพราะกระสุนหมดจึงลอบหนีไปแต่ก็ยังโดนไล่ตามจึงต้องหนีมาทางป่าด้านหน้าพวกมันจึงถูกยิงตายจนหมด
แต่ก็ใช่ว่าจะไปช่วยได้ในทันทีพวกปีศาจก็บุกเข้ามาจนต้านกันไว้ไม่ไหวจึงต้องถอยทัพอย่างจำใจ พวกเอลฟ์โดนตีกระหน่ำจนโดนไล่มาถึงในเมืองทั้งกระสุนและพลังเวทก็หมดนทำอะไรไม่ได้เลยต้องหนีลูกเดียวจนสุดท้ายก็หนีเขามาในเมืองแต่ก็ต้องหนีออกมาอีกว่าเมืองถูกยึดเอาไว้แล้ว แต่เมืองที่ถูกแบ่งออกเป็นสี่ส่วนทำให้ยังรักษาส่วนอื่นไว้ได้มีเพียงส่วนหน้าเท่านั้นที่ถูกยึดไปและพวกปีศาจก็ใช้อาวุธประเภทปืนลำแสงไม่ได้อยู่แล้ว เพราะตามกำแพงเมืองมีปืนลำแสงฟีมัสจึงสั่งให้ทุกคนยิงปืนลำแสงใส่เมืองส่วนหน้าจนวอดวายทันทีและก็ยึดเมืองด้านหน้าคืนแต่สภาพเมืองตอนนี้จำแทบไม่ได้แล้ว
หลังจากปักหลักในเมืองมาได้สามวันกระสุนปืนและพลังงานปืนลำแสงก็หมดลงราวกับเป็นสัญญาณว่าจะแพ้ ทั้งกระสุนยาพิษ กระสุนหัวระเบิด กระสุนกรดก็ถูกใช้หมดอย่างรวดเร็ว แต่ความหวังก็กลับมาอีกครั้ง
“อะไรนะกระสุนเวทงั้นหรอ”คาร์ดิสที่ฟีมัสให้เป็นหัวหน้าหน่วยพลปืนร้องถามพวกเอลฟ์ที่ยกลังกระสุนหลายร้อยลังมาให้
“ใส่เราบรรจุเวทเอาไว้อานุภาพก็ประมาณกระสุนหัวระเบิดแหละ”เอลฟ์คนนั้นบอกทันที“ส่วนนั่นก็กระสุนบรรจุมหาเวท”เขาชี้ไปยังสีแปลกตาที่มีอยู่สองสามลังที่วางไว้
“มหาเวทหรอ”คาร์ดิสพึมพำเบาๆ ก่อนจะหยิบกระสุนที่เรืองแสงเป็นสีแดงมาดู
“เอ่อนั่นมัน มหาเวทดาวตกไฟเยอร์ เมทีโอ”เขาตอบอีกครั้งเพราะเห็นคาร์ดิสกำลังเล็ง“เล็งไกลๆ หน่อยนะ”
ปัง
เสียงปืนดังขึ้นทันทีเมื่อกระสุนพุ่งถึงร่างปีศาจตัวหนึ่งมันก็กระตุกอย่างแรงตอนแรกคาร์ดิสนึกว่าจะใช้ไม่ได้แล้ว
ตูมๆๆๆ
ทันใดนั้นก็มีดาวตกนับร้อยแทนที่จะตกจากฟ้าแต่พุ่งออกมาจากร่างของมันระเบิดร่างของมันจนแหลกและอุกาบาตที่พุ่งมั่วทิศมั่วทางได้ระเบิดพวกตัวอื่นจนตายไปเยอะแต่ก็จัดการกองทัพหลายล้านได้ไม่หมด
“เหอะๆ เจ๋งดีนี่แล้วอันนี้ล่ะ”คาร์ดิสเห็นพลังทำลายของมหาเวทแล้วก็อดเสียวไม่ได้ แต่ก็ยังยกกระสุนที่เรืองแสงสีเทาๆ ขึ้นมาถาม
“อ้อ อันนั้นมหาเวทแรงดันอากาศ ลอร์ด โคเมต ติ่ง”เอลฟ์ที่ยกลังมาตอบอีกรอบ
ปัง
ตูมมมมม
เมื่อกระสุนถึงร่างก็เกิดระเบิดอย่างแรกเป็นวงกว้างเกือบกิโล พอระเบิดสงบลงทุกสิ่งทุกอย่างที่อยู่ในระยะแรงระเบิดและที่อยู่ใกล่เคียงก็ถูกดูดอัดไปส่วนกลางจนหมด พอระเงียบลงทุกคนก็แทบจะอาเจียนทันทีซากปีศาจนับพันถูกบีบอัดไว้ที่จุดเดียวจนเหลือแต่เศษเนื้อแหลกเหลวเลือดไหลเป็นธารเลือดทันที และบางคนพอเห็นก็ถึงกับอาเจียนหรือเป็นลมเลยทีเดียวเพราะความสยดสยอง
“แบบนี้ก็ต่อได้อีกยก”คาร์ดิสใช้กระสุนเวทพื้นๆ ยิงเป็นคนแรกทันทีพอคนอื่นเห็นก็ยิงตามทันที
ตูมๆๆๆๆ เปรี้ยงๆๆๆๆ
การกระหน่ำกระสุนได้ยิงมาอีกครั้งงานนี้ไม่ใช่กระสุนธรมมดาอีกแล้วแต่เป็นกระสุนบรรจุเวท เมื่อถึวเป้าหมายก็เกิดวงเวทตลอดเวลาส่วนใหญ่มักจะเป็นเวทสายฟ้าและเวทไฟ เนื่องจากเวทสายฟ้าทำให้ท้องฟ้าแปรปวนตลอด แถมคาร์ดิสก็ยังใช้กระสุนมหาเวทเป็นตัวแปร(มีสิทธิใช้ได้คนเดียว ..ขี้โกงนี่หว่า)เนื่องจากพลังทำลายของมันทำให้จัดการได้ง่ายๆ บางครั้งก็ใช้กระสุนเรืองแสงสีเขียวที่มันเป็นกระสุนมหาเวท กรีนฟอร์เรสเอเวอร์เม้นท์ เป็นมหาเวทสายไม้ใช้เพื่อล็อกเป้าหมาและดูพลังชีวิตเพื่อการเติบโต ทำให้เกิดป่าขนาดใหญ่ขึ้นแทรกต้นไม่ที่มีอยู่และส่วนที่โล่งจนพวกปีศาจต้องทำลายต้นไม่และบุกเข้ามาไม่หยุดแต่ก็ไม่สามารถบุกเข้ามาได้เพราะสิ่งเดียวที่มันไม่มี
สิ่งที่มันไม่มีนั่นคือความสามารถในการใช้อาวุธทันสมัยถึงจะมีกำลังมากแต่เนื่องจากใช้ไม่เป็นทำให้ลดกำลังไปเยอะ แต่พวกมันดูท่าจะรู้จุดอ่อนนี้จึงไปลากเอาอาวุธที่เบลุสมีและเรียนรู้จนใช้ได้คราวนี้ก็ปวดประสาทพงกมันเริ่มใช้ปืนกันแล้ว แต่อาวุธหนักๆ ก็ยังใช้ไม่ได้ แต่ก็ใช่ว่าจะใช้ไม่ได้เสมอไป เพราะตอนนี้มันได้ใช้อาวุธหนักแล้วหลังจากใช้อาวุธรรมดามาได้สองสามวัน
ตูมมมม
“เฮ้ยถอยเร็ว”คาร์ดิสร้องสั่งให้เข้าเมืองปีกซ้ายขวาทันทีเพราะกำแพงเมืองถูกปืนใหญ่สปาคกิ้งของเบลุสยิงกระหน่ำจนถล่มซึ่งปืนใหญ่นี้เป็นปืนคล้ายๆ กับปืนลำแสงเพียงแต่ไม่ยิงเลเซอร์ออกมามันกลับยิงกระแสไฟฟ้าแรงสุงออกมาเพราะถึงยิงกำแพงเมืองไม่ถล่มก็จริงแต่พลังงานไฟฟ้าได้แผ่รัสมีเป็นวงกว้างช็อตคนที่อยู่บนกำแพงตายกันเต็มไปหมด และแถมด้วยกำแพงเมืองถล่มลงมาจึงไม่พ้นคำสั่งที่ว่าหนี
“อะไรกัน”ทหารหลายคนร้องอย่างแปลกใจเมื่อเห็นลำแสงสีทองหลายสิบเส้นพุ่งผ่านหัวลงไปยังเครื่องสปาคกิ้ง
ตูมมมม
ปืนใหญ่สปาคกิ้งระเบิดทันทีทำให้ทุกคนใจชื้นขึ้นมาทันทีเพราะรู้ว่าปืนลำแสงเลเซอร์พลังงานเต็มแล้วคราวนี้ทั้งหมดจึงถอยกลับเมืองอย่างปลอดภัยมีเพียงคนที่ตายอยู่กำแพงเมืองเท่านั้นที่ไม่ได้กลับมาเมืองอีกแล้ว
คราวนี้พวกปีศาจก็ไม่บุกเข้ามาในเมืองด้านหน้าเหมือนคราวก่อนเพราะกลัวจะถูกปืนลำแสงยิงจนต้องใช้วิธีโจมตีอยู่ห่าง ความจริงพวกปีศาจก็ไม่ต่างกับคนนักเพราะน้อยตัวนักที่ใช้เวทมนต์ได้พวกมันจึงต้องฝึกอย่างอื่นเช่นวิธีใช้อาวุธแทน ตอนนี้พวกมันมีปืนใช้กันแล้วยิ่งสนุกใหญ่เพราะตอนนี้บุกเมืองไหนก็ยึดได้สบาย
ถึงพวกมันไม่บุกแต่ก็ไม่ใช่จะหยุดพักพวกมันยิงจรวดลงมากลางเมืองทันที จนต้องจับตำแหน่งยิงลำแสงใส่จรวดมิตไซน์หรือไม่ก็ยิงมิตไซน์กลับไปยังเครื่องยิงของพวกมันและทั้งสองฝ่ายก็รบกันแบบนี้มาเกือบทั้งวันในที่สุดพวกปีศาจก็หยุดกันไป และเวลานี้เป็นเวลาพักสำหรับทหารส่วนใหญ่ แต่สำหรับพวกหน่วยผลิตและหน่วยเสบียงก็ต้องผลิตอาหารและกระสุนกันตลอดเวลา
“คิดว่าแปลกไหมจู่ๆ มันก็พัก”เดลโลออนถามฟีมัสที่นั่งดูเหตุการณ์อยู่ในสภาพนั่งอยู่บนรถเข็นเพราะเขาถูกสปาคกิ้งช็อตที่ขาจนเดินไม่ได้ระยัหนึ่ง
“ไม่หรอกคิดแล้วละว่าต้องพักแต่มันพักช้าไปหน่อย แถมใช้สปาคกิ้งกับมิตไซน์นี่เกินคาดเลย”ฟีมัสตอบขณะนั่งดูแผนที่
“งั้นหรอ”เดลโลออนพูดจบก็เดินออกจากเต็นท์ทีพักนอกปราสาททันที
“เดียวเดลโลออน”ฟีมัสทำท่าเหมือนนึกอะไรขึ้นมาได้
“พวกตระกูลนายเหลือกันกี่คนนะ”ฟีมัสถาม
“ห้าสิบกว่าคนได้มั้ง”เดลโลออนตอบ
“เรียกทุกคนมาให้หมดเลย อ้อบาร์คิไม่ต้องนะ”ฟีมัสสั่งเสร็จเดลโลออนก็เดินออกไป
“แบบนี้คงต้องลอบโจมตีซะแล้ว”ฟีมัสถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่ายอยู่คนเดียวก่อนที่จะพยายามลุกจากรถเข็นอย่างยากลำบาก
โครมมมมม
.
“ยังบุกไม่ได้อีกเรอะ”เสียงๆ หนึ่งดังขึ้นมาท่ามกลางกองทัพปีศาจ
“เอ่อท่านโอเวนครับพวกมันใช้อาวุธโจมตีมันตลอดเวลาเลยครับ”ปีศาจตนหนึ่งรายงาน
“แล้วพวกที่เรายึดมาละใช้ๆ ไปสิ”ปีศาจโอเวนเป็นปีศาจที่ดูเผินๆ เหมือนคนธรรมดาที่หย้าตาดีทีเดียวถ้าไม่ติดปีกที่อยู่ตรงหลัง
“เอ่อ .”พวกทหารเกี่ยงกันตอบ
“ตอบมา!!!”โอเวนตะคอกทันที
“เอ่อ ปืนใหญ่สปาคกิ้งโดนยิงพังไปหมดแล้วครับ ส่วนไซน์ก็หมดไปแล้ว”ในที่สุดก็มีคนกล้าพูด
“โว้ยย แล้วจะบุกยังไงละ ..อ่า เวทไงทำไมไม่ใช้เวทบุกวะ”โอเวนร้องถามอีกรอบ
“พวกมันกางสนามพลังต้านเวทไว้ตลอดเลยครับ”ทหารคนเดิมตอบ
“อ้อกางสนามพลัง แล้วทำไมมันใช้เวทได้เล่า”โอเวนชักจะหีวเสียเพราะวันนี้เห็นเวทมนต์จากฝ่ายเอลฟ์ตลอดเวลาโดยไม่รู้ว่านั่นมาจากกระสุน
“ยังบ้าๆ บอเหมือนเดิมเลยนะโอเวน”จู่ๆ ก็มีชายอีกคนเดินฝ่ากองทัพปีศาจมาโดยไม่มีใครกล้าเข้าใกล้เลย
“อ๊ะ มอล”โอเวนแปลกใจอย่างยิ่งที่เห็นชายตรงหน้า ผมสีเงินบนหัวถูกหวีเรียบเผยให้เห็นดวงตาสีเงินที่อยู่หน้า
“เข้าเรื่องเลยนะ แกอย่าจะอัดพวกเอลฟ์ใช่ไหม”มอลถามโอเวนซึ่งก็พยักหน้า
“ฉันช่วยละกัน อ่า แต่ขอโลกมุษย์ใการปกครองน่ะ ฮ่าๆๆๆๆ”มอลหัวเรอะอย่างบ้าคลั่งพร้อมกับยื่นข้อเสนอ
“ตกลง”โอเวนตอบกลับแล้วก็ยื่นมือให้มอลซึ่งมอลก็ยิ้มรับ
“ดี งั้นก็เอากองทัพส่วนตัวของฉันไปเลย”มอลตอบพร้อมกับพาโอเวนออกไปดูกองทัพจักรกลนับล้านที่ยืนเป็นระเบียบ
.
“คาร์รันถามอย่างสิ”ฟีมัสเอ่ยขึ้นขณะที่คาร์รันกำลังช่วยฟีมัสให้กลับมานั่งอยู่บนรถเข็นเหมือนเดิมเพราะเมื่อกี้เขาหน้าทิ่มตกรถเข็น
“อะไรหรอ”คาร์รันหันมามองด้วยสายตาแปลกๆ
“นายไม่มีกองทัพหุ่นยนต์เลยหรอ เอลฟ์ออกจะทันสมัยกว่ามนุษย์”ฟีมัสถามคาร์รันและดูเหมือนเขาจะทำหน้าตกใจเล็กน้อย
“เป็นบ้าอะไรละ แล้วแกมีหุ่นยนต์ไหม”
“มี”
“ไอ้บ้า แล้วไม่บอก”ฟีมัสตะโกนใส่หน้าคาร์รันทันที
“ลืมอ่ะ”คาร์รันบอกพร้อมกับหัวเราะแห้งๆ แก้เขิน
ความคิดเห็น